ผู้เขียน หัวข้อ: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดกลาง-ใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ  (อ่าน 8398 ครั้ง)

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
เห็นข่าว Lancer ปิดตัวไป แล้วก็ดูรถยนต์ C Segment นอกจาก Altis Civic Mazda3 แล้วรุ่นอื่นขายแบบขอไปที มีแนวโน้มที่จะปิดตัวไปแล้วมีรถ SUV-Crossover มาแทน

ส่วนตัวรู้สึกเสียใจครับ เพราะว่าชอบรถเก๋ง ไม่ชอบรถยกสูงเพราะกินน้ำมันมากกว่าแล้วก็ช่วงล่างสู้รถเก๋งไม่ได้ (ในยี่ห้อเดียวกัน)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 03, 2015, 17:26:17 โดย ซิ่งเข้าส้วม »

ออฟไลน์ whoami

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,174
    • อีเมล์
Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 17:16:15 »
ไม่ถึงจุดจบหรอกครับ โดยเฉพาะ altis ยังไงก็ขายดีตราบที่เมืองไทยยังมี taxi

ออฟไลน์ delete

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,963
    • อีเมล์
Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 17:21:51 »
C Segment compact car segment
นี่ถือว่าใหญ่แล้วเหรอครับ 555
เก๋งราคา 1 ล้าน ยอดหาย เพราะมีแต่คนหนีไป SUV CUV
และอย่าลืม เบนซ์ บีเอ็ม ยอดขายโตมากๆ
มันสะท้อนว่า คนจนจนมากขึ้น คนรวยก็รวยมากขึ้น รึป่าวครับ

ออฟไลน์ Teeraroj

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 9
Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 17:23:03 »
ไม่หรอกครับ คนชอบรถเก๋งก็ยังเยอะ มันแค่มาแชร์ส่วนแบ่งของตลาดไปเท่านั้น

ออฟไลน์ Life is a Highway

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,337
  • My Way or The Highway
Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 17:24:50 »
บางคนชอบขับแต่รถเก๋ง ไม่ชอบรถสูงๆเลย ก็มีเยอะครับ

ออฟไลน์ rotaryman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,586
ผมว่ายังอยู่อีกนาน รถ Suv ผมมองว่าเป็นกระแสมากกว่าครับ

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,376
อนาคตไม่แน่ครับ ดูจากยอดขายที่ไม่ได้สูงมาก ตอนนี้กระแสรถขนาดเล็กประหยัดพลังงานกลังมามากกว่าครับ

อย่าง Lancer เองไม่พัฒนาต่อเพราะเรื่องงบประมาณที่จำกัดมากกว่าครับ หันไปทุ่มเทกับรถประเภทอื่นๆแทน

ออฟไลน์ Sit: )

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,469
    • อีเมล์
ผมกลับมองว่าเป็นยุคที่การแข่งขันจะดีขึ้นอีก
เมื่อก่อนมีแต่ altis civic
ตอนนี้ mz3 มาเปลี่ยนอะไรไปเยอะ ซิลฟี่ก็สร้างอะไรใหม่ๆได้ในระดับนึง
ขนาด MG ยังเข้ามาด้วย MG6 เดี๋ยวรอ civic ใหม่อีกระรอก
คงมีแต่ Lancer ที่ไปไม่ไหวเอง ตามคนอื่นไม่ทัน

จริงๆแล้ว c segment นี่ make sense to buy มาก
ราคากับขนาดดูตอบโจทย์คนหมู่มาก
แต่บังเอิญคนไทยอาจจะไม่ชอบทางสายกลาง
ไม่ประหยัดไปเลย ก็ขอหรูหราใหญ่โตกันไปเลย

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,705
ผมว่ายุคนี้คงถึงจุดเปลี่ยนละครับ

บริษัทรถในความคิดผม ควรมุ่งเน้นทำ B-seg 1.2 และ 1.5 ให้ใหญ่ขึ้น

ผมเห็นด้วยที่เขายุบ Lancer ทิ้ง เพราะรถน้ำหนักเยอะ กินน้ำมัน แต่คันไม่ได้ใหญ่ไปกว่า Ciaz เท่าไหร่นัก

ผมว่าอนาคต C-seg คงค่อยๆ หายไปจากตลาด คงเหลือเป็น B-seg คันใหญ่ หรือ lower C-seg แทน


ออฟไลน์ tierak

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 903
Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 18:10:01 »
ไม่หรอกครับ คนชอบรถเก๋งก็ยังเยอะ มันแค่มาแชร์ส่วนแบ่งของตลาดไปเท่านั้น

ผมว่าไม่ใช่แชร์ส่วนแบ่งแล้วหละครับ  ดูยอด ppv กับ เก่ง D สิครับ ห่างกันแบบคนละโลกเลย  หรือแม้กระทั่ง hrv แค่รุ่นเดียว ถ้าเทียบกับเก่ง c ก็เกือบครึ่งของยอดเก่ง c

มันไม่ใช่กระแสแล้วครับ ผมว่าความนิยมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้ว ดู ฟอร์จูนเนอร์ ก็ได้ตั้งแต่เปิดตัวมาครั้งแรกเวลาเป็น 10 ปี ยอดขายไม่เคยตก

ผมว่าคนไทยมีมุมมองในการซื้อรถเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย เลือกรถที่ตอบโจทก์ไลฟ์สไตส์ของชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมขังในเมืองใหญทั้งหลาย

ตอบโจทก์ : มันคงไม่ถึจุดจบหรอกครับ แต่ยอดขายอาจลดลงไปอีกเรื่อยๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 03, 2015, 18:19:22 โดย tierak »

ออฟไลน์ pong_pjj

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
ผมว่าไม่หรอกครับ อย่างผมยัง คงรอ MZ6 อย่างมีความสุขต่อไป เพราะไม่เสียตังค์

ออฟไลน์ Redcliff

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 112
    • อีเมล์
ไม่หายหรอกครับ เพียงแต่ส่วนแบ่งการตลาดของช่วงรถในแต่ละsegmentมันมีช่องว่างมากขึ้นเพราะการเติบโตของตลาดSUVเข้ามาเลยดูว่ารถเก๋งบนถนนมันน้อยลง

ออฟไลน์ muying

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 394
ผมว่าไม่หรอกครับ อย่างผมยัง คงรอ MZ6 อย่างมีความสุขต่อไป เพราะไม่เสียตังค์


5555  รอเหมือนกันเลย

ออฟไลน์ baeyongcai

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 438
ไม่หายหรอกครับ มีรถ Fleet  ที่เป็นลูกค้ากลุ่มนี้ อย่างเหนียวแน่น 
โดยเฉพาะ C seg 1.6, D seg 2.0

ออฟไลน์ yod artstu

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,158
ถ้าออกต่างจังหวัดในเส้นทางที่คุ้นเคยไม่ลุยไม่กันดาร ผมชอบเอา D segment ออกไปนะครับ
แต่ถ้าไปในที่ๆไม่เคยชิน จะเอา SUV ไปแทนครับ
D seg ขับแล้วสบายไม่เหนื่อยมากครับ
: )

promt

  • บุคคลทั่วไป
เคยไปลองขับ lancer ex หรือยังครับ

5 ปี ที่แล้วผมไปลองขับ มันดู
มันมีดีที่ช่วงล่าง เท่านั้น
ด้านอื่นมันบ้วยถึงบ้วยที่สุดในกลุ่มเดียวกัน แล้วมันจะไปได้อย่างไร
ขออภัยแฟนคลับครับ

ส่วน D, C seg ไม่หายไปหรอก เพราะรุ่น-ยี่ห้ออื่นๆ ยังขายดีมาก

ออฟไลน์ meeuwarn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
เก๋ง กำลังซื้อหลัก อยู่ใน กทม

ถ้าฝนตก เบาๆ แล้วน้ำท่วมเป็นฟุต รถจอดตายกันระนาว

ผู้ว่า แก้ไม่ได้ ไม่พอใจ เชิญไปอยู่ดอย >:(

ผมว่่า D seg แทบไม่ต้องขาย c ครับ

ลองนึกว่า ถ้าตัวเองเป็น หนึ่งในห้า แอคคอร์ด ที่จอดตาย ผมว่าคันหน้าเขาคงซื้อ suv >:(

ออฟไลน์ kan.kom

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 787
ผมว่า c segment คงไปเรื่อยๆ
แต่ d segment นี่เหมือนจะเหนื่อย
คนเริ่มหันไปนิยม suv ppv มากขึ้น
อันนี้คิดเองนะ เพราะตั้งแต่ผมหันไปใช้ suv ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว
ผ่านมือมาอีกหลายคัน แต่ก็ไม่เคยคิดอยากกลับไปหารถเก๋งอีกเลย
พอมีโอกาสขับรถเก๋งญาติ เพื่อน ผมจะรู้สึกรำคาญทุกครั้งที่มันเตี้ยกว่ารถทรงสูง
ซึ่งผมเดาว่า น่าจะมีคนคิดแบบผมหลายคน
พอหันไปรถทรงสูงแล้วไม่อยากกลับไปหาเก๋งอีกเลย

ออฟไลน์ nonp

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 948
    • อีเมล์
แหม่ ที่เค้านิยม ppv มันแค่เมืองไทยเท่านั้นละครับ
ตลาดโลกยังไง c segment ก็ยังไปได้
มันยังเอาไปทำ suv แบบcx5 crv ต่อได้อีกนะ


ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,010
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ตราบได้ที่ถนนเมืองไทยยังเป็นแบบนี้

และมี SUV ออกมาให้เลือกมากขึ้นเรื่อยๆ

ยอดของเก๋ง C และ D Segment ตกลงแน่นอนครับ

กระแสก็ส่วนนึงครับ แต่ผมว่าคนซื้อที่อยากลุย แต่ไม่อยากได้กระบะมีมากนะครับ
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,427
มันเป็นเรื่องของความนิยมแหละครับ มีขึ้น มีลง ก็ trendy กันไป

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
คุณก็รู้อยู่ ถนนประเทศเรา มีน้ำท่วม มีซ่อมถนน อยู่ตลอด

หลายๆคนก็คิดว่า เอารถสูงๆเผื่อไว้หน่อย ก็อาจจะเลือกระหว่าง รถครอสโอเวอร์ / SUV / PPV / กระบะ ไป

แต่ยังไง ชาว C-Segment , D-Segment ก็ยังคงอยู่ครับ

ออฟไลน์ ไทบ้าน

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,668
แนะนำรถยี่ห้อที่ว่า หรู มีระดับ มาทำ Taxi เพื่อเพิ่มยอดขายด้วย (ว่าแต่คุณภาพมันจะคุ้มกับงานหรือเปล่า  อิอิ)
1990 Yamaha Mate-100
1992 Yamaha Bell-100
2000 Yamaha Tiara-R
2017 Yamaha MT-03

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 23:20:17 »
C Segment compact car segment
นี่ถือว่าใหญ่แล้วเหรอครับ 555
เก๋งราคา 1 ล้าน ยอดหาย เพราะมีแต่คนหนีไป SUV CUV
และอย่าลืม เบนซ์ บีเอ็ม ยอดขายโตมากๆ
มันสะท้อนว่า คนจนจนมากขึ้น คนรวยก็รวยมากขึ้น รึป่าวครับ

สะท้อนยังไงครับ
เบนซ์ บีเอ็ม  ยอดขายคิดเป็น กี่ % ของรถที่ข่ายได้ทั้งหมดครับ

ราคารถแพงขึ้นๆ เรื่อยๆ เพราะภาษี บ้าๆ  ของรัฐบาล ในขณะที่ คนรายได้เฉี่ลยเท่าเดิม

ออฟไลน์ Tan Int

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,709
    • อีเมล์

ส่วนตัวคิดว่า B-segment ตอนนี้ไม่บูมแล้ว Vios City ขายได้ขายไป แต่นอกนั้นไม่มีใครได้เกิดเลย(Mazda2 ผมว่ายอดขายยังห่างจากสองคันนั้น)
C-segment กระทบมาก เพราะช่วงราคาดันไปตกที่กลุ่ม Compact Crossover สังเกตจาก Altis ยอดขายหายเยอะมาก
D-segment ไม่กระทบเท่าไหร่ เพราะมีจุดยืนคือความหรูความสปอร์ตความ elegant ความใหญ่อะไรก็ว่ากันไป ซึ่งภาพลักษณ์ตรงนี้ SUV ยังเทียบไม่ติด
(แต่ก็เริ่มเข้าใกล้มากขึ้นๆทุกวัน)
ส่วน ECO-Car เปรี้ยงแค่ปี 2012 และหลังจากนั้นก็ดับไปเลย Yaris คือผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว
1994 Civic EH9 (4dr) VTi (Made in Japan)
1998 Civic EK 1.6VTi-E Special Edition
2011 Corolla Altis E CNG (Come back)

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
ตัวเลือกในตลาดมันแยอะขึ้น ในขณะที่รถเป็นสินค้าที่แล้วเปลี่ยนยากไม่เหมือนเสื้อผ้าซื้อมาไม่ถูกใจก็ซื้อตัวใหม่ ยอดขายเลยโดนแชร์ออกไป รวมถึงสมรรถนะของรถ b seg ตอบโจทย์การใช้งานได้มากขึ้น ในสายตาคนไทยส่วนใหญ่ที่มองรถเป็นแค่ยานพาหนะจากจุด A ไป B แค่นั้น

ถ้ามองในมุมมองคนชอบรถมันอาจดูขัดใจไปหน่อยแต่ยอมรับความจริงแถอะครับ

ออฟไลน์ M-Titan Man@NacT

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 335
ไม่เกี่ยวกันครับ เป็นเรื่องของบางยี่ห้อ แลนเซอร์มันแทบจะสูญพันธ์มาตั้งแต่ท้ายเบ็นซ์แล้ว
ที่อยู่มานี่ประคองตัวมาก

อีกอย่าง ถ้าใคร อายุเกิน 50 เขามองที่ d seg ทั้งนั้นครับ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์
Lancer EX มัน  Gen เดียวกับ Civic  FD , Altis Gen ก่อนหน้า , Mazda3 gen2.

แถมตอนเปิดตัว ก็มาทีหลังชาวบ้าน ราคาเปิดตัวก็ 800 K up.
ราคา รถขนาดนี้ คนไป D-segment หมดละครับ

ขนาด Mazda3  gen2. ออกมาไม่กี่ปี ยังม้วนเสื่อ เจ็ง ไม่เป็นท่า มาแก้มือเอา Gen ล่าสุด

ปัญหาของ C-segmment คือราคามันสูงขึ้นเรื่อย
ซึ่ง Mitsubishi Thailand ฉลาดน้อยไปอย่างนึง ที่ไม่เอา MT มาขาย ไม่งั้นได้ ยอดจาก TAXI อีกบานครับ
จริงๆเหตุผลคือ MT ราคาสูง ยอดขายน้อย แต่ พี่ลืม TAXI ที่ลืม

จดจบของพวกการตลาด ที่ไม่รู้เรื่องรถครับ  คิดเป็นแต่ ต้นทุน ต่อคัน ไม่วิเคราะห์ ตลาดรถ

ออฟไลน์ Lancer

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 372
ไม่ตายหรอกครับ คนชอบรถไซด์นี้ มีเยอะนะครับ  แต่คนซื้อก็ต้องน้อยลง ตามสัดส่วนราคาแหละครับ ลองรถไซด์นี้ เหลือคันละห้าแสน  ใครจะไม่ซื้อหล่ะครับ 

ออฟไลน์ delete

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,963
    • อีเมล์
Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2015, 11:52:58 »
C Segment compact car segment
นี่ถือว่าใหญ่แล้วเหรอครับ 555
เก๋งราคา 1 ล้าน ยอดหาย เพราะมีแต่คนหนีไป SUV CUV
และอย่าลืม เบนซ์ บีเอ็ม ยอดขายโตมากๆ
มันสะท้อนว่า คนจนจนมากขึ้น คนรวยก็รวยมากขึ้น รึป่าวครับ

สะท้อนยังไงครับ
เบนซ์ บีเอ็ม  ยอดขายคิดเป็น กี่ % ของรถที่ข่ายได้ทั้งหมดครับ

ราคารถแพงขึ้นๆ เรื่อยๆ เพราะภาษี บ้าๆ  ของรัฐบาล ในขณะที่ คนรายได้เฉี่ลยเท่าเดิม
ดูกระทู้ยอดขายรายเดือนดูได้เลยครับ
หรือลองรอดูยอดจองมอเตอร์เอกโปร์ก็ได้ครับ
บางช่วงขายได้เยอะกว่ารถยี่ห้อตลาดอย่างฟอร์ดหรือเชฟด้วย
แถมยังไม่รวมเมื่อเทียบสัดส่วนราคา ขายได้100 คันเท่ากัน แต่ราคาแพงกว่า3-4เท่าตัว ตีเป็นเงินแล้ว ยิ่งห่างกันไกล