ผู้เขียน หัวข้อ: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !  (อ่าน 14401 ครั้ง)

ออฟไลน์ Red Bicycle

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 16:28:26 »
 :) ถ้าเปรียบเทียบ รถยนต์ไว้ใช้สำหรับเดินทางไกล

 :) ระหว่าง C segment และ D segment ( รถญี่ปุ่น )

 :) คิดว่ามันมีความแตกต่างอย่าง มีนัยสำคัญพอ สำหรับเงินที่ต้องเพิ่มขึ้นไหมครับ

 :) เพราะปัจจุบัน C segment ก็พัฒนาล้ำไปมาก ทั้งอุปกรณ์เพื่อการขับขี่ ความปลอดภัย และสะดวกสะบาย
     แทบไม่แตกต่างกันเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2015, 16:37:58 โดย Red Bicycle »

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,405
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 16:43:32 »
- D segment จะเหมาะกว่านะครับ คันใหญ่สบายกว่า ถ้ามีเงินมากพอก้เหมาะสมที่จะเพิ่มเงินครับแต่ถ้าต้องลำบากก้ไม่จำเป็นเพราะ C

segment ก้ขับไปถึงมาเลย์ได้สบายๆครับเป็นผมถ้าจะซื้อ c segment ถ้าราคา 8-9.5 โอเคครับแต่ถ้าเกินล้านขอไป D ดีกว่าครับ


ออฟไลน์ chinjung

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 353
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 16:49:37 »
- D segment จะเหมาะกว่านะครับ คันใหญ่สบายกว่า ถ้ามีเงินมากพอก้เหมาะสมที่จะเพิ่มเงินครับแต่ถ้าต้องลำบากก้ไม่จำเป็นเพราะ C

segment ก้ขับไปถึงมาเลย์ได้สบายๆครับเป็นผมถ้าจะซื้อ c segment ถ้าราคา 8-9.5 โอเคครับแต่ถ้าเกินล้านขอไป D ดีกว่าครับ

+1

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 17:35:48 »
เส้นอื่นไม่รู้ แต่บูรพาวิถี C-segment ญี่ปุ่น จัดว่าขับเหนื่อยครับ รถโยก ต้องเปลี่ยนโช้คเป็น Kayaba special new sr รวมสปริงก็ 2หมื่นกว่า

แต่ก็ประหยัดกว่า D-segment เยอะพอควรครับ

ออฟไลน์ CJ.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,946
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 18:30:28 »
D สบายกว่ามากอยู่ครับ

แต่ C ตัวท้อปๆ ยุคนี้สมรรถนะก็ใช้ได้อยู่
2005 Jaguar XJ Super V8
2005 Mercedes-Benz C230 Kom. Sports Coupe
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Honda CR-V 2.4S
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Lexus IS300h Luxury
2021 Mercedes-Benz GLE 350de 4MATIC Exclusive
2021 Porsche 911 Carrera S

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 18:45:15 »
ความต่างนี่คงไม่เยอะมากครับ สำหรับเดินทางไกลรถใหญ่ + เครื่องใหญ่เหมาะสมที่สุดครับ คนขับนั่งสบายแถมเครื่องยนตร์ขับนานๆแล้วแรงไม่ค่อยตกครับ


ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 19:01:50 »
ถ้าเอาภาพรวม ท็อปวัดท็อปไม่เจาะจงค่าย
Dได้เปรียบเรื่องความนุ่มสบาย อัตราเร่ง การเก็บเสียง การซับแรงสะเทือน

ส่วนความต่างแบบมีนัยสำคัญที่จะเพิ่มเงินหรือไม่
ผมว่าแล้วแต่คนนะ หลายๆคนก็เฉยๆ แต่สำหรับผมมีความสำคัญมากครับ เคยขับอัลติสตัวที่แล้ว บอกเลยไม่ไหวจริงๆ ปวดเมื่อยมากๆ ดีตรงติดแก๊สประหยัดดี

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,718
  • การเดินทางครั้งใหม่
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 19:04:08 »
ขับ Camry2.0 กับ civic1.8 กลับบ้าน ตจว ไป 500โล กลับอีก 500 ขับ Camry ผ่อนคลายกว่ามากครับ
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ FyGI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,308
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 19:44:34 »
เส้นอื่นไม่รู้ แต่บูรพาวิถี C-segment ญี่ปุ่น จัดว่าขับเหนื่อยครับ รถโยก ต้องเปลี่ยนโช้คเป็น Kayaba special new sr รวมสปริงก็ 2หมื่นกว่า

แต่ก็ประหยัดกว่า D-segment เยอะพอควรครับ

Camry 2.0 Ex เจอบูรพาวิถีก็ไม่รอดครับ เลย 120 หน้าเริ่มลอยๆ ละ

ออฟไลน์ peterW

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 579
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 19:59:03 »
ถ้า ไม่ D-segment ก็  SUV รุ่นใหม่ๆ   ก็ขับสบายเหมือนกัน
ความแตกต่างของความเมื่อยล้า ผิดกันเยอะ ระหว่าง C กับ D  ยิ่งวัยเลย 35 ปี ขึ้นไป จะยิ่งชัดมากขึ้น

ออฟไลน์ ichok

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 791
    • อีเมล์
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 20:04:16 »
ถ้าเปรียบ ซีตัวท็อป กะ ดีตัวล่าง และโจทย์เดินทางไกลผมจิ้มไปที่ดีเซกเมนท์ครับ ค่าตัวห่างกันไม่มาก แต่แลกมาด้วยความสบายผ่อนคลายกว่าจริงๆครับ แต่ถ้าเอาซีตัวล่างมาชนกะดีตัวท็อป ส่วนต่างค่าตัวเจ็ดแปดแสน อันนั้นต่างกันอย่างมีนัยยะแน่ๆ

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 21:06:39 »
ทุกวันนี้ผมขับ D-Segment อายุ 10 กว่าปี เส้นบูรพาวิถี
ขับสบายกว่า C-Segment ใหม่ๆครับ ยิ่งช่วงลมแรงๆ รถหนักๆมั่นคงกว่าครับ

ออฟไลน์ yourturle

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,080
    • อีเมล์
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 21:42:40 »
มาตรฐาน D seg ที่บริษทรถตั้งไว้ ไม่มีทางที่ C seg จะเหนือกว่าในการเดินทางไกล
แม้ว่าจะมีอุปกรณ์ความปลอดภัย และสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น

ขับ D นุ่มกว่า สบายกว่า กว้างกว่า นั่ง4คนไม่อึดอัด อัตราเร่งทางไกลฉิว มั่นใจเวลาขับเร็ว

คุ้มที่จะจ่ายมากกว่า C และเป็นรถครอบครัวไปในตัว 
One Day.

ออฟไลน์ Armaru

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 106
    • อีเมล์
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 21:49:50 »
ถ้า C segment ญี่ปุ่น ถึงจะเป็นรุ่นท๊อป สำหรับผมยังเหนื่อยครับ เคยขับ FD 2.0 ของพี่สาว กรุงเทพ-ภูเก็ต ประมาณ 900km ล้ามากๆครับ เสียงลม+เสียงล้อตอนวิ่งความเร็วสูง มันทำให้เราเครียดได้จริงๆ นี่ยังไม่นับช่วงล่างที่ตึงตังเลยครับ ได้แรงอย่างเดียว  ต้องใช้สมาธิตลอด
ส่วน C segment อเมริกันรุ่นท๊อป อย่าง ครูซ ดีเซล รถผมเอง เดินทางไกล รื่นรมณ์กว่ากันเยอะครับ วิ่งเส้นทางเดียวกันทุกประการ เก็บเสียงเงียบ นิ่ม หนึบ รู้สึกรถแน่นไปทั้งคัน ขับแล้วมั่นใจกว่าเยอะ แต่นั่งนานๆก็เมื่อย+ปวดตูดอยู่เหมือนกันครับ เพราะเบาะแข็ง

สำหรับผมชอบ C segment ตัวท๊อปๆมากกว่า D segment ตัวล่างๆนะครับ ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถด้วย ไปไหนมาไหนตัวคนเดียวตลอด เลือกรถเล็กลงหน่อยจะคล่องตัวกว่ามาก พวกออฟชั่นความปลอดภัยอะไรพวกนี้ก็ได้มาแบบครบครันด้วยครับ

ออฟไลน์ focus2012

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 815
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 22:08:05 »
ผมขับ Focus โฉมปัจจุบัน เทียบกับ Camry โฉม 05-08 (รถออฟฟิต) เวลาวิ่งต่างจังหวัด รู้สึกพอๆกันนะครับ อาจจะเป็นที่ช่วงล่างฟอร์ดและพวงมาลัย set มาดี camry ยิ่งวิ่งเร็วพวงมาลัยยิ่งเบา เริ่มเกร็งมากกว่าเยอะ

ออฟไลน์ legion

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 253
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 22:36:19 »
ต่างเยอะครับ
แต่ b seg กับ c seg ต่างกันไม่มากเหมือนทc seg กับ d seg ในการเดินทางไกล
เงื่อนไขคือต้องรถใหม่สมบูรณ์นะครับ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,431
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 22:39:39 »
นอกจากรถใหญ่กว่า จะขับสบาย นั่งสบายกว่าแล้ว ความปลอดภัยก็ดีกว่านะครับ

ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,488
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 22:57:34 »
ใหญ่กว่าขับไกลๆ สบายกว่า แต่เรื่องสมรรถนะรถ การเกาะถนน ฯลฯ คงขึ้นอยู่กับรุ่นรถด้วยนะครับ

ถ้างบถึงและเน้นวิ่งไกลๆ ก็จัด D โลดครับ
แต่ถ้างบจำกัด C ก็วิ่งไกลๆ ได้ครับ

เห็นคนเอาอีโค่คาร์วิ่งกับทั่วไทยครับ ไม่แย่ขนาดปลิ้วตกข้างทางหรอกครับ หึหึ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2015, 23:54:05 »
คำถามประเภทนี้ตอบยากนะ คนถนัดทรงเบาะก็ไม่เหมือนกัน เมื่อยกับรถบางรุ่นก็ไม่เหมือนกัน บอดี้ไซส์เดียวกันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
แล้วยังมองแบบภาพรวม C-Segment กับ D-Segment อีก

สมมติว่า D-Segment เป็น Accord 2.0 แล้ว C-Segment เป็น Ford Focus 2.0 ผมว่าเท่าที่ลองขับ (ไม่ถึง 1000 โล
แต่ได้ประมาณ 250-300 โล) ผมว่า Focus ผมเมื่อยแค่เข่าขวาที่วางตำแหน่งไม่ค่อยถนัดกับเบาะนะ
แต่ Accord นี่ปวดแขนซ้ายด้านล่างไปถึงข้อมือ ยิ่งขับแบบรีบ Focus ยิ่งเหนื่อยน้อยกว่า

ความเหนื่อยล้าเกิดได้จากหลายส่วนของรถ รถบางคันพวงมาลัยเบาและไวที่ความเร็วสูง หรือตำแหน่งเบาะมันไม่ดี
อย่างผมขับ Tiida นี่ไป 6-700 ก.ม. เมื่อยน้อยกว่าขับ Camry รุ่นเก่าอีก..แต่ถ้ารถติดๆแล้วคาเท้าไว้เบรกนานๆ Tiida เนี่ยล่ะตัวเมื่อย

ดังนั้นผมว่าแทนที่จะระบุว่าต้องเป็น C หรือ D Segment ผมว่ามันสำคัญมากกว่าที่คุณจะลองนั่งบนเบาะรถรุ่นนั้น
ลองขยับตำแหน่งต่างๆให้ดี พวงมาลัยถ้าปรับขึ้นลงเข้าออกได้ก็ต้องลองให้หมด ความสบายมันเริ่มต้นจากการที่
เบาะ แผงประตู แป้นเหยียบ พวงมาลัย ทุกอย่างได้ระยะที่รองรับสรีระคุณได้พอดี

ส่วนเรื่องต่อมาคือพวงมาลัยเบาไปมั้ย ไวไปมั้ย การเกาะถนนดีมั้ย ..

สำหรับตัวผม ถ้าให้ลองนึกถึงรถ C-D Segment ที่ขับ 1,000 โลแล้วสบาย..ผมรู้สึกว่า Teana L33 สบายสุด
เมื่อมองทุกด้านรวมกัน ปัญหาคือยาจกแบบผม ถ้าให้ผ่อน Teana คันนึง ผมตายสนิท ไม่มีเงินเหลือใช้
ผมเลยขับ Tiida เล็กๆไปตรงไหนก็ได้ที่อยากไป แล้วเงินที่เหลือก็จ่ายค่าหมอนวดเอา
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

promt

  • บุคคลทั่วไป
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2015, 01:35:34 »
แล้วเงินที่เหลือก็จ่ายค่าหมอนวดเอา

ชอบคำนี้ เงินที่เหลือ ไปจ่ายหมอนวด

ออฟไลน์ focus2012

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 815
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2015, 07:13:40 »
คำถามประเภทนี้ตอบยากนะ คนถนัดทรงเบาะก็ไม่เหมือนกัน เมื่อยกับรถบางรุ่นก็ไม่เหมือนกัน บอดี้ไซส์เดียวกันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
แล้วยังมองแบบภาพรวม C-Segment กับ D-Segment อีก

สมมติว่า D-Segment เป็น Accord 2.0 แล้ว C-Segment เป็น Ford Focus 2.0 ผมว่าเท่าที่ลองขับ (ไม่ถึง 1000 โล
แต่ได้ประมาณ 250-300 โล) ผมว่า Focus ผมเมื่อยแค่เข่าขวาที่วางตำแหน่งไม่ค่อยถนัดกับเบาะนะ
แต่ Accord นี่ปวดแขนซ้ายด้านล่างไปถึงข้อมือ ยิ่งขับแบบรีบ Focus ยิ่งเหนื่อยน้อยกว่า

ความเหนื่อยล้าเกิดได้จากหลายส่วนของรถ รถบางคันพวงมาลัยเบาและไวที่ความเร็วสูง หรือตำแหน่งเบาะมันไม่ดี
อย่างผมขับ Tiida นี่ไป 6-700 ก.ม. เมื่อยน้อยกว่าขับ Camry รุ่นเก่าอีก..แต่ถ้ารถติดๆแล้วคาเท้าไว้เบรกนานๆ Tiida เนี่ยล่ะตัวเมื่อย

ดังนั้นผมว่าแทนที่จะระบุว่าต้องเป็น C หรือ D Segment ผมว่ามันสำคัญมากกว่าที่คุณจะลองนั่งบนเบาะรถรุ่นนั้น
ลองขยับตำแหน่งต่างๆให้ดี พวงมาลัยถ้าปรับขึ้นลงเข้าออกได้ก็ต้องลองให้หมด ความสบายมันเริ่มต้นจากการที่
เบาะ แผงประตู แป้นเหยียบ พวงมาลัย ทุกอย่างได้ระยะที่รองรับสรีระคุณได้พอดี

ส่วนเรื่องต่อมาคือพวงมาลัยเบาไปมั้ย ไวไปมั้ย การเกาะถนนดีมั้ย ..

สำหรับตัวผม ถ้าให้ลองนึกถึงรถ C-D Segment ที่ขับ 1,000 โลแล้วสบาย..ผมรู้สึกว่า Teana L33 สบายสุด
เมื่อมองทุกด้านรวมกัน ปัญหาคือยาจกแบบผม ถ้าให้ผ่อน Teana คันนึง ผมตายสนิท ไม่มีเงินเหลือใช้
ผมเลยขับ Tiida เล็กๆไปตรงไหนก็ได้ที่อยากไป แล้วเงินที่เหลือก็จ่ายค่าหมอนวดเอา

อ่านแต่ต้นจนจบ มาสะดุดที่ จ่ายค่าหมอนวด ฮ่าๆ ขอบคุณสำหรับแนวความคิดดีๆครับ

ออฟไลน์ Red Bicycle

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2015, 07:34:40 »
คำถามประเภทนี้ตอบยากนะ คนถนัดทรงเบาะก็ไม่เหมือนกัน เมื่อยกับรถบางรุ่นก็ไม่เหมือนกัน บอดี้ไซส์เดียวกันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
แล้วยังมองแบบภาพรวม C-Segment กับ D-Segment อีก

สมมติว่า D-Segment เป็น Accord 2.0 แล้ว C-Segment เป็น Ford Focus 2.0 ผมว่าเท่าที่ลองขับ (ไม่ถึง 1000 โล
แต่ได้ประมาณ 250-300 โล) ผมว่า Focus ผมเมื่อยแค่เข่าขวาที่วางตำแหน่งไม่ค่อยถนัดกับเบาะนะ
แต่ Accord นี่ปวดแขนซ้ายด้านล่างไปถึงข้อมือ ยิ่งขับแบบรีบ Focus ยิ่งเหนื่อยน้อยกว่า

ความเหนื่อยล้าเกิดได้จากหลายส่วนของรถ รถบางคันพวงมาลัยเบาและไวที่ความเร็วสูง หรือตำแหน่งเบาะมันไม่ดี
อย่างผมขับ Tiida นี่ไป 6-700 ก.ม. เมื่อยน้อยกว่าขับ Camry รุ่นเก่าอีก..แต่ถ้ารถติดๆแล้วคาเท้าไว้เบรกนานๆ Tiida เนี่ยล่ะตัวเมื่อย

ดังนั้นผมว่าแทนที่จะระบุว่าต้องเป็น C หรือ D Segment ผมว่ามันสำคัญมากกว่าที่คุณจะลองนั่งบนเบาะรถรุ่นนั้น
ลองขยับตำแหน่งต่างๆให้ดี พวงมาลัยถ้าปรับขึ้นลงเข้าออกได้ก็ต้องลองให้หมด ความสบายมันเริ่มต้นจากการที่
เบาะ แผงประตู แป้นเหยียบ พวงมาลัย ทุกอย่างได้ระยะที่รองรับสรีระคุณได้พอดี

ส่วนเรื่องต่อมาคือพวงมาลัยเบาไปมั้ย ไวไปมั้ย การเกาะถนนดีมั้ย ..

สำหรับตัวผม ถ้าให้ลองนึกถึงรถ C-D Segment ที่ขับ 1,000 โลแล้วสบาย..ผมรู้สึกว่า Teana L33 สบายสุด
เมื่อมองทุกด้านรวมกัน ปัญหาคือยาจกแบบผม ถ้าให้ผ่อน Teana คันนึง ผมตายสนิท ไม่มีเงินเหลือใช้
ผมเลยขับ Tiida เล็กๆไปตรงไหนก็ได้ที่อยากไป แล้วเงินที่เหลือก็จ่ายค่าหมอนวดเอา


 :-* :-* :-* 555 คุณแพนไม่เห็นใจ คนที่ไม่สามารถแอบไปนวดได้ จะทำอย่างไรละครับ มิเมื่อยแย่เลยหรือครับ

ออฟไลน์ Sit: )

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,470
    • อีเมล์
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2015, 07:40:35 »
ด้วยข้อจำกัดทางวิศวกรรม ไม่มีทางที่ d segment จะแย่กว่า
และมันต้องต่างอย่างรู้สึกได้ด้วยครับ ไม่งั้นจะขายได้อย่างไร
ราคา d segment แพงกว่าตั้งเยอะ

ยกเว้น d segment บางคันที่อาจจะพลาดทำแย่ มาเจอกับ c segment
บางรุ่นที่ตั้งใจทำมาเพื่อการขับขี่

หรือกรณีที่ c segment ,ราคาแพงหนีเพื่อนใน segment ก็อาจมีรุ่น
ที่ขับดีเกิน d segment

รถทุกคันมีต้นทุนที่ค้ำคออยู่ครับ
ถาม้ป็นภาพรวมอาจไม่มีข้อสรุป ถ้ามีเปรียบเทียบเป็นรุ่นๆ
จะแน่นอนกว่า

ออฟไลน์ focus2012

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 815
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2015, 09:43:16 »
ด้วยข้อจำกัดทางวิศวกรรม ไม่มีทางที่ d segment จะแย่กว่า
และมันต้องต่างอย่างรู้สึกได้ด้วยครับ ไม่งั้นจะขายได้อย่างไร
ราคา d segment แพงกว่าตั้งเยอะ

ยกเว้น d segment บางคันที่อาจจะพลาดทำแย่ มาเจอกับ c segment
บางรุ่นที่ตั้งใจทำมาเพื่อการขับขี่

หรือกรณีที่ c segment ,ราคาแพงหนีเพื่อนใน segment ก็อาจมีรุ่น
ที่ขับดีเกิน d segment

รถทุกคันมีต้นทุนที่ค้ำคออยู่ครับ
ถาม้ป็นภาพรวมอาจไม่มีข้อสรุป ถ้ามีเปรียบเทียบเป็นรุ่นๆ
จะแน่นอนกว่า

รถยุ่นกับยุโรป ช่วงล่างคนละฟิลกันนะครับ (เดิมๆมาตั้งแต่โรงงาน ไม่มีการปรับแต่ง)

ออฟไลน์ Marverick

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 276
    • อีเมล์
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2015, 10:55:54 »
เดินทางไกล ขับแล้วพัก พักแล้วขับ ...เมื่อยก็พักก่อน ง่วงก็พักก่อน  ประเมินตัวเองตามรถที่ใช้..แต่ถ้าเลือกซื้อรถเพื่อการเดินทางไกลก็ต้อง d segment ครับ

ออฟไลน์ demo2

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 786
    • อีเมล์
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2015, 12:46:29 »
จากประสบการณ์ตรงที่เคยใช้ lancer EX กับ teana L33
ถ้าขับเอง ความเร็วปกติ ไท่เกิน 120 ผมว่าไม่ได้เมื่อยต่างกันเท่าไหร่นะ แค่ความเมื่อยล้านะครับ
แต่ถ้านั่งเบาะหลัง ต่างกันโคตรๆครับ

ออฟไลน์ Anvers30

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,372
    • อีเมล์
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2015, 14:30:25 »
D-Segment ดีกว่าทั้งในแง่ความนิ่งทางตรง (ยกเว้นแคมรี่ ไฮบริดตัวปัจจุบัน ที่ขับมากี่คัน ก็เป็นโคลงเป็นเรือ แต่เวลาเจอลมปะทะก็โอกว่าพวก C -*-) และเบาะที่ขนาดใหญ่ รองรับตัวเราได้เต็มที่กว่า นั่งแล้วผ่อนคลายกว่า C-Segment ขนาดบอดี้ และน้ำหนักตัว มีส่วนทำให้มันโดนลมปะทะแล้วส่ายได้ง่ายกว่าครับ

แต่ในแง่การเข้าโค้ง รถเล็กขับหน้าได้เปรียบกว่ากันเยอะครับ บอดี้ขนาด D-Segment จนไปถึงพวก Full Size ทั้งหลาย ยิ่งพวกตัวโย่งๆ ทรงต้านลมนี่อาการยิ่งหนัก ลองไปอัดใส่โค้งโอกาสแหกหรือท้ายปัดสูงกว่ามากครับ


ออฟไลน์ bompuriku

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 114
    • อีเมล์
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2015, 16:26:28 »
ถ้า C ตัวท็อป กับ D ตัวล่างนี่ก็สูสีเหมือนกันนะครับ
2006 Honda Accord G7 2.4 EL
2014 Honda Accord G9 2.4 EL
2016 Toyota Fortuner 2.8 TRD Sportivo 4WD AT
2019 Mercedes-Benz E350e Exclusive

ออฟไลน์ tierak

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 903
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2015, 21:06:11 »
เคยขับรถสูงอย่างพวก ppv หรือ suv หรือป่าวครับ ถ้าเคยและรับได้กับอาการโคลงที่มีมากกว่ารถเก่ง ใช้เดินทางไกลนี่ขับอาจจะเคลียดน้อยกว่ารถเก่งนะครับ เนื่องด้วยสภาพถนนบ้านเราหรือแม้แต่การใช้รถใช้ถนนของผู้ขับขี่เอง คนรู้จักผมหลายคนมีทั้งเก่ง D กับ ppv หรือแม้แต่กระบะสี่ประตู ไม่ใช้รถเก่งเวลาเดินทางไกล บอกขับรถสูงๆสบายกว่า

ถ้าตามโจทก์ก็คงต้องตอบว่าเก่ง D ย่อมสบายกว่าอยู่แล้วอาจจะมียกเว้นบางรุ่น

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
Re: รถยนต์ C segment และ D segment เดินทางไกล !
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2015, 22:06:56 »
D-Segment ดีกว่าทั้งในแง่ความนิ่งทางตรง (ยกเว้นแคมรี่ ไฮบริดตัวปัจจุบัน ที่ขับมากี่คัน ก็เป็นโคลงเป็นเรือ แต่เวลาเจอลมปะทะก็โอกว่าพวก C -*-) และเบาะที่ขนาดใหญ่ รองรับตัวเราได้เต็มที่กว่า นั่งแล้วผ่อนคลายกว่า C-Segment ขนาดบอดี้ และน้ำหนักตัว มีส่วนทำให้มันโดนลมปะทะแล้วส่ายได้ง่ายกว่าครับ

แต่ในแง่การเข้าโค้ง รถเล็กขับหน้าได้เปรียบกว่ากันเยอะครับ บอดี้ขนาด D-Segment จนไปถึงพวก Full Size ทั้งหลาย ยิ่งพวกตัวโย่งๆ ทรงต้านลมนี่อาการยิ่งหนัก ลองไปอัดใส่โค้งโอกาสแหกหรือท้ายปัดสูงกว่ามากครับ

ผมว่าไม่ทุกคันนะครับ ในแง่ของการเข้าโค้ง  ขอยกตัวอย่าง full size อย่าง s-class หรือ Series7 มาเทียบกับรถขับหน้าทั่วไปดูผมว่า s-class หรือ series7 มันใจกว่าเยอะครับ