ผู้เขียน หัวข้อ: คุณภาพของรถยนต์จากฝรั่งเศสเทียบกับรถยนต์เยอรมัน  (อ่าน 7494 ครั้ง)

ออฟไลน์ Siemens

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 141
ฝรั่งเผศสเปนประเทศที่มีอุตสหกรรมยานยนต์ใหญ่เปนอันดับสองในยุโรป
รองจากเยอรมัน เลยยากรู้ว่าโดยภาพรวมคุณภาพรถจากฝรั่งเศสเปนไงบ้าง
เช่น ยี่ห้อเปญโย, เรโน, ซีตรอง
ด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์,ช่วงล่าง, ออกแบบ,การขับขี่,ความทนทาน

ออฟไลน์ mark2015

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 340
รถดีครับ ที่บ้านเคยมี405 แต่ไม่นิยมมากในปัจจุบัน มีเห็นบ้างประปราย ยังไงคงสู้เยอรมันไม่ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 21, 2015, 17:48:26 โดย mark2015 »
" เงินทองของนอกกาย ไม่ตายก็หาจนตาย "

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
20ปีที่แล้วรถฝรั่งเศสจริงๆเป็นรถที่ค่อนข้างดี เรื่องช่วงล่างนี่นั่งสบาย สมัยก่อนในไทยใครใช้เปอโยจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ช่วงล่างดีเกาะถนนกันทุกคน เทคโนโลยีในยุคเดียวกันบางอย่างแซงหน้าเยอรมันซะด้วยซ้ำ อย่างRenault R21ที่ผมใช้อยู่จอไมล์แสดงผลเป็นตัวเลขดิจิตอล วัดอัตราสิ้นเปลืองต่อลิตรได้แล้ว วัดน้ำมันเป็นลิตรไม่ใช่เข็มถ้าระบบสมบูรณ์นี่แม่นยำมากๆ ปรับvolume เปลี่ยนคลื่นวิทยุที่พวงมาลัย ในขณะนั้นS-Class W140 ยังไม่มีเลย หรือระบบไฮดรอลิกบาลานซ์ของซีตรองที่มีใช้มาตั้งนานแล้วก่อนเยอรมันจะทำซะด้วยซ้ำ(ระบบต่างกัน แต่ใช้งานได้เหมือนกัน) เครื่องยนตร์บางรุ่นทำออกมาได้ดีกว่ารถเยอรมัน แต่ภาพรวมผมว่าเยอรมันดีกว่า แต่ข้อเสียหลักๆของรถฝรั่งเศสคือความทนทาน เปอโยสมัยก่อนวิ่งแค่แสนโลเครื่องก็พังแล้ว หลายคนในยุคนั้นบ่นกัน เกียร์ออโต้ไม่ถึง2แสนโลก็ต้องโอเวอฮอลแล้วเป็นแทบทุกยี่ห้อของรถฝรั่งเศส เครื่องส่วนใหญ่ไม่ได้แรงมากแถมกินน้ำมัน

พอมาถึงปัจจุบันไม่ค่อยได้สัมผัสกับรถฝรั่งเศสใหม่ๆแล้วแต่มีอ่านรีวิวจากเมืองนอกบ้าง รถจะนิยมเป็นบางรุ่นที่เห็นดังๆก็มี Citroen Ds3 กับ Renault Megane ที่คนใช้ค่อนข้างชมแล้วใช้กันเยอะ คนเยอรมันที่เห็นใช้รถฝรั่งเศสกันก็มีแต่2รุ่นนี้ คุณภาพรถอาจจะพอสู้ได้แต่ถ้าวัดกันจริงๆเหมือนรถเยอรมันยังนำแบบห่างๆอยู่ครับ

ออฟไลน์ joeyote

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 966
จากที่ผมขับ Peugeot 207 ตัวประกอบฝรั่งเศส

ข้อดี ที่เด่นๆเลยคือ เหล็กทั้งโครงสร้าง และเหล็กหุ้มตัวรถมีความหนาและแข็งมากกกก
รวมถึงน้ำหนักมันก็มากตามไปด้วย เสียงเปิด-ปิดประตู ดังตุ้บตั้บดีมากครับ
พอโครงสร้างที่แข็งแรง ก็ได้ซึ่งการขับขี่ที่มั่นคงมาก แต่อาจจะต้องแลกกับการกินน้ำมัน
รถขนาดเท่าฮอนด้าแจส แต่หนักเท่าฮอนด้าซีวิค

พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าใน ถือว่าทนทานดีครับ แต่พวกปุ่มต่างๆ ชอบหลุดลอกออกมา
ปุ่มเลื่อนกระจกไฟฟ้า มีหลวมๆบ้าง แต่กระจกเลื่อนไม่มีเสียงดังออดแอดให้รำคาญใจ
อันนี่ผมว่า รถเยอรมันทำได้ดีกว่า เรื่องความทนทานของปุ่ม

เรื่องเครื่องยนต์ เผอิญเจ้า 207 มันดันใช้เครื่องสหกรณ์ เครื่องตระกูล Prince
ที่ใช้ทั้ง Mini Peugeot Citroen เป็นเครื่องร่วมทุนผลิต ระหว่างสามค่าย
จึงมองว่ามันเป็นเครื่องเยอรมันกลายๆ มันก็ขับดี ทนทานใช้ได้ครับ

ส่วนพวกช่วงล่าง ขอยกมือขึ้นกราบบบ รถฝรั่งเศสจริงๆ คือมันอาจจะไม่เฟิร์มสปอร์ท
แบบรถเยอรมันนัก แต่มันให้มาซึ่งความมั่นคง นุ่มนวล เกาะถนนแนบแน่นจริงๆ
และถึงจะผ่านไป 8 ปี มันยังทำงานได้ดีเยี่ยม ไม่มีส่งเสียงดังให้รำคาญอะไรครับ

ข้อเสียเด่นๆเลย คือ เกียร์ มันแสนโง่เขลาเบาปัญญา โง่ง่าวววววววววววว สุดๆ
คือผมขับ 50 จะลากรอบ 3,000 เพื่ออออออ!!!!  ตัดลงเกียร์สูงมั้ยพี่
และเหมือนมันพยามเชนเกียรืต่ำอยู่ตลอด ขับแล้วรำคาญครับครับ
อันนี้รถเยอรมันหลายรุ่น ทำดีกว่ามากก รวมถึงรถญี่ปุ่นบ้านๆ ยังทำได้ดีกว่า

แต่สุดท้ายแล้ว เสน่ห์ของรถฝรั่งเศส ไม่ใช้รถที่ขับมันส์ แต่เป็นการออกแบบรถที่แตกต่าง
โดดเด่นด้านการออกแบบมาเป็นเวลากว่า 60 ปี เสน่ห์ของรถฝรั่งเศสมันอยูตรงนี้

ขับเก๋ๆ ชิวๆ ไม่ซ้ำใคร และดูมีรสนิยมดีครับ 555
PAST: 2009 HONDA CITY SV
          2007 MINI ONE
          2007 PEUGEOT 207
          2013 HONDA ACCORD 2.0EL G9
          2016 MAZDA 2 Skyactiv XD High Plus L
NOW:  2012 ISUZU D-MAX Hilander 4DR Z/P
          2017 Subaru XV 2.0i-P

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
เทียบซีตรอง เปอร์โย กับ บีเอ็ม เบนซ์ โฟลค์

ความทนทานพวกพลาสติก พอๆ กัน ระบบไฟฟ้ากล่องควบคุมก็พอๆกัน ระบบปรับอากาศก็พอๆ กัน เพราะของพวกนี้ ออกจากโรงงานเดียวกันแทบทุกอย่าง Bosch ZF Valeo Mahle VDO...

แต่ถ้านับโลหะวิทยา เครื่องยนต์ทนทาน ตัวถังแข็งหนา ยังห่างกับรถเยอรมันอยู่ครับ

ออฟไลน์ thanakorn

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 218
รถฝรั่งเศสทนสู้ไม่ได้ครับ แต่ชอบใช้เทคโนโลยีบางอย่างที่ล้ำหน้าเกินสมัยไปหน่อยบางอย่างยังไม่เจอข้อเสียก้ออกมาใช้งานแล้วช่วงล่าง ออกแบบดูไม่มีอะไรแต่เกาะถนนและนุ่มนวล การบำรุงรักษาไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ช่างที่เข้าใจมีน้อย ระบบไฟไม่ทนเท่าไหร่กับอากาศร้อน จริงๆแล้วรถฝรั่งเศสออกแบบกลางๆเลยไม่มีอะไรโดเด่นเน้นไปทางประหยัดน้ำมัน ขับสบาย แต่ถ้าเป็นซีตรองยิ่งล้ำสมัยขึ้นไปอีกแต่ถ้าช่างเข้าใจแล้วจะซ่อมโดยไม่ยาก เป็นรถที่เกาะถนนและนุ่มนวลไปพร้อมกันแต่ต้องเป็นรุ่นที่มีระบบไฮดรอลิกถ้าได้ลองขับทางไกลแล้วจะรู้ว่าเป็นรถที่ผ่อนคลายมากโดยที่พอถึงที่หมายแล้วยังออกไปเที่ยวโดยที่ไม่ปวดล้าตัวซักเท่าไหร่ ถ้าได้ลองศึกษาลึกๆแล้วจะรู้ว่าฝรั่งเศสคิดได้ยังไงในสมัยหลาย 10 ปีที่แล้วระบบกลไกแต่สมัยนี้นำไปใช้โดยเป็นอิเล็กทรอนิคเช่นระบบไฟเลี้ยวตามพวงมาลัยเป็นต้น ดิสเบรก4ล้อในสมัยที่ยี่ห้ออื่นเป็นดรัมเบรก ตัวถึงไฟเบอรกลาสในรถโปรดักชันที่ทั้งเบาและกระจายแรงตอนโดนชน เพราะผมใช้มาหมดเกือบทุกรุ่นแล้วครับเลยบอกได้ bx cx gs xm แต่ก็เลิกใช้ไปเพราะไม่มีเวลาดูแลแต่ก็ยังนึกถึงเสมอมา ถ้าว่างแล้วมีเงินยังไงก็ต้องกลับไปให้ได้

ออฟไลน์ Puitam

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 527
    • อีเมล์
ลองดูคลิป topgear คลิปนี้ดูครับ


4000กว่าปีที่ผ่านมา  มีแค่อูฐเท่านั้นที่สามารถเดินทางข้างทะเลทรายNorth Africaได้ 

ยกเว้นเปอร์โยต์504!!!!  แต่ๆๆๆๆๆ




http://www.dailymotion.com/video/x2if9gy
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 22, 2015, 12:24:36 โดย Puitam »

ออฟไลน์ SuperY

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 241
    • อีเมล์
รถยนตร์ฝรั้่งเศส คุณภาพต่ำมากครับ  ต่ำจนต้องออกจากตลาด USA ไปหมด
ตอนที่ผมเรียนอยู่ที่นั่นประมาณปี 1991-2  ยี่ห้อสุดท้ายที่ลาจากน่าจะเป็น
เปอโยต์ ครับ เรโนล์ออกไปก่อนหน้าสักพักแล้ว  ถ้าไม่แน่จริงขายที่ USA
ไม่ได้ครับ  เจ๊งอย่างเดียว เพราะโดยฟ้องจนล้มละลายได้ง่ายๆ


ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
รถฝรั่งเศสจะไม่รอดกันอยู่แล้ว นั่นก็น่าจะบอกอะไรหลายๆอย่างได้นะครับ

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
อ้างจาก Top Gear UK สมัย Clarkson
รถฝรั่งเศสห่วยขั้นสุด ถึงขั้นซื้อ Peugeot มาขับชนเล่นเป็นขยะ
ไม่รู้มีอะไรส่วนตัวระหว่างประเทศรึเปล่า 555
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
เยอรมัน เหนือกว่าครับ

ปล.
WRC ทีม VOLKSWAKEN เข้าวินเยอะมากครับ
( ฮุนไดก็ลงแข่งด้วย สุดยอด )

ออฟไลน์ bahamu

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 687
เศล เป็นศิลปิน ทำอะไรเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่ใส่ใจคนอื่นคล้ายลี่ แต่ขายรถบ้านๆมากกว่า
การออกแบบ ความงาม เป็นปัจจัยพื้นฐานของชนชาตินี้

แม้แต่ ราฟาล เครื่องบินขับไล่นาวีฝรั่งเศส ผู้ออกแบบกล่าวว่า

เครื่องบินขับไล่ นอกจากมีสมรรถนะที่ยอดเยื่ยมแล้ว รูปทรงต้องสวยงามด้วย

รูปทรงที่อ่อนช้อย แต่ไม่หวือหวาแบบลี่ และลงตัวโดยไม่สนใจต้นทุนทางวิศวกรรม ทำให้การซ่อมบำรุงสาหัส

ระบบไฟ กลไก นิยมใช้ของพวกเดียวกัน ร่วมกับชาวบ้านก็ไม่ร้อย ต้องดัดแปลงให้ต่าง ทำให้คนไม่เคยทำไม่อยากยุ่ง

เศล กฤษ เย ไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร กินกันไม่ลง มีดตัดแนวดิ่งเศลดีที่สุด เพราะพัฒนามาจาก กิโยติน

ถ้าวัดรถเศลในบ้าน เฉพาะตัวดังๆ ดีกว่ากฤษ แต่ด้อยกว่าเย รถกฤษแย่ทั้งไฟฟ้า กลไก ที่ไม่ทนและออกแบบไม่จบก็ออกขาย
แต่รูปทรงภูมิฐาน โอ่งอ่าแบบเจ้าอาณานิคม ทั้งที่เศลก็มีเยอะแต่ชอบความลงตัว งดงามมากกว่า

ซีตรองหน้ากบ จึงเป็นงานออกแบบ ที่ผสานความโอ่อ่า งดงาม และวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม แต่ลืมเรื่องความทนทานในภูมิภาคอื่น
ซีตรองbx ใช้ตัวถังโมโนค๊อค ดูดซับแรงเมื่อถูกชนได้ดีกว่าแบบเก่า ฝากระโปรง ฝาท้ายเป็นไฟเบอร์ ตัวรถเบาลง ฝาปิดล้อหลังทำให้ลู่ลม

สมัยก่อนคนปารีสว่า มีหน้าร้อนไม่ถึงเดือน วันๆใส่แต่เสื้อแขนยาว ก็คงไม่ต่างจากที่รถจากัวร์ไปอยู่เมกาแล้วมีฉายาว่า Prince of Darkness
คือนึกจะเสียเมื่อไหร่ ที่ไหน ไม่รู้ เสียได้ตลอดทั้งคัน ขับโก้ เครื่องแรง แต่รวนง่าย ยิ่งร้อนมากยิ่งพังเร็ว หม้อน้ำก็บาง

เย ทำรถใส่ใจทั่วโลก เพราะแพ้สงครามต้องหาเงินมาใช้หนี้กฤษ เศล เมกา ทั้งสองครั้ง ทำอะไรก็ใส่ใจและคนปลูกฝังให้มีวินัย
แข็งแรง ทนทาน ซ่อมบำรุงง่าย ราคาแพง แต่คุ้มซื้อครั้งเดียวจบ เป็นสิ่งที่คนทั่วโลกเชื่อถือ ถ้ามีช่างซ่อมที่เข้าใจ
ระบบไฟบางครั้งคิดมากเกิน และไม่สนใจอากาศร้อนชื้นนัก จึงมีปัญหา แต่ถ้าเข้าใจระบบทำงานดีกว่ายุ่น จนยุ่นต้องปรับปรุงจึงพอๆกัน

รูปทรง เย ก็เป็นศิลปิน เพราะบีโทเฟน โมสาร์ท ก็เป็นเย สวิส ออสเตรียเป็นเผ่าเครือญาติ เพียงแต่ไม่ดูอ่อนช้อย หวือหวาเท่า เศลกับลี่
แต่สวยทนทาน ไม่ใช่พอใหม่มา เก่าไม่น่าแลเลย แต่เก่าก็ดูดี ใหม่ก็ดูทันสมัย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 23, 2015, 14:56:45 โดย bahamu »

ออฟไลน์ Asklepios

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 87
    • อีเมล์
ใช้แต่ Peugeot ไม่เคยใช้รถเยอรมันตอบไม่ได้ครับ แหะแหะ รู้แค่ว่าชอบก็เลยใช้แค่นั้นล่ะ