มีผล..แน่นอนครับ
ส่วนจะดีขึ้น หรือ เลวลง ก็แล้วแต่ว่า แต่งรถมาตรงกับสภาพถนนที่ใช้งานหรือเปล่า
โดยปรกติ รถที่มีขายอยู่ตามโชว์รูมค่ายต่างๆ หรือ เรียกว่า รถโรงงาน เดิมๆ นั้น
จะผ่านการทดสอบ มามากมาย หลายสภาพถนน หลากสภาพอากาศ ก่อนจะนำมาขายให้ผู้ใช้จริง
สำนักแต่งรถแข่ง ทางเรียบ ก็จะปรับแต่งอุปกรณ์-ช่วงล่าง ให้เข้ากับสนามทางเรียบ ในระบบปิด อย่างนึง
สำนักแต่งรถแข่ง แรลลี่ วิบาก ก็จะปรับแต่งอุปกรณ์-ช่วงล่าง ให้เข้ากับสนามทางไม่เรียบ อีก อย่างนึง
ซึ่งถนนทั้งสองแบบข้างบน ต่างกันสิ้นเชิง ซึ่งการปรับแต่งช่วงล่าง ก็ต่างกันสิ้นเชิง ไม่เหมือนกันเลย
ทีนี้ คุณจะเอาไปขับในถนนแบบไหนล่ะครับ
ถ้าแนวถนนเรียบ ก็ต้องอ้างอิง เดินตามแนวการแต่งรถจาก สำนักแต่งทางเรียบ
ถ้าแนวถนนวิบาก ก็ต้องอ้างอิง เดินตามแนวการแต่งรถจาก สำนักแต่งทางวิบาก
ถ้าอยู่แนวผสมๆกัน ก็รถโรงงาน นั่นแหละครับ พอได้แล้ว
ได้อย่าง..ก็ต้องเสียอย่าง..
บางคน เน้นแต่งทางเรียบ แต่เอาไปวิ่งบนถนนปรกติ เจอสะพาน หลุม ถนนไม่เรียบ ก็จุก ทรมาณ เหมือนกัน
บางคน เน้นแต่งทางลุย 4x4 แต่เอาไปวิ่งแค่ในเมือง บนทางด่วน ปีนึง ช็อคอัพแทบไม่เคยยุบ เฟืองขับ4 แทบไม่เคยทำงาน ก็เปลืองเชื้อเพลิงเปล่าๆ
บางคน ประมาท นึกว่าแต่งช่วงล่างตามแล้ว รถจะต้องวิเศษ ไปได้ตามที่ใจต้องการ เหมือนนักแข่งรถที่สามารถทำได้
แต่ลืมไปว่า ฝีมือ การขับ ของตนเอง ยังคงเดิม ไม่เก่งเท่านักแข่งรถ
อย่างนี้ มีสิทธิ์ร่วง ข้างทาง สูงครับ
นักแข่งรถเก่งๆ ส่วนมาก ในสนามที่มีความปลอดภัย จะขับเร็วมาก
แต่ในถนนปรกติ เขาจะขับไม่เร็ว นะครับ
เมื่อมีคนไปสัมภาษณ์ คำตอบก็คือ
บนถนน มีความเสี่ยงสูง มีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เต็มไปหมด
เช่น ผู้ใช้รถคันอื่น มึนๆเดาใจลำบาก , ถนนมีกรวด,ทราย,น้ำมัน , สัตว์ , สภาพถนนที่คาดเดาไม่ได้ หลุม-เนิน-บ่อ-ซอยฯลฯ
สำหรับประกันภัย
เขาเขียนไว้ชัดว่า ไม่รับประกัน ถ้านำรถไปดัดแปลง เพื่อใช้ในการแข่งขัน
ถ้าเป็นรถแต่งและใช้งานปรกติ แล้วต้องเบิกอะไหล่ เขาก็จ่ายอะไหล่ให้ ในเกรดที่มาจากโรงงานครับ
ยกเว้น ทำเรื่องแจ้งเขาก่อน ซึ่งต้องอาจจ่ายเบี้ยเพิ่มนิดหน่อย