ผู้เขียน หัวข้อ: ก็แค่สงสัย?? ทำไมตอนนี้ไม่มีโรงงานผลิตรถยนต์แบรนด์ใหม่เกิดขึ้นมาเลยครับ  (อ่าน 6759 ครั้ง)

ออฟไลน์ hs7qbt

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
ยุคนึง สมัยนึง ในญี่ปุ่นนั้น มีการตั้งโรงงานผลิตรถมามากมาย

เกิดยี่ห้อทั้งโตโยต้า ซูซูกิ ฮอนด้า มาสด้า ฯลฯ (ไม่รู้ว่าใครตั้งโรงงานผลิตก่อนกัน)

ผมเดาว่ารัฐบาลเขาคงสนับสนุน(มั้ง) แต่วันนี้คงห้ามตั้งไม่ให้มียี่ห้อใหม่เพื่อมาแย่งส่วนแบ่งกันเองอีก

และคงจะเห็นว่าผู้ผลิตที่มีอยู่มันมากพอแล้วมั้งครับ


ในอเมริกาผมก็สงสัยเหมือนกัน.....


อยากฟังแบบหนังยาว จัดให้ทีครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
ยังไม่ว่างพอจะฉายหนังยาว

แต่ ฉายหนังสั้นให้ดูก่อนพอใช้ได้

การตั้งโรงงาน รถใหม่ๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ เสมอๆ
ขึ้นอยู่กับ ปัจจัย ความเปลี่ยนแปลง ของแต่ละตลาด สภาพเศรษฐกิจ รายได้ของบริษัทรถ
กฎหมายท้องถิ่นต่างๆ อัตราแลกเปลี่ยน และความผันผวน ที่เกี่ยวข้อง

มีหลายเรื่องที่ แต่ละค่ายต้องคำนึงเวลาจะตั้งโรงงานผลิตรถใหม่กัน

ไม่แน่ใจว่าที่ถาม คือเมืองไทย หรือเมืองนอก ถ้าเมืองนอก ก็มีตามนั้น เป็นปกติ

แต่ถ้าเมืองไทย ก็คงจะต้องถามดูอีกทีว่า ยอดขาย ของรถแต่ละแบรนด์ มันมากพอ หรือมีแนวโน้ม ให้ตั้งโรงงานใหม่ๆหรือไม่?
ต้นทุน ในการตั้งโรงงาน เป็นหลักพันล้านบาททั้งนั้น จะใช้ประโยชน์ จากข้อกำหนดพิกัดอัตราภาษีต่างๆ หรือโครงการ
ส่งเสริมการลงทุนต่างๆ ได้มากน้อยแค่ไหน เต็มเม็ดเต็มหน่วยแค่ไหน คุ้มค่าต่อการลงทุนมากแค่ไหน

ล่าสุด เท่าที่รู้คือ Suzuki ตั้งโรงงาน ด้วยงบสูงถึง 9.5 พันล้านบาท
ที่ นิคม อมตะ (ระยอง)


ออฟไลน์ Preceda2

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 498
    • อีเมล์
ตั้งยี่ห้อใหม่ขึ้นมาตอนนี้ผมว่าสู้เขายากครับ ลำพังแค่ยี่ห้อเก่าๆก็แข่งขันกันจะเป็นจะตายกันอยู่แล้วครับ
2009 Volvo S60 D5
2010 Honda CRV 2.0
2011 Subaru Impreza 2.0R MT {R.I.P.}
2014 Harley-Davidson Sportster Iron 883
2015 Honda HR-V

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
อันนี้แนวคิดของผมนะครับ ผิดถูกยังไงก็ขออภัยด้วย

สำหรับชั่วโมงนี้ ถ้าจะมีแบรนด์เกิดใหม่ ก็จะเป็น Exotic Car ที่ผลิตกันทีละไม่มากตามคำสั่งซื้อของลูกค้า หรือ เป็นการแตกแบรนด์ของผู้ผลิตรายเดิม เสียส่วนใหญ่ รถตลาดเปิดแบรนด์ใหม่ไม่ได้แน่ เพราะต้องหาช่องทางการจำหน่ายที่เจ้าอื่นยึดไปเกือบหมดแล้ว

และ ที่จขกท.กล่าวไว้ว่าช่วงนั้นมีแบรนด์เปิดใหม่ค่อนข้างมาก แต่ ก็มีแบรนด์ต่างๆที่ต้องล่มสลายหรือถูกควบรวมกับเจ้าอื่นๆ เช่น
-Prince ถูกนิสสันซื้อกิจการไป
-Pontiac ล่มสลาย รวมถึงแบรนด์อื่นๆอย่าง Singer , Hillman ฯลฯ
หรือบางแบรนด์ก็มุ่งไปทางรถบรรทุกแทน เช่น อีซูสุ และ ฮีโน่

ออฟไลน์ Monstruo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 381
ตอนนี้ดูเหมือนบริษัทรถยนต์ให้ความสนใจกับตลาดรถยนต์ในจีนกับอินเดียกันมากกว่าเพราะอัตราการเติบโตสูงกว่าบ้านเรามาก ตลาดรถยนต์ในบ้านเราปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 9% ไปอยู่ที่ระดับ 600,000-630,000 คันเท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับจีนที่ผลิตรถยนต์มากถึง 13.83 ล้านคันในปีที่แล้ว

ออฟไลน์ • Jmng™ •

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,402
  • My name is Ko krub.
    • www.facebook.com/satinokoko
เค้ากำลังลั้นลากับจีนและอินเดียอยู่ครับ
난널사랑해...파제로 스포트......... รีวิว Pajero Sport .. http://bit.ly/pZjq5h เชิญเสพ
www.facebook.com/satinokoko  
!Instagram @Kbltz_Jmng

Jmng FACMU19 :)

ออฟไลน์ hs7qbt

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
ขอบคุณทุกคำตอบครับ

ในเมืองไทย ผมไม่หวังว่าจะมีรถแห่งชาติใช้ เหมือนโปรตอนของมาเลเซียครับ

จำได้ตอนเด็กๆ เคยมีรถกระบะยี่ห้อนึง V.M.C. รึเปล่า (ถ้าผิดขออภัย) ออกขายในแบรนด์คนไทย

แต่ต่อมาก็หายลับไปหมด คงขายไม่ออกจริงๆ

แต่ในประเทศญี่ปุ่น กำลังสมอง แหล่งทุน และเทคโนโลยีก็มีพร้อม น่าจะมีเด็กยุคใหม่ ไฟแรงๆ อยากสร้างแบรนด์ของตนขึ้นมาบ้าง วางแผนระยะยาว มีรถใหม่ขายอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ Exotic Car รุ่นพิเศษ

หรือว่าจริงๆแล้วก็มีเยอะ แต่ผลิตออกมารุ่นเดียวแล้วขายใครไม่ได้ จำเป็นต้องพับเสื่อลากลับบ้านไป


ที่มาของคำถามนี้ เพราะสงสัย นายโซอิจิโร่ ฮอนด้า สมัยโน้นคิดยังไง ถึงได้สร้าง HONDA ให้ผงาดอยู่ได้ในปัจจุบันนี้ครับ ทั้งที่ตัวคนเดียว ไม่ได้มีโรงงาน ไม่ได้มีทรัพย์สินมากมาย เหมือนโตโยต้าและซูซูกิครับ


คงต้องอ้อนเวปมาสเตอร์ผู้ใจดี ว่าต่อจากประวัติ: ซูซูกิ ที่อ่านแล้วสุดประทับใจ  อย่าลืมเขียนประวัติของยี่ห้ออื่นอีกนะครับ  คิวต่อไปขอฮอนด้า ถึงต้องรออีกหนึ่งปีหรือมากกว่าก็จะรอครับ

ป.ล. ไม่ต้องให้ผมไปหาซื้อหนังสือชีวประวัติมาอ่านนะครับ เพราะโวหารของที่นี่น่าอ่านกว่าเยอะ



ออกทะเลแล้วเรา......

ออฟไลน์ kritphakhin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,943
ผมอยากเห็นแบรนด์ใหม่บ้างเหมือนกันครับ

ออฟไลน์ Valkilrey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 646
    • อีเมล์
เรื่องแบรนด์ใหม่ ผมก็อยากเห็นนะ แต่ที่อยากเห็นมากกว่า และเป็นไปได้มากกว่า คือแบรนด์ที่มีอยู่แล้วตอนนี้ ที่ยังไม่มีโรงงานในไทย มาตั้งโรงงานทีนี่ครับ (เช่น Volkswagen รถดีๆทั้งนั้น Golf, Polo, Beetle, etc) จะได้ทำราคาให้แข่งขันได้

ออฟไลน์ TABO9

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 334
    • อีเมล์
อย่างคันนี้ ไม่รู้ว่าต้องตั้งโรงงานไหมถึงผลิตออกมาได้


ออฟไลน์ youngbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,332
 ;D ;D ;D ;D............and these are the new brands of chinese car manufacturings which some of them may export out in the near future so let's familiarize thier brand names following:-
-  greatwall motors........main line on suv "perry"
-  fudi motors................made only suv "fudi" (ugliest suv in the world)
-  jac motors.................famous mini car model "jac ao mini"
-  geely automobile........many popular models such as "cherry,qq,fulwin,dragon and
                                     florid cvt"
-  byd automobiles........ marketing on "byd f3,byd f6 and byd g3"
-  haima autos...............top selling on "haima h2"

              so your folks will see those cars around our region soon.

                                                                      yogibear

ออฟไลน์ traveller

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
รถยี่ห้อใหม่ เกิดขึ้น มากครับ ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา

รถจีน ยี่ห้อต่างๆ มียอดขาย หลายแสนคันต่อปี มียี่ห้ออะไร บ้าง เพื่อนข้างบน ก็ เขียนให้แล้ว
รถแห่ง ปักกิ่ง BYD อนาคตดีกว่า เศรษฐีอเมริกัน เท เงิน ซื้อ หุ้น ร่วมลงทุน มาตลอด
และ ดู แนวโน้ม ว่า BYD จะเป็น ยักษ์ใหญ่ ใน โลกรถยนต์ ในอีก 10 ปีข้างหน้า ครับ

รถอินเดีย
Maruti อยู่ อันดับ 1
TaTa อยู่ อันดับ 2

Maruti ร่วมทุนกับ Suzuki ดัน ยอดขาย เก๋ง ซูซุกิ อยู่อันดับ 1 ในอินเดีย
และ Maruti Swift Dzire นี่แหละครับ ที่ ขายรถเล็ก ทั้งเบนซินและดีเซล ในอินเดีย ชนะ Tata Indigo, Ford Fiesta, และ Mahindra Logan

Maruti  จะเป็น ยักษ์ใหญ่ ใน โลก รถยนต์ ในอีก 10 ปี ข้างหน้า แน่นอน ซะยิ่งกว่า BYD อีกครับ

เพราะ ได้รับ แรงหนุน จาก อุตสาหกรรมเหล็กอินเดีย ที่ ขึ้นสู่ อันดับ 1 ของโลก
นายทุนแขก กว้านซื้อ โรงงานเหล็ก ชื่อดัง ทั่วโลก ไว้หลายปี
ทำให้ อุตสาหกรรม รถยนต์ อินเดีย มีต้นทุน เหล็ก ถูกกว่า ใคร เขา ทั้งหมด ใน โลก
ต้นทุน เหล็ก ใน อินเดีย ถูก กว่า จีน ครับ

Tata ร่วมทุนกับ Benz สร้างรถบรรทุก และ ใช้เทคโนโลยี่ เฟียต อิตาลี สร้าง รถเก๋ง ดีเซล เล็กขนาด 750 ซีซี ไปจนถึง 1.4 คอมมอนเรล

Tata ก็ จะเป็น ยักษ์ใหญ่ ใน โลก รถยนต์ ในอีก 10 ปี ข้างหน้า เช่นกัน
กลุ่ม ทาทา มี อุตสาหกรรมเหล็ก ของตัวเอง หนุนหลัง
เศษ เหล็กเก่า ทั่วโลก ถูก ทาทา กว้านซื้อ มา เก็บ มาใช้

เทียบ กับ จีน แล้ว
จีน ซื้อ เศษเหล็กเก่า แล้ว รีบ นำไปใช้ เพราะ กู้ธนาคาร มาซื้อ ต้อง รีบหากำไร ด่วน จ่ายต้น จ่ายดอก
แต่ ทาทา ซื้อ เศษเหล็กเก่า แล้ว เก็บ เก็ง กำไร ก่อน
ได้ กำไร แล้ว ก็ ค่อย ทยอย เอา เศษเหล็ก มา ผสม ใช้งาน ใน อุตสาหรรมแต่ละประเภท ครับ
แขก อินเดีย ทาทา มี ต้นทุน ทางการเงิน ถูกกว่า นายทุน จีนเยอะครับ

แหล่ง แยกส่วน เรือเดินสมุทร เรือสินค้า ขนาดยักษ์ ก็ อยู่ในอินเดีย
เรือ เก่า ทั่วโลก ต่าง เดินทาง มา แยกชิ้น ขายเป็น เศษเหล็ก
เปิดโอกาส ให้ แขก อินเดีย ทำกำไร จาก การ รับซื้อของเก่า มา แปร สภาพ ครับ
เป็น ผลพลอยได้ จาก การ ที่ อินเดีย เคยเป็น เมืองขึ้นของอังกฤษ ที่ เก่ง เดินเรือ
อินเดีย จึง มี อุตสาหกรรม ด้านสนับสนุน เรือ ที่ แกร่งมาก
โดยเฉพาะ เศษเหล็ก ที่ มี แรงงานอินเดีย ยากจน อยู่ หลาย ร้อยล้าน คน

การค้า ของเก่า นี่ กำไร งาม นะครับ
เน้นๆ เนื้อๆ เลย ล่ะ

ส่วนจีน แรงงานถูก ไม่ได้อยุ่ใกล้ทะเล แต่ อยู่ ลึกเข้าไป ทางตะวันตก
ดังนั้น จีน จึง เสียเปรียบอินเดีย เรื่อง แรงงานถูก ทางอุตสาหกรรมเศษเหล็ก จากเรือ

รถยนต์ สร้างจาก เหล็กพิเศษ ไม่ได้ สร้างจากเศษเหล็ก
แต่ อุตสาหกรรมเหล็ก ที่ มี เหล็กก่อสร้างที่มีส่วนผสมจากเศษเหล็ก หนุน
จะสามารถ ต่อยอด ลดต้นทุน เตาหลอม เครื่องมือ ต่างๆ ได้มาก
ดังนั้น อุตสาหกรรมเหล็ก ของอินเดีย จึง ขึ้นสู่ อันดับ 1 ของ โลก ได้อย่างรวดเร็ว
เพราะ บริษัทเหล็ก อินเดีย มี อุตสาหกรรม เศษเหล็ก ป้อน เตาหลอม ขาย เหล็กก่อสร้าง ได้ทั่วโลก
แล้ว จึง ต่อยอด
ซื้อ บริษัท เหล็กชั้นนำ ของ ยุโรป อเมริกา
เป็น เจ้าของ เหล็กแผ่น ชั้นดี ที่ใช้ สร้าง รถยนต์

ยังไม่นับ ว่า อินเดีย ปัจจุบัน คือ จ้าวแห่งอุตสาหกรรม software และ บริการ ของโลก
การ ศึกษา ของอินเดีย มีคุณภาพสูง
ตำรา เรียน เป็น ภาษาอังกฤษ
พูด ภาษาอังกฤษ แบบ อินเดีย ที่ คนไทย ฟังไม่ออก แต่ ฝรั่ง ฟังออก
เพราะ ฝรั่ง คุ้น กับ คนสอน ที่ เป็น อินเดีย อยู่ เกือบ ร้อยปี แล้ว
ทั้ง ออกฟอร์ด แคมบริดจ์ เอมไอที ฮาร์วาร์ด ล้วน มี คนอินเดีย สอน
คนจีน ก็ มาก เช่นกัน
แต่ ธนาคารโลก และ ไอเอ็มเอฟ ต่างถูก อิทธิพล อินเดีย ซึม มากกว่าจีน
ช่วงวิกฤต 2540 ในไทย
ผม เห็น แต่ คนเชื้อสายอินเดีย หิ้วกระเป๋า เขามาตรวจ ธนาคารชาติ และ กระทรวงการคลัง ของไทย
แขก มาใน นาม ธนาคารโลก และ ไอเอ็มเอฟ ครับ
เรียกได้ว่า แขก รู้จัก สถานะการเงิน ของ ประเทศไทย มากกว่า คนไทยระดับมันสมองของชาติ หลายคนครับ

เมื่อ อุตสาหกรรมรถยนต์อินเดีย ได้แรงหนุน จาก
Hardware เหล็ก อันดับ 1 ของโลก
Software ระดับ โลก ที่ ทำงานให้ ไมโครซอฟท์ และ บริษัทชื่อดังทั่วโลก
ญี่ปุ่น ที่ ระยะยาว หากิน ใน จีน ได้ยากลำบาก ขึ้นทุกปี เพราะ จีนไม่ชอบญี่ปุ่น จึง เหลือ อินเดีย เท่านั้น ที่ ญี่ปุ่น ต้องย้าย ฐาน การผลิต รถคุณภาพ สูง ในอนาคต มา ผลิต ในอินเดีย

บริษัท Tata ก็ เสือปืนไว ครับ
ซื้อ จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ มา เตรียมปั้น ให้ เป็น รถดี ขายทั่วโลก อีกครั้ง
อินเดีย ไม่ทิ้ง รถชื่อดี แบบ ที่ จีน จะดูด volvo แน่ครับ
เพราะ แขก ค้าขาย เก่ง กว่า จีน ครับ

จักรวรรดิอังกฤษ ที่ ปกครองได้ทั่วโลก ก็ กู้เงิน จาก พ่อค้าอินเดีย ไป นะครับ
พ่อค้า อินเดีย นี่แหละ อยู่ เบื้องหลัง อังกฤษ
ซ่อน ตัว อยู่ หลัง ยิว อีกที ครับ
เรื่อง นี่ ยาว มาก
เอาว่า ฮาร์วาร์ด ที่ เป็น มหาวิทยาลัย อันดับ 1 ของโลก
และ ศิษย์เก่าฮาร์วาร์ด คุม เศรษฐกิจ โลกนั้น
คน อินเดีย นี่แหละ ครับ
เป็น ผู้ ก่อตั้ง ฮาร์วาร์ด ตัวจริง
ผม คิดว่า ศิษย์เก่า ฮาร์วาร์ด หลายคน ยังไม่รู้ เรื่องนี้ เลย มั๊ง

สรุป แล้ว
บริษัท Maruti และ Tata ของ อินเดีย
จึง ขึ้นแท่น อันดับ 1 และ 2 ของ โลก รถยนต์ ใน ระยะยาว อย่างมั่นคง ทีเดียว ครับ

Muruti Suzuki Swift Dzire นี่แหละครับ
เป็น ยี่ห้อ ของ รถเล็ก ที่ แกร่งที่สุดในโลก ตัวจริง ณ วันนี้ ครับ

และ นี่คือ เหตุผล ที่แท้จริง
ที่ โฟล์ก ต้อง ซื้อหุ้น ซูซูกิ ญี่ปุ่น

เพราะ ซูซุกิ ไวมาก ไป ร่วมกับ Maruti ก่อนใคร
ซูซุกิ คว้า พุง มัน ไปก่อนใคร
ทำให้ ปีที่ผ่านมา GM ล้ม Toyota ขาดทุน แต่ Suzuki ทำกำไรได้อย่างงดงาม เลย ครับ

โฟล์ก ต้อง การเป็น อันดับ 1 ใน โลกรถยนต์ แทน โตโยต้า
จึงต้อง หาทาง ผ่าน ซูซูกิ เข้าไป หา Maruti

โฟล์ก เข้า ไปฮุบ Maruti ตรงๆ ไม่ได้ครับ
เพราะ แขกอินดีย เขี้ยวลากดิน เกินกว่า ไส้กรอก เยอรมัน จะ กล่อมได้
แขก รู้ทันว่า  โฟล์ก มาแบบ ต้องการ ฮุบ ไม่ได้ ต้องการ ร่วม ค้ากำไร

แต่ ซูซูกิ ญี่ปุ่น เคลิ้ม คำหวาน โฟล์ก เยอรมัน เร็วเกินไป
ขายหุ้น 19% ให้ โฟล์ก ไปแล้ว ค่อย นึกได้ว่า เยอรมัน จะมา ฮุบ ไม่ได้มา ร่วม
ประธาน ซูซูกิ จึงต้อง รีบ ออกข่าว ปกป้อง บริษัท โดย เตือน โฟล์ก ว่า ห้ามฮุบ ซื้อหุ้นจากที่อื่นเพิ่มนะ
เขาจะสู้ เพื่อ ปกป้อง บริษัท ของ พ่อตา
แสดงว่า ปัจจุบัน โฟล์ก กำลัง พยายาม ซื้อ หุ้น ซูซุกิ จาก รายย่อย นั่นเองครับ
เยอรมัน ได้ หุ้น 19% ของ ซูซุกิ ไปแล้ว
เกมส์ จะไม่หยุด แค่นี้ แน่ครับ

เพราะ มี เดิมพัน บริษัท รถยนต์ อันดับ 1 ของ โลก แทน โตโยต้า เป็น เดิมพัน

คนไทย ก็ ควร จะเริ่ม จำชื่อ Maruti ไว้บ้าง ก็ดีนะครับ

ไทย และ ชาติอาเซี่ยน กำลัง ง้อ ให้ อินเดีย เซ็นต์ข้อตกลง FTA
วันใด ที่ ไทย ตกลง FTA กับ อินเดีย ได้สำเร็จ
รถ เล็ก ยี่ห้อ Tata Indigo และ Maruti Suziki Swift จะบุกไทย ทั้ง เครื่องเบนซิน และ ดีเซล
ผม ก็ หวังว่า รถ Eco Car ของ ไทย จะ ต้าน รถเล็ก อินเดีย ได้บ้าง นะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 08, 2010, 21:59:47 โดย traveller »

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
ขอบคุณ คุณ traveller ครับ

วิเคราะห์ดีเลยทีเดียว

แต่ ผมเพิ่มเติมนิดนึง

Maruti จะยังดีลกับ Suzuki แบบนี้ต่อไป
แต่ว่า ปัญหของ Maruti คือ R&D ยังไม่แข็งแรงพอที่จะสร้างรถขึ้นมาเองทั้งคันได้

ตรงนี้ ต่างกับ ทาทา มอเตอร์ โดยสิ้นเชิง

แต่ปัญหาของ ทาทา ก็คือ ความน่าปวดกบาล จากการทำอะไรประหลาดๆ หรือ ไม่ยอมเปิดกะลา ของบรรดาอินตะระเดียทั้งหลาย
และ ตระหนี่ถี่เหนี่ยว เกินเหตุไปหน่อย  (ประเภท ลูกน้อง จะเดินทางไปหาลูกค้า ไม่พาไปรถประจำตำแหน่ง หรือ รถไฟฟ้า BTS
ทว่า พี่แขก แกพาขึ้น รถเมล์ร้อน..ขอย้ำ รถเมล์ร้อน ขสมก.!!!!!)

พี่ครับ พี่จะเหนียวไปหน่อยไหมครับ เพ่?

ถ้ายังไม่ปรับวิธีคิดในระดับพนักงาน ปฏิบัติการณ์ ทั้ง สองค่าย ยังเหนื่อยแบบนี้ต่อไปแน่ๆ

และ ผมยังเชื่อว่า ยังไง อุคสาหกรรมรถยนต์ของจีน ต้องใช้เวลามากกว่านี้
ที่จะทำให้คนยอมรับ กับแบรนด์ ประหลาดๆ รถที่มีคุณภาพไก่กาบ้าบอ อะไรก็ไม่รู้ เหล่านั้น

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณ คุณ traveller ครับ

วิเคราะห์ดีเลยทีเดียว

แต่ ผมเพิ่มเติมนิดนึง

Maruti จะยังดีลกับ Suzuki แบบนี้ต่อไป
แต่ว่า ปัญหของ Maruti คือ R&D ยังไม่แข็งแรงพอที่จะสร้างรถขึ้นมาเองทั้งคันได้

ตรงนี้ ต่างกับ ทาทา มอเตอร์ โดยสิ้นเชิง

แต่ปัญหาของ ทาทา ก็คือ ความน่าปวดกบาล จากการทำอะไรประหลาดๆ หรือ ไม่ยอมเปิดกะลา ของบรรดาอินตะระเดียทั้งหลาย
และ ตระหนี่ถี่เหนี่ยว เกินเหตุไปหน่อย  (ประเภท ลูกน้อง จะเดินทางไปหาลูกค้า ไม่พาไปรถประจำตำแหน่ง หรือ รถไฟฟ้า BTS
ทว่า พี่แขก แกพาขึ้น รถเมล์ร้อน..ขอย้ำ รถเมล์ร้อน ขสมก.!!!!!)

พี่ครับ พี่จะเหนียวไปหน่อยไหมครับ เพ่?

ถ้ายังไม่ปรับวิธีคิดในระดับพนักงาน ปฏิบัติการณ์ ทั้ง สองค่าย ยังเหนื่อยแบบนี้ต่อไปแน่ๆ

และ ผมยังเชื่อว่า ยังไง อุคสาหกรรมรถยนต์ของจีน ต้องใช้เวลามากกว่านี้
ที่จะทำให้คนยอมรับ กับแบรนด์ ประหลาดๆ รถที่มีคุณภาพไก่กาบ้าบอ อะไรก็ไม่รู้ เหล่านั้น

อย่าเรียกว่า "รถเมล์ร้อน" สิครับ ควรเรียกว่า "รถปรับตามสภาพอากาศ" ดีกว่า

ว่าแต่เฮียจิมครับ เมื่อปีก่อนที่ทาทามีปัญหาตอนจะสร้างโรงงานประกอบรุ่นนาโน แล้วตอนนี้เป็นไงแล้วบ้างครับ

ส่วนแบรนด์จีน ถ้าผู้บริหารของเขายังคิดได้แค่นี้ ที่ใช้การลอกและเลี่ยงบาลี (และบางรายก็เนียนชิงจดสิทธิบัตรก่อนเจ้าของตัวจริง) ก็คงอีกนานแหละครับที่จะทำให้คนยอมรับได้

ออฟไลน์ Chris Evn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,154
ขอบคุณ คุณ traveller ครับ
เขียนมาได้ละเอียดดี

ออฟไลน์ hs7qbt

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
รถยี่ห้อใหม่ เกิดขึ้น มากครับ ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา

รถจีน ยี่ห้อต่างๆ มียอดขาย หลายแสนคันต่อปี มียี่ห้ออะไร บ้าง เพื่อนข้างบน ก็ เขียนให้แล้ว
รถแห่ง ปักกิ่ง BYD อนาคตดีกว่า เศรษฐีอเมริกัน เท เงิน ซื้อ หุ้น ร่วมลงทุน มาตลอด
และ ดู แนวโน้ม ว่า BYD จะเป็น ยักษ์ใหญ่ ใน โลกรถยนต์ ในอีก 10 ปีข้างหน้า ครับ

รถอินเดีย
Maruti อยู่ อันดับ 1
TaTa อยู่ อันดับ 2

Maruti ร่วมทุนกับ Suzuki ดัน ยอดขาย เก๋ง ซูซุกิ อยู่อันดับ 1 ในอินเดีย
และ Maruti Swift Dzire นี่แหละครับ ที่ ขายรถเล็ก ทั้งเบนซินและดีเซล ในอินเดีย ชนะ Tata Indigo, Ford Fiesta, และ Mahindra Logan

Maruti  จะเป็น ยักษ์ใหญ่ ใน โลก รถยนต์ ในอีก 10 ปี ข้างหน้า แน่นอน ซะยิ่งกว่า BYD อีกครับ

เพราะ ได้รับ แรงหนุน จาก อุตสาหกรรมเหล็กอินเดีย ที่ ขึ้นสู่ อันดับ 1 ของโลก
นายทุนแขก กว้านซื้อ โรงงานเหล็ก ชื่อดัง ทั่วโลก ไว้หลายปี
ทำให้ อุตสาหกรรม รถยนต์ อินเดีย มีต้นทุน เหล็ก ถูกกว่า ใคร เขา ทั้งหมด ใน โลก
ต้นทุน เหล็ก ใน อินเดีย ถูก กว่า จีน ครับ

Tata ร่วมทุนกับ Benz สร้างรถบรรทุก และ ใช้เทคโนโลยี่ เฟียต อิตาลี สร้าง รถเก๋ง ดีเซล เล็กขนาด 750 ซีซี ไปจนถึง 1.4 คอมมอนเรล

Tata ก็ จะเป็น ยักษ์ใหญ่ ใน โลก รถยนต์ ในอีก 10 ปี ข้างหน้า เช่นกัน
กลุ่ม ทาทา มี อุตสาหกรรมเหล็ก ของตัวเอง หนุนหลัง
เศษ เหล็กเก่า ทั่วโลก ถูก ทาทา กว้านซื้อ มา เก็บ มาใช้

เทียบ กับ จีน แล้ว
จีน ซื้อ เศษเหล็กเก่า แล้ว รีบ นำไปใช้ เพราะ กู้ธนาคาร มาซื้อ ต้อง รีบหากำไร ด่วน จ่ายต้น จ่ายดอก
แต่ ทาทา ซื้อ เศษเหล็กเก่า แล้ว เก็บ เก็ง กำไร ก่อน
ได้ กำไร แล้ว ก็ ค่อย ทยอย เอา เศษเหล็ก มา ผสม ใช้งาน ใน อุตสาหรรมแต่ละประเภท ครับ
แขก อินเดีย ทาทา มี ต้นทุน ทางการเงิน ถูกกว่า นายทุน จีนเยอะครับ

แหล่ง แยกส่วน เรือเดินสมุทร เรือสินค้า ขนาดยักษ์ ก็ อยู่ในอินเดีย
เรือ เก่า ทั่วโลก ต่าง เดินทาง มา แยกชิ้น ขายเป็น เศษเหล็ก
เปิดโอกาส ให้ แขก อินเดีย ทำกำไร จาก การ รับซื้อของเก่า มา แปร สภาพ ครับ
เป็น ผลพลอยได้ จาก การ ที่ อินเดีย เคยเป็น เมืองขึ้นของอังกฤษ ที่ เก่ง เดินเรือ
อินเดีย จึง มี อุตสาหกรรม ด้านสนับสนุน เรือ ที่ แกร่งมาก
โดยเฉพาะ เศษเหล็ก ที่ มี แรงงานอินเดีย ยากจน อยู่ หลาย ร้อยล้าน คน

การค้า ของเก่า นี่ กำไร งาม นะครับ
เน้นๆ เนื้อๆ เลย ล่ะ

ส่วนจีน แรงงานถูก ไม่ได้อยุ่ใกล้ทะเล แต่ อยู่ ลึกเข้าไป ทางตะวันตก
ดังนั้น จีน จึง เสียเปรียบอินเดีย เรื่อง แรงงานถูก ทางอุตสาหกรรมเศษเหล็ก จากเรือ

รถยนต์ สร้างจาก เหล็กพิเศษ ไม่ได้ สร้างจากเศษเหล็ก
แต่ อุตสาหกรรมเหล็ก ที่ มี เหล็กก่อสร้างที่มีส่วนผสมจากเศษเหล็ก หนุน
จะสามารถ ต่อยอด ลดต้นทุน เตาหลอม เครื่องมือ ต่างๆ ได้มาก
ดังนั้น อุตสาหกรรมเหล็ก ของอินเดีย จึง ขึ้นสู่ อันดับ 1 ของ โลก ได้อย่างรวดเร็ว
เพราะ บริษัทเหล็ก อินเดีย มี อุตสาหกรรม เศษเหล็ก ป้อน เตาหลอม ขาย เหล็กก่อสร้าง ได้ทั่วโลก
แล้ว จึง ต่อยอด
ซื้อ บริษัท เหล็กชั้นนำ ของ ยุโรป อเมริกา
เป็น เจ้าของ เหล็กแผ่น ชั้นดี ที่ใช้ สร้าง รถยนต์

ยังไม่นับ ว่า อินเดีย ปัจจุบัน คือ จ้าวแห่งอุตสาหกรรม software และ บริการ ของโลก
การ ศึกษา ของอินเดีย มีคุณภาพสูง
ตำรา เรียน เป็น ภาษาอังกฤษ
พูด ภาษาอังกฤษ แบบ อินเดีย ที่ คนไทย ฟังไม่ออก แต่ ฝรั่ง ฟังออก
เพราะ ฝรั่ง คุ้น กับ คนสอน ที่ เป็น อินเดีย อยู่ เกือบ ร้อยปี แล้ว
ทั้ง ออกฟอร์ด แคมบริดจ์ เอมไอที ฮาร์วาร์ด ล้วน มี คนอินเดีย สอน
คนจีน ก็ มาก เช่นกัน
แต่ ธนาคารโลก และ ไอเอ็มเอฟ ต่างถูก อิทธิพล อินเดีย ซึม มากกว่าจีน
ช่วงวิกฤต 2540 ในไทย
ผม เห็น แต่ คนเชื้อสายอินเดีย หิ้วกระเป๋า เขามาตรวจ ธนาคารชาติ และ กระทรวงการคลัง ของไทย
แขก มาใน นาม ธนาคารโลก และ ไอเอ็มเอฟ ครับ
เรียกได้ว่า แขก รู้จัก สถานะการเงิน ของ ประเทศไทย มากกว่า คนไทยระดับมันสมองของชาติ หลายคนครับ

เมื่อ อุตสาหกรรมรถยนต์อินเดีย ได้แรงหนุน จาก
Hardware เหล็ก อันดับ 1 ของโลก
Software ระดับ โลก ที่ ทำงานให้ ไมโครซอฟท์ และ บริษัทชื่อดังทั่วโลก
ญี่ปุ่น ที่ ระยะยาว หากิน ใน จีน ได้ยากลำบาก ขึ้นทุกปี เพราะ จีนไม่ชอบญี่ปุ่น จึง เหลือ อินเดีย เท่านั้น ที่ ญี่ปุ่น ต้องย้าย ฐาน การผลิต รถคุณภาพ สูง ในอนาคต มา ผลิต ในอินเดีย

บริษัท Tata ก็ เสือปืนไว ครับ
ซื้อ จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ มา เตรียมปั้น ให้ เป็น รถดี ขายทั่วโลก อีกครั้ง
อินเดีย ไม่ทิ้ง รถชื่อดี แบบ ที่ จีน จะดูด volvo แน่ครับ
เพราะ แขก ค้าขาย เก่ง กว่า จีน ครับ

จักรวรรดิอังกฤษ ที่ ปกครองได้ทั่วโลก ก็ กู้เงิน จาก พ่อค้าอินเดีย ไป นะครับ
พ่อค้า อินเดีย นี่แหละ อยู่ เบื้องหลัง อังกฤษ
ซ่อน ตัว อยู่ หลัง ยิว อีกที ครับ
เรื่อง นี่ ยาว มาก
เอาว่า ฮาร์วาร์ด ที่ เป็น มหาวิทยาลัย อันดับ 1 ของโลก
และ ศิษย์เก่าฮาร์วาร์ด คุม เศรษฐกิจ โลกนั้น
คน อินเดีย นี่แหละ ครับ
เป็น ผู้ ก่อตั้ง ฮาร์วาร์ด ตัวจริง
ผม คิดว่า ศิษย์เก่า ฮาร์วาร์ด หลายคน ยังไม่รู้ เรื่องนี้ เลย มั๊ง

สรุป แล้ว
บริษัท Maruti และ Tata ของ อินเดีย
จึง ขึ้นแท่น อันดับ 1 และ 2 ของ โลก รถยนต์ ใน ระยะยาว อย่างมั่นคง ทีเดียว ครับ

Muruti Suzuki Swift Dzire นี่แหละครับ
เป็น ยี่ห้อ ของ รถเล็ก ที่ แกร่งที่สุดในโลก ตัวจริง ณ วันนี้ ครับ

และ นี่คือ เหตุผล ที่แท้จริง
ที่ โฟล์ก ต้อง ซื้อหุ้น ซูซูกิ ญี่ปุ่น

เพราะ ซูซุกิ ไวมาก ไป ร่วมกับ Maruti ก่อนใคร
ซูซุกิ คว้า พุง มัน ไปก่อนใคร
ทำให้ ปีที่ผ่านมา GM ล้ม Toyota ขาดทุน แต่ Suzuki ทำกำไรได้อย่างงดงาม เลย ครับ

โฟล์ก ต้อง การเป็น อันดับ 1 ใน โลกรถยนต์ แทน โตโยต้า
จึงต้อง หาทาง ผ่าน ซูซูกิ เข้าไป หา Maruti

โฟล์ก เข้า ไปฮุบ Maruti ตรงๆ ไม่ได้ครับ
เพราะ แขกอินดีย เขี้ยวลากดิน เกินกว่า ไส้กรอก เยอรมัน จะ กล่อมได้
แขก รู้ทันว่า  โฟล์ก มาแบบ ต้องการ ฮุบ ไม่ได้ ต้องการ ร่วม ค้ากำไร

แต่ ซูซูกิ ญี่ปุ่น เคลิ้ม คำหวาน โฟล์ก เยอรมัน เร็วเกินไป
ขายหุ้น 19% ให้ โฟล์ก ไปแล้ว ค่อย นึกได้ว่า เยอรมัน จะมา ฮุบ ไม่ได้มา ร่วม
ประธาน ซูซูกิ จึงต้อง รีบ ออกข่าว ปกป้อง บริษัท โดย เตือน โฟล์ก ว่า ห้ามฮุบ ซื้อหุ้นจากที่อื่นเพิ่มนะ
เขาจะสู้ เพื่อ ปกป้อง บริษัท ของ พ่อตา
แสดงว่า ปัจจุบัน โฟล์ก กำลัง พยายาม ซื้อ หุ้น ซูซุกิ จาก รายย่อย นั่นเองครับ
เยอรมัน ได้ หุ้น 19% ของ ซูซุกิ ไปแล้ว
เกมส์ จะไม่หยุด แค่นี้ แน่ครับ

เพราะ มี เดิมพัน บริษัท รถยนต์ อันดับ 1 ของ โลก แทน โตโยต้า เป็น เดิมพัน

คนไทย ก็ ควร จะเริ่ม จำชื่อ Maruti ไว้บ้าง ก็ดีนะครับ

ไทย และ ชาติอาเซี่ยน กำลัง ง้อ ให้ อินเดีย เซ็นต์ข้อตกลง FTA
วันใด ที่ ไทย ตกลง FTA กับ อินเดีย ได้สำเร็จ
รถ เล็ก ยี่ห้อ Tata Indigo และ Maruti Suziki Swift จะบุกไทย ทั้ง เครื่องเบนซิน และ ดีเซล
ผม ก็ หวังว่า รถ Eco Car ของ ไทย จะ ต้าน รถเล็ก อินเดีย ได้บ้าง นะ

ไม่ผิดหวัง จุใจจริงๆ ครับ

ออฟไลน์ POPROCK

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 387
อาจารย์ Traveller นี่
แน่นอนจริงๆ

ข้าน้อยขอคารวะ 1 จอก
สังคมดีๆ...ไม่มีขาย
อยากได้...ต้องช่วยกันสร้าง
โดยเริ่มจาก...ตัวเราเอง

wildstocks

  • บุคคลทั่วไป
มีบทความหรืออะไรก็ตามที่บอกว่า Havard มีผู้ก่อตั้งเป็น คนอินเดีย  ให้ผมได้อ่านได้ไหมครับ
ผมสงสัยนะครับอยากอ่านไว้ประดับความรู้  ผมไม่ได้เถียงหรือโต้ตอบว่าไม่จริงนะครับ
แต่ผมอยากอ่านหรือเห็นหลักฐานก่อนจะเชื่ออะไรครับ

ที่ผมทราบ Havard College ก่อตั้งตอน 1639 แล้วมีการก่อตั้งอย่างเป็นทางการ 1950 โดยทำเป็นกฎบัตรฮาวาร์ด
ผมคิดว่าปีดังกล่าวไม่น่าจะมีคนอินเดียอพยพหรือเป็นแหล่งทุนให้ทางอเมริกา แต่ถ้าเป็นคนอินเดียนที่
เป็นชนพื้นเมืองของอเมริกาก็อาจมีความเป็นไปได้ แม้ว่าจะใช้ชือ Havard Univ ในปี 1780 
แต่ตอนนั้นอินเดียก็ยังน่าปกครองโดยอังกฤษอยู่ ระหว่างปี 1612–1947 หรืออาจเป้นได้ว่าทางมหาราชและ
ราชวงศ์ที่ปกครองแคว้นต่างๆในอินเดียต้องการพันธมิตร หรือ การเตรียมการในอนาคตจึงมีการสนับสนุนอย่างลับๆ

ผมไม่ได้ต้องการหาเรื่องแต่ผมเห็นว่าคุณโพสข้อความในเชิงวิชาการ แล้วมีข้อความที่เกิดการกังขาของที่มาของข้อมูล
ผมจึงขอสอบถามเพิ่มเติม และเขียนข้อคิดเห็นส่วนตัวลงไป

จากการสอบถามจากชาวต่างชาติที่จบจาก Havard ในองค์กร ได้คำตอบว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีชาวอินเดีย
เป็นผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัย ดังที่คุณ Traveller บอกไว้จริง

ทั้งหมดคงเป็นความสงสัยส่วนตัว เพราะ ตนเองก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยใน MA
เลยเคยอ่านประวัติศาสตร์ของเมืองมาบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวมาก่อน

ขอแสดงความนับถือ