ถ่ายรูปงาน Toyota Crown 60th celebration ที่ Toyota Automobile Museum มาฝากครับ

[saintokung]

เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไป Toyota Automobile Museum ที่เมืองนาโงย่ามาครับ ซึ่งช่วงที่ไปมีการจัดนิทรรศการ Crown 60th celebration ครับ ซึ่งรถรุ่น Crown ถือเป็นรถรุ่นเรือธงสำหรับ Toyota ที่ขายในประเทศญี่ปุ่นครับ มีด้วยกัน 14 generation แล้วด้วยกันครับ

[saintokung]

Generation ที่ 1 ปี 1955 ครับ ถือเป็นรุ่นแรกที่โตโยต้า พัฒนาขึ้นเองโดยไม่อาศัยความช่วยเหลือหรือเทคโนโลยีจากต่างชาติครับ และไม่ได้พัฒนาพื้นฐานจากแชสซีส์รถกระบะ หรือรถบรรทุก แต่ลือกที่จะสร้างแชสซีส์สำหรับรถนั่งขึ้นใหม่เองครับ  ต่อมา ได้มีการพัฒนารุ่นสำหรับใช้เป็น taxi คือ Toyopet  Master ครับ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง
ในปี 1958 ได้มีเวอร์ชั้่นส่งออกไปขายยังสหรัฐอเมริกาครับ  แต่ไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีปัญหาในด้านความทนทาน ด้านการสั่นสะเทือนของตัวรถ พละกำลังที่น้อย และปัญหาด้านความร้อนของเครื่องยนต์ จึงยุติการส่งขายที่สหรัฐ ในปี 1960 ครับ

[saintokung]

ต่อมาใน gen 2 สืบเนื่องจากการมาของ Nissan Cedric และ Prince motor Gloria ในปี 1959 ทำให้ยอดขาย Crown รุ่นแรกลดลง สวนกับภาวะเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูของญี่ปุ่น  โตโยต้าจึงได้ออก Crown gen2 ในปี 1962 ออกมา โดยได้พัฒนาจากรุ่นแรก โดยแก้ปัญหาเรื่องความทนทาน พละกำลัง นอกจากนี้ยังได้ใช้ X-frame chassis และเครื่องยนต์ M-line 6 สูบ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ M รุ่นแรกครับ

[saintokung]

ต่อมาในปี 1967 โตโยต้าได้คลอด gen 3 ออกมา โดยมีจุดมุงหมายเป็นผู้นำในกลุ่ม private high end car โดยใน gen นี้เป็นรุ่นแรกที่มีเวอร์ชั่น 2 ประตู และมีการพัฒนาแชสซีส์ขึ้นใหม่ เพื่อรองรับการดูดซับแรงกระแทนจากการชนให้ดีขึ้น และเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสาร และยังปรับปรุงความปลอดภัยให้ผ่านมาตรฐานของประเทศสหรัฐอเมริกาครับ

[Shimura]

รูปสวยมากครับ Crown นี่ ชอบสุดแล้วครับ แต่ยังไม่ได้ใช้ซักที ราคานำเข้าแพงเกินรับ ถ้าเทียบกับในญี่ปุ่น

[saintokung]

ต่อมาใน gen 4 หรือ รู้จักกันดีว่า โฉมปลาวาฬ ใน gen นี้โตโยต้าได้มีการพัฒนาด้านการออกแบบ โดยใช้คอนเซ็ป futuristic spindle shape styling และมีการใช้กันชนสีเดียวกับตัวรถเป็นครั้งแรกครับ ซึงช่วงแรกของการเปิดตัว ผู้คนต่างพูดถึงในด้านดีไซน์เป็นจำนวนมาก แต่ยอดขายกลับไม่ดีเท่าที่ควรครับ

[saintokung]

สืบเนื่องจากยอดขายที่ตกต่ำของ gen4 และวิกฤตราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และมาตราการมลพิษของญี่ปุ่น ทำให้โตโยต้าตัดสินใจเลื่อนการเปิดตัว gen5 ออกมาเร็วขึ้นครับ โดยเริ่มแนะนำในปี 1975 โดยใช้ดีไซน์ส่งกล่อง และ อนุรักษ์นิยม นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งเครื่องกรองไอเสียใน gen นี้ด้วยครับ

[saintokung]

ต่อมาใน gen 6 ครับ สืบเนื่องจากวิกฤตการณ์น้ำมัน ในปี 1973 และ 1979 ทำให้ใน gen 6 โตโยต้าได้พัฒนาเรื่องของ การลดน้ำหนัก และ aerodynamics โดยยังคงสไตล์ทรงกล่องเอาไว้ นอกจากนี้ใน gen นี้ยังได้มีการติดตั้ง cruise control ด้วยครับ

[saintokung]

ต่อมาในปี 1973 โตโยต้าได้คลอด Crown gen ที่ 7 ครับ ซึ่งตรงกับช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่ในญี่ปุ่น โดยมีจุดมุ่งหมายให้รุ่นนี้เป้นรถรุ่นที่หรูหราที่สุดในโลก  ในรุ่นนี้ได้มีการใช้ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ แบบ full frame ซึ่งช่วยในเรื่องของการลดการสั่นสะเทือน และความเงียบภายในห้องโดยสารครับ

[saintokung]

ต่อมาในปี 1987 โตโยต้าออก gen ที่ 8 ครับ โดยในช่วงเดียวกันนี้ โตโยต้า ฮอนด้า และนิสสัน ได้แข่งขันการทำแบรนด์หรูเข้าสู่ตลาดสหรัฐ ในนาม Lexus Acura และ Infinity ครับ โดยใน gen นี้ได้บรรจุระบบอิเล็กทรอนิคส์มากมายครับ เช่น ระบบ hands free, electromulti vision screen และยังมีการใช้ช่วงล่างแบบ electronic air suspension system โดยในช่วงแรก เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นแบบ 3000 cc ครับ และมีการเพิ่มเครื่องยนต์ V8 4 liter ในปี 1989 ครับ

[saintokung]

ต่อมาในปี 1991 โตโยต้าได้ทำการออกรุุ่น gen 9 ครับ โดยทำการ full modelchange เพียงแค่รุ่น hard top เท่านั้น และได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า Crown majesta ให้กับรุ่น hard top ครับ  โดยในรุ่นนี้ได้เปลี่ยนมาใช้ตัวถังแบบ monococque และใช้ช่วงล่างแบบ electronic 4 wheel double wishbone ครับ

[saintokung]

ต่อมา gen ที่ 10 ครับ ในปี1995 โตโยต้าได้ทำการคลอด gen ที่ 10 ออกมา โดยตรงกับการเฉลิมฉลอง Crown ครบ 40 ปี ครับ ในรุ่นนี้ รุ่นย่อย Majesta และ Royal series นั้นจะใช้ตัวถังร่วมกันแบบ monococque และยังได้ทำการขยายฐานล้อ ลดน้ำหนักตัวรถ และปรับปรุงอัตราสิ้นเปลืองครับ

[saintokung]

ต่อมาในปี 1999 โตโยต้าได้สวนกระแสตความนิยมในรถกลุ่ม MPV และ SUV ด้วยการออก crown gen ที่ 11 ครับ โดยในรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ใช้โครงสร้างนิรภัย GOA และมีการแบ่งรุ่นออกเป็น Crown Athlete สำหรับกลุ่มเน้นสปอร์ต และรุ่น Royal series สำหรับกลุ่มเน้นหรูและสะดวกสบายครับ

[saintokung]

ต่อมาในปี 2003 โตโยต้าได้ทำการออก gen ที่ 12 ครับ โดยยึดหลักการพัฒนาในแนวทาง Zero Crown คือย้อนกลับไปสู่แนวคิดเริ่มต้นในการพัฒนารถยนต์ โดยใช้แนวคิด การเปลี่ยนแปลงจากหยุดนิ่ง สู่ความเคลื่อนไหว ( Transition from Stasis to Kinesis ) ซึ่งใน gen นี้ ได้ทำการปรับปรุงเรื่องสมรรถนะการขับขี่ การดูดซับแรงกระแทก และใช้เครืองยนต์ V6 ครับ

[J!MMY]

ขอบคุณมากครับ

เสริมนิดเดียว

1. ญี่ปุ่น เริ่มส่งออก Lexus กับ Infiniti ไปอเมริกา ปี 1989 นะครับ ไม่ใช่ 1987
ส่วน Acura เขาบินไปประเดิมตั้งแต่ 1987 ครับ

2. รุ่นปี 1991 เขาเปลี่ยนโฉม เฉพาะ ตัวถัง Hardtop และเพิ่มตัวถัง Majesta ที่เห็นนั่นละครับ เป็นตัวถัง Monocoque
ส่วนตัวถัง Body on Frame ยังคงใช้อยู่จนถึง รุ่นที่ 11 ครับ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรุ่น 12 Zero Crown จึงจะเลิกใช้
ตัวถัง Body on Frame แบบรถกระบะ ทั้งหมดครับ

เหตุผล คือ Toyota อยากทำ Crown แบบ Monocoque เต็มทน
แต่เสียงเรียกร้อง ของพวกลูกค้าเก่าๆ และดีลเลอร์จำนวนมาก ไม่อยากให้เปลี่ยน
ก็เลยต้องทำออกมาเป็นทางเลือกอย่างที่เห็นครับ

วันนี้ Majesta ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อ ไปยอดขายก็ลดลง เพราะถือเป็นตัวแพงสุด
ในตระกูล Crown และหลายคนในญี่ปุ่นมองว่า ราคาขนาดนั้น ขยับไปเล่น Lexus LS เลยดีกว่า

[saintokung]

ขอบคุณพี่จิมมี่ มากครับ

[TCh]

สืบเนื่องจากยอดขายที่ตกต่ำของ gen4 และวิกฤตราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และมาตราการมลพิษของญี่ปุ่น ทำให้โตโยต้าตัดสินใจเลื่อนการเปิดตัว gen5 ออกมาเร็วขึ้นครับ โดยเริ่มแนะนำในปี 1975 โดยใช้ดีไซน์ส่งกล่อง และ อนุรักษ์นิยม นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งเครื่องกรองไอเสียใน gen นี้ด้วยครับ

ชอบ Gen 4 ครับ สวยดี

[keanetona]

ต่อมาใน gen 4 หรือ รู้จักกันดีว่า โฉมปลาวาฬ ใน gen นี้โตโยต้าได้มีการพัฒนาด้านการออกแบบ โดยใช้คอนเซ็ป futuristic spindle shape styling และมีการใช้กันชนสีเดียวกับตัวรถเป็นครั้งแรกครับ ซึงช่วงแรกของการเปิดตัว ผู้คนต่างพูดถึงในด้านดีไซน์เป็นจำนวนมาก แต่ยอดขายกลับไม่ดีเท่าที่ควรครับ

ที่บ้านเคยมีรุ่นนี้ ยังจำได้ 3เกียร์ คันเกียร์อยู่ที่พวงมาลัย เบาะหน้าเป็นเบาะยาว

[redsun]

รูปสวยมากครับ อ่านสนุกด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ

[Fong]

ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
 

[Odeng]

  ขอบคุณครับ ได้รู้จักประวัติของคราวน์ก็คราวนี้เอง    แต่ Gen 4 ผมจะรู้จักในชื่อ ปลากะโห้ นะครับ ไม่รู้ว่ามีชื่อเล่นชื่ออื่นด้วย

[saintokung]

ต่อที่ gen ที่ 13 นะครับ ผลิตและจำหน่ายในปี 2008 ครับ เป็นรุ่นแรกที่มีเวอร์ชั่น hybrid ครับ นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นแรกที่มีระบบ VDIM ( Vehicle Dynamic Integrated Management) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และ ระบบ NAVI/AI-AVS ( Navigation/Artificial Intelligence Adaptive Variable Suspension System) ครับ



ปล. รูปประกอบจาก google นะครับ รุ่นนี้ไม่มีจัดแสดงครับ

[saintokung]

สุดท้าย gen ล่าสุดครับ gen ที่ 14 วางจำหน่ายปี 2012 ครับ รุ่นนี้มีได้มีการออกแบบตามแนวทาง aggressive look และมีสีชมพูวางจำหน่าย และใช้เป็นสีโปรโมทเป็นครั้งแรกครับ  สำหรับเครื่องยนต์ มีทั้งรุ่น 6 สูบ 3000 cc และ เครื่อง 4 สูบ 2500 cc hybrid ครับ

[art_duron]

ขอบคุณมากๆ เลยครับ อยากไปดูจังเลย 

[saintokung]

ใครที่สนใจและมีโอกาสไปญี่ปุ่น ถ้ามีเวลาลองไปแวะชมที่ Toyota Automobile Museum ที่นาโงย่าได้นะครับ ค่าเข้าชม 1000 เยนครับ ภายในพิพิธภัณฑ์ไม่ได้มีแต่รถโตโยต้านะครับ แต่มีตั้งแต่รถยุคแรกๆ ในสภาพสมบูรณ์ครับ เกือบทุกยี่ห้อครับ  การเดินทาง เริ่มจาก JR Nagoya นั่งรถไฟใต้ดิน Nagoya CITY subway Higashiyama line ครับ นั่งไปสุดสาย ต่อรถไฟ Linimo ลงสถานี Geidaidori ครับ  สุดท้ายนี้ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่สนใจอ่านกระทู้นี้นะครับ ถ้าข้อมูลผิดพลาดหรืออ่านแล้วงงๆ (ปกติไม่ถนัดแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาเขียนครับ แค่พูดได้ ฟังได้ อ่านจับใจความแบบเข้าใจคนเดียวครับ 55 ) ต้องขออภัย ณ ที่นี้นะครับ ถ้ามีเวลาจะลงรูปที่เหลือให้นะครับ ขอบคุณครับ

[burutrad]

  ขอบคุณครับ ได้รู้จักประวัติของคราวน์ก็คราวนี้เอง    แต่ Gen 4 ผมจะรู้จักในชื่อ ปลากะโห้ นะครับ ไม่รู้ว่ามีชื่อเล่นชื่ออื่นด้วย

 รุ่นนี้ผมก็รู้จักในชื่อปลากระโห้เหมือนกันและเคยขับด้วย...555

[localgame]

เคยใช้ทั้งgen5และ ปัจจุบันใช้ gen8อยู่ แต่งงมากบ้านเราGen8วางเครื่อง5M 2800cc เครื่องตัวนี้วางในGen7บ้านเรา ที่ญี่ปุ่นวางเครื่องJZ 3000ccแล้วในGen8 งงจริงๆ

[Ty ESC]

เห็นละคิดถึงอากงกับคนรถคนเก่า

คนรถแกขัดGen4เงาแว้บตลอด
สมัยเด็กๆไปเล่นไอ้ช่องๆตรงกระจังที่เปนสี่เหลี่ยมเอาอะไรไปยัดเล่นตลอด

[Slipknot`]

ขอบคุณครับ

โฉมปัจจุบันสีชมพูมันจี๊ดได้ใจจริงๆ

[SM.]

ชอบ Gen4 ที่สุด

เพิ่งเจอรุ่นล่าสุดมาเอง แถวๆ แจ้งวัฒนะ

TMT น่าจะนำเข้ามาขายนะครับ ถือเป็นหน้าเป็นตาให้แก่บริษัทด้วย สำหรับรถรุ่นนี้