ตามหัวข้อครับ เคยได้ยินบางคนบอกว่าเทคโนโลยีญี่ปุ่นมีความทนทานมาก เผลอๆดีกว่ายุโรปด้วยซ้ำ เป็นจริงแค่ไหนครับ ขอบคุณครับ
ความทนทาน ไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีนะครับ มันเกี่ยวกับการออกแบบ วัสดุ และการควบคุมคุณภาพ
รถญี่ปุ่น ปัจจุบัน ที่ทนทาน และเสียน้อย เพราะญี่ปุ่นค่อนข้างจะทำงานกันแบบเคร่งครัดมาก ไม่ได้เน้นสมรรถนะ หรือเทคโนโลยีชั้นสูง แต่เน้นการใช้งาน และสมรรถที่ดีพอใช้
ส่วนยุโรป เน้นเทคโนโลยี ไม่ต้องอะไร ขนาด Citroen เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ยังทำรถโช้คไฮดรอลิค เวลาดับรถโชค์จะยุบตัวลง พอกลับมาขึ้นรถสตาร์ท รถก็ยืดขึ้น
ญี่ปุ่นก็ทำได้ แต่ก็จะซับซ้อนและอายุการใช้งานก็ลดลง ค่ายฝรั่งก็ทำให้เทคโนโลยีน้อยๆ ทนๆ ได้ แต่มันจะไม่สมารถแข่งขันในตลาดของเขาได้ เพราะเขาแข่งกันด้วยเทคโนโลยี เพราะรถที่นั่น ไม่ได้ถือเป็นของแพง คนใช้แรงงานเก็บเงินไม่ถึงปี ก็ซื้อรถเงินสดได้แล้วทั้งคัน เงินเดือนระดับแสนบาทขึ้นไป ขณะที่รถ city car ก็ราคา ห้าแสนเป็นต้น
ตัวเลือกในการซื้อของคนยุโรปมีมาก ค่ายรถก็ต้องทำให้รถพิเศษ จะให้เอารถอย่าง Vios, Altis ออพชั่นน้อยๆ ไปขาย ก็จะตีตลาดได้ไม่แตก เพราะไม่มีจุดเด่น มีแต่ทนทาน ก็จะขายได้แต่ money-conscious buyer
สรุปคือเทคโนโลยี ไม่ค่อยต่างกันครับ แต่ทนทานต่างเพราะการควบคุมคุณภาพทางโรงงาน, supplier อย่างไรก็ตาม ค่ายยุโรปมักมี know how เรื่องเทคโนโลยีที่นำหน้าญี่ปุ่นไปพอสมควร เพราะเค้าเน้นรถที่มี สมรรถนะ และออพชั่นเยอะ
อย่างเช่น
blind spot monitor - Volvo, Benz
Active Cruise Control - Volvo
Cross-traffic Alert - Volvo
Idle Stop
ครีบฉลาม
Side + Mirror + Knee Airbag
ส่วนมากค่ายยุโรปทำขายในตลาดโลกมาแล้วประมาณ 5 ปี ค่ายยุ่นก็จะนำมาใช้ในรถตนเองบ้างแล้วโฆษณา คนไทยเราพวกที่ไม่ได้บ้ารถ ก็ตะลึงงึงงัน คิดว่าญี่ปุ่นทำรถลูกเล่นเยอะ โดนใจ ทั้งๆที่ที่จริงฝรั่งเค้ามีมาสักพักแล้ว แต่รถฝรั่งในไทยมักแพง (ไม่นับรถบ้านเมกัน)