ไม่รู้เลยว่ามันหนักกว่าตั้ง300กิโล นี่มันแบกควายวิ่งแล้ว น้ำหนักรถที่มากกว่าเสียเปรียบรถที่เบากว่าเวลาเข้าโค้งครับ แต่รถที่ตัวหนักมาแต่แรกเริ่มนั้นมักจะมีการออกแบบให้ระบบช่วงล่างทำงานเข้าขากับตัวถังที่หนักอึ้งเพื่อให้ช่วงล่างเอาอยู่ในทุกๆสถาณการณ์ไม่ให้ตัวถังที่หนักอึ้งเป็นตัวถัวถ่วงประสิทธิภาพโดยรวมของรถ ยกตัวอย่างเช่นมาสด้า/ฟอร์ดรุ่นก่อนๆน้ำหนักรถมากกว่าคู่แข่งในรุ่นเดียวกันเกือบๆร้อยกิโลเลยแต่ถึงกระนั้นก็สามารถทำให้ช่วงล่างดีกว่าได้ทั้งทางตรงและในโค้งผ่านชิ้นส่วนตามตัวถังจุดต่างๆ รวมถึงซับเฟรมกับชิ้นส่วนช่วงล่างที่มีขนาดใหญ่เพื่อรองรับแรงกระทำของตัวถังยามที่ช่วงล่างทำงาน
ส่วนยี่ห้ออื่นเอาน้ำหนักมาถ่วงแล้วจะทำให้การทำงานของช่วงล่างดีขึ้นเทียบเท่าได้ไหม อันนี้ก็ต้องดูแล้วว่าประสิทธิภาพของช่วงล่างนั้นเอาน้ำหนักที่เพิ่มเข้าไปอยู่หรือเปล่า รวทถึงสมดุลย์ของน้ำหนักที่จะเอามาถ่วงด้วยเพราะว่าเรื่องของการตอบสนองช่วงล่างมันไม่ใช่แค่การเพิ่มน้ำหนักหรือทำให้โช๊คแข็งขึ้นมาเท่านั้น ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กันหมด ถ่วงน้ำหนักเพิ่มอาจจะช่วยในเรื่องความนิ่งเวลาแล่นทางตรงแต่พอเข้าโค้งหรือเบรตคอาจจะแย่กว่าของเดิมไปมากก็ได้ จินตนาการง่ายๆเวลาไปซุปเปอร์มาเก็ตเข็นรถเข็น คันนึงใส่ข้าวสารถุงเดียวกับอีกคันที่ใส่ข้าวสารสิบถุง คันที่ใส่ข้าวสารสิบถุงเวลาจะเลี้ยวเปลี่ยนไปช่องแผนกอื่นมันจะมีแรงเหวี่ยงจากโมเมนตั้มที่มากกว่า การบังคับเล้ยวควบคุมก็ยากกว่า
ถูกต้องครับ
ถ้าเรามองว่ารถเบาเข้าโค้งดีกว่า มันจะเป็นไอเดียที่ General มาก เหมือนกับเวลาเราพูดว่ารถยุโรปเกาะถนนกว่ารถญี่ปุ่น
General มาก แต่เมื่อพูดไปก็ห่างไกลจากคำว่าถูกต้อง 100%
รถน้ำหนักเบา ทำให้มีสมรรถณะการเข้าโค้งที่ดี คล่องแคล่ว ว่องไว แต่ต้องมาควบคู่กับยางที่
สามารถเกาะถนนได้ดี ช่วงล่างที่มีการยุบยืดในลักษณะความหนืดที่เข้ากับสถานการณ์ที่รถคันนั้นต้องเจอ
การขยับตัวของช่วงล่างรักษามุมล้อได้ตามความต้องการที่เหมาะสมกับงานที่รถกำลังทำอยู่
สำหรับบางค่าย เลือกทำรถหนักเพราะต้องการเอาน้ำหนักรถมาสร้างความรู้สึกหนักแน่นมั่นคงในยามขับขี่
แล้วก็ไปชดเชยความหนักตรงนั้นด้วยช่วงล่าง ความหนักมีข้อดีตรงที่จะวิ่งช้าหรือเร็ว มันก็ช่วยกดรถให้ไม่สะเทือน
แต่ความมั่นคงประเภทที่เกิดจากแอโร่ไดนามิกส์ เช่นลิ้นหน้า หางหลัง ฝากระโปรง พวกนี้จะต้องรอความเร็ว
ให้สูงระดับหนึ่งถึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ