ผู้เขียน หัวข้อ: ทุกวันนี้ เทคโนโลยียานยนต์จากญี่ปุ่น ถือว่านำหน้ายุโรป หรือยังครับ  (อ่าน 7163 ครั้ง)

ออฟไลน์ aod

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 412
    • อีเมล์
ตามหัวข้อครับ เคยได้ยินบางคนบอกว่าเทคโนโลยีญี่ปุ่นมีความทนทานมาก เผลอๆดีกว่ายุโรปด้วยซ้ำ  เป็นจริงแค่ไหนครับ  ขอบคุณครับ  :)

ออนไลน์ aekoy

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 351
ถ้ารถญี่ปุ่นราคา 3 ล้าน ก็ถึอว่าเท่าๆกับรถยุโรปในราคาที่เท่ากัน
แต่ถ้าเอาดูเป็น segment ก็ยังห่างมากเช่น Altis civic เทียบกับ bmw series 3 หรือ A class ยังห่างชั้นอีกมากครับ บาง option มีแต่ไม่เหมือนกัน รถยุโรปขนาดบ้านเราโดนตัดระบบต่างๆไปมากนะครับ D segment ญี่ปุ่น ยังไม่เท่า c segment รถยุโรปเลยครับ
Volvo 850 T-5R
SAAB 9000 Aero
BMW E30 M10 coupe M/T 1987
Volvo V60
Toyota AE111

ออฟไลน์ nonp

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 948
    • อีเมล์
นิยามคำว่านำหน้าคืออะไรครับ
เพราะรถญี่ปุ่นราคาถูกว่ารถยุโรปมากๆ
จึงแน่นอนว่าสมรรถนะย่อมเทียบกันไม่ได้

ลองคิดดูถ้าเลกซัสประกอบในประเทศ ผมว่าราคาจะลงมาเยอะน่าใช้กว่า benz bmw นะครับ

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
ญี่ปุ่นยังห่างไกลเยอรมันครับ

เรื่องความทนทาน ผมว่ามันไม่ซับซ้อนให้เสียให้รวนมากกว่า เลยทน  ทั้งที่จริงๆก็ไม่ได้ทน
รถญี่ปุ่นก็เสียบ่อยใช่เล่น แต่ที่บางอยู่มันไม่เสียเพราะไม่มีให้เสีย รวมถึงช่วงล่างด้วย

ออฟไลน์ Kkkong

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 126
ผมว่าคนเอเชียทำรถเหมาะกับการใช้ในเอเชีย และคนยุโรปก็ทำรถเหมาะกับการใช้และวิถีชีวิตคนยุโรปครับ  เทคโนโลยีอยากจะใส่มาแค่ไหนก็ใส่ได้สุดท้ายจบที่ต้นทุน  ราคา  และการขายที่ถึงทำมาอย่างดีแล้วจะมีคนซื้อมั้ย

ออฟไลน์ Jaew

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 129
    • อีเมล์
นำหน้าบางอย่างเช่น เกียร์ cvt ทนทานกว่า cvt ยุโรป ประหยัดน้ำมันมากกว่า
การออกแบบคำนึงถึงจุกจิกน้อยความทนทานมากกว่าสมรรถนะ ขณะที่ยุโรปเน้นเอาเทคโนใหม่ๆ
มาใช้ก่อนญี่ปุ่นเช่นdual clutch

ออฟไลน์ Abzolute

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,934
  • สวัสดีคนรักรถยนต์
ถ้ารถญี่ปุ่นราคา 3 ล้าน ก็ถึอว่าเท่าๆกับรถยุโรปในราคาที่เท่ากัน
แต่ถ้าเอาดูเป็น segment ก็ยังห่างมากเช่น Altis civic เทียบกับ bmw series 3 หรือ A class ยังห่างชั้นอีกมากครับ บาง option มีแต่ไม่เหมือนกัน รถยุโรปขนาดบ้านเราโดนตัดระบบต่างๆไปมากนะครับ D segment ญี่ปุ่น ยังไม่เท่า c segment รถยุโรปเลยครับ


ท่านเอารถคอมแพ็ค ไปเทียบกับรถพรีเมี่ยมคอมแพ็ค -"-


ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
ถ้ารถญี่ปุ่นราคา 3 ล้าน ก็ถึอว่าเท่าๆกับรถยุโรปในราคาที่เท่ากัน
แต่ถ้าเอาดูเป็น segment ก็ยังห่างมากเช่น Altis civic เทียบกับ bmw series 3 หรือ A class ยังห่างชั้นอีกมากครับ บาง option มีแต่ไม่เหมือนกัน รถยุโรปขนาดบ้านเราโดนตัดระบบต่างๆไปมากนะครับ D segment ญี่ปุ่น ยังไม่เท่า c segment รถยุโรปเลยครับ


เทียบผิดยี่ห้อละครับ ต้องเทียบแบบ altis civic เทียบกับ jetta golf focus megane ไรแบบนี้

ส่วนตัวมองว่ายุโรปเทคโนโลยี สมรรถณะ ดีไซก้าวหน้ากว่านะ แต่ความทนทานโดยรวมอาจจะสู้ญี่ปุ่นไม่ได้

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
ไม่มีอะไรแซงเท่าไหร่ครับ แต่ผมให้ Hybrid จากโตโยต้านะ เจ้านี้ผมว่าโอเคสุด

ส่วนไฮโดรเจน ฟิวเซล ผมว่ารถค่ายอเมริกันอย่า GM เค้าทำมานานแล้ว แต่ทำเป็นรถเช่าเพื่อเก็บข้อมูล หรือในรถบัส ประจำทางในเมืองมานานแล้ว
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,368
ตามหัวข้อครับ เคยได้ยินบางคนบอกว่าเทคโนโลยีญี่ปุ่นมีความทนทานมาก เผลอๆดีกว่ายุโรปด้วยซ้ำ  เป็นจริงแค่ไหนครับ  ขอบคุณครับ  :)

ความทนทาน ไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีนะครับ  มันเกี่ยวกับการออกแบบ  วัสดุ  และการควบคุมคุณภาพ

รถญี่ปุ่น ปัจจุบัน ที่ทนทาน และเสียน้อย  เพราะญี่ปุ่นค่อนข้างจะทำงานกันแบบเคร่งครัดมาก  ไม่ได้เน้นสมรรถนะ หรือเทคโนโลยีชั้นสูง   แต่เน้นการใช้งาน  และสมรรถที่ดีพอใช้

ส่วนยุโรป เน้นเทคโนโลยี  ไม่ต้องอะไร  ขนาด Citroen เมื่อ 20 ปีที่แล้ว  ยังทำรถโช้คไฮดรอลิค  เวลาดับรถโชค์จะยุบตัวลง  พอกลับมาขึ้นรถสตาร์ท รถก็ยืดขึ้น 
ญี่ปุ่นก็ทำได้  แต่ก็จะซับซ้อนและอายุการใช้งานก็ลดลง  ค่ายฝรั่งก็ทำให้เทคโนโลยีน้อยๆ ทนๆ ได้  แต่มันจะไม่สมารถแข่งขันในตลาดของเขาได้ เพราะเขาแข่งกันด้วยเทคโนโลยี  เพราะรถที่นั่น ไม่ได้ถือเป็นของแพง  คนใช้แรงงานเก็บเงินไม่ถึงปี ก็ซื้อรถเงินสดได้แล้วทั้งคัน  เงินเดือนระดับแสนบาทขึ้นไป ขณะที่รถ city car ก็ราคา ห้าแสนเป็นต้น

ตัวเลือกในการซื้อของคนยุโรปมีมาก    ค่ายรถก็ต้องทำให้รถพิเศษ   จะให้เอารถอย่าง Vios, Altis ออพชั่นน้อยๆ ไปขาย  ก็จะตีตลาดได้ไม่แตก  เพราะไม่มีจุดเด่น  มีแต่ทนทาน  ก็จะขายได้แต่ money-conscious buyer

สรุปคือเทคโนโลยี ไม่ค่อยต่างกันครับ   แต่ทนทานต่างเพราะการควบคุมคุณภาพทางโรงงาน, supplier   อย่างไรก็ตาม ค่ายยุโรปมักมี know how เรื่องเทคโนโลยีที่นำหน้าญี่ปุ่นไปพอสมควร  เพราะเค้าเน้นรถที่มี สมรรถนะ และออพชั่นเยอะ
อย่างเช่น
blind spot monitor - Volvo, Benz
Active Cruise Control - Volvo
Cross-traffic Alert - Volvo
Idle Stop
ครีบฉลาม
Side + Mirror + Knee Airbag

ส่วนมากค่ายยุโรปทำขายในตลาดโลกมาแล้วประมาณ 5 ปี ค่ายยุ่นก็จะนำมาใช้ในรถตนเองบ้างแล้วโฆษณา คนไทยเราพวกที่ไม่ได้บ้ารถ ก็ตะลึงงึงงัน คิดว่าญี่ปุ่นทำรถลูกเล่นเยอะ โดนใจ  ทั้งๆที่ที่จริงฝรั่งเค้ามีมาสักพักแล้ว  แต่รถฝรั่งในไทยมักแพง  (ไม่นับรถบ้านเมกัน)

ออฟไลน์ Nut_K

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,226
ไม่มีอะไรแซงเท่าไหร่ครับ แต่ผมให้ Hybrid จากโตโยต้านะ เจ้านี้ผมว่าโอเคสุด

ส่วนไฮโดรเจน ฟิวเซล ผมว่ารถค่ายอเมริกันอย่า GM เค้าทำมานานแล้ว แต่ทำเป็นรถเช่าเพื่อเก็บข้อมูล หรือในรถบัส ประจำทางในเมืองมานานแล้ว

ข่าวล่าสุดตอนนี้ GM ไปจับมือ Honda ทำรถ Hydrogen เรียบร้อยแล้วครับ

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
ไม่มีอะไรแซงเท่าไหร่ครับ แต่ผมให้ Hybrid จากโตโยต้านะ เจ้านี้ผมว่าโอเคสุด

ส่วนไฮโดรเจน ฟิวเซล ผมว่ารถค่ายอเมริกันอย่าง GM เค้าทำมานานแล้ว แต่ทำเป็นรถเช่าเพื่อเก็บข้อมูล หรือในรถบัส ประจำทางในเมืองมานานแล้ว

ข่าวล่าสุดตอนนี้ GM ไปจับมือ Honda ทำรถ Hydrogen เรียบร้อยแล้วครับ

แบบนี้ดีครับ ไปได้อีกไกล
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ azx001

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 41
    • อีเมล์
toyota ยอดขาย กำไร มูลค่าบริษัท ที่ 1ของโลก ก็เอาไปคิดดูเองละกัน ตอนนี้จะทำเครื่องบินกะ mitsu ส่วน honda มีทั้งหุ่นยนต์ เครื่องบินด้วย

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
toyota ยอดขาย กำไร มูลค่าบริษัท ที่ 1ของโลก ก็เอาไปคิดดูเองละกัน ตอนนี้จะทำเครื่องบินกะ mitsu ส่วน honda มีทั้งหุ่นยนต์ เครื่องบินด้วย


เหตุผลที่ได้ที่ 1 ไม่ใช่เพราะรถดีสุด หรือเทคโนโลยีไปไกลสุดครับ แต่เพราะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมกว่า product มีตั้งแต่เล็กสุด aygo ไปจนถึง crow และ century ที่เป็นระดับใหญ่สุด สามารถเข้าถึงได้ทุกฐานะ

แต่รถอย่าง bmw หรือ mercesdes เข้าได้ตั้งแต่ฐานะปานกลางไปเป็นต้นไป ซึ่งถ้าเปรียบเทียบฐานะประชากรในแต่ละประเทศ โตโยต้าเข้าถึงได้มากกว่า



ใครเทคโนโลยีเหนือกว่ากัน คำตอบเดียวกับ Samsung กับ apple ใครดีกว่ากัน บางเทคโนโลยี บางทีคิดได้แต่ในปัจจุบันโลกอาจยังไม่พร้อมใช้งาน

ซึ่งต้องแยกให้ออก บางทีคำว่ายังไม่พร้อมใช้จะมีเส้นบางๆกันอยู่กับคำว่า กั๊กของ

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
toyota ยอดขาย กำไร มูลค่าบริษัท ที่ 1ของโลก ก็เอาไปคิดดูเองละกัน ตอนนี้จะทำเครื่องบินกะ mitsu ส่วน honda มีทั้งหุ่นยนต์ เครื่องบินด้วย

ยอดขาย กำไร มูลค่าบริษัท คงไม่เกี่ยวอะไรหรอกครับ  ต้นทุนต่ำ ขายได้เยอะ กำไรมันก็เยอะ
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Abzolute

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,934
  • สวัสดีคนรักรถยนต์
toyota ยอดขาย กำไร มูลค่าบริษัท ที่ 1ของโลก ก็เอาไปคิดดูเองละกัน ตอนนี้จะทำเครื่องบินกะ mitsu ส่วน honda มีทั้งหุ่นยนต์ เครื่องบินด้วย

ยอดขาย กำไร มูลค่าบริษัท คงไม่เกี่ยวอะไรหรอกครับ  ต้นทุนต่ำ ขายได้เยอะ กำไรมันก็เยอะ

ขอแย้งต้นทุนต่ำ อะไรที่บอกว่าต้นทุนต่ำ ? หรือแค่ความรู้สึก

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,051
toyota ยอดขาย กำไร มูลค่าบริษัท ที่ 1ของโลก ก็เอาไปคิดดูเองละกัน ตอนนี้จะทำเครื่องบินกะ mitsu ส่วน honda มีทั้งหุ่นยนต์ เครื่องบินด้วย

มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องเทคโนโลยีครับ???
ลง F1 ให้ชนะชาวบ้านก่อนไหม

ออฟไลน์ belkw202

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 421
ตามหัวข้อครับ เคยได้ยินบางคนบอกว่าเทคโนโลยีญี่ปุ่นมีความทนทานมาก เผลอๆดีกว่ายุโรปด้วยซ้ำ  เป็นจริงแค่ไหนครับ  ขอบคุณครับ  :)

ความทนทาน ไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีนะครับ  มันเกี่ยวกับการออกแบบ  วัสดุ  และการควบคุมคุณภาพ

รถญี่ปุ่น ปัจจุบัน ที่ทนทาน และเสียน้อย  เพราะญี่ปุ่นค่อนข้างจะทำงานกันแบบเคร่งครัดมาก  ไม่ได้เน้นสมรรถนะ หรือเทคโนโลยีชั้นสูง   แต่เน้นการใช้งาน  และสมรรถที่ดีพอใช้

ส่วนยุโรป เน้นเทคโนโลยี  ไม่ต้องอะไร  ขนาด Citroen เมื่อ 20 ปีที่แล้ว  ยังทำรถโช้คไฮดรอลิค  เวลาดับรถโชค์จะยุบตัวลง  พอกลับมาขึ้นรถสตาร์ท รถก็ยืดขึ้น 
ญี่ปุ่นก็ทำได้  แต่ก็จะซับซ้อนและอายุการใช้งานก็ลดลง  ค่ายฝรั่งก็ทำให้เทคโนโลยีน้อยๆ ทนๆ ได้  แต่มันจะไม่สมารถแข่งขันในตลาดของเขาได้ เพราะเขาแข่งกันด้วยเทคโนโลยี  เพราะรถที่นั่น ไม่ได้ถือเป็นของแพง  คนใช้แรงงานเก็บเงินไม่ถึงปี ก็ซื้อรถเงินสดได้แล้วทั้งคัน  เงินเดือนระดับแสนบาทขึ้นไป ขณะที่รถ city car ก็ราคา ห้าแสนเป็นต้น

ตัวเลือกในการซื้อของคนยุโรปมีมาก    ค่ายรถก็ต้องทำให้รถพิเศษ   จะให้เอารถอย่าง Vios, Altis ออพชั่นน้อยๆ ไปขาย  ก็จะตีตลาดได้ไม่แตก  เพราะไม่มีจุดเด่น  มีแต่ทนทาน  ก็จะขายได้แต่ money-conscious buyer

สรุปคือเทคโนโลยี ไม่ค่อยต่างกันครับ   แต่ทนทานต่างเพราะการควบคุมคุณภาพทางโรงงาน, supplier   อย่างไรก็ตาม ค่ายยุโรปมักมี know how เรื่องเทคโนโลยีที่นำหน้าญี่ปุ่นไปพอสมควร  เพราะเค้าเน้นรถที่มี สมรรถนะ และออพชั่นเยอะ
อย่างเช่น
blind spot monitor - Volvo, Benz
Active Cruise Control - Volvo
Cross-traffic Alert - Volvo
Idle Stop
ครีบฉลาม
Side + Mirror + Knee Airbag

ส่วนมากค่ายยุโรปทำขายในตลาดโลกมาแล้วประมาณ 5 ปี ค่ายยุ่นก็จะนำมาใช้ในรถตนเองบ้างแล้วโฆษณา คนไทยเราพวกที่ไม่ได้บ้ารถ ก็ตะลึงงึงงัน คิดว่าญี่ปุ่นทำรถลูกเล่นเยอะ โดนใจ  ทั้งๆที่ที่จริงฝรั่งเค้ามีมาสักพักแล้ว  แต่รถฝรั่งในไทยมักแพง  (ไม่นับรถบ้านเมกัน)

เห็นด้วยกับท่านนี้เลยครับ
ถ้าไม่นับ prius ของโตโยต้า ผมก็คิดไม่ออกว่ามี technology หรือ option อะไรที่ญี่ปุ่นนำมาใช้ในรถยนต์ขายที่ทั่วไปก่อนยุโรป
เอาทั่วโลกนะครับ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย
Tesla Model 3 Highland LR
G08 iX3 M Sport
Cx5 2.5s
Mazda 2 1.3 S
w202 c36 AMG
w212 e63 AMG
w204 c250 AMG Sport Plus
w207 e350 4matic
e90 325i

ออฟไลน์ JDM

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 216
เรื่องทนทาน ขึ้นกับรุ่นรถด้วยครับ
กาลเวลาได้พิสูจน์แล้ว toyota และ benz เครื่องยนต์ทนทั้งคู่ แต่พวก electronic ในรถแพงๆ มันเสียทีก็ซ่อมแพงอยู่ครับ ซึ่งส่วนมากค่าซ่อมรถฝั่งญี่ปุ่นจะถูกกว่า ไม่มากก็น้อย

ส่วนฝั่งเทคโนโลยี ไม่หนีกันครับ ญี่ปุ่น ผลิต supra rx7 nsx รถเทพๆมาเป็นชาติแล้วครับ ส่วนรถหรู ls400 ก็ทำเอา s class serie7 ในยุคนั้นต้องสู้มาแล้ว รถพวกนี้ถ้าคุณเคยครอบครองจะรู้ว่า เทคโนโลยีและคุณภาพมันขนาดไหน
ปัจจุบัน toyota ก็ผลิต supercar lfa ไงครับ nissan ก็ gtr

ถ้าจะเทียบก็ควรเทียบกันตาม segment นะครับ เอา altis ไปเทียบ serie3 คงไม่ได้ ค่ายญี่ปุ่นขายรถบ้านๆ เยอะ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้มาก ก็สร้างยอดขายได้เยอะ ส่วนค่ายยุโรปก็วาง position สูงขายรถ premium เท่านั้น
W201 W211 W204 UCF10 C126

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
ของดีไม่ได้แปลว่าขายดี

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
ที่คนไทยพูดกันว่ารถญี่ปุนทนกว่ารถยุโรปก็เพราะว่ารถญีปุ่่นใส่ออพชั่นต่างๆมาให้น้อยกว่ารถยุโรปเยอะเลยแต่ไหนแต่ไรมาแล้วก็พูดต่อๆกันมาว่ารถยุโรปไม่ทน เปรียบเทียบอัลติสกับC classจำนวนแอร์แบกก็ไม่เท่ากันแล้ว รถที่มีอุปกรณ์มากกว่าย่อมมีจุดให้ต้องซ่อมมากกว่า ถ้าพูดถึงความคงทนของตัวรถอย่างเดียวรถยุโรปอย่างเบนซ์ที่ใช้กันหลักล้านกิโลเมตรก็มีให้เห็นมากมาย อย่างเบนซ์รุ่นC220กับE classในรุ่นปีเดียวกันจนถึงทุกวันนี้ยังมีคนใช้กันอยู่เลย ลองนับกันกี่สิบปีแล้วยังแล่นกันอยู่แต่มักจะมีคำพูดที่ว่ารถยุโรปไม่ทน..... :( พอมายุคใหม่อย่างพรีอุสกับแคมรี่ไฮบริดที่จำนวนแอร์แบกทัดเทียมกับรถยุโรปมีระบบไฮบริดที่ล้ำหน้าไว้ชนกับรถยุโรป พอขายมือสองราคาหายไปเยอะมากมีคนถามซ์้อดีไหมมีแต่คนบอกอย่าเลยรถไฮบริดเสียง่ายช่างซ่อมไม่เป็น แต่บอกว่ารถญี่ปุ่นทน???  :-[
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ john

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 718
รถญี่ปุ่นในไทยออฟชั่นน้อยความซับซ้อนน้อยครับมันเลยไม่ค่อยทน ส่วนรุ่นขายต่างประเทศฟูลออฟชั่นพอ ๆ กันรถยุโรปอเเมริกา มันก็เอ๋อพอ ๆ กัน จำได้ตอนไปเยี่ยมน้องที่ต่างประเทศทีไร เจอมันเอารถญี่ปุ่นส่งซ่อมประจำ ถามแล้วกลายเป็นรถยุโรปจุกจิกน้อยกว่าอีก (พอมาบ้านเราตรงข้าม)
ค่าซ่อมก็โหดพอกัน เสียเปลี่ยนอะไหล่เลยไม่ได้ถอดมาซ่อมเหมือนบ้านเรา

ออฟไลน์ Life is a Highway

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,337
  • My Way or The Highway
ผมมองว่าพอๆกัน ไม่หนีกันมากนะ ถ้าในราคาเท่าๆกัน

ออฟไลน์ chaithawat

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,538
บางเรื่องดีกว่ามั้งคับ คงไม่ได้นำไปหมดทุกเรื่อง ไม่ต้องไปรวมยุโรปหลายประเทศให้ปวดหัวหรอกครับ แค่อเมริกายังนำยากเลย ดูตัวอย่างง่ายๆมีรถหัวลากญี่ปุ่นเจ้าไหนไปใช้ไปขายในเมกาหรือยุโรป ใช้โหดๆแบบลากกันข้ามทวีปบ้าง เห็นมีแต่ saab volvo benz ทั้งนั้น

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,480
.....ผมว่าอยู่ที่เป้าประสงค์ในการผลิต  ยุ่น ไม่รีดและเค้นมาก อุณหภูมิใช้งานเซ็ทมาต่ำกว่า พอควร  ทำให้ห้องเครื่องเย็นกว่า  จึงทนทานกว่า
     

ออฟไลน์ ไทบ้าน

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,668
ถ้าเทคโนโลยีความบอบบาง  ญี่ปุ่นนำ
1990 Yamaha Mate-100
1992 Yamaha Bell-100
2000 Yamaha Tiara-R
2017 Yamaha MT-03

ออฟไลน์ Impulse

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
toyota ยอดขาย กำไร มูลค่าบริษัท ที่ 1ของโลก ก็เอาไปคิดดูเองละกัน ตอนนี้จะทำเครื่องบินกะ mitsu ส่วน honda มีทั้งหุ่นยนต์ เครื่องบินด้วย

ยอดขาย กำไร มูลค่าบริษัท คงไม่เกี่ยวอะไรหรอกครับ  ต้นทุนต่ำ ขายได้เยอะ กำไรมันก็เยอะ

ถ้าไม่มี Diesel Gate โผล่มา Volkswagen ชนะ Toyota นะครับ ส่วนมุลค่าบริษัทเขาวัดจากราคาหุ้น x จำณวนหุ้น ถ้าขายจริงมันไม่ได้แบบนั้นหรอก ราคาหุ้นไม่ได้บอกอะไรกับ Performance ของ ทั้งตัว รถ และ บริษัท ได้เลย

ออฟไลน์ Nikle_pk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,678
จากที่ผมใช้อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ผมว่า ยุโรป มันก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ
ทั้ง 2 ฝ่าย มีข้อดีข้อด้อย ทั้งคู่นั่นแหละ
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0

ออฟไลน์ Mekkub

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 436
    • อีเมล์
ถ้าเทียบกับเทสล่าญี่ปุ่นคงห่างไปหลายช่วงแต่ถ้าเน้นทำรถกินน้ำมันเหมือนๆกันก็คงพอๆกันแหล่ะครับ พอมีเทคโนโลยีใหม่ๆแปปๆเดี๋ยวไก็ออกตามมากันได้หมด

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
ทนจริงหรือแค่ใส่มาน้อยครับ อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะ
อยากถามคนใช้เล็กซัซมานานๆ หลายๆปีว่ามันจุกจิกหรือเปล่าครับ