ล็อกซเล่ย์ จุดกระแสยานยนต์ไฟฟ้า ผนึก BYD ประเทศจีน เผยโฉมยานยนต์ไฟฟ้าพร้อมกัน 2 รุ่น คือ รถโดยสารไฟฟ้า รุ่น K9 และรถยนต์นั่งไฟฟ้า รุ่น E6
เจาะกลุ่มเป้าหมาย องค์กรภาครัฐ และเอกชน อนาคตเล็งตั้งฐานการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าแห่งแรกในไทย
ดร.โกศล สุรโกมล ที่ปรึกษา บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ล็อกซเล่ย์ เป็นผู้นำด้านธุรกิจการค้าและเทคโนโลยีของประเทศไทย
ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 76 ปี ด้วยตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสภาวะโลกร้อน บริษัทฯ จึงได้ให้ความสำคัญด้านพลังงานทดแทนมาอย่างต่อเนื่อง
จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสตรี้ จำกัด เปิดตัวรถโดยสาร และรถยนต์นั่งไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
โดยนำเข้ามาประเดิมตลาดก่อน 2 รุ่น ได้แก่ รถโดยสารไฟฟ้า รุ่น K9 และรถยนต์นั่งไฟฟ้า รุ่น E6
บริษัทฯ ได้ศึกษาเรื่องการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามาระยะหนึ่งแล้ว จนมั่นใจว่าตลาดในประเทศไทยพร้อมแล้วสำหรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจึงเลือกรถโดยสารและรถยนต์นั่งไฟฟ้า
ของ BYD เข้ามาบุกตลาดเป็น 2 รุ่นแรก เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพ สมรรถนะและความปลอดภัยสูง จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ
มีค่าซ่อมบำรุงรักษาต่ำกว่าที่สำคัญแบตเตอรี่รถยนต์ หลังจากครบอายุการใช้งาน ไม่น้อยกว่า 15 ปี สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้ ดร.โกศล กล่าว
รถโดยสารไฟฟ้า BYD รุ่น K9
สำหรับสเปกรถโดยสารไฟฟ้า รุ่น K9
ตัวถังรถทำจากอลูมิเนียมอัลลอยด์ด้วยขนาดความยาวถึง 12 เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับขนาด 180 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 250 แรงม้า
ใช้แบตเตอรี่ชนิด Lithium Fe มีความจุขนาด 324 กิโลวัตต์ชั่วโมง ใช้เวลาในการประจุไฟฟ้าประมาณ 5 ชั่วโมง
สามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 250 กิโลเมตรต่อการประจุไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง
ทำให้มีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยราว 1.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อกิโลเมตร หรือประมาณ 4 บาทต่อกิโลเมตร และให้ความเร็วสูงสุดที่ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถยนต์นั่งไฟฟ้า BYD รุ่น E6
สำหรับสเปกรถยนต์นั่งไฟฟ้า รุ่น E6
มีขนาด 5 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับขนาด 90 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 121 แรงม้า ใช้แบตเตอรี่ชนิด Lithium Fe ที่ความจุ 61.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ใช้เวลาในการประจุไฟฟ้าประมาณ 2 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 300 กิโลเมตรต่อการประจุไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง
ทำให้มีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.13 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อกิโลเมตร หรือประมาณ 0.5 บาทต่อกิโลเมตร และให้ความเร็วสูงสุดที่ 140 ก.ม/ชั่วโมง
สำหรับประวัติ บ. BYD จากจีนนั้น
เคยเปิดตัวรถเครื่องยนต์ไฮบริด เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จ ให้กำลัง 205 แรงม้าและทำแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร
มันยังมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว โดยให้กำลังตัวละ 150 แรงม้า และทำแรงบิดสูงสุดที่ 200 นิวตันเมตร
โดยเมื่อใช้กำลังรวมกัน BYD กล่าวว่ามันจะให้กำลังสูงสุด 505 แรงม้า และปั่นฝีเท้าจัดจ้านถึง 720 นิวตันเมตร
ทั้งหมดส่งลงชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โดยสามารถเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ใน 4.9 วินาที แต่กระนั้นมันยังเป็นรถยนต์ชั้นนำยอดประหยัด ซึ่ง
BYD เผยว่า สามารถทำอัตราประหยัดต่ำกว่า 2 ลิตร/100 กิโลเมตร
อีกรุ่นคือ BYD Qin ไฮบริดเสียบปลั้ก ประหยัด 1.6 ลิตร/100 ก.ม.
ภายใต้แนวคิดเครื่องยนต์ไฮบริดที่มาพร้อมต้นกำลัง 1.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียงพร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 154 แรงม้า
ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว รวมพละกำลังแล้วให้กำลัง 295 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 479 นิวตันเมตร
ทั้งยังสามารถเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ในเวลาไม่ถึง 5.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดกว่า 185 ก.ม./ช.ม.