ผู้เขียน หัวข้อ: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง  (อ่าน 9186 ครั้ง)

ออฟไลน์ vasin

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 112
สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« เมื่อ: เมษายน 23, 2015, 15:34:46 »
สืบเนื่องมาจากกระทู้ด้านล่าง

ผมได้อ่านความเห็นของสมาชิกบางท่านเรื่องคุณภาพที่ได้รับจากลำโพงยี่ห้อหนึ่งว่าเสียงเป็นอย่างไรบ้าง?

ซึ่งสมาชิกบางท่านก็บอกว่าเหมือนเดิม

ผมเลยสงสัย และ อยากถามสมาชิกที่เป็นเจ้าของรถรุ่นนั้นอยู่ว่าลำโพงที่ติดรถมานั้น คุณภาพเสียงมันเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือ?

เพราะผมเองก็ไม่ทราบว่าท่านที่แบ่งปันประสบการณ์นั้นเป็นเจ้าของรถ หรือว่า แค่ได้ลองตอน test drive ซึ่งก็เป็นไปได้หรือเปล่าวว่าลำโพงมันยังไม่ได้ burn เต็มที่ ?

ตัวผมเองก็ได้มีโอกาสขับรถรุ่นเดียวกันของน้องชาย เป็นตัว cd

ซึ่งพบว่าถ้าปรับดีๆ ก็พบว่าเสียงมันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่

จากที่ผ่านๆ มา ย้อนกลับไปสมัยสิบกว่าปีก่อนโน้น ผมเคยนั่งรถที่ผ่านการทำเครื่องเสียงชุดระดับเป็นแสน

เจ้าของรถเล่าให้ฟังว่าตอนที่ฟังในห้องลองนั้น เสียงดีมาก แต่พอใส่ในรถจริงแล้ว กลับได้เสียงที่เป็นคนละเรื่อง

ร้านเครื่องเสียงก็ได้บอกกับเจ้าของรถว่าให้ burn ลำโพงก่อนสักเดือนนึง เสียงจะดีขึ้น

ซึ่งผ่านไปไม่กี่เดือน ลองไปฟังใหม่ เสียงก็ดีขึ้นจริงๆ

คำถามผมคือ
- จะเป็นไปได้ไหมครับว่าลำโพง และ สายสัญญาณ ยังไม่เข้าที่เข้าทาง?
- ถ้าเป็นที่การ burn ลำโพงจริงๆ มันก็จะมีคำถามต่อว่า อ้าวแล้วทำไมรถบางคันเครื่องเสียงถึงให้เสียงที่ดีมาจากโรงงานเลย?

รบกวนสมาชิกที่เป็นเซียนเครื่องเสียงช่วยแนะนำด้วยครับ

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 23, 2015, 15:59:13 »
การ burn ลำโพงจนถึงจุดที่ลำโพงทำงานได้ดีที่สุดนั้นช่วยให้ลำโพงเสียงดีขึ้นครับ แต่มันดีขึ้นเพียงนิดเดียวเท่านั้นนะ ไม่ใช่ว่าจะถึงขั้นเป็นลำโพงคนละชิ้นไปเลย  :P การปรับให้เสียงดีขึ้นนั้นทำที่ equalizer เห็นผมชัดเจนกว่ามาก อากได้เสียงแหลม เสียงเบส เสียงทึบยังไงเห็นผลชัดเจนทันตากว่า  ;D ที่ลองฟังกับของน้องแล้วเสียงดีเพราะว่าแหล่งข้อมูลที่เปิดจาก CD มีความชัดเจนกว่าวิทยุหรือ MP3 ครับ ถ้า MP3 จะให้เสียงดีเท่า CD ก็ต้องทำการ rip ออกมาให้มีความละเอียดสูง แต่ถ้าทำความละเอียดออกมาสูงไฟล์ก็จะใหญ่ ส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยมีไฟล์ MP3 ใหญ่ๆกัน  :P

ที่เคยฟังในห้องทดลองแล้วมาลองฟังบนรถนั้นเป็นเพราะสภาพแวดล้อมต่างกันไงครับ แม้จะเป็นฟร้อนท์ แอมป์ สายลำโพง และชุดลำโพงเดียวกันเด๊ะแต่ในห้องฟังอุปกรณ์เหล่านั้นมีการติดตั้งในตู้หรือผนังที่เป็นวัสดุคนละอย่างกับการติดตั้งในประตูรถ การสะท้อนกำทอนคลื่นเสียงก็ต่างกันไปมากแล้ว ยังมีเรื่องของตำแหน่งคนฟังอีก คุณยืนฟังข้างหน้าชุดตัวอย่างได้ตำแหน่งตรงกลางพอดีแต่ฟังในรถเบาะในรถไม่ได้อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางสัดส่วนทองคำเด๊ะๆ  :P ถ้าแล่นไปฟังไปยิ่งแล้วใหญ่ๆเลยเพราะห้องฟังจะเงียบเสียงรบกวนน้อยแต่บนรถที่การเก็บเสียงไม่ดีเท่าห้องลองและเสียงสภาพแวดล้อมอื่นๆที่รบกวนอีก ถ้าไม่ใช่รถยุโรปหรือในเล็กซัสนี่มีเสียงรบกวนมากมายเลย   :-X
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,475
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 23, 2015, 17:15:43 »
ตามข้างบนครับ  ผลมีไม่เยอะ  การจัดวางตำแหน่งมีผลเยอะกว่า  และแต่ละพื้นที่ก็ให้เสียงแตกต่างกัน  จึงต้องมีการปรับเพื่อให้เหมาะสมกับสถานที่(รถ)ด้วย...

นักฟังเพลงรุ่นใหม่เขาฟังเพลงสไตล์  แดนซ์  ดัง  ไม่เน้นมิติ  ความนุ่มหวาน ฯลฯ เหมือนเมื่อก่อน  ผมฟังไม่ได้แฮะ....เวลาวิ่งผ่านมาใกล่ ๆ นี่  ดังมาก.....

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 23, 2015, 17:31:35 »
การเบิร์นอิน จะเห็นผลกับเครื่องเสียงยุโรปหรืออเมริกาครับ ของญี่ปุ่นจะไม่ค่อยเห็นผลมากนัก ส่วนการปรับอีควอไลเซอร์ หลักการจริงๆแล้วจะต้องปรับให้ทุกเสียงเสมอกันเพื่อความสมจริงในการฟังเพลง แต่เราก็ปรับเป็นรูปปีกนกเริงร่ากันเสียส่วนใหญ่ ในอดีตกาล เครื่องเสียงบ้านยังมีอีควอไลเซอร์อยู่ ก็ปรับซะเป็นปีกนกเริงร่าจนลำโพงบึ้มไปก็มาก บึ้มจนมีตัวแทนเจ้าหนึ่งประกาศว่า "ถ้าติดอีควอไลเซอร์ประกันจะขาดทันที" แล้วอีควอไลเซอร์ก็ค่อยๆเฟดตัวจากเครื่องเสียงแยกชิ้นจนไปอยู่กับเครื่องเสียงมินิคอมโปกับเครื่องเสียงรถ

ส่วนการวางเครื่งอเสียง ตำแหน่งมีผลต่อคุณภาพเสียงครับ สมัยที่ผมใช้ลำโพงบ้านแบบมีท่อเบสออกไปข้างหลังนี่การวางชิดผนังมีผลต่อเสียงมาก ส่วนเครื่องเสียงรถ จะจัดห้องลองฟังยังไงก็ไม่เหมือนกับในรถแน่ครับ ก็ขึ้นกับความสามารถของคนติด

ที่สำคัญที่สุดของการติดเครื่องเสียงคือ จะต้องยึดหลัก "ฟรอนท์สเตจ เรียร์ฟิลด์" คือ ลำโพงคู่หน้าจะออกเสียงส่วนใหญ่ ลำโพงคู่หลังจะเป็นเสียงประกอบของคู่หน้า เพื่อให้ฟังแล้วมีความรู้สึกเหมือนศิลปินมาเล่นเพลงให้ฟังอยู๋ข้างหน้าเรา แต่อย่าติดแบบ "ฟรอนท์ฟิลด์ เรียร์สเตจ" แบบที่พวกติดเครื่องเสียงเชิดสิงโตมันติดกัน เพราะแบบนี้จะมีความรู้สึกว่าศิลปินเล่นดนตรีอยู่ข้างหลังเรา มันไม่สมจริงครับ

การปรับอีควอไลเซอร์ หรือปรับโทนของเสียง ถ้าได้ฟังเพลงบ่อยๆ ถ้าได้ฟังเครื่องเสียงที่ดีจริงๆ เราจะปรับแต่งเสียงน้อยลง ในบางทีก็อาจจะบายพาสผ่านวงจรพวกนี้ไปเลยครับ ถ้าเราสังเกตเครื่องเสียงแพงๆจะไม่เห็นอีควอไลเซอร์หรือปุ่มปรับเพิ่มเบสแหลมเลยนะครับ

ส่วนเพลงแดนซ์เดี๋ยวนี้ เอ่อ....อิเลคโทรนิคส์ทั้งนั้น กลองก็เครื่องทำจังหวะ(แต่เพลงไทยมีน้อยมากที่จะเล่นด้วยกลองสด) เสียงประกอบต่างๆก็ไฟฟ้า เสียงคนร้องยังใช้คอมพิวเตอร์แต่งเสียง บางคนแต่งเสียงจนออกคอนเสิร์ทนี่แทบจะจำไม่ได้(แต่ยังดีที่เขาไม่ลิปซิงก์)

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 23, 2015, 18:36:10 »
จากที่ผมเล่นมาพอควรแบบตั้งใจเลยทีเดียว  ผมว่ามีผลแต่ไม่สามารถพลิกอะไรได้เยอะ

อย่างเรื่องที่เจ้าของกระทู้เล่ามา ผมว่าน่าจะเกิดอะไรที่เข้าใจผิดแน่นอน เพราะมันไม่ได้เยอะและร้านชอบเอาคำนี้มาหากินกันเยอะ
ความเป็นไปได้คือเจ้าของรถคันนั้นอาจจะไปทำอะไรเพิ่ม หรือแม้กระทั่ง ช่วงแรกๆไม่คุ้นเคยอาจจะปรับอะไรไม่เข้าที่จากพวกeq ก็ได้  แต่ผมว่ามันไม่ได้ดีขึ้นขนาดคนที่ไม่ตั้งใจทั่วไปฟังออกชัดนัก

เรื่องการเบิรน์ให้เอาออกจากหัวได้เลยครับ ผลมันน้อยมากเมื่อเทียบกับปัจจัยอื่นที่จะเกิดขึ้นกับรถยนต์

ออฟไลน์ Direct

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 43
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 23, 2015, 18:48:45 »
ขอตอบในฐานะที่เป็นคนชอบเล่นเครื่องเสียงเหมือนกัน แต่เป็นเครื่องเสียงภายในบ้านนะครับ
เวลาลองเครื่องเสียงในห้อง เสียงดี แล้วใส่ในรถเสียงไม่ดี อันนี้ผมมองว่าอยู่ที่ สภาพแวดล้อมของสถานที่นั้นๆครับ
เครื่องเสียงบางชนิด อยู่ในห้องเล็กๆ (small room) แล้วเสียงเพราะมาก แต่พออยู่ในห้องใหญ่ๆ (Large room) เสียงแย่
หรือถ้าจินตนาการไม่ออก ลองไปหา Studio ที่ขายเครื่องเสียง (แบรนด์เดียวกัน) แต่คนละสาขาสิครับ ถ้าเขาทำ Studio ไม่เหมือนกัน คุณภาพเสียง
ที่มาจากลำโพงชนิดเดียวกัน จะเปลี่ยนไปทันทีครับ

ส่วนเรื่องของการเบิร์นลำโพง โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยแนะนำการเบิร์นลำโพงนะครับ เพราะว่า เวลาเบิร์นเสร็จแล้ว คุณภาพของโทนเสียงจะเป็นไปตามเพลงที่เบิร์น
ไปทันที เช่น จขกท. ชอบฟังเพลง Jazz เบิร์นไว้ตลอด 1 เดือน อยู่ๆวันหนึ่ง จขกท. อยากฟังเพลงที่เน้น Bass เยอะๆขึ้นมา ลำโพงที่ผ่านการเบิร์นไปแล้ว
คุณภาพมันจะแตกต่างกับลำโพงที่ไม่ได้ผ่านการเบิร์น (แบรนด์เดียวกัน รุ่นเดียวกัน) พอสมควรครับ (ยังไม่พูดถึงการปรับ Equalizer นะครับ)

รถบางคันที่ลำโพงดีมาจากโรงงาน ผมว่ามันน่าจะแตกต่างเรื่องการใช้ SubWoofer ด้วยรึเปล่าครับ? ลำโพงส่วนใหญ่ จะใช้ Subwoofer สำหรับความถี่ต่ำ
แต่อย่างบางแบรนด์เทคโนโลยีอีกตัวที่ใช้แทน Subwoofer คือ Micro Porous Filter ถูกไปใส่ไว้ในบางจุด
ของลำโพงบางรุ่น ข้อดีของมันคือ ความไวต่อการสั่นในย่านความถี่ต่ำ จะทำได้ดีกว่า (เปรียบเทียบในกรณีไฟล์เพลง เป็นไฟล์เดียวกัน)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 23, 2015, 18:53:41 โดย Veiness »

ออฟไลน์ Tee+...Lek

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 238
    • อีเมล์
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 23, 2015, 19:19:17 »
เรื่องเสียงเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลนะครับ

ผมเองชอบลำโพงแนวๆ Bose มากกว่าเสียงแบบ Shure แต่กลับรับไม่ได้เสียงในแบบ Beat by Dr. Dre

สำหรับ Camry MC ผมเองว่าเครื่องเสียงมันก็ใช้ได้ระดับนึงนะครับ

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,718
  • การเดินทางครั้งใหม่
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 23, 2015, 19:42:56 »
เครื่องเสียงในรถนี่ลำบากกว่าเครื่องเสียงบ้านเยอะเลยครับ เพราะมีเสียงยางกำลังวิ่งบดถนน เสียงลม กระแสไฟที่ไม่นิ่ง และการเซ็ทอัพให้ลงตัวจริงๆยากมากๆนะครับ บางร้านมีรถพาไปเทส แต่เขาทำเต็มมา วิ่งบนถนนดีๆ ราบเรียบ วิ่งช้าๆ แดมป์มาแบบหนาปึ๊ก ชุดดีๆ พอมาใส่รถเรา มิติรถต่างกัน เซ็ทได้ต่างกัน เงื่อนไขมันเยอะมากครับ


- จะเป็นไปได้ไหมครับว่าลำโพง และ สายสัญญาณ ยังไม่เข้าที่เข้าทาง?
  เป็นไปได้ครับ แต่ฟังออกยากนะครับ ต้องหูเทพพอควร เพราะมีเสียงรบกวนเยอะ (ยางรถ ลมผ่าน ฯลฯ) ขนาดเครื่องเสียงบ้านยังต้องฟังกันเงียบๆ ไม่ให้มีเสียงอื่นรบกวน เบิร์นกันประมาณ 50ชม ขึ้นไป
 
- ถ้าเป็นที่การ burn ลำโพงจริงๆ มันก็จะมีคำถามต่อว่า อ้าวแล้วทำไมรถบางคันเครื่องเสียงถึงให้เสียงที่ดีมาจากโรงงานเลย?
  เสียงดีของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน บางคนชอบเบส บางคนชอบเสียงร้องเสียงกลาง บางคนชอบเสียงแหลมปรี๊ด เพราะฉะนั้น ต้องใช้หูเราฟังเองครับ จะบอกได้ว่าอันไหนฟังแล้วเพราะหู(ไพเราะสำหรับหูเรา)
 
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ HHHsung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,385
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: เมษายน 23, 2015, 22:11:45 »
นานาจิตตังครับ ความชอบแต่ละคนวัดกันไม่ได้หรอก อย่างผมเครื่องเสียงในรถผมลงทุน front ดีๆ ตัวเดียวก็พอใจละ

ขณะที่เครื่องเสียงบ้าน ผมเล่นหูฟัง เพราะไม่มีที่ทาง อยากบอกว่า ถึงเล่นหูฟังก็ไม่ใช่ขำๆ นะครับ เพราะที่ผมใช้อยู่

รวมอุปกรณ์ประกอบต่างๆ เลยแสนไปพอสมควร เลยอยากจะบอกว่าอยู่ที่ความพอใจของแต่ละคนมากกว่าครับ ขอตอบ จขกท ดีกว่า

- จะเป็นไปได้ไหมครับว่าลำโพง และ สายสัญญาณ ยังไม่เข้าที่เข้าทาง?

แน่นอนครับ หูฟังผมยังต้อง burn in ไม่น้อยกว่า 300 ชม ถึงเข้าที่ ส่วนสายสัญญาญอย่างน้อยก็หลัก 100 ชม เหมือนกัน

- ถ้าเป็นที่การ burn ลำโพงจริงๆ มันก็จะมีคำถามต่อว่า อ้าวแล้วทำไมรถบางคันเครื่องเสียงถึงให้เสียงที่ดีมาจากโรงงานเลย?

ก็อยู่ที่หูใครหล่ะครับ คุณฟังอาจคิดว่าดี แต่ผมฟังอาจรู้ว่ายังไม่ผ่าน burn in ก็ได้ แต่ถึงแม้ยัง burn in ไม่เสร็จ

แต่แนวเสียงมันก็พอบอกอนาคตได้ว่าว่าหลัง burn in แล้ว เสียงน่าจะดี หรือ ไม่ดี ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 23, 2015, 22:18:40 โดย HHHsung »

ออฟไลน์ jajaboss

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 693
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: เมษายน 23, 2015, 23:02:36 »
จอดรถตากแดดนี่ BURN เลยครับ เกรียมมมมม5555555555555555555555555555

ออฟไลน์ warez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 702
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: เมษายน 23, 2015, 23:10:38 »
เรื่องความรู้สึกนี่ พูดยากครับ ของใครของคนนั้น

มีความสามารถในการรับรู้ได้น้อยเท่าไหร่ สุขจะมากขึ้นเท่านั้นครับ

อย่างผม กินอะไรก็อร่อย ไม่เคยต้องบ่นร้านอาหารไหนๆเลยครับ

แฟนก็ฟังอะไรก็ไพเราะ ขนาดเครื่องเสียงติดรถ yaris ตัวแรก เธอยังว่าเสียงใช้ได้เลย

ออฟไลน์ nest@cm

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 196
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: เมษายน 24, 2015, 00:20:41 »
 เผอิญว่าไม่ได้อ่านกระทู้ที่อ้างถึง และไม่รู้ว่าอยู่กระทู้ไหน ลำโพงที่ว่ายี่ห้ออะไร   ขอเกริ่นก่อนเรื่องลำโพงนะครับว่า  บุคลิกเสียงลำโพงแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกัน  อีกทั้งลำโพงที่เหมาะกับเพลงเร็วและเพลงช้าวัสดุที่ทำไม่เหมือนกัน  ลำโพงที่เหมาะกับเพลงเร็ว จะใช้เวลาในการเบริ์นเสียงเร็วกว่าลำโพงที่เหมาะกับเพลงช้า  
       ระหว่างลำโพงที่ติดมากับรถยนต์กับลำโพงที่เจ้าของกระทู้ฟังจากรถที่ทำเครื่องหลายแสนนั้น วัสดุที่ใช้ทำลำโพงไม่เหมือนกันแน่นอน  ผมเคยเห็นรถยุโรป ยังใช้ลำโพงเป็นกรวยกระดาษ และแม่เหล็กใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทไม่เท่าไหร่เอง  ไหนจะใช้สายลำโพงก็เมตรละไม่กี่บาท อุปกรณ์ต่อพ่วงไม่เยอะก็มีเพียงฟร้อนท์ต่อไปยังลำโพงเลย    ย่อมใช้เวลาในการเบิร์นอินไม่นาน  เมื่อเปิดฟังไม่เท่าไหร่เสียงก็พอฟังได้  
        แต่ในส่วนพวกลำโพงที่พวกเล่นเครื่องเสียงรถยนต์  ที่เขาเล่นกันจริงๆ จังๆ  นั้น กรวยลำโพงก็แตกต่างกับลำโพงธรรมดาแล้วครับ  นอกจากนี้ แม่เหล็กก็ใหญ่พอๆ กับถ้วยๆ  ๑ ถ้วยแล้วครับ ไหนจะองค์ประกอบอื่นไม่ว่าจะเป็นสายสัญญาณ สายลำโพง อุปกรณ์อิเลกทรอนิกภายในฟร้อนท์ แอมป์ โปรเซสเซอร์    จะเข้าที่เข้าทางก็ต้องใช้เวลานวดหรือเบริ์นอินนานพอตัวครับ   โดยปกติเมื่อติดตั้งเครื่องเสียงเสร็จเขาก็จะให้ไปเบิร์น สัก  ๑๐๐  ชั่วโมงก็เข้าไปจูนเสียงใหม่ครับ  เหมือนคนเรา ถ้าไม่เคยวิ่งแล้วไปวิ่ง วันแรกๆ ก็เจ็บขาเป็นธรรมดา หลังจากนั้นก็สบายๆ  ไม่มีอาการเจ็บแต่อย่างใด    
        ในส่วนที่เจ้าของกระทู้ว่า  สอบถามเพื่อนว่า ฟังจากที่ร้านกับหลังจากที่ติดครั้งแรกไม่เหมือนกันนั้น  ผมสันนิษฐานว่า  เพื่อนเจ้าของกระทู้คงเปรียบเทียบเมื่อติดตั้งเสร็จใหม่ ไม่หมายถึงขณะขับรถแต่อย่างใด  ซึ่งผมขออธิบายว่าโดยปกติทางร้านเขาติดตั้งลำโพงมานานแล้ว  เผลอๆ ก็พอๆ กับเปิดร้านละครับ   เสียงย่อมไม่เหมือนกับลำโพงใหม่แน่นอน ซึ่งจะต้องเบริ์นตามที่ผมกล่าวข้างต้น  
        แต่ผมอยากให้เข้าใจนิดหนึ่งนะครับว่า  ในการฟังลำโพงในห้องทดลองนั้น  ให้เราฟังเพื่อลองเทียบบุคลิกของลำโพงแต่ละยี่ห้อมากกว่า ว่าเราชอบเสียงลำโพงแบบไหนมากกว่า
         ตามที่พี่ๆ ด้านบนตอบกันไว้ ว่า การฟังในห้องทดลองกับรถจริงๆ ไม่เหมือนกันนั้น ใช่คร้บไม่เหมือนกันแน่นอน  เนื่องจากว่า ระหว่างที่เราขับรถก็จะมีเสียงรบกวนเยอะมาก  ซึ่งเราอาจจะแก้ไขได้เบื้องต้นก็ แดมป์รถ ซึ่งจะลดเสียงรบกวนไปได้พอสมควร  ทำให้เมื่อฟังแล้วรายละเอียดจะอยู่ได้ครบถ้วนถึงแม้นจะไม่เหมือนกับขณะจอดรถไว้ก็ตามที  
         ในส่วนการจูนเสียง    ผมขออธิบาย ในส่วนของลำโพง ๓  ทาง ขออธิบาย สำหรับท่านที่ไม่ได้เล่นเครื่องเสียงฟังนะครับว่า ลำโพงที่จะมีอยู่ ๓  ชิ้นต่อข้างครับ  ลำโพงที่ติดตั้งแผงประตูก็จะเป็นวูฟเฟอร์   บริเวณเสาข้างรถ  ลำโพงใหญ่ก็จะเป็นเสียงกลาง  คือ เสียงคนร้อง  ส่วนเล็กก็จะเป็นเสียงแหลม   หากว่าไปทำที่ร้านเครื่องเสียงที่เจ้าของจูนเสียงเก่งๆ  มีประสบการณ์   เขาก็จะจูนเสียงให้ถือเอาคนขับรถเป็นหลัก โดยเมื่อฟังจากตำแหน่งคนขับ ตำแหน่งเสียงคนร้องก็จะอยู่ตรงกลางกระจกหน้ารถ โดยจะยกเวทีให้สูงขึ้น เมื่อฟังเหมือนปากคนร้อง ร้องอยู่ระดับหูคนขับ  ส่วนซ้าย ขวาก็จะเป็นเครื่องดนตรี ตามตำแหน่งที่มาจากห้องอัด ว่าจัดวางกันมาอย่างไร  ในส่วนตำแหน่งคนนั่ง  การฟังจะไม่เหมือนกับคนขับ  เพราะจะฟังเสียงคนร้อง เสียงดนตรี  ออกมาจากลำโพงทางด้านซ้าย   ส่วนลำโพงขวา รายละเอียดเสียงจะไม่ได้ครบถ้วนครับ  
          ถ้าหากเจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสไปฟังรถที่เขาจัดเต็มจริงในการทำเครื่องเสียง ผมฟันธงว่า เสียงดีกว่าห้องทดลองแน่นอน  ถ้าหากต้องการฟังเครื่องเสียงรถจริงๆ  แนะนำให้ไปฟังที่งานมอเตอร์โชว์ แต่ละร้านเขาจัดเต็มจริงๆ    รับรองได้ฟังเครื่องเสียงรถยนต์ระดับเทพแน่นอนครับ แต่อย่างว่าครับ ที่โชว์ก็งานติดตั้งราคาระดับหลักล้านกันทั้งนั้นครับ  แต่ถ้าหากเราฉลาดก็ลดสเปกลงหรือติดตั้งเป็นสเตปไปดีกว่าครับ  
          ขอสรุปนะครับว่า
          รถที่ติดตั้งเครื่องเสียงใหม่ ผมฟันธงว่า เกี่ยวข้องกับการเบริ์นอุปกรณ์ต่างๆ   เพื่อให้ทั้งตัวลำโพง  แอมป์  โปรเซสเซอร์  สายลำโพง สายสัญญาณ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ได้รับฟังกระตุ้นการทำงานเสียก่อน
           กับคำถามที่ว่า  ถ้าเกี่ยวกับเบริ์นลำโพงจริงๆ   ทำไมรถบางคันถึงเสียงดีนั้น ผมไม่แน่ใจว่ารถที่ว่ายี่ห้อไหน  รุ่นไหนครับ   แต่น่าจะเป็นเพราะ ลำโพงที่ติดมาจากโรงงาน ใช้เวลาเบริ์นไม่นาน  เมื่อออกมาจากโรงงานฟังไม่นาน เสียงที่ได้ดีขึ้น ( มั้งครับ )  แต่ก็อย่างว่า ตามพี่ข้างบนตอบไว้  หูคนเราไม่เหมือนกันครับ  แล้วแต่รสนิยมครับ  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2015, 00:54:01 โดย nest@cm »

ออฟไลน์ g_abac

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 315
    • อีเมล์
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: เมษายน 24, 2015, 00:54:34 »
เผอิญว่าไม่ได้อ่านกระทู้ที่อ้างถึง และไม่รู้ว่าอยู่กระทู้ไหน ลำโพงที่ว่ายี่ห้ออะไร   ขอเกริ่นก่อนเรื่องลำโพงนะครับว่า  บุคลิกเสียงลำโพงแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกัน  อีกทั้งลำโพงที่เหมาะกับเพลงเร็วและเพลงช้าวัสดุที่ทำไม่เหมือนกัน  ลำโพงที่เหมาะกับเพลงเร็ว จะใช้เวลาในการเบริ์นเสียงเร็วกว่าลำโพงที่เหมาะกับเพลงช้า  
       ระหว่างลำโพงที่ติดมากับรถยนต์กับลำโพงที่เจ้าของกระทู้ฟังจากรถที่ทำเครื่องหลายแสนนั้น วัสดุที่ใช้ทำลำโพงไม่เหมือนกันแน่นอน  ผมเคยเห็นรถยุโรป ยังใช้ลำโพงเป็นกรวยกระดาษ และแม่เหล็กใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทไม่เท่าไหร่เอง  ไหนจะใช้สายลำโพงก็เมตรละไม่กี่บาท อุปกรณ์ต่อพ่วงไม่เยอะก็มีเพียงฟร้อนท์ต่อไปยังลำโพงเลย    ย่อมใช้เวลาในการเบิร์นอินไม่นาน  เมื่อเปิดฟังไม่เท่าไหร่เสียงก็พอฟังได้  
        แต่ในส่วนพวกลำโพงที่พวกเล่นเครื่องเสียงรถยนต์  ที่เขาเล่นกันจริงๆ จังๆ  นั้น กรวยลำโพงก็แตกต่างกับลำโพงธรรมดาแล้วครับ  นอกจากนี้ แม่เหล็กก็ใหญ่พอๆ กับถ้วยๆ  ๑ ถ้วยแล้วครับ ไหนจะองค์ประกอบอื่นไม่ว่าจะเป็นสายสัญญาณ สายลำโพง อุปกรณ์อิเลกทรอนิกภายในฟร้อนท์ แอมป์ โปรเซสเซอร์    จะเข้าที่เข้าทางก็ต้องใช้เวลานวดหรือเบริ์นอินนานพอตัวครับ   โดยปกติเมื่อติดตั้งเครื่องเสียงเสร็จเขาก็จะให้ไปเบิร์น สัก  ๑๐๐  ชั่วโมงก็เข้าไปจูนเสียงใหม่ครับ  เหมือนคนเรา ถ้าไม่เคยวิ่งแล้วไปวิ่ง วันแรกๆ ก็เจ็บขาเป็นธรรมดา หลังจากนั้นก็สบายๆ  ไม่มีอาการเจ็บแต่อย่างใด    
        ในส่วนที่เจ้าของกระทู้ว่า  สอบถามเพื่อนว่า ฟังจากที่ร้านกับหลังจากที่ติดครั้งแรกไม่เหมือนกันนั้น  ผมสันนิษฐานว่า  เพื่อนเจ้าของกระทู้คงเปรียบเทียบเมื่อติดตั้งเสร็จใหม่ ไม่หมายถึงขณะขับรถแต่อย่างใด  ซึ่งผมขออธิบายว่าโดยปกติทางร้านเขาติดตั้งลำโพงมานานแล้ว  เผลอๆ ก็พอๆ กับเปิดร้านละครับ   เสียงย่อมไม่เหมือนกับลำโพงใหม่แน่นอน ซึ่งจะต้องเบริ์นตามที่ผมกล่าวข้างต้น  
        แต่ผมอยากให้เข้าใจนิดหนึ่งนะครับว่า  ในการฟังลำโพงในห้องทดลองนั้น  ให้เราฟังเพื่อลองเทียบบุคลิกของลำโพงแต่ละยี่ห้อมากกว่า ว่าเราชอบเสียงลำโพงแบบไหนมากกว่า
         ตามที่พี่ๆ ด้านบนตอบกันไว้ ว่า การฟังในห้องทดลองกับรถจริงๆ ไม่เหมือนกันนั้น ใช่คร้บไม่เหมือนกันแน่นอน  เนื่องจากว่า ระหว่างที่เราขับรถก็จะมีเสียงรบกวนเยอะมาก  ซึ่งเราอาจจะแก้ไขได้เบื้องต้นก็ แดมป์รถ ซึ่งจะลดเสียงรบกวนไปได้พอสมควร  ทำให้เมื่อฟังแล้วรายละเอียดจะอยู่ได้ครบถ้วนถึงแม้นจะไม่เหมือนกับขณะจอดรถไว้ก็ตามที  
         ในส่วนการจูนเสียง    ผมขออธิบาย ในส่วนของลำโพง ๓  ทาง ขออธิบาย สำหรับท่านที่ไม่ได้เล่นเครื่องเสียงฟังนะครับว่า ลำโพงที่จะมีอยู่ ๓  ชิ้นต่อข้างครับ  ลำโพงที่ติดตั้งแผงประตูก็จะเป็นวูฟเฟอร์   บริเวณเสาข้างรถ  ลำโพงใหญ่ก็จะเป็นเสียงกลาง  คือ เสียงคนร้อง  ส่วนเล็กก็จะเป็นเสียงแหลม   หากว่าไปทำที่ร้านเครื่องเสียงที่เจ้าของจูนเสียงเก่งๆ  มีประสบการณ์   เขาก็จะจูนเสียงให้ถือเอาคนขับรถเป็นหลัก โดยเมื่อฟังจากตำแหน่งคนขับ ตำแหน่งเสียงคนร้องก็จะอยู่ตรงกลางกระจกหน้ารถ โดยจะยกเวทีให้สูงขึ้น เมื่อฟังเหมือนปากคนร้อง ร้องอยู่ระดับหูคนขับ  ส่วนซ้าย ขวาก็จะเป็นเครื่องดนตรี ตามตำแหน่งที่มาจากห้องอัด ว่าจัดวางกันมาอย่างไร  ในส่วนตำแหน่งคนนั่ง  การฟังจะไม่เหมือนกับคนขับ  เพราะจะฟังเสียงคนร้อง เสียงดนตรี  ออกมาจากลำโพงทางด้านซ้าย   ส่วนลำโพงขวา รายละเอียดเสียงจะไม่ได้ครบถ้วนครับ  ถ้าหากเจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสไปฟังรถที่เขาจัดเต็มจริงในการทำเครื่องเสียง ผมฟันธงว่า เสียงดีกว่าห้องทดลองแน่นอน  ถ้าหากเจ้าของกระทู้หรือท่านอื่นๆ ต้องการฟังเครื่องเสียงรถจริงๆ  แนะนำให้ไปฟังที่งานมอเตอร์โชว์ แต่ละร้านเขาจัดเต็มจริงๆ    รับรองได้ฟังเครื่องเสียงรถยนต์ระดับเทพแน่นอนครับ แต่อย่างว่าครับ ที่โชว์ก็งานติดตั้งระดับหลักล้านกันทั้งนั้นครับ  แต่ถ้าหากเราฉลาดก็ลดสเปกลงหรือติดตั้งเป็นสเตปไปดีกว่าครับ  
          ขอสรุปนะครับว่า
          รถที่ติดตั้งเครื่องเสียงใหม่ ผมฟันธงว่า เกี่ยวข้องกับการเบริ์นอุปกรณ์ต่างๆ   เพื่อให้ทั้งตัวลำโพง  แอมป์  โปรเซสเซอร์  สายลำโพง สายสัญญาณ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ได้รับฟังกระตุ้นการทำงาน
           กับคำถามที่ว่า  ถ้าเกี่ยวกับเบริ์นลำโพงจริงๆ   ทำไมรถบางคันถึงเสียงดีนั้น ผมไม่แน่ใจว่ารถที่ว่ายี่ห้อไหน  รุ่นไหนครับ   น่าจะเป็นเพราะ ลำโพงที่ติดมาจากโรงงาน ใช้เวลาเบริ์นไม่นาน  เมื่อออกมาจากโรงงานฟังไม่นาน เสียงที่ได้ดีขึ้น ( มั้งครับ )  แต่ก็อย่างว่า ตามพี่ข้างบนตอบไว้  หูคนเราไม่เหมือนกันครับ  แล้วแต่รสนิยมครับ  


รบกวนขอความรู้หน่อยครับ การเบิร์นลำโพงนี่เค้าทำกันอย่างไรครับ แค่เปิดฟังธรรมดา แล้วนับชั่วโมงที่ใช้งาน หรือต้องใช้เทคนิคพิเศษครับ

เห็นพวกเครื่องเสียงบ้าน เค้าใช้แผ่นสำหรับเบิร์นโดยเฉพาะ เลยสงสัยครับ
2008  Lexus IS250 Premium
2014  E300 Bluetec Hybrid AMG (W212)
2015  ActiveHybrid 5 M Sport (F10 LCI)
2020  E220d Sport (W213)
2020  X5 xDrive 30d M Sport (G05)

ออฟไลน์ nest@cm

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 196
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: เมษายน 24, 2015, 01:37:20 »
เผอิญว่าไม่ได้อ่านกระทู้ที่อ้างถึง และไม่รู้ว่าอยู่กระทู้ไหน ลำโพงที่ว่ายี่ห้ออะไร   ขอเกริ่นก่อนเรื่องลำโพงนะครับว่า  บุคลิกเสียงลำโพงแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกัน  อีกทั้งลำโพงที่เหมาะกับเพลงเร็วและเพลงช้าวัสดุที่ทำไม่เหมือนกัน  ลำโพงที่เหมาะกับเพลงเร็ว จะใช้เวลาในการเบริ์นเสียงเร็วกว่าลำโพงที่เหมาะกับเพลงช้า  
       ระหว่างลำโพงที่ติดมากับรถยนต์กับลำโพงที่เจ้าของกระทู้ฟังจากรถที่ทำเครื่องหลายแสนนั้น วัสดุที่ใช้ทำลำโพงไม่เหมือนกันแน่นอน  ผมเคยเห็นรถยุโรป ยังใช้ลำโพงเป็นกรวยกระดาษ และแม่เหล็กใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทไม่เท่าไหร่เอง  ไหนจะใช้สายลำโพงก็เมตรละไม่กี่บาท อุปกรณ์ต่อพ่วงไม่เยอะก็มีเพียงฟร้อนท์ต่อไปยังลำโพงเลย    ย่อมใช้เวลาในการเบิร์นอินไม่นาน  เมื่อเปิดฟังไม่เท่าไหร่เสียงก็พอฟังได้  
        แต่ในส่วนพวกลำโพงที่พวกเล่นเครื่องเสียงรถยนต์  ที่เขาเล่นกันจริงๆ จังๆ  นั้น กรวยลำโพงก็แตกต่างกับลำโพงธรรมดาแล้วครับ  นอกจากนี้ แม่เหล็กก็ใหญ่พอๆ กับถ้วยๆ  ๑ ถ้วยแล้วครับ ไหนจะองค์ประกอบอื่นไม่ว่าจะเป็นสายสัญญาณ สายลำโพง อุปกรณ์อิเลกทรอนิกภายในฟร้อนท์ แอมป์ โปรเซสเซอร์    จะเข้าที่เข้าทางก็ต้องใช้เวลานวดหรือเบริ์นอินนานพอตัวครับ   โดยปกติเมื่อติดตั้งเครื่องเสียงเสร็จเขาก็จะให้ไปเบิร์น สัก  ๑๐๐  ชั่วโมงก็เข้าไปจูนเสียงใหม่ครับ  เหมือนคนเรา ถ้าไม่เคยวิ่งแล้วไปวิ่ง วันแรกๆ ก็เจ็บขาเป็นธรรมดา หลังจากนั้นก็สบายๆ  ไม่มีอาการเจ็บแต่อย่างใด    
        ในส่วนที่เจ้าของกระทู้ว่า  สอบถามเพื่อนว่า ฟังจากที่ร้านกับหลังจากที่ติดครั้งแรกไม่เหมือนกันนั้น  ผมสันนิษฐานว่า  เพื่อนเจ้าของกระทู้คงเปรียบเทียบเมื่อติดตั้งเสร็จใหม่ ไม่หมายถึงขณะขับรถแต่อย่างใด  ซึ่งผมขออธิบายว่าโดยปกติทางร้านเขาติดตั้งลำโพงมานานแล้ว  เผลอๆ ก็พอๆ กับเปิดร้านละครับ   เสียงย่อมไม่เหมือนกับลำโพงใหม่แน่นอน ซึ่งจะต้องเบริ์นตามที่ผมกล่าวข้างต้น  
        แต่ผมอยากให้เข้าใจนิดหนึ่งนะครับว่า  ในการฟังลำโพงในห้องทดลองนั้น  ให้เราฟังเพื่อลองเทียบบุคลิกของลำโพงแต่ละยี่ห้อมากกว่า ว่าเราชอบเสียงลำโพงแบบไหนมากกว่า
         ตามที่พี่ๆ ด้านบนตอบกันไว้ ว่า การฟังในห้องทดลองกับรถจริงๆ ไม่เหมือนกันนั้น ใช่คร้บไม่เหมือนกันแน่นอน  เนื่องจากว่า ระหว่างที่เราขับรถก็จะมีเสียงรบกวนเยอะมาก  ซึ่งเราอาจจะแก้ไขได้เบื้องต้นก็ แดมป์รถ ซึ่งจะลดเสียงรบกวนไปได้พอสมควร  ทำให้เมื่อฟังแล้วรายละเอียดจะอยู่ได้ครบถ้วนถึงแม้นจะไม่เหมือนกับขณะจอดรถไว้ก็ตามที  
         ในส่วนการจูนเสียง    ผมขออธิบาย ในส่วนของลำโพง ๓  ทาง ขออธิบาย สำหรับท่านที่ไม่ได้เล่นเครื่องเสียงฟังนะครับว่า ลำโพงที่จะมีอยู่ ๓  ชิ้นต่อข้างครับ  ลำโพงที่ติดตั้งแผงประตูก็จะเป็นวูฟเฟอร์   บริเวณเสาข้างรถ  ลำโพงใหญ่ก็จะเป็นเสียงกลาง  คือ เสียงคนร้อง  ส่วนเล็กก็จะเป็นเสียงแหลม   หากว่าไปทำที่ร้านเครื่องเสียงที่เจ้าของจูนเสียงเก่งๆ  มีประสบการณ์   เขาก็จะจูนเสียงให้ถือเอาคนขับรถเป็นหลัก โดยเมื่อฟังจากตำแหน่งคนขับ ตำแหน่งเสียงคนร้องก็จะอยู่ตรงกลางกระจกหน้ารถ โดยจะยกเวทีให้สูงขึ้น เมื่อฟังเหมือนปากคนร้อง ร้องอยู่ระดับหูคนขับ  ส่วนซ้าย ขวาก็จะเป็นเครื่องดนตรี ตามตำแหน่งที่มาจากห้องอัด ว่าจัดวางกันมาอย่างไร  ในส่วนตำแหน่งคนนั่ง  การฟังจะไม่เหมือนกับคนขับ  เพราะจะฟังเสียงคนร้อง เสียงดนตรี  ออกมาจากลำโพงทางด้านซ้าย   ส่วนลำโพงขวา รายละเอียดเสียงจะไม่ได้ครบถ้วนครับ  ถ้าหากเจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสไปฟังรถที่เขาจัดเต็มจริงในการทำเครื่องเสียง ผมฟันธงว่า เสียงดีกว่าห้องทดลองแน่นอน  ถ้าหากเจ้าของกระทู้หรือท่านอื่นๆ ต้องการฟังเครื่องเสียงรถจริงๆ  แนะนำให้ไปฟังที่งานมอเตอร์โชว์ แต่ละร้านเขาจัดเต็มจริงๆ    รับรองได้ฟังเครื่องเสียงรถยนต์ระดับเทพแน่นอนครับ แต่อย่างว่าครับ ที่โชว์ก็งานติดตั้งระดับหลักล้านกันทั้งนั้นครับ  แต่ถ้าหากเราฉลาดก็ลดสเปกลงหรือติดตั้งเป็นสเตปไปดีกว่าครับ  
          ขอสรุปนะครับว่า
          รถที่ติดตั้งเครื่องเสียงใหม่ ผมฟันธงว่า เกี่ยวข้องกับการเบริ์นอุปกรณ์ต่างๆ   เพื่อให้ทั้งตัวลำโพง  แอมป์  โปรเซสเซอร์  สายลำโพง สายสัญญาณ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ได้รับฟังกระตุ้นการทำงาน
           กับคำถามที่ว่า  ถ้าเกี่ยวกับเบริ์นลำโพงจริงๆ   ทำไมรถบางคันถึงเสียงดีนั้น ผมไม่แน่ใจว่ารถที่ว่ายี่ห้อไหน  รุ่นไหนครับ   น่าจะเป็นเพราะ ลำโพงที่ติดมาจากโรงงาน ใช้เวลาเบริ์นไม่นาน  เมื่อออกมาจากโรงงานฟังไม่นาน เสียงที่ได้ดีขึ้น ( มั้งครับ )  แต่ก็อย่างว่า ตามพี่ข้างบนตอบไว้  หูคนเราไม่เหมือนกันครับ  แล้วแต่รสนิยมครับ  


รบกวนขอความรู้หน่อยครับ การเบิร์นลำโพงนี่เค้าทำกันอย่างไรครับ แค่เปิดฟังธรรมดา แล้วนับชั่วโมงที่ใช้งาน หรือต้องใช้เทคนิคพิเศษครับ

เห็นพวกเครื่องเสียงบ้าน เค้าใช้แผ่นสำหรับเบิร์นโดยเฉพาะ เลยสงสัยครับ
         การเบริ์นลำโพงสำหรับผมว่าใช้วิธีฟังธรรมดาดีที่สุดครับ คือ ฟังไปเรื่อยนั่นแหละครับ หาแผ่นที่เราชอบฟังจริงๆ  แล้วเราจะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเสียงลำโพงครับ  ผมว่าถ้าไปติดตั้งร้านใหญ่ๆ  ปกติเขาจะมีแผ่นให้นะครับ เขาก็จะไลท์เพลงที่บรรทึกเสียงดีๆ  มาให้เราอยู๋แล้ว  ปกติก็ให้กันแผ่นเดียว แต่ผมว่า ขอเขาเพิ่มได้นะครับ 55
           ส่วนเครื่องบ้านที่นิยมใช้แผ่นสำหรับเบริ์นนั้น ผมเข้าใจว่า  คนเล่นเครื่องเสียงบ้านส่วนใหญ่ ก็มีตังค์ครับ  ในแต่ละวัน แต่ละท่านก็คงมีภาระหน้าที่ทำงานพอสมควร  ทำให้อาจไม่มีเวลาในการฟังเท่าไหร่ ก็เลยจำเป็นที่จะต้องใช้แผ่นเบริ์นช่วยมากกว่าครับ  
            ถามว่ามีเทคนิคพิเศษอะไรเพิ่มเติมไหม ไม่อยากครับ หากว่าจะติดตั้งเครื่องเสียงจริง ตกลงกับทางร้านแล้วว่า จะเอาระบบนั่นนี่ ลำโพง ฟร้อนท์ แอมป์ โปรเซสเซอร์ ก็ให้ทางร้านช่วยเบริ์นให้ก่อนติดตั้งได้ครับ  
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2015, 01:38:56 โดย nest@cm »

ออฟไลน์ Eddy5659

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,619
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: เมษายน 24, 2015, 06:59:58 »
โลกของนักฟังมันลึกล้ำนัก เวลาเปลี่ยนลำโพงถ้าเสียงมันเพราะขึ้น แหลมหวานๆ กลางชัดๆเนียนๆ ทุ้มแน่นหน่อย ผมก็โอเคนะครับ ร้านเครื่องเสียงเคยให้แผ่นที่บอกใช้เบิร์นลำโพง (ก๊อปปี้) แต่พอฟังขั้นตอนแล้วขี้เกียจเลยไม่ได้ทำ แต่ฟังเพลงเพราะขึ้นก็โอเคครับ คนที่หูธรรมดาอย่างผมฟังได้หมด ยกเว้น ลูกร้อง กับแฟนบ่น 555+
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: เมษายน 24, 2015, 10:37:51 »
จริงๆแล้วเรื่องเครื่องเสียงกับการ Burn เป็นของคู่กัน หูฟังแพงๆบางตัวไม่เบิร์นนี้ฟังไม่ได้เลยครับ พวก Grado ต้องเบิร์นก่อน
ลำโพงในรถก็ควรเบิร์นเหมือนกัน

ส่วนตัวผมชอบเสียงสายดาร์ค ชอบเสียงแหลมปลายทึบนิดๆ เสียงร้องหลบใน เบสกระชับเก็บตัวเร็ว แต่เครื่องดนตรีแยกชิ้นกัน ดังนั้นผมจะไม่ค่อยซีเรียสกับพวกลำโพงรถยนต์ที่เน้นมาแบบ Colourful กันซะส่วนใหญ่ เบสมา แหลมมา ซ ช ทีหูแทบแยก นักร้องนำหน้า สเตจกว้างไกล ดนตรีแทบจะต้องเงี่ยหูจับเอา

วิธีเบิร์นแบบรวบรัด ผมใช้ Pink Noise กับ Sweep sound อาจจะมีเปิดเพลงสลับกันไปบ้างตามแต่คิว
H.

ออฟไลน์ Puitam

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 527
    • อีเมล์
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: เมษายน 24, 2015, 12:17:14 »
อิอิ  จะตอบในฐานะเที่เคยไปฟังท่านที่หูเทพๆ  systemเnwๆ  เค้าคุยกันนะครับ

ขนาด software ที่เล่นเพลงในmacbook พี่ท่านยังต้องเบิร์นเลยครับ 

ออฟไลน์ Freekick042

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 859
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: เมษายน 24, 2015, 20:41:35 »
เบิร์นแล้วมันดีขึ้นมั้ยมันก็ดีขึ้นจริงครับมันเหมือนการRun-inตอนซื้อรถใหม่น่ะแหละเพื่อให้ชิ้นส่วนขยับได้คล่องแคล่ว

ลำโพงรถผมว่าก็เปิดฟังไปปกติแหละครับไม่ต้องสตาร์ทรถมาเปิดลำโพงหรอก

แต่มันจะมีคนบางกลุ่มครับบอกเบิร์นผิดแนวไม่ตรงกับเครื่องเสียงแล้วลำโพงจะเน่า เจอบ่อยครับตามเว็บบอร์ดเครื่องเสียง
เคยไปถามเน่าแล้วขอซื้อต่อถูกกว่าราคามือ2ปกติไม่เห็นจะปล่อยกันของเน่าแล้วนี่

ออฟไลน์ Bier

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 152
    • อีเมล์
Re: สอบถามเรื่อง การ burn ลำโพง
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: เมษายน 27, 2015, 16:56:41 »
ตอบโดยใช้ประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ

การ Burn ลำโพง มีผลต่อเสียงของลำโพงที่เปลี่ยนไปหรือไม่  ตอบว่า มีครับ
เพราะผมเคยฟังเสียงจากลำโพงยี่ห้อหนึ่งซึ่งเป็นตัวโชว์ในร้าน แล้วชอบใจในน้ำเสียงมาก จึงตัดสินใจซื้อกลับบ้าน
พนักงานก็นำของใหม่ออกมาให้เช็คของและลองเสียบฟังเพื่อทดสอบให้แน่ใจว่าของอยู่ในสภาพปรกติใช้งานได้
พอต่อฟังเสียงเท่านั้นแหละครับ ใจตกไปที่ตาตุ้ม นึกว่าเอาลำโพง Copy มาขายหรือป่าว โดนลองของซะแล้ว
นี่ก็เป็นบทเรียนขอผมที่ได้ประสพมาเล่าให้ฟัง ถ้าอยากรู้ต้องลองดูครับ ขำๆ กันไป
การ Burn ลำโพง อยากให้เปิดใช้งานทิ้งไว้โดยไม่ฟังครับ เพราะถ้าฟัง จะกลายเป็นความคุ้นชินเท่านั้นเอง

ป.ล.เหมือนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงต่างยี่ห้อกันน่ะครับ เปลี่ยนยี่ห้อปุ๊บแรงปั๊บอันนี้ก็ว่ากันไป  ;D