ต้นทุนการผลิต PPV กับ SUV อันไหนแพงกว่ากัน?
ต้นทุนการผลิตของ SUV แบบมีเฟรมหรือที่เมืองไทยเรียกว่า PPV สูงกว่า SUV แบบไม่มีเฟรมครับ
เฟรมที่เพิ่มขึ้นมา เพลาขับหน้า เพลาขับหลัง เพลากลาง Transfer ฯลฯ
ต้นทุนค่าแรงในการประกอบชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเลยทำให้ต้นทุนมันแพงกว่า
แล้วที่ว่า PPV ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup แล้วไม่ทำให้ต้นทุนถูกลงเหรอ?
ผมอยากจะพูดว่า ถ้า PPV ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup มันจะแพงกว่านี้อีกเยอะจนซื้อกันไม่ลง
PPV ที่ผลิตในไทยใช้พื้นฐาน (Platform) เดียวกับรถกระบะ
ชิ้นส่วนใช้ร่วมกันเยอะ volume รวมที่เยอะขึ้น ราคาชิ้นส่วนต่อชิ้นลดลง อันนี้เป็นความจริง
แต่ราคาที่มันลดลงไม่ได้ลดกันแบบ 50% เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนของ SUV นะครับ
และเราต้องไม่ลืมความเป็นจริงที่ว่าปริมาณชิ้นส่วนของ PPV
มันเยอะกว่าปริมาณชิ้นส่วนของ SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยยะ
โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญที่มีราคาค่าตัวคือ Frame, Rr Axle, Propeller Shaft
ที่ยังคงเป็นต้นทุนหลักที่ทำให้ PPV ราคาสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยะ
ทั้งต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา ต้นทุนในการจัดทำเครื่องจักรและแม่พิมพ์ ตัวโรงงาน และต้นทุนในการผลิตอื่นๆ
Frame ของ PPV สมัยใหม่ไม่ได้ก๊อบมาทั้งยวงจาก Pickup แบบ PPV สมัยโบราณแล้ว
ส่วนหน้าของเฟรมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเครื่องยนต์อาจจะเหมือนกันแต่ก็เหมือนไม่หมด
แถม Rr Suspension มันต่างและใช้ทีมออกแบบคนละทีม
อีกประการ PPV ส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ Diesel Common Rail
ที่ปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตประมาณ 100K-120K ต่อเครื่อง
เมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรมส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
ที่มีต้นทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 40-60K ต่อเครื่อง นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ PPV ต้นทุนสูงกว่า
(Diesel E/G ซับซ้อนกว่า Otto E/G แบบมีนัยยะ
แม้ว่า Otto E/G สมัยใหม่มันจะมีระบบ valve ที่ซับซ้อน แต่ก็ยังไม่ปวกกระโหลกเท่า Common Rail)
Transmission ก็เป็นอีกส่วนที่ต้นทุนต่างกัน หลักการทำงาน ความซับซ้นอาจจะพอๆกัน
แต่ PPV รองรับการใช้งานที่หนักกว่า SUV และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก
นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนค่าแรงในการประกอบ PPV มันยังสูงกว่า SUV (ก็ชิ้นส่วนมันเยอะกว่านิ)
ทำให้ต้นทุนโดยรวมในการผลิต PPV มันเลยยังสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมอยู่ดี
สำหรับขิ้นส่วนของตัวถังกับภายในห้องโดยสารระหว่าง PPV กับ SUV พอๆกันครับก็จริง
แต่ PPV มี body ใหญ่กว่า SUV อย่าที่เราเห็น die ที่ใช้ขึ้นรูปขนาดใหญ่กว่า เหล็กที่ต้องใช้เยอะกว่า
ED, Primer, Top Coat, Clear ใช้ปริมาณที่ต้องพ่นเยอะกว่า body SUV
บางยี่ห้อออกแบบให้ใช้ Console คนละแบบกับ Pickup ด้วย นี่ยิ่งทำให้ต้นทุน PPV แพงขึ้น
แล้วต้นทุนในการพัฒนา PPV กับ SUV ล่ะ อันไหนสูงกว่ากัน?
PPV เป็นรถมี Frame ต้นทุนในการพัฒนาสูงกว่ารถไม่มีเฟรมครับ นั่นคือหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมรถเก๋งบ้านๆเลยเป็นรถไม่มีเฟรม
เพราะต้นทุนการพัฒนา และต้นทุนการผลิตมันถูกกว่า เปลี่ยนโมเดลได้บ่อยๆทุกๆ 4-6 ปี
แต่สำหรับรถมีเฟรมเราจะพบว่าแค่ละยี่ห้อจะลากขายกัน 8-12 ปีก่อนจะเปลี่ยน
เพื่อให้หารกันต่อหน่วยแล้วมันคุ้มที่จะทำ เพราะต้นทุนการพัฒนา Chassis มันสูงแบบไม่ธรรมดา
หรือถ้ามันไม่ได้ลากขายกันยาวๆก็จะไม่เปลี่ยน Frame บ่อยๆเพื่อที่จะไม่ต้องเสียต้นทุนพัฒนา Chassis อีก
ส่วนการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆที่ติดเข้าไปนั้น แต่ก่อน PPV อาจจะไม่ค่อยมีอะไรเมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรม
แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไป PPV มันมีอุปกรณ์ที่รถเก๋งมี ดังนั้น จะพูดว่า SUV ไม่มีเฟรมมีค่าพัฒนาสูงกว่าเพราะมี option มากกว่า
สมัยนี้คงพูดได้ไม่ค่อยเต็มปากครับ
แล้วทำไม Pickup ก็มีเฟรมไม่แพงกว่ารถเก๋งบ้านๆล่ะ รถมีเฟรมต้นทุนสูงกว่าไม่ใช่เหรอ?
ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตรถ Pickup บ้านเราอยู่ในระดับ 3%-15% เลยทำให้ราคามันพอๆกับรถเก๋ง B Segment (ภาษี 25%-30%)
ถ้าจะเอากันจริงๆให้ Pickup โดนภาษีโครงสร้างเดียวกันกับรถเก๋ง รุ่นถูกสุดจะกลายเป็นราคาประมาณ 600-700K (ตอนนี้ราวๆ 4xx-5xxK)
ส่วนรุ่น Top จะราคาราวๆ 1.3-1.4M <--- ไปซื้อ D-Segment ดีกว่ามั้ย???
สรุปก็คือ ถ้าไม่มีภาษีสรรพสามิตมาบิดเบือนหรือโดนภาษีในระดับเดียวกันหรือไม่มีภาษีเลย รถ Pickup จะแพงกว่ารถเก๋งครับ
แล้ว PPV ที่ขายกันปัจจุบันราคา 1.1M-1.7M มันไม่แพงไปเหรอ แต่ก่อนแค่ 8xxK เอง?
สมัยก่อน PPV เอามาขายนั้น เครื่องก็เป็น DI ธรรมดา 90hp อย่างมากก็มี Turbo มาลูกนึง 115hp
ABS ก็มีบ้างไม่มีบ้าง ข้างในเหมือนกระบะไม่มีผิด ช่วงล่างก็แหนบเด้งๆ เบาะหนังก็ต้องไปหุ้มเอง
ไม่น่าใช้งานเอาซะเลยถ้าบ้านไม่ได้มีถนนลูกรัง
ปัจจุบัน PPV มันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่เอาเฟรมกระบะมาใส่ Body ให้เป็นเก๋ง
แต่มันคือการพัฒนา SUV มีเฟรมที่อิง Platform บางส่วนจากกระบะเพื่อให้ต้นทุนมันถูกลง
เราจะเห็นว่ามันหรูหราขึ้น แตกต่างจาก Pickup อุปกรณ์ความปลอดภัย ABS/VSC/TRC Airbag มาเต็ม
ถ้าเทียบกับ Australia Fortuner เครื่อง GD2.8 รุ่นถูกสุดราคาพอๆกับ Aurion V6 3.5 รุ่นถูกสุดและแพงกว่า RAV4 นะครับ
ผมว่าราคาในไทยมันแพงเพราะภาษี (30% สำหรับเครื่องเล็กกว่า 3.25L) และราคามันสูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
และด้วยเหตุที่เรายังติดกับความรู้สึกว่า "มันคือเฟรมกระบะเอามาเปลี่ยนหัวมันต้องราคาถูกสิ"
เราเลยยังรู้สึกว่ามันแพงกว่า SUV ไม่มีเฟรม ทั้งๆที่รถ SUV ไม่มีเฟรมมันคือเอารถเก๋งบ้านๆราคา 6-7 แสนมายกสูง
แล้วตีป้ายราคาว่าล้านกว่า (กำไรโครตๆ)
เช่น HR-V คือรถขนาดตัวเท่า City เอามายกสูง
(OK ล่ะว่า body shape มันไม่ใช่ แต่ wheel base + body dimension มันใกล้เคียงกันมาก)
ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ เครื่องใหญ่อีกนิด จากราคา City 6 แสนเศษ HR-V กลับตั้งราคาเหยียบล้าน
เอารถขนาดพอๆกับ City มายกสูงขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้นอีกนิด ภายในดูจะดี แล้วขายราคาแพงขึ้นอีก 4-5 แสนเนี้ยนะ!?
ต้นทุนของสิ่งที่ยัดเพิ่มเข้าไปจาก City ให้กลายเป็น HR-V ยังไม่ถึง 2 แสนเลยด้วยซ้ำ (กำไรโครตๆ)
ถ้าเอา City มาวางเครื่อง 1.8 ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ แล้วขายราคา 9 แสนคงไม่มีคนซื้อ
แต่พอเราดู SUV มี Frame เช่น Prado เรากลับไม่รู้สึกว่ามันคือ PPV ที่ในความรู้สึกของเราบอกว่ามันควรจะถูกกว่านี้
ทั้งๆที่ Frame ช่วงด้านหน้ามันมาจาก Hilux ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Fortuner
ผมกลับมองว่า SUV ไม่มีเฟรมสิที่สมควรจะถูกลงกว่านี้ ชิ้นส่วนก็น้อยกว่า วิธีการประกอบก็เหมือนรถเก๋งบ้านๆ
ไม่ได้มี process การประกอบที่ซับซ้อนหรือมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมมากขึ้น แค่ suspension มันยกตัวสูงขึ้นแค่นั้นเอง
(แต่ที่มันต้องขายราคานี้เพราะ volume หรือยอดขายมันน้อย และอายุตลาดสั้น เลยต้องขายให้ margin สูงกว่า PPV)
ราคาชิ้นส่วนไม่ต่างกันเยอะขนาดนั้นหรอกครับ
อย่าลืมที่ว่าต้นทุนหลักของชิ้นส่วนใหญ่ๆ ก็คือค่าแม่พิมพ์ ถูกไหมครับ
ที่นี้เรามาคุยกันเรื่อง volume plan
PPV plan กันที่ ล้านชิ้น up
แต่ SUV plan เต็มที่ก็หลักแสน
สมมุติว่า ค่าแม่พิมพ์ 1 ล้าน
ต้นทุนแม่พิมพ์ต่อชิ้นของ PPV = 1,000,000/1,000,000 = 1 บาทต่อชิ้น
ต้นทุนแม่พิมพ์ต่อชิ้นของ SUV = 1,000,000/100,000 = 10 บาทต่อชิ้น
ส่วนเรื่องชิ้นส่วน การประกอบ PPV อาจจะมากกว่า SUV แต่ ไลน์การประกอบ PPV สามารถใช้ร่วมกับ Pick up ได้
ทำให้มีแม่พิมพ์เฉพาะ เพียงแค่ 30 % เต็มที่
แต่ PPV ไม่สามารถใช้แม่พิมพ์ร่วมกับ รถเก่งได้
ส่วนชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง ถ้าเราจะเปรียบเทียบให้เป็นใกล้กันหน่อย
ก็ Everest กับ CX5 diesel ขับ 4 เหมือนกัน เพลาขับหน้าหลังเหมือนกัน ขนาดอาจจะต่างกัน
และก็เกี่ยวกับแม่พิมพ์ด้วยเหมือนกัน
PPV เครื่องยนต์เดียวกับ Pick up ปริมาณการผลิต 2 ล้าน ในกรณีของ Everest FTN (ไม่ผิดหรอกครับ ยี่ห้อเจ้าตลาด คุยปริมาณกันระดับหลักล้าน )
SUV เครื่องยนต์อย่างมากก็รวมกับรถเก่ง แต่เต็มที่ก็ไม่เกิน 2 แสน แต่กรณี CX5 diesel ใช้รุ่นเดียว
ไหนจะ ภาษีอีก
PPV: Everest FTN 30%
SUV : CX5 2.2 diesel 40%
ยังไงผมก็คิดว่า รถ PPV ต้องถูกกว่า SUV เยอะครับ อย่างน้อยก็ต้องหลักแสน
คิดว่าเป็นการคำนวนที่ไม่ถูกต้องครับ
ตั้งต้นโดยให้แม่พิมพ์ราคาเท่ากันก็ไม่ใช่แล้ว
และการหารด้วย volume เป็นล้านขนาดนั้นคงมีแต่พวกเจ้าตลาดๆ
ค่ายทั่วไปไม่ได้มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น ดังนั้นตัวหารระหว่างรถไม่มีเฟรมกับรถ
มีเฟรมมันไม่ได้ห่างกันขนาดนั้น
ย่ำอีกนิดว่า การลงทุนสร้างโปรเจ็คกระบะกับpickup base suv
นี่คืองานช้างอภิมหากาฬโคตรลงทุนเลยครับ ที่เข้ามาทำๆ ก็ต้องพยายามขาย
ให้ได้ เอาให้รอด ส่วนค่ายที่ยังไม่เคยทำ ก็อยากทำ แต่ไม่กล้าพอ เพราะถ้าเจ๊งคือ
เสียหายสุดๆ พวกรถเก๋งเจ๊งนี่คือเราเห็นกันบ่อยๆ ค่ายรถไม่ค่อยสะท้านครับ
แต่ค่ายที่ทำพวก Body on frame นี่ ยังไงก็ต้องสู้ต่อไป เพราะลงทุนไปเยอะแล้ว
อีกอย่างคือ part ของรถพวกนี้ต้นทุนก็ต้องไปอยู่ที่ความทนถึกด้วย
เพราะถ้าไม่ทนกว่าปกติ เกิดต้องเคลม part มีปัญหาเป็น lot มโหฬารจะขาดทุนเอา
รถต้องทน ใช้งานหนักได้ดีกว่าพวก crossover ปกติ
แต่เราๆ ท่านๆ มักสับสน เมื่อเห็นการขับขี่ที่ทรงตัวดีกว่า และ option หรูมีมากกว่า
แล้วคิดว่า พวก crossover suv ต้นทุนสูง ที่จริง option พวกนั้นก็ผลิตมาเป็น
สหกรณ์ไว้ใช้ร่วมกันกับรถในค่าย และแชร์ใช้กันไปทั่วโลก
นี่คือความจริง
โปรเจ็ครถเก๋ง รถ Crossover SUV พื้นฐานเก๋ง ผมเห็นใช้วิศวกรคุมโปรเจ็คไม่กี่คน
แต่ถ้าเป็นพวก pick up / SUV based on pick up นี่ต้องเกณฑ์คนมาทำเป็นทีมใหญ่เลย
เพราะ part มากกว่ามาก งานหนักกว่า หินกว่า ข้อผิดพลาดสูงกว่า และเหล่าผู้บริหารลุ้น
กันตัวโก่งกับโปรเจ็คมากโคตรๆ เรื่องนี้ถ้าคุณไม่ได้ทำงานในวงการผลิตรถ คุณไม่รู้หรอก สื่อ นักข่าวยานยนต์ก็ไม่น่าจะรู้