ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว  (อ่าน 11486 ครั้ง)

ออฟไลน์ NarongritL

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 170
    • อีเมล์
เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2015, 15:17:29 »
อยากทราบว่าสตรัทปรับเกลียวยี่ห้อตลาดทั่วๆไปอย่าง H-Drive, Silver, Gab หรือ Tein อายุการใช้งานที่เท่าไหร่ หรือวิ่งไปเท่าไหร่ ควรเปลี่ยนหรือ overhaul ครับ?
(รถบ้านๆโช้คเดิมๆเหมือนจะอายุการใช้งานนานกว่ารึเปล่า?)
เเล้วถ้าเป็นยี่ห้อที่เเพงขึ้นไปเช่น ohlins หรือ rsr อายุการใช้งานจะยาวขึ้น เเละ ประสิทธิภาพการขับขี่จะดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดไหม? (ราคา x2)
สำหรับรถที่ ohlins ไม่ได้ผลิตสตรัทมาให้ rsr จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สู้ได้ไหมครับ?

ขอบคุณสำหรับทุกคำเเนะนำครับ

ออฟไลน์ unseen

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 260
    • อีเมล์
Re: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2015, 15:31:33 »
ผมเคยใช้ H-Drive อยู่  ก็ OK ดีถ้าไม่ได้เจอถนนขรุขระมากมาย   ถนนเรียบๆขับดี

เคยขับจากโคราช ไปอุดร  ปรับเกือบอ่อนสุด  เล่นเอาเหนื่อย

เเต่ถ้าเป็นพวก CUSCO จากรีวิวของเพื่อนสมาชิก  ตัวนี้จะนุ่มกว่าเก็บอาการถนนขรุขระได้ดีกว่าเยอะ   เเต่ก็เเพงกว่าเยอะเหมือนกัน 

ผมว่าถ้าขับรถข้ามจังหวัดไม่ได้ซิ่ง จัดโช็คหนืดๆ กับสปริงเดิมก็น่าจะพอ 

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,056
Re: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2015, 16:31:45 »
เคยใช้ Tein superstreet ใช้งานไม่โหดร้าย (เบาทางขรุขระ หลุม หลังเต่า หยอดตลอด) ประมาณ 80,000 เริ่มมีเสียง เปลี่ยนยางกันกระแทกก็หาย ... ทางผู้นำเข้าแนะนำว่าซัก 100,000 ก็น่าจะ overhaul ซะหน่อย ของแต่งหลายยี่ห้อออกแบบให้ service ได้ครับ

ยี่ห้ออื่นไม่ทราบเหมือนกันครับว่าทนทานขนาดไหน ... ส่วนตัวผมกลัวพวกเกลียวรูดมากกว่าโช้คเสีย

สำหรับของแต่งราคาแพง บางครั้งไม่ได้แปลว่าทนกว่าเสมอไปครับ เพราะอาจออกแบบมาให้ทำงานดีมากๆแต่อายุการใช้งานสั้นก็เป็นได้ครับ (ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังไม่มีวาสนาใช้ ohlins ครับ)

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
Re: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2015, 17:29:54 »
สตรัทปรับเกลียวพอสัก60000-80000กิโลหรือสัก5ปีก็เปิดกระบอกมาเปลี่ยนน้ำมันภายในแะลชิ้น่สวนต่างๆที่เริ่มสึกหรอกได้แล้วครับ  :-X ถนนประเทศไทยโหดร้ายมากสตัรทที่ไม่ซับแรงกระแทกเลยย่อมอายุสั้นแน่นอน  :'( สตรัทอย่างโอลินประสิทธิภาพดีกว่าสตรัทพื้นฐานเพราะว่ามีระบบวาล์วภายในจัดการการไหลเวียนที่ดีกว่าครับ การปรับของเค้าก็ทำได้ละเอียดกว่าและมากระดับกว่าด้วยแต่เจ้าของต้องมีความรู้ในการปรับให้ความหนืดเข้ากับรถที่สุดด้วยนะ  :)
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2015, 18:01:34 »
ถนนเมืองไทย ไม่น่ารอดแสนโลครับ
ซัก 3-4 หมื่นโลก็หมั่นเช็ครอยรั่วซึมครับ

ออฟไลน์ #อินเดียหน้าโจร

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,404
    • Need for slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน
    • อีเมล์
Re: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2015, 19:44:11 »
ใช้สตรัท monroe reflex อยู่ครับ ทางเรียบก็ดี ทางขรุขระก็ดีครับ แต่คงดีสู้ของแพงๆไม่ได้ ใช้มา 3-4 หมื่น กม. กับ 3 ปี เริ่มมีน้ำมันซึมๆละครับ แต่ยังหนึบอยู่ แต่คิดว่าคงไกล้ละ
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky

ออฟไลน์ Tha10050

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 322
    • อีเมล์
Re: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 29, 2015, 21:07:48 »
ส่วนตัวใช้ H-Drive ใส่ใน Mirage (ล้อเเม็ค Lenso ยาง195/50/15) เปลี่ยนตั้งเเต่ช่วงหนึ่งถึงสองพันโล
ปัจจุบันจะแปดหมื่นโลแล้วคนับ(กำลังจะครบ 2ปี) ขับรูดตลอด หลบหลุมไม่ค่อยทัน ยังใช้การได้อยู่ไม่รั่วไม่ซึมครับ

ปล. ยังไม่เคยปรับ สูงตำ่หรือความหนืดด้วยตัวเองใดๆทั้งสิ้นครับ

เส้นทางที่ข้บประจำ ไป-กลับ (กทม-ภาคอีสาน)ครับ

ออฟไลน์ jze28

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 13
    • อีเมล์
Re: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2015, 10:55:37 »
ตอบจากการใช้จริง 4ปี  แสนห้าหมื่นโล สตรัทปรับเกลียว ของไต้หวัน ใส่ซันนี่นีโอ วิ่ง กทม.-เพชรบุรี ทุกอาทิตย์ ล้อ 16 เคยเปลี่ยนกระบอกช๊อคมารอบหนึ่งตอนแสนโลกว่าๆ ผมถือว่าคุ้มมากกับการใส่สรัทปรับเกลียว สำหรับผมนะ เพราะรอดจากตกหลุมโหดๆหลายรอบแล้วแม็คไม่เป็นไรเลย แต่ข้อเสียคือมันจะสะเทือนกว่าของเดิมพอสมควร แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ความหนึบและมั่นใจในการขับขี่ครับ

ออฟไลน์ swan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 901
Re: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2015, 19:48:40 »
เท่าที่ใช้ ohlins , bilstein มา บางครั้งโช้คที่เค้าบอกว่าเทพก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีที่สุดสำหรับเราเสมอไป

Bilstein ใช้ได้ 2,000 กม ผมถอดขาย ไม่ใช่ว่าของเขาไม่ดีนะแต่มันไม่ใช่ คือ มันแข็ง กระด้าง ดิ้นมากเมื่อเจอถนนบ้านเรา แต่มันเกาะหนึบ

Ohlins dfv มันเกาะหนึบมาก ไม่กระด้างมาก แต่พอปรับไปทางนิ่ม มันดิ้น พอปรับหนืดมันแข็ง รับรู้ได้ทุกพื้นผิวสัมผัสของถนนเชียวแหละ ข้อดีที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ คือ ตอนปรับไปทางนิ่มมากๆ หรือปรับนิ่มสุด เวลาเข้าโค้งรถก็ไม่มีอาการเอียงวูบตามความนิ่มของโช้ค มันยังคงรักษาการทรงตัวและการยึดเกาะที่หนึบแน่นเอาไว้ได้ แต่สิ่งเดียวทึ่ไม่ชอบ คือ อาการดิ้นของโช้คแม้จะปรับแข็งเกือบสุดแล้วก็เถอะ ถ้ายิ่งปรับไปทางนิ่มยิ่งดิ้นจนเวียนหัว

ทางแก้คงต้องเปลี่ยนสปริงที่มีค่า k น้อยกว่านี้

สรุปว่า ไม่ว่าโช้คจะเทพหรือแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ว่าจะถูกใจไปทุกอย่าง ไปๆมาๆผมกลับชอบโช้คและสปริงติดรถที่ติดมากับ 320d e90 lci มากที่สุด อยากได้ช่วงล่างบุคลิกแบบนี้ที่สุด ราคาโช้คทั้งชุดไม่ถึงครึ่งของ ohlins ด้วยซ้ำ แต่สำหรับผมมันเทพแล้ว

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,056
Re: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2015, 21:22:53 »
เท่าที่ใช้ ohlins , bilstein มา บางครั้งโช้คที่เค้าบอกว่าเทพก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีที่สุดสำหรับเราเสมอไป

Bilstein ใช้ได้ 2,000 กม ผมถอดขาย ไม่ใช่ว่าของเขาไม่ดีนะแต่มันไม่ใช่ คือ มันแข็ง กระด้าง ดิ้นมากเมื่อเจอถนนบ้านเรา แต่มันเกาะหนึบ

Ohlins dfv มันเกาะหนึบมาก ไม่กระด้างมาก แต่พอปรับไปทางนิ่ม มันดิ้น พอปรับหนืดมันแข็ง รับรู้ได้ทุกพื้นผิวสัมผัสของถนนเชียวแหละ ข้อดีที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ คือ ตอนปรับไปทางนิ่มมากๆ หรือปรับนิ่มสุด เวลาเข้าโค้งรถก็ไม่มีอาการเอียงวูบตามความนิ่มของโช้ค มันยังคงรักษาการทรงตัวและการยึดเกาะที่หนึบแน่นเอาไว้ได้ แต่สิ่งเดียวทึ่ไม่ชอบ คือ อาการดิ้นของโช้คแม้จะปรับแข็งเกือบสุดแล้วก็เถอะ ถ้ายิ่งปรับไปทางนิ่มยิ่งดิ้นจนเวียนหัว

ทางแก้คงต้องเปลี่ยนสปริงที่มีค่า k น้อยกว่านี้

สรุปว่า ไม่ว่าโช้คจะเทพหรือแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ว่าจะถูกใจไปทุกอย่าง ไปๆมาๆผมกลับชอบโช้คและสปริงติดรถที่ติดมากับ 320d e90 lci มากที่สุด อยากได้ช่วงล่างบุคลิกแบบนี้ที่สุด ราคาโช้คทั้งชุดไม่ถึงครึ่งของ ohlins ด้วยซ้ำ แต่สำหรับผมมันเทพแล้ว
เห็นด้วยเลยครับ ... แพงไม่ได้แปลว่าเหมาะกับเรา

.... อาการดิ้น ไม่น่าเป็นที่ค่า k หรือเปล่าครับ อาจเป็นที่ rebound เร็วไปหรือเปล่าครับ ถ้าปรับความหนืด bump กับ rebound แยกกันได้ น่าลองเพิ่มเฉพาะ rebound แต่ให้ bump นิ่มๆหน่อย

อีกทีนึงถ้าคิดว่าเป็นที่สปริงจริงๆ ก็อาจเป็นที่ preload มาไปก็ได้นะครับ

ชุดช่วงล่างที่ปรับได้เยอะๆนี่มันยากจริง  :-X

ออฟไลน์ swan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 901
Re: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2015, 14:50:12 »
เท่าที่ใช้ ohlins , bilstein มา บางครั้งโช้คที่เค้าบอกว่าเทพก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีที่สุดสำหรับเราเสมอไป

Bilstein ใช้ได้ 2,000 กม ผมถอดขาย ไม่ใช่ว่าของเขาไม่ดีนะแต่มันไม่ใช่ คือ มันแข็ง กระด้าง ดิ้นมากเมื่อเจอถนนบ้านเรา แต่มันเกาะหนึบ

Ohlins dfv มันเกาะหนึบมาก ไม่กระด้างมาก แต่พอปรับไปทางนิ่ม มันดิ้น พอปรับหนืดมันแข็ง รับรู้ได้ทุกพื้นผิวสัมผัสของถนนเชียวแหละ ข้อดีที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ คือ ตอนปรับไปทางนิ่มมากๆ หรือปรับนิ่มสุด เวลาเข้าโค้งรถก็ไม่มีอาการเอียงวูบตามความนิ่มของโช้ค มันยังคงรักษาการทรงตัวและการยึดเกาะที่หนึบแน่นเอาไว้ได้ แต่สิ่งเดียวทึ่ไม่ชอบ คือ อาการดิ้นของโช้คแม้จะปรับแข็งเกือบสุดแล้วก็เถอะ ถ้ายิ่งปรับไปทางนิ่มยิ่งดิ้นจนเวียนหัว

ทางแก้คงต้องเปลี่ยนสปริงที่มีค่า k น้อยกว่านี้

สรุปว่า ไม่ว่าโช้คจะเทพหรือแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ว่าจะถูกใจไปทุกอย่าง ไปๆมาๆผมกลับชอบโช้คและสปริงติดรถที่ติดมากับ 320d e90 lci มากที่สุด อยากได้ช่วงล่างบุคลิกแบบนี้ที่สุด ราคาโช้คทั้งชุดไม่ถึงครึ่งของ ohlins ด้วยซ้ำ แต่สำหรับผมมันเทพแล้ว
เห็นด้วยเลยครับ ... แพงไม่ได้แปลว่าเหมาะกับเรา

.... อาการดิ้น ไม่น่าเป็นที่ค่า k หรือเปล่าครับ อาจเป็นที่ rebound เร็วไปหรือเปล่าครับ ถ้าปรับความหนืด bump กับ rebound แยกกันได้ น่าลองเพิ่มเฉพาะ rebound แต่ให้ bump นิ่มๆหน่อย

อีกทีนึงถ้าคิดว่าเป็นที่สปริงจริงๆ ก็อาจเป็นที่ preload มาไปก็ได้นะครับ

ชุดช่วงล่างที่ปรับได้เยอะๆนี่มันยากจริง  :-X


Ohlins ชุดนี้ปรับได้เฉพาะค่า rebound อย่างเดียวครับ ผมลองปรับทั้ง rebound และค่า preload ของสปริงดูแล้ว ตั้งแต่นิ่มสุดจนถึงแข็งสุดเท่าที่จะปรับได้ มันก็ยังดิ้น เหลือเปลี่ยนสปริงอย่างเดียว

ออฟไลน์ Lancer

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 372
Re: เรื่องของสตรัทปรับเกลียว
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 11:26:02 »
เคยอ่านแต่คู่มือของ tein อะครับ  เห็นว่าราวๆ 80,000 กิโลเมตรครับ