ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดกลาง-ใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ

ซิ่งเข้าส้วม

เห็นข่าว Lancer ปิดตัวไป แล้วก็ดูรถยนต์ C Segment นอกจาก Altis Civic Mazda3 แล้วรุ่นอื่นขายแบบขอไปที มีแนวโน้มที่จะปิดตัวไปแล้วมีรถ SUV-Crossover มาแทน

ส่วนตัวรู้สึกเสียใจครับ เพราะว่าชอบรถเก๋ง ไม่ชอบรถยกสูงเพราะกินน้ำมันมากกว่าแล้วก็ช่วงล่างสู้รถเก๋งไม่ได้ (ในยี่ห้อเดียวกัน)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 03, 2015, 17:26:17 โดย ซิ่งเข้าส้วม »



whoami

Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 17:16:15 »
ไม่ถึงจุดจบหรอกครับ โดยเฉพาะ altis ยังไงก็ขายดีตราบที่เมืองไทยยังมี taxi



delete

Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 17:21:51 »
C Segment compact car segment
นี่ถือว่าใหญ่แล้วเหรอครับ 555
เก๋งราคา 1 ล้าน ยอดหาย เพราะมีแต่คนหนีไป SUV CUV
และอย่าลืม เบนซ์ บีเอ็ม ยอดขายโตมากๆ
มันสะท้อนว่า คนจนจนมากขึ้น คนรวยก็รวยมากขึ้น รึป่าวครับ



Teeraroj

Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 17:23:03 »
ไม่หรอกครับ คนชอบรถเก๋งก็ยังเยอะ มันแค่มาแชร์ส่วนแบ่งของตลาดไปเท่านั้น



Life is a Highway

Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 17:24:50 »
บางคนชอบขับแต่รถเก๋ง ไม่ชอบรถสูงๆเลย ก็มีเยอะครับ



rotaryman

ผมว่ายังอยู่อีกนาน รถ Suv ผมมองว่าเป็นกระแสมากกว่าครับ



Sit: )

ผมกลับมองว่าเป็นยุคที่การแข่งขันจะดีขึ้นอีก
เมื่อก่อนมีแต่ altis civic
ตอนนี้ mz3 มาเปลี่ยนอะไรไปเยอะ ซิลฟี่ก็สร้างอะไรใหม่ๆได้ในระดับนึง
ขนาด MG ยังเข้ามาด้วย MG6 เดี๋ยวรอ civic ใหม่อีกระรอก
คงมีแต่ Lancer ที่ไปไม่ไหวเอง ตามคนอื่นไม่ทัน

จริงๆแล้ว c segment นี่ make sense to buy มาก
ราคากับขนาดดูตอบโจทย์คนหมู่มาก
แต่บังเอิญคนไทยอาจจะไม่ชอบทางสายกลาง
ไม่ประหยัดไปเลย ก็ขอหรูหราใหญ่โตกันไปเลย



e:smart Hybrid

ผมว่ายุคนี้คงถึงจุดเปลี่ยนละครับ

บริษัทรถในความคิดผม ควรมุ่งเน้นทำ B-seg 1.2 และ 1.5 ให้ใหญ่ขึ้น

ผมเห็นด้วยที่เขายุบ Lancer ทิ้ง เพราะรถน้ำหนักเยอะ กินน้ำมัน แต่คันไม่ได้ใหญ่ไปกว่า Ciaz เท่าไหร่นัก

ผมว่าอนาคต C-seg คงค่อยๆ หายไปจากตลาด คงเหลือเป็น B-seg คันใหญ่ หรือ lower C-seg แทน




tierak

Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 18:10:01 »
ไม่หรอกครับ คนชอบรถเก๋งก็ยังเยอะ มันแค่มาแชร์ส่วนแบ่งของตลาดไปเท่านั้น

ผมว่าไม่ใช่แชร์ส่วนแบ่งแล้วหละครับ  ดูยอด ppv กับ เก่ง D สิครับ ห่างกันแบบคนละโลกเลย  หรือแม้กระทั่ง hrv แค่รุ่นเดียว ถ้าเทียบกับเก่ง c ก็เกือบครึ่งของยอดเก่ง c

มันไม่ใช่กระแสแล้วครับ ผมว่าความนิยมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้ว ดู ฟอร์จูนเนอร์ ก็ได้ตั้งแต่เปิดตัวมาครั้งแรกเวลาเป็น 10 ปี ยอดขายไม่เคยตก

ผมว่าคนไทยมีมุมมองในการซื้อรถเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย เลือกรถที่ตอบโจทก์ไลฟ์สไตส์ของชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมขังในเมืองใหญทั้งหลาย

ตอบโจทก์ : มันคงไม่ถึจุดจบหรอกครับ แต่ยอดขายอาจลดลงไปอีกเรื่อยๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 03, 2015, 18:19:22 โดย tierak »



pong_pjj

ผมว่าไม่หรอกครับ อย่างผมยัง คงรอ MZ6 อย่างมีความสุขต่อไป เพราะไม่เสียตังค์



Redcliff

ไม่หายหรอกครับ เพียงแต่ส่วนแบ่งการตลาดของช่วงรถในแต่ละsegmentมันมีช่องว่างมากขึ้นเพราะการเติบโตของตลาดSUVเข้ามาเลยดูว่ารถเก๋งบนถนนมันน้อยลง



muying

ผมว่าไม่หรอกครับ อย่างผมยัง คงรอ MZ6 อย่างมีความสุขต่อไป เพราะไม่เสียตังค์


5555  รอเหมือนกันเลย



baeyongcai

ไม่หายหรอกครับ มีรถ Fleet  ที่เป็นลูกค้ากลุ่มนี้ อย่างเหนียวแน่น 
โดยเฉพาะ C seg 1.6, D seg 2.0



yod artstu

ถ้าออกต่างจังหวัดในเส้นทางที่คุ้นเคยไม่ลุยไม่กันดาร ผมชอบเอา D segment ออกไปนะครับ
แต่ถ้าไปในที่ๆไม่เคยชิน จะเอา SUV ไปแทนครับ
D seg ขับแล้วสบายไม่เหนื่อยมากครับ
: )



promt

เคยไปลองขับ lancer ex หรือยังครับ

5 ปี ที่แล้วผมไปลองขับ มันดู
มันมีดีที่ช่วงล่าง เท่านั้น
ด้านอื่นมันบ้วยถึงบ้วยที่สุดในกลุ่มเดียวกัน แล้วมันจะไปได้อย่างไร
ขออภัยแฟนคลับครับ

ส่วน D, C seg ไม่หายไปหรอก เพราะรุ่น-ยี่ห้ออื่นๆ ยังขายดีมาก



meeuwarn

เก๋ง กำลังซื้อหลัก อยู่ใน กทม

ถ้าฝนตก เบาๆ แล้วน้ำท่วมเป็นฟุต รถจอดตายกันระนาว

ผู้ว่า แก้ไม่ได้ ไม่พอใจ เชิญไปอยู่ดอย >:(

ผมว่่า D seg แทบไม่ต้องขาย c ครับ

ลองนึกว่า ถ้าตัวเองเป็น หนึ่งในห้า แอคคอร์ด ที่จอดตาย ผมว่าคันหน้าเขาคงซื้อ suv >:(



kan.kom

ผมว่า c segment คงไปเรื่อยๆ
แต่ d segment นี่เหมือนจะเหนื่อย
คนเริ่มหันไปนิยม suv ppv มากขึ้น
อันนี้คิดเองนะ เพราะตั้งแต่ผมหันไปใช้ suv ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว
ผ่านมือมาอีกหลายคัน แต่ก็ไม่เคยคิดอยากกลับไปหารถเก๋งอีกเลย
พอมีโอกาสขับรถเก๋งญาติ เพื่อน ผมจะรู้สึกรำคาญทุกครั้งที่มันเตี้ยกว่ารถทรงสูง
ซึ่งผมเดาว่า น่าจะมีคนคิดแบบผมหลายคน
พอหันไปรถทรงสูงแล้วไม่อยากกลับไปหาเก๋งอีกเลย



nonp

แหม่ ที่เค้านิยม ppv มันแค่เมืองไทยเท่านั้นละครับ
ตลาดโลกยังไง c segment ก็ยังไปได้
มันยังเอาไปทำ suv แบบcx5 crv ต่อได้อีกนะ




ฟง อวิ๋น

ตราบได้ที่ถนนเมืองไทยยังเป็นแบบนี้

และมี SUV ออกมาให้เลือกมากขึ้นเรื่อยๆ

ยอดของเก๋ง C และ D Segment ตกลงแน่นอนครับ

กระแสก็ส่วนนึงครับ แต่ผมว่าคนซื้อที่อยากลุย แต่ไม่อยากได้กระบะมีมากนะครับ
Isuzu SLX, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 I, Mazda2 II, D-Max, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer II, Lander III, Ranger, XL7, Forester SK, Swift, Stargazer, Aion V



SM.

มันเป็นเรื่องของความนิยมแหละครับ มีขึ้น มีลง ก็ trendy กันไป



ps000000

คุณก็รู้อยู่ ถนนประเทศเรา มีน้ำท่วม มีซ่อมถนน อยู่ตลอด

หลายๆคนก็คิดว่า เอารถสูงๆเผื่อไว้หน่อย ก็อาจจะเลือกระหว่าง รถครอสโอเวอร์ / SUV / PPV / กระบะ ไป

แต่ยังไง ชาว C-Segment , D-Segment ก็ยังคงอยู่ครับ



ไทบ้าน

แนะนำรถยี่ห้อที่ว่า หรู มีระดับ มาทำ Taxi เพื่อเพิ่มยอดขายด้วย (ว่าแต่คุณภาพมันจะคุ้มกับงานหรือเปล่า  อิอิ)



mamaman

Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 23:20:17 »
C Segment compact car segment
นี่ถือว่าใหญ่แล้วเหรอครับ 555
เก๋งราคา 1 ล้าน ยอดหาย เพราะมีแต่คนหนีไป SUV CUV
และอย่าลืม เบนซ์ บีเอ็ม ยอดขายโตมากๆ
มันสะท้อนว่า คนจนจนมากขึ้น คนรวยก็รวยมากขึ้น รึป่าวครับ

สะท้อนยังไงครับ
เบนซ์ บีเอ็ม  ยอดขายคิดเป็น กี่ % ของรถที่ข่ายได้ทั้งหมดครับ

ราคารถแพงขึ้นๆ เรื่อยๆ เพราะภาษี บ้าๆ  ของรัฐบาล ในขณะที่ คนรายได้เฉี่ลยเท่าเดิม



Tan Int


ส่วนตัวคิดว่า B-segment ตอนนี้ไม่บูมแล้ว Vios City ขายได้ขายไป แต่นอกนั้นไม่มีใครได้เกิดเลย(Mazda2 ผมว่ายอดขายยังห่างจากสองคันนั้น)
C-segment กระทบมาก เพราะช่วงราคาดันไปตกที่กลุ่ม Compact Crossover สังเกตจาก Altis ยอดขายหายเยอะมาก
D-segment ไม่กระทบเท่าไหร่ เพราะมีจุดยืนคือความหรูความสปอร์ตความ elegant ความใหญ่อะไรก็ว่ากันไป ซึ่งภาพลักษณ์ตรงนี้ SUV ยังเทียบไม่ติด
(แต่ก็เริ่มเข้าใกล้มากขึ้นๆทุกวัน)
ส่วน ECO-Car เปรี้ยงแค่ปี 2012 และหลังจากนั้นก็ดับไปเลย Yaris คือผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว
1994 Civic EH9 (4dr) VTi (Made in Japan)
1998 Civic EK 1.6VTi-E Special Edition
2011 Corolla Altis E CNG (Come back)



Alcatraz

ตัวเลือกในตลาดมันแยอะขึ้น ในขณะที่รถเป็นสินค้าที่แล้วเปลี่ยนยากไม่เหมือนเสื้อผ้าซื้อมาไม่ถูกใจก็ซื้อตัวใหม่ ยอดขายเลยโดนแชร์ออกไป รวมถึงสมรรถนะของรถ b seg ตอบโจทย์การใช้งานได้มากขึ้น ในสายตาคนไทยส่วนใหญ่ที่มองรถเป็นแค่ยานพาหนะจากจุด A ไป B แค่นั้น

ถ้ามองในมุมมองคนชอบรถมันอาจดูขัดใจไปหน่อยแต่ยอมรับความจริงแถอะครับ



M-Titan Man@NacT

ไม่เกี่ยวกันครับ เป็นเรื่องของบางยี่ห้อ แลนเซอร์มันแทบจะสูญพันธ์มาตั้งแต่ท้ายเบ็นซ์แล้ว
ที่อยู่มานี่ประคองตัวมาก

อีกอย่าง ถ้าใคร อายุเกิน 50 เขามองที่ d seg ทั้งนั้นครับ



mamaman

Lancer EX มัน  Gen เดียวกับ Civic  FD , Altis Gen ก่อนหน้า , Mazda3 gen2.

แถมตอนเปิดตัว ก็มาทีหลังชาวบ้าน ราคาเปิดตัวก็ 800 K up.
ราคา รถขนาดนี้ คนไป D-segment หมดละครับ

ขนาด Mazda3  gen2. ออกมาไม่กี่ปี ยังม้วนเสื่อ เจ็ง ไม่เป็นท่า มาแก้มือเอา Gen ล่าสุด

ปัญหาของ C-segmment คือราคามันสูงขึ้นเรื่อย
ซึ่ง Mitsubishi Thailand ฉลาดน้อยไปอย่างนึง ที่ไม่เอา MT มาขาย ไม่งั้นได้ ยอดจาก TAXI อีกบานครับ
จริงๆเหตุผลคือ MT ราคาสูง ยอดขายน้อย แต่ พี่ลืม TAXI ที่ลืม

จดจบของพวกการตลาด ที่ไม่รู้เรื่องรถครับ  คิดเป็นแต่ ต้นทุน ต่อคัน ไม่วิเคราะห์ ตลาดรถ



Lancer

ไม่ตายหรอกครับ คนชอบรถไซด์นี้ มีเยอะนะครับ  แต่คนซื้อก็ต้องน้อยลง ตามสัดส่วนราคาแหละครับ ลองรถไซด์นี้ เหลือคันละห้าแสน  ใครจะไม่ซื้อหล่ะครับ 



delete

Re: ใกล้ถึงจุดจบรถเก๋งขนาดใหญ่ในไทยแล้วรึยังครับ
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2015, 11:52:58 »
C Segment compact car segment
นี่ถือว่าใหญ่แล้วเหรอครับ 555
เก๋งราคา 1 ล้าน ยอดหาย เพราะมีแต่คนหนีไป SUV CUV
และอย่าลืม เบนซ์ บีเอ็ม ยอดขายโตมากๆ
มันสะท้อนว่า คนจนจนมากขึ้น คนรวยก็รวยมากขึ้น รึป่าวครับ

สะท้อนยังไงครับ
เบนซ์ บีเอ็ม  ยอดขายคิดเป็น กี่ % ของรถที่ข่ายได้ทั้งหมดครับ

ราคารถแพงขึ้นๆ เรื่อยๆ เพราะภาษี บ้าๆ  ของรัฐบาล ในขณะที่ คนรายได้เฉี่ลยเท่าเดิม
ดูกระทู้ยอดขายรายเดือนดูได้เลยครับ
หรือลองรอดูยอดจองมอเตอร์เอกโปร์ก็ได้ครับ
บางช่วงขายได้เยอะกว่ารถยี่ห้อตลาดอย่างฟอร์ดหรือเชฟด้วย
แถมยังไม่รวมเมื่อเทียบสัดส่วนราคา ขายได้100 คันเท่ากัน แต่ราคาแพงกว่า3-4เท่าตัว ตีเป็นเงินแล้ว ยิ่งห่างกันไกล



muza

แล้วแต่ ลักษณะการใช้งาน ของลูกค้าไปครับ

สำหรับผมซีดาน ขนาดเล็ก อย่าง C-seg ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมือง ผมสุดแล้วครับ
ขับดีพอควร คล่อง จอดไม่ลำบากชีวิต
D-seg เรียก กลางและ ระดับ  S หรือ 7 ถึงเรียกใหญ่นะครับ

ส่วนของ Mitsu เอง คงมองว่า ตลาด city car ,Eco car มันทำกำไรมากกว่า
และด้วยงบที่จำกัดจึงอยากมุ่งไป ทาง ตลาดกลุ่มนั้นเพราะ เงินทุนเค้าจำกัด
ไม่เหมือนพี่เบิ้มT H