ผู้เขียน หัวข้อ: คำถามหลายๆอย่างเกี่ยวกับเครื่องยนตร์ครับ NA/Turbo (sr20det/kl-ze) ฯลฯ  (อ่าน 8966 ครั้ง)

ออฟไลน์ speedpicking

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 86
    • อีเมล์
สงสัยมาหลายๆข้อ รวบรวมมาถามทีเดียวนะครับ ไม่รู้จะไปหาคำตอบจากไหน


1. อยากทราบปัญหา valve float / valve drop (จากการใช้งานที่รอบสูงเกินไป) ต่างกันยังไง มีลักษณะการเกิดแบบไหน
หลังจากค้นข้อมูลเพื่อที่ต้องการวางเครื่องใหม่ ได้รู้มาว่า
1.1) ถ้าใช้เครื่อง sr20det (fwd) ที่รอบสูงๆเกินไป (เช่น ไปปลดกล่องเอง) โดยไม่ได้อัพเกรดท่อนบน จะทำให้เกิดอาการ วาล์วลอย  หรือ valve float อยากทราบว่า มันเกิดแบบไหน อย่างไร แล้วทำให้เกิดปัญหาอะไรได้บ้างครับ
1.2) อันนี้ไปค้นในเว็บฝรั่ง ว่างหากติดตั้งเครื่อง KL-ZE (เช่น จาก mx-6) และทำการปลดล็อคกล่อง โดยใช้รอบสูงเกินไป จะเกิดอาการ valve drop มันคืออะไร และเกิดอย่างไรครับ

(จากข้อ 1. นี้ ผมรู้ครับ ว่าการเล่นรอบสูงเกินไป หากไม่อัพเกรดพวกแคม / รีเทนเน่อ ฯลฯ จะไม่ได้ประสิทธิภาพเพิ่ม หรือได้น้อย เพียงแต่อยากจะรู้จักอาการเหล่านี้เท่านั้นไว้เป็นความรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร)

2. VAF/MAF/ ฯลฯ หรือเซ็นเซอร์ต่างๆที่ใช้วัดค่า อากาศที่ไหลเข้าเครื่อง ต่างกันยังไง และทำงานอย่างไร
และเครื่อง sr20det ไม่มี MAF แล้วเครื่องรู้ได้อย่างไรว่าบูสมาเท่าไหร่

3. เกี่ยวกับระบบน้ำมัน

3.1 ปั๊มติ๊กจะดูดน้ำมันจากถัง ส่งไปให้ regulator แล้ว regulator จะอัดน้ำมันด้วยแรงดันต่างๆ ไปยัง หัวฉีด ผมเข้าใจถูกต้องมั้ยครับ
3.2 หัวฉีดที่มี spec ต่างๆ เช้น หัวฉีด 550 cc สามารถฉีดน้ำมันได้มากที่สุด 550 cc ต่อนาที ผมเข้าใจถูกต้องมั้ยครับ
3.3 ถ้าข้อ 3.2 ผมเข้าใจถูกต้อง แสดงว่า หากผมติดตั้ง regulator แต่ง เช่นของ sard ผมต้องปรับแรงดันของ regulator ตาม cc ของหัวฉีด ถูกต้องมั้ยครับ

4. เกี่ยวกับการ modify เครื่อง turbo :
จากข้อ 3 ถ้าผมเข้าใจถูกต้อง แสดงว่า หากผมต้องการปรับบูสเพิ่ม (ไม่มาก) เช่น ถ้าใช้เครื่อง sr20det แล้วต้องการปรับบูสเพิ่ม เป็น 0.8  bar สามารถ ทำได้โดย เพียงแค่ปรับ regulator ให้มีแรงดันมากพอ และหัวฉีดที่ใหญ่ขึ้น โดยไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับกล่อง ecu ก็ได้ ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ แล้วการกระทำเช่นนี้ หากปรับตั้งพอดี เครื่องจะใช้งานได้อย่างทนทานต่อไปรึปล่าวครับ

คำถามในตอนนี้มีเท่านี้  ขอบคุณทุกความเห็นมากๆครับ

ออฟไลน์ warez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 702
ตอบเท่าที่รู้ก่อนวาล์วลอย คืออาการที่วาล์วปิดไม่สนิทเปิดนานเกินไป สาเหตุหลักๆคือสปริงวาล์วอ่อนเกินทำให้ดึงวาล์วมาปิดไม่ทัน
วาล์วจมคืออาการวาล์วปิดไม่สนิท(อีกแล้ว) แต่คราวนี้สาเหตุหลักเกิดจากบ่าวาล์วจม ส่วนมากนิยมเรียกว่าวาล์วยัน

Mass flow sensor ลองค้นดูข้อมูลเพียบ เล่ากันสามวันยังไม่จบ(เพราะไม่ยอมเล่า ฮ่าๆ)

น้ำมันเชื้อเพลิงประมาณนั้นแหละครับ เพียงแต่ต้องคูณด้วยจำนวนลูกสูบที่คุณมี แจกสูตรบ้านๆก็ได้ครับคือ
1.น้ำมัน5cc/min สามารถสร้างแรงม้าได้ประมาณ1ตัว
2.เอาแรงม้าเป้าหมาย/จำนวนลูกสูบ คุณก็จะได้แรงม้าเป้าหมายต่อสูบ
3.เทียบบัญญัติไตรยางค์ ก็จะได้ขนาดหัวฉีดที่เหมาะสม เผื่อแอบเบ่งกล้ามอีก10%ก็ใช้ได้แล้วครับ

ข้อสุดท้ายทำได้แต่ไม่ทนครับ เพิ่มบูสต์ไม่เพิ่มน้ำมันไอดีจะบางลงทำให้ความร้อนเพิ่มขึ้นครับ
เพิ่มบูสต์เพิ่มน้ำมัน(จากการเดาขนาดหัวฉีด) ผลลัพธ์เละครับเพราะคุณไม่รู้โอห์มที่เปลี่ยนไปของหัวฉีดแต่ละขนาด
ต้องปรับecuด้วยเป็นสำคัญครับ

ออฟไลน์ speedpicking

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 86
    • อีเมล์
ขอบคุณมากครับ กระจ่างเลยครับ แต่ติดเรื่องน้ำมันน่ะครับ ถ้าหากว่าเราปรับแรงดัน regulator+ใช้หัวฉีดแต่งที่ออกแบบมาสำหรับเครื่องตัวนี้โดยเฉพาะ(sr20det) หรือแม้แต่ ใช้หัวฉีดเดิมและเพิ่มแรงดัน regulator จะสามารถพิ่มบูสต์อย่างที่ผมถามไปตอนแรกได้มั้ยครับ แล้วการปรับแรงดัน regulatorจะไม่ทำให้น้ำมันหนาขึ้นหรอครับ แล้วถ้างั้น เหตุใดถึงต้องเปลี่ยน เรกุเลเตอร์ครับหรือว่า ยังไงก้ต้องยุ่งกับ ecu แน่ๆ ?

ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2012, 01:17:42 โดย speedpicking »

ออฟไลน์ warez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 702
แต่งรถต้องตั้งเป้าหมายก่อนครับ เบื้องต้นคือต้องการแรงม้า แรงบิดเท่าไหร่
หลังจากนั้นก็ไปปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆให้มันได้ตามที่เราตั้งไว้ครับ หลักๆดังนี้
1.ECU โดนก่อนครับเพราะว่าโดยปกติ อุปกรณ์รอบๆนั้นสามารถรองรับความแรงได้มากกว่าค่าเริ่มต้นจากโรงงานอยู่แล้ว
ถ้าเราต้องการแรงมากเกินกว่าอุปกรณ์เดิมๆ ก็จะเกิดภาวะแต่งไม่ไปเนื่องจากคอขวดในอุปกรณ์เหล่านั้น
2.ไล่เช็คทีละตัวได้เลยครับว่าคอขวดอยู่ที่ใครบ้าง แก้ไขกันไปตามลำดับก็จะได้ความแรงตามต้องการครับ

เนื่องจากเครื่องยนต์เป็นการสันดาปภายใน อุปกรณ์มีดังนี้
1.ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ได้แก่ หัวฉีด ไล่ย้อนไปจนถึงถังน้ำมัน
2.ระบบอากาศ แบ่งเป็นด้านไอดี ก็ตั้งแต่กรอง แอร์โฟลว์ เทอร์โบ อินเตอร์ ไปจนถึงวาล์ไอดี ด้านไอเสียก็ตั้งแต่วาล์วไอเสีย ออกไปจนหม้อพักปลาย
3.ระบบจุดระเบิด ตั้งแต่แบต ECU ไปจนถึงหัวเทียน
แก้คอขวดได้ก็จะได้แรงตามสเตปนั้นๆไปจนสุด บางท่านเรียก limit ของเครื่องบล็อคนั้นๆครับ

ปล.ฝากคำสอนของอาจารย์ผมด้วยครับ
"แรงทางตรงใช้เงินมาก แรงทางโค้งใช้ฝีมือมาก"

ออฟไลน์ speedpicking

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 86
    • อีเมล์
แต่งรถต้องตั้งเป้าหมายก่อนครับ เบื้องต้นคือต้องการแรงม้า แรงบิดเท่าไหร่
หลังจากนั้นก็ไปปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆให้มันได้ตามที่เราตั้งไว้ครับ หลักๆดังนี้
1.ECU โดนก่อนครับเพราะว่าโดยปกติ อุปกรณ์รอบๆนั้นสามารถรองรับความแรงได้มากกว่าค่าเริ่มต้นจากโรงงานอยู่แล้ว
ถ้าเราต้องการแรงมากเกินกว่าอุปกรณ์เดิมๆ ก็จะเกิดภาวะแต่งไม่ไปเนื่องจากคอขวดในอุปกรณ์เหล่านั้น
2.ไล่เช็คทีละตัวได้เลยครับว่าคอขวดอยู่ที่ใครบ้าง แก้ไขกันไปตามลำดับก็จะได้ความแรงตามต้องการครับ

เนื่องจากเครื่องยนต์เป็นการสันดาปภายใน อุปกรณ์มีดังนี้
1.ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ได้แก่ หัวฉีด ไล่ย้อนไปจนถึงถังน้ำมัน
2.ระบบอากาศ แบ่งเป็นด้านไอดี ก็ตั้งแต่กรอง แอร์โฟลว์ เทอร์โบ อินเตอร์ ไปจนถึงวาล์ไอดี ด้านไอเสียก็ตั้งแต่วาล์วไอเสีย ออกไปจนหม้อพักปลาย
3.ระบบจุดระเบิด ตั้งแต่แบต ECU ไปจนถึงหัวเทียน
แก้คอขวดได้ก็จะได้แรงตามสเตปนั้นๆไปจนสุด บางท่านเรียก limit ของเครื่องบล็อคนั้นๆครับ

ปล.ฝากคำสอนของอาจารย์ผมด้วยครับ
"แรงทางตรงใช้เงินมาก แรงทางโค้งใช้ฝีมือมาก"

คือ อยากรู้แค่ว่า ปรับเรคกุเลเตอร์แล้วน้ำมันจะหนาขึ้นมั้ยนะครับคือ เป้าหมายของผม แค่อยากให้รถพอที่จะแรงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย แค่ stage 1 ใช้งบน้อยๆเท่านั้นเองครับ ขอบคถณมากๆนะครับ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
เดาว่ากำลังเล่นกับบล็อค SR20DET ก็จะเสริมให้จากคุณ warez
- จะFWD DET หรือ RWD DET ก็เจอวาล์วลอยได้เหมือนกันเพราะใช้วาล์วไฮดรอลิก
ขับด้วยกระเดื่องอีกที SRDET ที่ทนรอบสูงได้ดี เท่าที่รู้ก็จะมีเครื่อง SR20DET Pulsar GTi-R
ซึ่งเปลี่ยนระบบขับวาล์วเป็นแบบไม่มีตัวปรับไฮดรอลิก จะปรับวาล์วทีใช้รองแผ่นชิมเอา
เหมือนพวกเครื่องJZ
- จะแก้อาการวาล์วลอยโดยไม่เปลี่ยนรูปแบบระบบขับวาล์ว ทำได้ ใช้สปริงวาล์วและรีเทนเนอร์
ผมเคยทำใส่เครื่อง NA และเขียนบทความไว้แล้ว ลองอัดไปได้ 8,500 รอบต่อนาที
ไม่เห็นต้องใส่ตัวกันกระเดื่องกระเด็นอะไร แต่ผมมักเล่นแค่ 8,000 รอบเพื่อเซฟเครื่อง

- แต่ที่จริงเครื่องเดิมแค็มเดิมมันก็ 8,000 รอบได้สบายอยู่แล้ว เพียงแต่พอใส่แค็มที่ระยะยกสูง
คุณต้องมีสปริงวาล์วที่ดีดกลับได้ไวด้วย ลองสังเกตดูแค็มแต่งสิครับ แค็มแต่ง SR บางประเภท
เขาจะบอกว่าใส่กับสปริงวาล์วเดิมได้ พวกนี้มักมีลิฟท์ไม่สูงเกิน 11 ม.ม. อย่างปี๊ดสุดก็ 11.5
ไม่งั้นด้อง..ของผมใส่แค็ม 12 ม.ม. ซึ่งทางบริษัท BrianCrower เคลมว่าใส่กับสปริงเดิมได้
แต่เจ้าหน้าที่คนที่ผมคุยด้วยแนะนำว่าใช้ได้..แต่อย่าลากเกิน 7,000 นะ

- แต่ถ้าถามจูนเนอร์คนไทย พี่แม็ค MACTEC เคยบอกว่าบางครั้งมันขึ้นอยู่กับความสั่นสะเทือน
ตามความถี่มรณะ บางครั้งโปรแกรมรอบตัดไว้ 8,000 จริงแต่คุณเร่งรอบไปตัดตึดๆๆๆๆๆตรงนั้น
คาไว้นานไปบางทีวาล์วลอยได้เหมือนกันฉะนั้นอย่าบ้า

- ส่วนเครื่อง SR20DET ของเดิมมาบูสท์ก็อยู่ 0.6-0.7 อยู่แล้ว ถ้าคุณจะปรับเป็น 0.8
ผมว่าเสียเวลาเปล่าครับ เอาสัก 0.9 บาร์ไปเลย แต่ หัวฉีดเดิมรองรับได้สบาย
ของเดิม SR ชอบถมน้ำมันหนามาจากโรงงานอยู่แล้ว เจอบูสท์เพิ่มหน่อยๆ มันจะบางกำลังสวย
ถ้าคุณกลัว อยากชัวร์ ไปเจาะท่อ ฝังเซ็นเซอร์วัด AF แล้ววิ่งดูก็ได้ครับว่าน้ำมันบางไปหรือไม่
ไอ้ตรงนี้แหละที่จะตอบว่าคุณต้องปรับอะไรกับเรกูเลเตอร์หรือไม่..ซึ่งในความเห็นผม 0.9 บาร์
ด้วยเทอร์โบเดิม ไม่ต้อง. รถบางคันที่วาง วางเสร็จบูสท์ก็โผล่มา 0.9บาร์โดยที่เจ้าของไม่ได้ทำอะไร
นอกจากกรองกับท่อก็มีครับ ก็วิ่งได้ไม่มีปัญหาอะไร

- ถ้าอยากลงทุนหน่อย กล่อง Piggyback สักใบ กับปรับบูสท์ไฟฟ้าครับ..ถ้าจูนดีๆ
SR20DET ขับหน้าคุณจะทำให้แตะ 300 ม้าที่เครื่องก็ได้ แต่ถ้า 300 ม้าที่ล้อล่ะก็ ต้องเตรียมเปลี่ยนลูก
กับก้านสูบได้เลย
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
ความรู้มันส์ๆเลยครับ 555 :D

ออฟไลน์ speedpicking

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 86
    • อีเมล์
ได้ความรู้มากๆครับ ขอบคุณมากครับ . . ถ้าสงสัยอะไรเพิ่มจะมาถามใหม่นะครับ ขอบคุณจริงๆครับ