Flat Torque ถ้ามองในแง่ว่ามันให้แรงบิดสูงตั้งแต่รอบต่ำๆยาวขึ้นไป
หมายความว่า แรงม้าในรอบต่ำก็มีแนวโน้มสูง กว่าคันที่มีจุดแรงบิดสูงสุดอยู่เฉพาะช่วงรอบเครื่องสูงๆ
การที่มีแรงม้ามาใช้มากตั้งแต่รอบต่ำ แนวโน้มจะขับใช้งานแล้วยืดหยุ่นกว่าครับ
คือแตะแล้วพุ่งกว่า ไม่ต้องรอ CVT ช่วยกวาดรอบไปสูงๆเพื่อเรียกแรงม้าทดแรงบิดออกมาใช้
ขับแล้วน่าจะรู้สึกรอบเครื่องถูกเค้นไปหารอบสูงน้อยลง เพราะมีย่านกำลังให้ใช้ตั้งแต่รอบต่ำยาวๆไล่ขึ้นไปครับ
และตอนที่รอบเครื่องไปคาอยู่จุดแรงม้าสูงสุด จะเป็นตอนที่เรากดเต็มเรียกอัตราเร่งสูงสด
แต่ใช้งานในชีวิตประจำวัน เราไม่ได้กดเต็มแบบนั้นตลอดเวลา
แรงบิด/กำลังที่มีให้ใช้ในรอบต่ำๆ เป็นช่วงกว้าง ไล่ไปจนแรงม้าสูงสุด
ผมเข้าใจว่าก็มีประโยชน์ในการขับใช้งานในชีวิตประจำวันครับ
ในรถคันเดียวกันที่เป็นเกียร์ CVT ในกรณีที่กดเร่งเต็มที่
ถ้าทำงานในโหมด CVT คือรอบกวาดไปคาไว้ที่จุดที่ให้แรงม้าสูงสุด
แล้วความเร็วเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยลดอัตราทดลงต่อเนื่อง
แบบนี้โดยหลักการแล้วควรจะเร็วกว่า เข้าโหมดที่ล็อคอัตราทดเป็นขั้นๆ
เนื่องจาก แรงม้า แปรผันตรงกับผลคูณของ แรงบิดxความเร็ว
นั่นคือที่ความเร็วใดๆ แรงบิดที่ผ่านอัตราทดส่งมาถึงล้อ จะแปรผันตามแรงม้าที่จุดนั้น
เกียร์ CVT สามารถหมุนคาไว้ที่รอบที่แรงม้าสูงสุดตลอด แล้วค่อยๆลดอัตราทดได้
นั่นหมายความว่า ที่ความเร็วใดๆ เครื่องก็หมุนอยู่ประมาณที่จุดที่ให้แรงม้าสูงสุดเสมอ
ผ่านอัตราทดเกียร์ออกมาแรงบิดที่ล้อ ก็จะมีค่ามากสุดเท่าที่เครื่องนั้นๆจะให้ได้แล้ว
ในขณะที่ถ้าล็อคอัตราทดเกียร์เป็นขั้นๆ เครื่องจะต้องกวาดขึ้นลง
ไม่ได้คาอยู่ที่รอบเครื่องที่ให้แรงม้าสูงสุดตลอดในทุกๆความเร็ว แบบตอนที่ทำงานเป็นแบบ CVT
ทำให้แรงบิดที่ล้อก็ได้น้อยกว่า-->คูณรัศมีมาเป็นแรงขับก็น้อยกว่า-->อัตราเร่งก็น้อยกว่า
ถ้าพล็อตกราฟแรงบิดที่ล้อ vs ความเร็ว จะเห็นว่าแรงบิดที่่ล้อ ของตอนทำงานเป็น CVT
จะเป็นเส้นโค้งขี่อยู่เหนือ กว่าตอนที่ล็อคเกียร์เป็นขั้นๆ
มีบางจุดที่กราฟแตะกัน ซึ่งก็คือจุดที่รอบเครื่องกวาดมาถึงจะที่แรงม้าสูงสุดพอดี
แต่ถ้าจำนวนเกียร์เยอะๆ ก็ยิ่งเข้าใกล้การทำงานในโหมด CVT
หรือถ้ารถรุ่นไหนที่แรงม้าสูงสุดเกิดขึ้นในช่วงรอบเครื่องที่กว้าง
การที่จะล็อคอัตราทดเกียร์แล้วให้รอบเครื่องกวาด
ในช่วงย่านที่มีแรงม้าสูงสุดก็น่าจะให้ผลใกล้เคียงกันมากขึ้นครับ