ผู้เขียน หัวข้อ: คุณคิดว่า ต้นทุนการผลของพวกรถ ppv กับ suv ในบ้านเรา ว่าแบบไหนมันต้นทุนสูงกว่ากัน  (อ่าน 15489 ครั้ง)

ออฟไลน์ starlight

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 489
ส่วนตัวแล้ว คิดเอาเองว่า ความซับซ้อนของการผลิตและต้นทุนของ suv มันน่าจะสูงกว่า ppv (อันนี้ความคิดผมคนเอง)

ใครคิดอย่างไรกันบ้าง

ต้นเหตุของคำถามเกิดจาก ความสงสัยว่า ทำไมรถ ppv สมัยนี้มันแพ๊งแพง ซ้ำยังใส่เทคโยโลยี มาน้อยกว่า suv ซะอีก (โดยรวมนะ)

ขอบคุณครับที่ช่วยกันออกความเห็น

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
ภาษี ก็ ต่างกันด้วยหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ต้นทุนการผลิต SUV แพงกว่าครับ

โรงงานเวลาขึ้นผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่างมันจะมี Setup cost Initial cost ที่จะต้องเกิดขึ้น

รถที่ผลิตมากกว่าก็จะมีต้นทุนต่ำกว่า

ถ้าSUV ก่อนTax อยู่ 4แสน
PPV จะอยู่ราวๆ 3.6แสน

ตัวเลขคร่าวๆ ไม่ใช่ตัวเลขจริงของยี่ห้อไหนนะครับ ถ้าบังเอิญไปพ้องกับยี่ห้อไหนก็แค่บังเอิญ ผมไม่รู้จริงจริ๊งๆๆๆฟฟสาบานให้ฟ้าผ่าหมาตายเลย

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,632
ส่วนตัวแล้ว คิดเอาเองว่า ความซับซ้อนของการผลิตและต้นทุนของ suv มันน่าจะสูงกว่า ppv (อันนี้ความคิดผมคนเอง)

ใครคิดอย่างไรกันบ้าง

ต้นเหตุของคำถามเกิดจาก ความสงสัยว่า ทำไมรถ ppv สมัยนี้มันแพ๊งแพง ซ้ำยังใส่เทคโยโลยี มาน้อยกว่า suv ซะอีก (โดยรวมนะ)

ขอบคุณครับที่ช่วยกันออกความเห็น
  PPV  จะบอกว่าใส่เทคโนนโลยีมาน้อยกว่านี่ไม่ใช่ละ   ผมว่าอ๊อพชั่นมันมารอบคันแล้วมั้ง  อ๊อพชั่น D seg ment หรือ SUV  ระดับล่าง ๆ ราคา ต่ำกว่า 1.2 ล้านนี่ยังไม่มีให้เลย   
อย่าง Ford EV  ก็มาอลังการมาก   Pajero อ๊อพชั่นฟรุ้งฟริ๊งไม่น้อยเลย     Fortuner  จริง  ถึงจะดูด้อยกว่าแต่ก็ไม่น่าจะน้อยกว่า SUV  ล่างๆ   แน่นอน      ทั้งนี้เวลาคนซื้อรถ PPV  รุ่นไหนล่ะที่คุณซื้อถ้าไปซื้อตัวเกรดล่าง ๆ  2wd มักไม่ค่อยมีอ๊อพชั่นให้มากนักเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,618
ส่วนตัวผมเชื่อว่า SUV พื้นฐานกระบะน่าจะมีต้นทุนของโครงสร้างรถและช่วงล่างถูกกว่า SUV แบบ Monocoque เพราะบ้านเราผลิตรถกระบะขายในประเทศเยอะกว่ารถประเภทอื่นๆ
ทำให้ Part ในส่วนนี้มีต้นทุ่นต่ำลงและเอามา share part กันได้  ในขณะที่ SUV จากพื้นฐานรถแบบอื่นต้องมีการพัฒนาโครงสร้างและช่วงล่างแยกจากเก๋งเพื่อให้มีความทนทานและแบกรับน้ำหนักบรรทุกได้ดีกว่า

ออฟไลน์ pongsak_877

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 477
ต้นทุนน่าจะใกล้ๆกัน ปัญหาคือภาษี ทึ่มันแพงขนาดนี้ ลอง PPV คิดภาษีแบบกระบะสิ

ออฟไลน์ Staples

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,668
PPV หลายอย่างใช้ร่วมกับกระบะได้ ลดต้นทุนเรื่องแม่พิมพ์การผลิต รวมไปถึงภาษีที่ถูกกว่า SUV ด้วย

ออฟไลน์ SETTHASART

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,306
  • รักชาติ ไม่คลั่งชาติ
ไหนๆก็มีคุยเรื่องภาษี ขอถามหน่อยครับ ฟอร์จูนเนอร์ 1.7 ล้าน ราคาไม่รวมภาษีมันประมาณเท่าไหร่

ออฟไลน์ Jomyoot parnejohn

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 165
  • การเดินทาง...
ต้นทุนการผลิต SUV แพงกว่าครับ

โรงงานเวลาขึ้นผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่างมันจะมี Setup cost Initial cost ที่จะต้องเกิดขึ้น

รถที่ผลิตมากกว่าก็จะมีต้นทุนต่ำกว่า

ถ้าSUV ก่อนTax อยู่ 4แสน
PPV จะอยู่ราวๆ 3.6แสน

ตัวเลขคร่าวๆ ไม่ใช่ตัวเลขจริงของยี่ห้อไหนนะครับ ถ้าบังเอิญไปพ้องกับยี่ห้อไหนก็แค่บังเอิญ ผมไม่รู้จริงจริ๊งๆๆๆฟฟสาบานให้ฟ้าผ่าหมาตายเลย

เห็นต้นทุนแล้วสามารถบ่งบอกถึงอะไรได้หลายอย่าง :-X

ขอบคุณมากครับพี่เจ
2011 320d SE E90
2007 Camry 2.4V
2003 Altis 1.8G

ออฟไลน์ Activehybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,554
ต้นทุนการผลิต SUV แพงกว่าครับ

โรงงานเวลาขึ้นผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่างมันจะมี Setup cost Initial cost ที่จะต้องเกิดขึ้น

รถที่ผลิตมากกว่าก็จะมีต้นทุนต่ำกว่า

ถ้าSUV ก่อนTax อยู่ 4แสน
PPV จะอยู่ราวๆ 3.6แสน

ตัวเลขคร่าวๆ ไม่ใช่ตัวเลขจริงของยี่ห้อไหนนะครับ ถ้าบังเอิญไปพ้องกับยี่ห้อไหนก็แค่บังเอิญ ผมไม่รู้จริงจริ๊งๆๆๆฟฟสาบานให้ฟ้าผ่าหมาตายเลย


PPVต้นทุน 340,000จริงหรือ

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
คิดว่า SUV ต้นทุนของ SUV สูงกว่าครับ ส่วน PPV น่าจะถูกกว่าเพราะชิ้นส่วนใช้ร่วมกับรถกระบะได้ ยิ่งผลิตเยอะต้นทุนยิ่งถูกลงครับ

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
ความเห็นส่วนตัวผม ผมคืดว่าต้องแยกว่าจะเอามาคิดรวมต้นทุนบ้าง  ถ้าเอาแค่วัตถุดิบ ผมให้ ppv แพงกว่า

แต่ถ้าเอาค่าคิดโน้นคิดนี่ การวิจัยโน่นนี่นั่น suv น่าจะแพงกว่า

promt

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ FyGI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,308
กระทู้ทำให้ผมมองเทียบ ระหว่าง 2 For

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,815
ต้นทุนในการประกอบ?  หรือ ผลิต?

Company A  มีline กะบะ. และเก๋งจะประกอบPPV SUV ดีไป มีต้นทุนmo line

Company B. มีแต่line เก๋ง. จะทำPPV. ก็คงมีต้นทุนการวางlineใหม่

อืมมมม
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ veturilo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 187
ต้นทุนการผลิต PPV กับ SUV อันไหนแพงกว่ากัน?
ต้นทุนการผลิตของ SUV แบบมีเฟรมหรือที่เมืองไทยเรียกว่า PPV สูงกว่า SUV แบบไม่มีเฟรมครับ
เฟรมที่เพิ่มขึ้นมา เพลาขับหน้า เพลาขับหลัง เพลากลาง Transfer ฯลฯ
ต้นทุนค่าแรงในการประกอบชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเลยทำให้ต้นทุนมันแพงกว่า

แล้วที่ว่า PPV ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup แล้วไม่ทำให้ต้นทุนถูกลงเหรอ?
ผมอยากจะพูดว่า ถ้า PPV ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup มันจะแพงกว่านี้อีกเยอะจนซื้อกันไม่ลง

PPV ที่ผลิตในไทยใช้พื้นฐาน (Platform) เดียวกับรถกระบะ
ชิ้นส่วนใช้ร่วมกันเยอะ volume รวมที่เยอะขึ้น ราคาชิ้นส่วนต่อชิ้นลดลง อันนี้เป็นความจริง
แต่ราคาที่มันลดลงไม่ได้ลดกันแบบ 50% เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนของ SUV นะครับ
และเราต้องไม่ลืมความเป็นจริงที่ว่าปริมาณชิ้นส่วนของ PPV
มันเยอะกว่าปริมาณชิ้นส่วนของ SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยยะ
โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญที่มีราคาค่าตัวคือ Frame, Rr Axle, Propeller Shaft
ที่ยังคงเป็นต้นทุนหลักที่ทำให้ PPV ราคาสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยะ
ทั้งต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา ต้นทุนในการจัดทำเครื่องจักรและแม่พิมพ์ ตัวโรงงาน และต้นทุนในการผลิตอื่นๆ

Frame ของ PPV สมัยใหม่ไม่ได้ก๊อบมาทั้งยวงจาก Pickup แบบ PPV สมัยโบราณแล้ว
ส่วนหน้าของเฟรมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเครื่องยนต์อาจจะเหมือนกันแต่ก็เหมือนไม่หมด
แถม Rr Suspension มันต่างและใช้ทีมออกแบบคนละทีม

อีกประการ PPV ส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ Diesel Common Rail
ที่ปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตประมาณ 100K-120K ต่อเครื่อง
เมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรมส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
ที่มีต้นทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 40-60K ต่อเครื่อง นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ PPV ต้นทุนสูงกว่า
(Diesel E/G ซับซ้อนกว่า Otto E/G แบบมีนัยยะ
แม้ว่า Otto E/G สมัยใหม่มันจะมีระบบ valve ที่ซับซ้อน แต่ก็ยังไม่ปวกกระโหลกเท่า Common Rail)

Transmission ก็เป็นอีกส่วนที่ต้นทุนต่างกัน หลักการทำงาน ความซับซ้นอาจจะพอๆกัน
แต่ PPV รองรับการใช้งานที่หนักกว่า SUV และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก

นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนค่าแรงในการประกอบ PPV มันยังสูงกว่า SUV (ก็ชิ้นส่วนมันเยอะกว่านิ)
ทำให้ต้นทุนโดยรวมในการผลิต PPV มันเลยยังสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมอยู่ดี

สำหรับขิ้นส่วนของตัวถังกับภายในห้องโดยสารระหว่าง PPV กับ SUV พอๆกันครับก็จริง
แต่ PPV มี body ใหญ่กว่า SUV อย่าที่เราเห็น die ที่ใช้ขึ้นรูปขนาดใหญ่กว่า เหล็กที่ต้องใช้เยอะกว่า
ED, Primer, Top Coat, Clear ใช้ปริมาณที่ต้องพ่นเยอะกว่า body SUV
บางยี่ห้อออกแบบให้ใช้ Console คนละแบบกับ Pickup ด้วย นี่ยิ่งทำให้ต้นทุน PPV แพงขึ้น


แล้วต้นทุนในการพัฒนา PPV กับ SUV ล่ะ อันไหนสูงกว่ากัน?
PPV เป็นรถมี Frame ต้นทุนในการพัฒนาสูงกว่ารถไม่มีเฟรมครับ นั่นคือหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมรถเก๋งบ้านๆเลยเป็นรถไม่มีเฟรม
เพราะต้นทุนการพัฒนา และต้นทุนการผลิตมันถูกกว่า เปลี่ยนโมเดลได้บ่อยๆทุกๆ 4-6 ปี
แต่สำหรับรถมีเฟรมเราจะพบว่าแค่ละยี่ห้อจะลากขายกัน 8-12 ปีก่อนจะเปลี่ยน
เพื่อให้หารกันต่อหน่วยแล้วมันคุ้มที่จะทำ เพราะต้นทุนการพัฒนา Chassis มันสูงแบบไม่ธรรมดา

หรือถ้ามันไม่ได้ลากขายกันยาวๆก็จะไม่เปลี่ยน Frame บ่อยๆเพื่อที่จะไม่ต้องเสียต้นทุนพัฒนา Chassis อีก

ส่วนการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆที่ติดเข้าไปนั้น แต่ก่อน PPV อาจจะไม่ค่อยมีอะไรเมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรม
แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไป PPV มันมีอุปกรณ์ที่รถเก๋งมี ดังนั้น จะพูดว่า SUV ไม่มีเฟรมมีค่าพัฒนาสูงกว่าเพราะมี option มากกว่า
สมัยนี้คงพูดได้ไม่ค่อยเต็มปากครับ


แล้วทำไม Pickup ก็มีเฟรมไม่แพงกว่ารถเก๋งบ้านๆล่ะ รถมีเฟรมต้นทุนสูงกว่าไม่ใช่เหรอ?
ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตรถ Pickup บ้านเราอยู่ในระดับ 3%-15% เลยทำให้ราคามันพอๆกับรถเก๋ง B Segment (ภาษี 25%-30%)
ถ้าจะเอากันจริงๆให้ Pickup โดนภาษีโครงสร้างเดียวกันกับรถเก๋ง รุ่นถูกสุดจะกลายเป็นราคาประมาณ 600-700K (ตอนนี้ราวๆ 4xx-5xxK)
ส่วนรุ่น Top จะราคาราวๆ 1.3-1.4M <--- ไปซื้อ D-Segment ดีกว่ามั้ย???
สรุปก็คือ ถ้าไม่มีภาษีสรรพสามิตมาบิดเบือนหรือโดนภาษีในระดับเดียวกันหรือไม่มีภาษีเลย รถ Pickup จะแพงกว่ารถเก๋งครับ


แล้ว PPV ที่ขายกันปัจจุบันราคา 1.1M-1.7M มันไม่แพงไปเหรอ แต่ก่อนแค่ 8xxK เอง?
สมัยก่อน PPV เอามาขายนั้น เครื่องก็เป็น DI ธรรมดา 90hp อย่างมากก็มี Turbo มาลูกนึง 115hp
ABS ก็มีบ้างไม่มีบ้าง ข้างในเหมือนกระบะไม่มีผิด ช่วงล่างก็แหนบเด้งๆ เบาะหนังก็ต้องไปหุ้มเอง
ไม่น่าใช้งานเอาซะเลยถ้าบ้านไม่ได้มีถนนลูกรัง

ปัจจุบัน PPV มันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่เอาเฟรมกระบะมาใส่ Body ให้เป็นเก๋ง
แต่มันคือการพัฒนา SUV มีเฟรมที่อิง Platform บางส่วนจากกระบะเพื่อให้ต้นทุนมันถูกลง
เราจะเห็นว่ามันหรูหราขึ้น แตกต่างจาก Pickup อุปกรณ์ความปลอดภัย ABS/VSC/TRC Airbag มาเต็ม

ถ้าเทียบกับ Australia Fortuner เครื่อง GD2.8 รุ่นถูกสุดราคาพอๆกับ Aurion V6 3.5 รุ่นถูกสุดและแพงกว่า RAV4 นะครับ

ผมว่าราคาในไทยมันแพงเพราะภาษี (30% สำหรับเครื่องเล็กกว่า 3.25L) และราคามันสูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
และด้วยเหตุที่เรายังติดกับความรู้สึกว่า "มันคือเฟรมกระบะเอามาเปลี่ยนหัวมันต้องราคาถูกสิ"
เราเลยยังรู้สึกว่ามันแพงกว่า SUV ไม่มีเฟรม ทั้งๆที่รถ SUV ไม่มีเฟรมมันคือเอารถเก๋งบ้านๆราคา 6-7 แสนมายกสูง
แล้วตีป้ายราคาว่าล้านกว่า (กำไรโครตๆ)

เช่น HR-V คือรถขนาดตัวเท่า City เอามายกสูง
(OK ล่ะว่า body shape มันไม่ใช่ แต่ wheel base + body dimension มันใกล้เคียงกันมาก)
ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ เครื่องใหญ่อีกนิด จากราคา City 6 แสนเศษ HR-V กลับตั้งราคาเหยียบล้าน
เอารถขนาดพอๆกับ City มายกสูงขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้นอีกนิด ภายในดูจะดี แล้วขายราคาแพงขึ้นอีก 4-5 แสนเนี้ยนะ!?
ต้นทุนของสิ่งที่ยัดเพิ่มเข้าไปจาก City ให้กลายเป็น HR-V ยังไม่ถึง 2 แสนเลยด้วยซ้ำ (กำไรโครตๆ)

ถ้าเอา City มาวางเครื่อง 1.8 ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ แล้วขายราคา 9 แสนคงไม่มีคนซื้อ

แต่พอเราดู SUV มี Frame เช่น Prado เรากลับไม่รู้สึกว่ามันคือ PPV ที่ในความรู้สึกของเราบอกว่ามันควรจะถูกกว่านี้
ทั้งๆที่ Frame ช่วงด้านหน้ามันมาจาก Hilux ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Fortuner

ผมกลับมองว่า SUV ไม่มีเฟรมสิที่สมควรจะถูกลงกว่านี้ ชิ้นส่วนก็น้อยกว่า วิธีการประกอบก็เหมือนรถเก๋งบ้านๆ
ไม่ได้มี process การประกอบที่ซับซ้อนหรือมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมมากขึ้น แค่ suspension มันยกตัวสูงขึ้นแค่นั้นเอง
(แต่ที่มันต้องขายราคานี้เพราะ volume หรือยอดขายมันน้อย และอายุตลาดสั้น เลยต้องขายให้ margin สูงกว่า PPV)

ออฟไลน์ starlight

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 489
#15  นี่มาด้วยข้อมูลที่แน่นปึ้ก  แต่ดูเหมือนจะยืนอยู่ข้าง ppv 

ผมก็เพิ่งทราบว่า รถแบบมีเฟรมมันต้นทุนสูงกว่า  รายละเอียดยิบย่อยเยอะกว่า  ถือว่าเป็นความรู้ครับ  แต่เรื่องชิ้นส่วนที่มากชิ้น และการประกอบที่ยุ่งยากกว่า ตรงนี้เห็นด้วย

  ty


ออฟไลน์ Kkkong

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 126
ต้นทุนการผลิต PPV กับ SUV อันไหนแพงกว่ากัน?
ต้นทุนการผลิตของ SUV แบบมีเฟรมหรือที่เมืองไทยเรียกว่า PPV สูงกว่า SUV แบบไม่มีเฟรมครับ
เฟรมที่เพิ่มขึ้นมา เพลาขับหน้า เพลาขับหลัง เพลากลาง Transfer ฯลฯ
ต้นทุนค่าแรงในการประกอบชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเลยทำให้ต้นทุนมันแพงกว่า

แล้วที่ว่า PPV ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup แล้วไม่ทำให้ต้นทุนถูกลงเหรอ?
ผมอยากจะพูดว่า ถ้า PPV ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup มันจะแพงกว่านี้อีกเยอะจนซื้อกันไม่ลง

PPV ที่ผลิตในไทยใช้พื้นฐาน (Platform) เดียวกับรถกระบะ
ชิ้นส่วนใช้ร่วมกันเยอะ volume รวมที่เยอะขึ้น ราคาชิ้นส่วนต่อชิ้นลดลง อันนี้เป็นความจริง
แต่ราคาที่มันลดลงไม่ได้ลดกันแบบ 50% เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนของ SUV นะครับ
และเราต้องไม่ลืมความเป็นจริงที่ว่าปริมาณชิ้นส่วนของ PPV
มันเยอะกว่าปริมาณชิ้นส่วนของ SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยยะ
โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญที่มีราคาค่าตัวคือ Frame, Rr Axle, Propeller Shaft
ที่ยังคงเป็นต้นทุนหลักที่ทำให้ PPV ราคาสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยะ
ทั้งต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา ต้นทุนในการจัดทำเครื่องจักรและแม่พิมพ์ ตัวโรงงาน และต้นทุนในการผลิตอื่นๆ

Frame ของ PPV สมัยใหม่ไม่ได้ก๊อบมาทั้งยวงจาก Pickup แบบ PPV สมัยโบราณแล้ว
ส่วนหน้าของเฟรมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเครื่องยนต์อาจจะเหมือนกันแต่ก็เหมือนไม่หมด
แถม Rr Suspension มันต่างและใช้ทีมออกแบบคนละทีม

อีกประการ PPV ส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ Diesel Common Rail
ที่ปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตประมาณ 100K-120K ต่อเครื่อง
เมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรมส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
ที่มีต้นทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 40-60K ต่อเครื่อง นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ PPV ต้นทุนสูงกว่า
(Diesel E/G ซับซ้อนกว่า Otto E/G แบบมีนัยยะ
แม้ว่า Otto E/G สมัยใหม่มันจะมีระบบ valve ที่ซับซ้อน แต่ก็ยังไม่ปวกกระโหลกเท่า Common Rail)

Transmission ก็เป็นอีกส่วนที่ต้นทุนต่างกัน หลักการทำงาน ความซับซ้นอาจจะพอๆกัน
แต่ PPV รองรับการใช้งานที่หนักกว่า SUV และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก

นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนค่าแรงในการประกอบ PPV มันยังสูงกว่า SUV (ก็ชิ้นส่วนมันเยอะกว่านิ)
ทำให้ต้นทุนโดยรวมในการผลิต PPV มันเลยยังสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมอยู่ดี

สำหรับขิ้นส่วนของตัวถังกับภายในห้องโดยสารระหว่าง PPV กับ SUV พอๆกันครับก็จริง
แต่ PPV มี body ใหญ่กว่า SUV อย่าที่เราเห็น die ที่ใช้ขึ้นรูปขนาดใหญ่กว่า เหล็กที่ต้องใช้เยอะกว่า
ED, Primer, Top Coat, Clear ใช้ปริมาณที่ต้องพ่นเยอะกว่า body SUV
บางยี่ห้อออกแบบให้ใช้ Console คนละแบบกับ Pickup ด้วย นี่ยิ่งทำให้ต้นทุน PPV แพงขึ้น


แล้วต้นทุนในการพัฒนา PPV กับ SUV ล่ะ อันไหนสูงกว่ากัน?
PPV เป็นรถมี Frame ต้นทุนในการพัฒนาสูงกว่ารถไม่มีเฟรมครับ นั่นคือหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมรถเก๋งบ้านๆเลยเป็นรถไม่มีเฟรม
เพราะต้นทุนการพัฒนา และต้นทุนการผลิตมันถูกกว่า เปลี่ยนโมเดลได้บ่อยๆทุกๆ 4-6 ปี
แต่สำหรับรถมีเฟรมเราจะพบว่าแค่ละยี่ห้อจะลากขายกัน 8-12 ปีก่อนจะเปลี่ยน
เพื่อให้หารกันต่อหน่วยแล้วมันคุ้มที่จะทำ เพราะต้นทุนการพัฒนา Chassis มันสูงแบบไม่ธรรมดา

หรือถ้ามันไม่ได้ลากขายกันยาวๆก็จะไม่เปลี่ยน Frame บ่อยๆเพื่อที่จะไม่ต้องเสียต้นทุนพัฒนา Chassis อีก

ส่วนการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆที่ติดเข้าไปนั้น แต่ก่อน PPV อาจจะไม่ค่อยมีอะไรเมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรม
แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไป PPV มันมีอุปกรณ์ที่รถเก๋งมี ดังนั้น จะพูดว่า SUV ไม่มีเฟรมมีค่าพัฒนาสูงกว่าเพราะมี option มากกว่า
สมัยนี้คงพูดได้ไม่ค่อยเต็มปากครับ


แล้วทำไม Pickup ก็มีเฟรมไม่แพงกว่ารถเก๋งบ้านๆล่ะ รถมีเฟรมต้นทุนสูงกว่าไม่ใช่เหรอ?
ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตรถ Pickup บ้านเราอยู่ในระดับ 3%-15% เลยทำให้ราคามันพอๆกับรถเก๋ง B Segment (ภาษี 25%-30%)
ถ้าจะเอากันจริงๆให้ Pickup โดนภาษีโครงสร้างเดียวกันกับรถเก๋ง รุ่นถูกสุดจะกลายเป็นราคาประมาณ 600-700K (ตอนนี้ราวๆ 4xx-5xxK)
ส่วนรุ่น Top จะราคาราวๆ 1.3-1.4M <--- ไปซื้อ D-Segment ดีกว่ามั้ย???
สรุปก็คือ ถ้าไม่มีภาษีสรรพสามิตมาบิดเบือนหรือโดนภาษีในระดับเดียวกันหรือไม่มีภาษีเลย รถ Pickup จะแพงกว่ารถเก๋งครับ


แล้ว PPV ที่ขายกันปัจจุบันราคา 1.1M-1.7M มันไม่แพงไปเหรอ แต่ก่อนแค่ 8xxK เอง?
สมัยก่อน PPV เอามาขายนั้น เครื่องก็เป็น DI ธรรมดา 90hp อย่างมากก็มี Turbo มาลูกนึง 115hp
ABS ก็มีบ้างไม่มีบ้าง ข้างในเหมือนกระบะไม่มีผิด ช่วงล่างก็แหนบเด้งๆ เบาะหนังก็ต้องไปหุ้มเอง
ไม่น่าใช้งานเอาซะเลยถ้าบ้านไม่ได้มีถนนลูกรัง

ปัจจุบัน PPV มันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่เอาเฟรมกระบะมาใส่ Body ให้เป็นเก๋ง
แต่มันคือการพัฒนา SUV มีเฟรมที่อิง Platform บางส่วนจากกระบะเพื่อให้ต้นทุนมันถูกลง
เราจะเห็นว่ามันหรูหราขึ้น แตกต่างจาก Pickup อุปกรณ์ความปลอดภัย ABS/VSC/TRC Airbag มาเต็ม

ถ้าเทียบกับ Australia Fortuner เครื่อง GD2.8 รุ่นถูกสุดราคาพอๆกับ Aurion V6 3.5 รุ่นถูกสุดและแพงกว่า RAV4 นะครับ

ผมว่าราคาในไทยมันแพงเพราะภาษี (30% สำหรับเครื่องเล็กกว่า 3.25L) และราคามันสูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
และด้วยเหตุที่เรายังติดกับความรู้สึกว่า "มันคือเฟรมกระบะเอามาเปลี่ยนหัวมันต้องราคาถูกสิ"
เราเลยยังรู้สึกว่ามันแพงกว่า SUV ไม่มีเฟรม ทั้งๆที่รถ SUV ไม่มีเฟรมมันคือเอารถเก๋งบ้านๆราคา 6-7 แสนมายกสูง
แล้วตีป้ายราคาว่าล้านกว่า (กำไรโครตๆ)

เช่น HR-V คือรถขนาดตัวเท่า City เอามายกสูง
(OK ล่ะว่า body shape มันไม่ใช่ แต่ wheel base + body dimension มันใกล้เคียงกันมาก)
ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ เครื่องใหญ่อีกนิด จากราคา City 6 แสนเศษ HR-V กลับตั้งราคาเหยียบล้าน
เอารถขนาดพอๆกับ City มายกสูงขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้นอีกนิด ภายในดูจะดี แล้วขายราคาแพงขึ้นอีก 4-5 แสนเนี้ยนะ!?
ต้นทุนของสิ่งที่ยัดเพิ่มเข้าไปจาก City ให้กลายเป็น HR-V ยังไม่ถึง 2 แสนเลยด้วยซ้ำ (กำไรโครตๆ)

ถ้าเอา City มาวางเครื่อง 1.8 ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ แล้วขายราคา 9 แสนคงไม่มีคนซื้อ

แต่พอเราดู SUV มี Frame เช่น Prado เรากลับไม่รู้สึกว่ามันคือ PPV ที่ในความรู้สึกของเราบอกว่ามันควรจะถูกกว่านี้
ทั้งๆที่ Frame ช่วงด้านหน้ามันมาจาก Hilux ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Fortuner

ผมกลับมองว่า SUV ไม่มีเฟรมสิที่สมควรจะถูกลงกว่านี้ ชิ้นส่วนก็น้อยกว่า วิธีการประกอบก็เหมือนรถเก๋งบ้านๆ
ไม่ได้มี process การประกอบที่ซับซ้อนหรือมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมมากขึ้น แค่ suspension มันยกตัวสูงขึ้นแค่นั้นเอง
(แต่ที่มันต้องขายราคานี้เพราะ volume หรือยอดขายมันน้อย และอายุตลาดสั้น เลยต้องขายให้ margin สูงกว่า PPV)

+1 ข้อมูลแน่นมากครับ  ชิ้นส่วนรถส่วนใหญ่จะประเมินราคาตามการประเมินเชิงปริมาณ. รถที่มีชิ้นส่วนหรือขนาด-นน. มากกว่ามีแนวโน้มที่จะมีราคาสูงกว่า แต่ forecast volume สูงจะช่วยในการต่อรองให้ราคาต่อชิ้นมันต่ำลงมันถึงกลับมาพอๆกัน

ออฟไลน์ pee1818

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849

ออฟไลน์ Saul Goodman

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 223
    • อีเมล์
ต้นทุนการผลิต PPV กับ SUV อันไหนแพงกว่ากัน?
ต้นทุนการผลิตของ SUV แบบมีเฟรมหรือที่เมืองไทยเรียกว่า PPV สูงกว่า SUV แบบไม่มีเฟรมครับ
เฟรมที่เพิ่มขึ้นมา เพลาขับหน้า เพลาขับหลัง เพลากลาง Transfer ฯลฯ
ต้นทุนค่าแรงในการประกอบชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเลยทำให้ต้นทุนมันแพงกว่า

แล้วที่ว่า PPV ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup แล้วไม่ทำให้ต้นทุนถูกลงเหรอ?
ผมอยากจะพูดว่า ถ้า PPV ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup มันจะแพงกว่านี้อีกเยอะจนซื้อกันไม่ลง

PPV ที่ผลิตในไทยใช้พื้นฐาน (Platform) เดียวกับรถกระบะ
ชิ้นส่วนใช้ร่วมกันเยอะ volume รวมที่เยอะขึ้น ราคาชิ้นส่วนต่อชิ้นลดลง อันนี้เป็นความจริง
แต่ราคาที่มันลดลงไม่ได้ลดกันแบบ 50% เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนของ SUV นะครับ
และเราต้องไม่ลืมความเป็นจริงที่ว่าปริมาณชิ้นส่วนของ PPV
มันเยอะกว่าปริมาณชิ้นส่วนของ SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยยะ
โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญที่มีราคาค่าตัวคือ Frame, Rr Axle, Propeller Shaft
ที่ยังคงเป็นต้นทุนหลักที่ทำให้ PPV ราคาสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยะ
ทั้งต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา ต้นทุนในการจัดทำเครื่องจักรและแม่พิมพ์ ตัวโรงงาน และต้นทุนในการผลิตอื่นๆ

Frame ของ PPV สมัยใหม่ไม่ได้ก๊อบมาทั้งยวงจาก Pickup แบบ PPV สมัยโบราณแล้ว
ส่วนหน้าของเฟรมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเครื่องยนต์อาจจะเหมือนกันแต่ก็เหมือนไม่หมด
แถม Rr Suspension มันต่างและใช้ทีมออกแบบคนละทีม

อีกประการ PPV ส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ Diesel Common Rail
ที่ปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตประมาณ 100K-120K ต่อเครื่อง
เมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรมส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
ที่มีต้นทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 40-60K ต่อเครื่อง นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ PPV ต้นทุนสูงกว่า
(Diesel E/G ซับซ้อนกว่า Otto E/G แบบมีนัยยะ
แม้ว่า Otto E/G สมัยใหม่มันจะมีระบบ valve ที่ซับซ้อน แต่ก็ยังไม่ปวกกระโหลกเท่า Common Rail)

Transmission ก็เป็นอีกส่วนที่ต้นทุนต่างกัน หลักการทำงาน ความซับซ้นอาจจะพอๆกัน
แต่ PPV รองรับการใช้งานที่หนักกว่า SUV และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก

นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนค่าแรงในการประกอบ PPV มันยังสูงกว่า SUV (ก็ชิ้นส่วนมันเยอะกว่านิ)
ทำให้ต้นทุนโดยรวมในการผลิต PPV มันเลยยังสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมอยู่ดี

สำหรับขิ้นส่วนของตัวถังกับภายในห้องโดยสารระหว่าง PPV กับ SUV พอๆกันครับก็จริง
แต่ PPV มี body ใหญ่กว่า SUV อย่าที่เราเห็น die ที่ใช้ขึ้นรูปขนาดใหญ่กว่า เหล็กที่ต้องใช้เยอะกว่า
ED, Primer, Top Coat, Clear ใช้ปริมาณที่ต้องพ่นเยอะกว่า body SUV
บางยี่ห้อออกแบบให้ใช้ Console คนละแบบกับ Pickup ด้วย นี่ยิ่งทำให้ต้นทุน PPV แพงขึ้น


แล้วต้นทุนในการพัฒนา PPV กับ SUV ล่ะ อันไหนสูงกว่ากัน?
PPV เป็นรถมี Frame ต้นทุนในการพัฒนาสูงกว่ารถไม่มีเฟรมครับ นั่นคือหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมรถเก๋งบ้านๆเลยเป็นรถไม่มีเฟรม
เพราะต้นทุนการพัฒนา และต้นทุนการผลิตมันถูกกว่า เปลี่ยนโมเดลได้บ่อยๆทุกๆ 4-6 ปี
แต่สำหรับรถมีเฟรมเราจะพบว่าแค่ละยี่ห้อจะลากขายกัน 8-12 ปีก่อนจะเปลี่ยน
เพื่อให้หารกันต่อหน่วยแล้วมันคุ้มที่จะทำ เพราะต้นทุนการพัฒนา Chassis มันสูงแบบไม่ธรรมดา

หรือถ้ามันไม่ได้ลากขายกันยาวๆก็จะไม่เปลี่ยน Frame บ่อยๆเพื่อที่จะไม่ต้องเสียต้นทุนพัฒนา Chassis อีก

ส่วนการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆที่ติดเข้าไปนั้น แต่ก่อน PPV อาจจะไม่ค่อยมีอะไรเมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรม
แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไป PPV มันมีอุปกรณ์ที่รถเก๋งมี ดังนั้น จะพูดว่า SUV ไม่มีเฟรมมีค่าพัฒนาสูงกว่าเพราะมี option มากกว่า
สมัยนี้คงพูดได้ไม่ค่อยเต็มปากครับ


แล้วทำไม Pickup ก็มีเฟรมไม่แพงกว่ารถเก๋งบ้านๆล่ะ รถมีเฟรมต้นทุนสูงกว่าไม่ใช่เหรอ?
ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตรถ Pickup บ้านเราอยู่ในระดับ 3%-15% เลยทำให้ราคามันพอๆกับรถเก๋ง B Segment (ภาษี 25%-30%)
ถ้าจะเอากันจริงๆให้ Pickup โดนภาษีโครงสร้างเดียวกันกับรถเก๋ง รุ่นถูกสุดจะกลายเป็นราคาประมาณ 600-700K (ตอนนี้ราวๆ 4xx-5xxK)
ส่วนรุ่น Top จะราคาราวๆ 1.3-1.4M <--- ไปซื้อ D-Segment ดีกว่ามั้ย???
สรุปก็คือ ถ้าไม่มีภาษีสรรพสามิตมาบิดเบือนหรือโดนภาษีในระดับเดียวกันหรือไม่มีภาษีเลย รถ Pickup จะแพงกว่ารถเก๋งครับ


แล้ว PPV ที่ขายกันปัจจุบันราคา 1.1M-1.7M มันไม่แพงไปเหรอ แต่ก่อนแค่ 8xxK เอง?
สมัยก่อน PPV เอามาขายนั้น เครื่องก็เป็น DI ธรรมดา 90hp อย่างมากก็มี Turbo มาลูกนึง 115hp
ABS ก็มีบ้างไม่มีบ้าง ข้างในเหมือนกระบะไม่มีผิด ช่วงล่างก็แหนบเด้งๆ เบาะหนังก็ต้องไปหุ้มเอง
ไม่น่าใช้งานเอาซะเลยถ้าบ้านไม่ได้มีถนนลูกรัง

ปัจจุบัน PPV มันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่เอาเฟรมกระบะมาใส่ Body ให้เป็นเก๋ง
แต่มันคือการพัฒนา SUV มีเฟรมที่อิง Platform บางส่วนจากกระบะเพื่อให้ต้นทุนมันถูกลง
เราจะเห็นว่ามันหรูหราขึ้น แตกต่างจาก Pickup อุปกรณ์ความปลอดภัย ABS/VSC/TRC Airbag มาเต็ม

ถ้าเทียบกับ Australia Fortuner เครื่อง GD2.8 รุ่นถูกสุดราคาพอๆกับ Aurion V6 3.5 รุ่นถูกสุดและแพงกว่า RAV4 นะครับ

ผมว่าราคาในไทยมันแพงเพราะภาษี (30% สำหรับเครื่องเล็กกว่า 3.25L) และราคามันสูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
และด้วยเหตุที่เรายังติดกับความรู้สึกว่า "มันคือเฟรมกระบะเอามาเปลี่ยนหัวมันต้องราคาถูกสิ"
เราเลยยังรู้สึกว่ามันแพงกว่า SUV ไม่มีเฟรม ทั้งๆที่รถ SUV ไม่มีเฟรมมันคือเอารถเก๋งบ้านๆราคา 6-7 แสนมายกสูง
แล้วตีป้ายราคาว่าล้านกว่า (กำไรโครตๆ)

เช่น HR-V คือรถขนาดตัวเท่า City เอามายกสูง
(OK ล่ะว่า body shape มันไม่ใช่ แต่ wheel base + body dimension มันใกล้เคียงกันมาก)
ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ เครื่องใหญ่อีกนิด จากราคา City 6 แสนเศษ HR-V กลับตั้งราคาเหยียบล้าน
เอารถขนาดพอๆกับ City มายกสูงขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้นอีกนิด ภายในดูจะดี แล้วขายราคาแพงขึ้นอีก 4-5 แสนเนี้ยนะ!?
ต้นทุนของสิ่งที่ยัดเพิ่มเข้าไปจาก City ให้กลายเป็น HR-V ยังไม่ถึง 2 แสนเลยด้วยซ้ำ (กำไรโครตๆ)

ถ้าเอา City มาวางเครื่อง 1.8 ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ แล้วขายราคา 9 แสนคงไม่มีคนซื้อ

แต่พอเราดู SUV มี Frame เช่น Prado เรากลับไม่รู้สึกว่ามันคือ PPV ที่ในความรู้สึกของเราบอกว่ามันควรจะถูกกว่านี้
ทั้งๆที่ Frame ช่วงด้านหน้ามันมาจาก Hilux ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Fortuner

ผมกลับมองว่า SUV ไม่มีเฟรมสิที่สมควรจะถูกลงกว่านี้ ชิ้นส่วนก็น้อยกว่า วิธีการประกอบก็เหมือนรถเก๋งบ้านๆ
ไม่ได้มี process การประกอบที่ซับซ้อนหรือมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมมากขึ้น แค่ suspension มันยกตัวสูงขึ้นแค่นั้นเอง
(แต่ที่มันต้องขายราคานี้เพราะ volume หรือยอดขายมันน้อย และอายุตลาดสั้น เลยต้องขายให้ margin สูงกว่า PPV)

คอมเมนต์คุณภาพเลย ชอบครับ  :-* :-* :-*

ออฟไลน์ veturilo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 187
จริงๆแล้วผมไม่ได้ชูหาง PPV หรอกนะครับ แต่ fact ของรถมีเฟรมมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

แต่เรายังมีความรู้สึกว่ารถเก๋งหรือมีพื้นฐานมาจากรถเก๋งต้องแพงกว่ารถกระบะหรือรถที่มีพื้นฐานกระบะ
เพราะบ้านเรารถกระบะมันถูกกว่ารถเก๋งโดยโครงสร้างภาษีที่บิดเบือน

แต่ในความเป็นจริงต้นทุนที่แท้จริงแล้วรถกระบะกลับสูงกว่า ทั้งต้นทุนการพัฒนาและต้นทุนการผลิต
margin ต่อคันก็ต่ำกว่า แต่อยู่รอดได้ด้วยปริมาณการขายที่บางยี่ห้อขายได้ถึง 4-5 แสนคันต่อปี (ยี่ห้อนี้ ที่ไทยที่เดียวนะ ที่อื่นขายไม่ออก)
PPV มี margin ที่สูงกว่า Pickup แน่นอนครับ แต่ไม่มากเท่า SUV ไม่มีเฟรมแน่ๆ

เดี๋ยวรอดูพันธสัญญาระหว่าง Ford กับ Mazda จบลงสิครับ BT-50 ก็จะปิดฉากตามไปด้วย
เพราะต้นทุนการพัฒนาเฟรมมันสูงแบบไม่ธรรมดาครับ Mazda ไม่มีทางลงทุนวิจัยกับเฟรมแน่ๆถ้าไม่มีตลาดที่ใหญ่ระดับ 3xxK คันต่อปี

ผมประมาณการเล่นๆจากชิ้นส่วนต่างๆที่ SUV ไม่มีเฟรมใช้ margin ไม่น่าจะต่ำกว่า 4xx-5xxK ต่อคัน
อิจฉาคนทำงาน Honda จริงๆ HR-V ขายดี...

ออฟไลน์ mothsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,559
ต้นทุนการผลิต PPV กับ SUV อันไหนแพงกว่ากัน?
ต้นทุนการผลิตของ SUV แบบมีเฟรมหรือที่เมืองไทยเรียกว่า PPV สูงกว่า SUV แบบไม่มีเฟรมครับ
เฟรมที่เพิ่มขึ้นมา เพลาขับหน้า เพลาขับหลัง เพลากลาง Transfer ฯลฯ
ต้นทุนค่าแรงในการประกอบชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเลยทำให้ต้นทุนมันแพงกว่า

แล้วที่ว่า PPV ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup แล้วไม่ทำให้ต้นทุนถูกลงเหรอ?
ผมอยากจะพูดว่า ถ้า PPV ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup มันจะแพงกว่านี้อีกเยอะจนซื้อกันไม่ลง

PPV ที่ผลิตในไทยใช้พื้นฐาน (Platform) เดียวกับรถกระบะ
ชิ้นส่วนใช้ร่วมกันเยอะ volume รวมที่เยอะขึ้น ราคาชิ้นส่วนต่อชิ้นลดลง อันนี้เป็นความจริง
แต่ราคาที่มันลดลงไม่ได้ลดกันแบบ 50% เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนของ SUV นะครับ
และเราต้องไม่ลืมความเป็นจริงที่ว่าปริมาณชิ้นส่วนของ PPV
มันเยอะกว่าปริมาณชิ้นส่วนของ SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยยะ
โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญที่มีราคาค่าตัวคือ Frame, Rr Axle, Propeller Shaft
ที่ยังคงเป็นต้นทุนหลักที่ทำให้ PPV ราคาสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยะ
ทั้งต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา ต้นทุนในการจัดทำเครื่องจักรและแม่พิมพ์ ตัวโรงงาน และต้นทุนในการผลิตอื่นๆ

Frame ของ PPV สมัยใหม่ไม่ได้ก๊อบมาทั้งยวงจาก Pickup แบบ PPV สมัยโบราณแล้ว
ส่วนหน้าของเฟรมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเครื่องยนต์อาจจะเหมือนกันแต่ก็เหมือนไม่หมด
แถม Rr Suspension มันต่างและใช้ทีมออกแบบคนละทีม

อีกประการ PPV ส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ Diesel Common Rail
ที่ปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตประมาณ 100K-120K ต่อเครื่อง
เมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรมส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
ที่มีต้นทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 40-60K ต่อเครื่อง นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ PPV ต้นทุนสูงกว่า
(Diesel E/G ซับซ้อนกว่า Otto E/G แบบมีนัยยะ
แม้ว่า Otto E/G สมัยใหม่มันจะมีระบบ valve ที่ซับซ้อน แต่ก็ยังไม่ปวกกระโหลกเท่า Common Rail)

Transmission ก็เป็นอีกส่วนที่ต้นทุนต่างกัน หลักการทำงาน ความซับซ้นอาจจะพอๆกัน
แต่ PPV รองรับการใช้งานที่หนักกว่า SUV และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก

นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนค่าแรงในการประกอบ PPV มันยังสูงกว่า SUV (ก็ชิ้นส่วนมันเยอะกว่านิ)
ทำให้ต้นทุนโดยรวมในการผลิต PPV มันเลยยังสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมอยู่ดี

สำหรับขิ้นส่วนของตัวถังกับภายในห้องโดยสารระหว่าง PPV กับ SUV พอๆกันครับก็จริง
แต่ PPV มี body ใหญ่กว่า SUV อย่าที่เราเห็น die ที่ใช้ขึ้นรูปขนาดใหญ่กว่า เหล็กที่ต้องใช้เยอะกว่า
ED, Primer, Top Coat, Clear ใช้ปริมาณที่ต้องพ่นเยอะกว่า body SUV
บางยี่ห้อออกแบบให้ใช้ Console คนละแบบกับ Pickup ด้วย นี่ยิ่งทำให้ต้นทุน PPV แพงขึ้น


แล้วต้นทุนในการพัฒนา PPV กับ SUV ล่ะ อันไหนสูงกว่ากัน?
PPV เป็นรถมี Frame ต้นทุนในการพัฒนาสูงกว่ารถไม่มีเฟรมครับ นั่นคือหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมรถเก๋งบ้านๆเลยเป็นรถไม่มีเฟรม
เพราะต้นทุนการพัฒนา และต้นทุนการผลิตมันถูกกว่า เปลี่ยนโมเดลได้บ่อยๆทุกๆ 4-6 ปี
แต่สำหรับรถมีเฟรมเราจะพบว่าแค่ละยี่ห้อจะลากขายกัน 8-12 ปีก่อนจะเปลี่ยน
เพื่อให้หารกันต่อหน่วยแล้วมันคุ้มที่จะทำ เพราะต้นทุนการพัฒนา Chassis มันสูงแบบไม่ธรรมดา

หรือถ้ามันไม่ได้ลากขายกันยาวๆก็จะไม่เปลี่ยน Frame บ่อยๆเพื่อที่จะไม่ต้องเสียต้นทุนพัฒนา Chassis อีก

ส่วนการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆที่ติดเข้าไปนั้น แต่ก่อน PPV อาจจะไม่ค่อยมีอะไรเมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรม
แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไป PPV มันมีอุปกรณ์ที่รถเก๋งมี ดังนั้น จะพูดว่า SUV ไม่มีเฟรมมีค่าพัฒนาสูงกว่าเพราะมี option มากกว่า
สมัยนี้คงพูดได้ไม่ค่อยเต็มปากครับ


แล้วทำไม Pickup ก็มีเฟรมไม่แพงกว่ารถเก๋งบ้านๆล่ะ รถมีเฟรมต้นทุนสูงกว่าไม่ใช่เหรอ?
ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตรถ Pickup บ้านเราอยู่ในระดับ 3%-15% เลยทำให้ราคามันพอๆกับรถเก๋ง B Segment (ภาษี 25%-30%)
ถ้าจะเอากันจริงๆให้ Pickup โดนภาษีโครงสร้างเดียวกันกับรถเก๋ง รุ่นถูกสุดจะกลายเป็นราคาประมาณ 600-700K (ตอนนี้ราวๆ 4xx-5xxK)
ส่วนรุ่น Top จะราคาราวๆ 1.3-1.4M <--- ไปซื้อ D-Segment ดีกว่ามั้ย???
สรุปก็คือ ถ้าไม่มีภาษีสรรพสามิตมาบิดเบือนหรือโดนภาษีในระดับเดียวกันหรือไม่มีภาษีเลย รถ Pickup จะแพงกว่ารถเก๋งครับ


แล้ว PPV ที่ขายกันปัจจุบันราคา 1.1M-1.7M มันไม่แพงไปเหรอ แต่ก่อนแค่ 8xxK เอง?
สมัยก่อน PPV เอามาขายนั้น เครื่องก็เป็น DI ธรรมดา 90hp อย่างมากก็มี Turbo มาลูกนึง 115hp
ABS ก็มีบ้างไม่มีบ้าง ข้างในเหมือนกระบะไม่มีผิด ช่วงล่างก็แหนบเด้งๆ เบาะหนังก็ต้องไปหุ้มเอง
ไม่น่าใช้งานเอาซะเลยถ้าบ้านไม่ได้มีถนนลูกรัง

ปัจจุบัน PPV มันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่เอาเฟรมกระบะมาใส่ Body ให้เป็นเก๋ง
แต่มันคือการพัฒนา SUV มีเฟรมที่อิง Platform บางส่วนจากกระบะเพื่อให้ต้นทุนมันถูกลง
เราจะเห็นว่ามันหรูหราขึ้น แตกต่างจาก Pickup อุปกรณ์ความปลอดภัย ABS/VSC/TRC Airbag มาเต็ม

ถ้าเทียบกับ Australia Fortuner เครื่อง GD2.8 รุ่นถูกสุดราคาพอๆกับ Aurion V6 3.5 รุ่นถูกสุดและแพงกว่า RAV4 นะครับ

ผมว่าราคาในไทยมันแพงเพราะภาษี (30% สำหรับเครื่องเล็กกว่า 3.25L) และราคามันสูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
และด้วยเหตุที่เรายังติดกับความรู้สึกว่า "มันคือเฟรมกระบะเอามาเปลี่ยนหัวมันต้องราคาถูกสิ"
เราเลยยังรู้สึกว่ามันแพงกว่า SUV ไม่มีเฟรม ทั้งๆที่รถ SUV ไม่มีเฟรมมันคือเอารถเก๋งบ้านๆราคา 6-7 แสนมายกสูง
แล้วตีป้ายราคาว่าล้านกว่า (กำไรโครตๆ)

เช่น HR-V คือรถขนาดตัวเท่า City เอามายกสูง
(OK ล่ะว่า body shape มันไม่ใช่ แต่ wheel base + body dimension มันใกล้เคียงกันมาก)
ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ เครื่องใหญ่อีกนิด จากราคา City 6 แสนเศษ HR-V กลับตั้งราคาเหยียบล้าน
เอารถขนาดพอๆกับ City มายกสูงขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้นอีกนิด ภายในดูจะดี แล้วขายราคาแพงขึ้นอีก 4-5 แสนเนี้ยนะ!?
ต้นทุนของสิ่งที่ยัดเพิ่มเข้าไปจาก City ให้กลายเป็น HR-V ยังไม่ถึง 2 แสนเลยด้วยซ้ำ (กำไรโครตๆ)

ถ้าเอา City มาวางเครื่อง 1.8 ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ แล้วขายราคา 9 แสนคงไม่มีคนซื้อ

แต่พอเราดู SUV มี Frame เช่น Prado เรากลับไม่รู้สึกว่ามันคือ PPV ที่ในความรู้สึกของเราบอกว่ามันควรจะถูกกว่านี้
ทั้งๆที่ Frame ช่วงด้านหน้ามันมาจาก Hilux ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Fortuner

ผมกลับมองว่า SUV ไม่มีเฟรมสิที่สมควรจะถูกลงกว่านี้ ชิ้นส่วนก็น้อยกว่า วิธีการประกอบก็เหมือนรถเก๋งบ้านๆ
ไม่ได้มี process การประกอบที่ซับซ้อนหรือมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมมากขึ้น แค่ suspension มันยกตัวสูงขึ้นแค่นั้นเอง
(แต่ที่มันต้องขายราคานี้เพราะ volume หรือยอดขายมันน้อย และอายุตลาดสั้น เลยต้องขายให้ margin สูงกว่า PPV)

ราคาชิ้นส่วนไม่ต่างกันเยอะขนาดนั้นหรอกครับ
อย่าลืมที่ว่าต้นทุนหลักของชิ้นส่วนใหญ่ๆ ก็คือค่าแม่พิมพ์ ถูกไหมครับ
ที่นี้เรามาคุยกันเรื่อง volume plan
PPV plan กันที่ ล้านชิ้น up
แต่ SUV plan เต็มที่ก็หลักแสน
สมมุติว่า ค่าแม่พิมพ์  1 ล้าน
ต้นทุนแม่พิมพ์ต่อชิ้นของ PPV = 1,000,000/1,000,000 = 1 บาทต่อชิ้น
ต้นทุนแม่พิมพ์ต่อชิ้นของ SUV = 1,000,000/100,000 = 10 บาทต่อชิ้น

ส่วนเรื่องชิ้นส่วน การประกอบ PPV อาจจะมากกว่า SUV แต่ ไลน์การประกอบ PPV สามารถใช้ร่วมกับ Pick up ได้
ทำให้มีแม่พิมพ์เฉพาะ เพียงแค่ 30 % เต็มที่
แต่ PPV ไม่สามารถใช้แม่พิมพ์ร่วมกับ รถเก่งได้

ส่วนชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง ถ้าเราจะเปรียบเทียบให้เป็นใกล้กันหน่อย
ก็ Everest กับ CX5 diesel ขับ 4 เหมือนกัน เพลาขับหน้าหลังเหมือนกัน ขนาดอาจจะต่างกัน
และก็เกี่ยวกับแม่พิมพ์ด้วยเหมือนกัน
PPV เครื่องยนต์เดียวกับ Pick up ปริมาณการผลิต 2 ล้าน ในกรณีของ Everest FTN  (ไม่ผิดหรอกครับ ยี่ห้อเจ้าตลาด คุยปริมาณกันระดับหลักล้าน )
SUV เครื่องยนต์อย่างมากก็รวมกับรถเก่ง แต่เต็มที่ก็ไม่เกิน 2 แสน แต่กรณี CX5 diesel ใช้รุ่นเดียว



ไหนจะ ภาษีอีก
PPV: Everest FTN 30%
SUV : CX5 2.2 diesel 40%

ยังไงผมก็คิดว่า รถ PPV ต้องถูกกว่า SUV เยอะครับ อย่างน้อยก็ต้องหลักแสน

ออฟไลน์ veturilo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 187
ต้นทุนการผลิต PPV กับ SUV อันไหนแพงกว่ากัน?
ต้นทุนการผลิตของ SUV แบบมีเฟรมหรือที่เมืองไทยเรียกว่า PPV สูงกว่า SUV แบบไม่มีเฟรมครับ
เฟรมที่เพิ่มขึ้นมา เพลาขับหน้า เพลาขับหลัง เพลากลาง Transfer ฯลฯ
ต้นทุนค่าแรงในการประกอบชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเลยทำให้ต้นทุนมันแพงกว่า

แล้วที่ว่า PPV ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup แล้วไม่ทำให้ต้นทุนถูกลงเหรอ?
ผมอยากจะพูดว่า ถ้า PPV ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup มันจะแพงกว่านี้อีกเยอะจนซื้อกันไม่ลง

PPV ที่ผลิตในไทยใช้พื้นฐาน (Platform) เดียวกับรถกระบะ
ชิ้นส่วนใช้ร่วมกันเยอะ volume รวมที่เยอะขึ้น ราคาชิ้นส่วนต่อชิ้นลดลง อันนี้เป็นความจริง
แต่ราคาที่มันลดลงไม่ได้ลดกันแบบ 50% เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนของ SUV นะครับ
และเราต้องไม่ลืมความเป็นจริงที่ว่าปริมาณชิ้นส่วนของ PPV
มันเยอะกว่าปริมาณชิ้นส่วนของ SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยยะ
โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญที่มีราคาค่าตัวคือ Frame, Rr Axle, Propeller Shaft
ที่ยังคงเป็นต้นทุนหลักที่ทำให้ PPV ราคาสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยะ
ทั้งต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา ต้นทุนในการจัดทำเครื่องจักรและแม่พิมพ์ ตัวโรงงาน และต้นทุนในการผลิตอื่นๆ

Frame ของ PPV สมัยใหม่ไม่ได้ก๊อบมาทั้งยวงจาก Pickup แบบ PPV สมัยโบราณแล้ว
ส่วนหน้าของเฟรมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเครื่องยนต์อาจจะเหมือนกันแต่ก็เหมือนไม่หมด
แถม Rr Suspension มันต่างและใช้ทีมออกแบบคนละทีม

อีกประการ PPV ส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ Diesel Common Rail
ที่ปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตประมาณ 100K-120K ต่อเครื่อง
เมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรมส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
ที่มีต้นทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 40-60K ต่อเครื่อง นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ PPV ต้นทุนสูงกว่า
(Diesel E/G ซับซ้อนกว่า Otto E/G แบบมีนัยยะ
แม้ว่า Otto E/G สมัยใหม่มันจะมีระบบ valve ที่ซับซ้อน แต่ก็ยังไม่ปวกกระโหลกเท่า Common Rail)

Transmission ก็เป็นอีกส่วนที่ต้นทุนต่างกัน หลักการทำงาน ความซับซ้นอาจจะพอๆกัน
แต่ PPV รองรับการใช้งานที่หนักกว่า SUV และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก

นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนค่าแรงในการประกอบ PPV มันยังสูงกว่า SUV (ก็ชิ้นส่วนมันเยอะกว่านิ)
ทำให้ต้นทุนโดยรวมในการผลิต PPV มันเลยยังสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมอยู่ดี

สำหรับขิ้นส่วนของตัวถังกับภายในห้องโดยสารระหว่าง PPV กับ SUV พอๆกันครับก็จริง
แต่ PPV มี body ใหญ่กว่า SUV อย่าที่เราเห็น die ที่ใช้ขึ้นรูปขนาดใหญ่กว่า เหล็กที่ต้องใช้เยอะกว่า
ED, Primer, Top Coat, Clear ใช้ปริมาณที่ต้องพ่นเยอะกว่า body SUV
บางยี่ห้อออกแบบให้ใช้ Console คนละแบบกับ Pickup ด้วย นี่ยิ่งทำให้ต้นทุน PPV แพงขึ้น


แล้วต้นทุนในการพัฒนา PPV กับ SUV ล่ะ อันไหนสูงกว่ากัน?
PPV เป็นรถมี Frame ต้นทุนในการพัฒนาสูงกว่ารถไม่มีเฟรมครับ นั่นคือหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมรถเก๋งบ้านๆเลยเป็นรถไม่มีเฟรม
เพราะต้นทุนการพัฒนา และต้นทุนการผลิตมันถูกกว่า เปลี่ยนโมเดลได้บ่อยๆทุกๆ 4-6 ปี
แต่สำหรับรถมีเฟรมเราจะพบว่าแค่ละยี่ห้อจะลากขายกัน 8-12 ปีก่อนจะเปลี่ยน
เพื่อให้หารกันต่อหน่วยแล้วมันคุ้มที่จะทำ เพราะต้นทุนการพัฒนา Chassis มันสูงแบบไม่ธรรมดา

หรือถ้ามันไม่ได้ลากขายกันยาวๆก็จะไม่เปลี่ยน Frame บ่อยๆเพื่อที่จะไม่ต้องเสียต้นทุนพัฒนา Chassis อีก

ส่วนการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆที่ติดเข้าไปนั้น แต่ก่อน PPV อาจจะไม่ค่อยมีอะไรเมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรม
แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไป PPV มันมีอุปกรณ์ที่รถเก๋งมี ดังนั้น จะพูดว่า SUV ไม่มีเฟรมมีค่าพัฒนาสูงกว่าเพราะมี option มากกว่า
สมัยนี้คงพูดได้ไม่ค่อยเต็มปากครับ


แล้วทำไม Pickup ก็มีเฟรมไม่แพงกว่ารถเก๋งบ้านๆล่ะ รถมีเฟรมต้นทุนสูงกว่าไม่ใช่เหรอ?
ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตรถ Pickup บ้านเราอยู่ในระดับ 3%-15% เลยทำให้ราคามันพอๆกับรถเก๋ง B Segment (ภาษี 25%-30%)
ถ้าจะเอากันจริงๆให้ Pickup โดนภาษีโครงสร้างเดียวกันกับรถเก๋ง รุ่นถูกสุดจะกลายเป็นราคาประมาณ 600-700K (ตอนนี้ราวๆ 4xx-5xxK)
ส่วนรุ่น Top จะราคาราวๆ 1.3-1.4M <--- ไปซื้อ D-Segment ดีกว่ามั้ย???
สรุปก็คือ ถ้าไม่มีภาษีสรรพสามิตมาบิดเบือนหรือโดนภาษีในระดับเดียวกันหรือไม่มีภาษีเลย รถ Pickup จะแพงกว่ารถเก๋งครับ


แล้ว PPV ที่ขายกันปัจจุบันราคา 1.1M-1.7M มันไม่แพงไปเหรอ แต่ก่อนแค่ 8xxK เอง?
สมัยก่อน PPV เอามาขายนั้น เครื่องก็เป็น DI ธรรมดา 90hp อย่างมากก็มี Turbo มาลูกนึง 115hp
ABS ก็มีบ้างไม่มีบ้าง ข้างในเหมือนกระบะไม่มีผิด ช่วงล่างก็แหนบเด้งๆ เบาะหนังก็ต้องไปหุ้มเอง
ไม่น่าใช้งานเอาซะเลยถ้าบ้านไม่ได้มีถนนลูกรัง

ปัจจุบัน PPV มันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่เอาเฟรมกระบะมาใส่ Body ให้เป็นเก๋ง
แต่มันคือการพัฒนา SUV มีเฟรมที่อิง Platform บางส่วนจากกระบะเพื่อให้ต้นทุนมันถูกลง
เราจะเห็นว่ามันหรูหราขึ้น แตกต่างจาก Pickup อุปกรณ์ความปลอดภัย ABS/VSC/TRC Airbag มาเต็ม

ถ้าเทียบกับ Australia Fortuner เครื่อง GD2.8 รุ่นถูกสุดราคาพอๆกับ Aurion V6 3.5 รุ่นถูกสุดและแพงกว่า RAV4 นะครับ

ผมว่าราคาในไทยมันแพงเพราะภาษี (30% สำหรับเครื่องเล็กกว่า 3.25L) และราคามันสูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
และด้วยเหตุที่เรายังติดกับความรู้สึกว่า "มันคือเฟรมกระบะเอามาเปลี่ยนหัวมันต้องราคาถูกสิ"
เราเลยยังรู้สึกว่ามันแพงกว่า SUV ไม่มีเฟรม ทั้งๆที่รถ SUV ไม่มีเฟรมมันคือเอารถเก๋งบ้านๆราคา 6-7 แสนมายกสูง
แล้วตีป้ายราคาว่าล้านกว่า (กำไรโครตๆ)

เช่น HR-V คือรถขนาดตัวเท่า City เอามายกสูง
(OK ล่ะว่า body shape มันไม่ใช่ แต่ wheel base + body dimension มันใกล้เคียงกันมาก)
ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ เครื่องใหญ่อีกนิด จากราคา City 6 แสนเศษ HR-V กลับตั้งราคาเหยียบล้าน
เอารถขนาดพอๆกับ City มายกสูงขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้นอีกนิด ภายในดูจะดี แล้วขายราคาแพงขึ้นอีก 4-5 แสนเนี้ยนะ!?
ต้นทุนของสิ่งที่ยัดเพิ่มเข้าไปจาก City ให้กลายเป็น HR-V ยังไม่ถึง 2 แสนเลยด้วยซ้ำ (กำไรโครตๆ)

ถ้าเอา City มาวางเครื่อง 1.8 ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ แล้วขายราคา 9 แสนคงไม่มีคนซื้อ

แต่พอเราดู SUV มี Frame เช่น Prado เรากลับไม่รู้สึกว่ามันคือ PPV ที่ในความรู้สึกของเราบอกว่ามันควรจะถูกกว่านี้
ทั้งๆที่ Frame ช่วงด้านหน้ามันมาจาก Hilux ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Fortuner

ผมกลับมองว่า SUV ไม่มีเฟรมสิที่สมควรจะถูกลงกว่านี้ ชิ้นส่วนก็น้อยกว่า วิธีการประกอบก็เหมือนรถเก๋งบ้านๆ
ไม่ได้มี process การประกอบที่ซับซ้อนหรือมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมมากขึ้น แค่ suspension มันยกตัวสูงขึ้นแค่นั้นเอง
(แต่ที่มันต้องขายราคานี้เพราะ volume หรือยอดขายมันน้อย และอายุตลาดสั้น เลยต้องขายให้ margin สูงกว่า PPV)

ราคาชิ้นส่วนไม่ต่างกันเยอะขนาดนั้นหรอกครับ
อย่าลืมที่ว่าต้นทุนหลักของชิ้นส่วนใหญ่ๆ ก็คือค่าแม่พิมพ์ ถูกไหมครับ
ที่นี้เรามาคุยกันเรื่อง volume plan
PPV plan กันที่ ล้านชิ้น up
แต่ SUV plan เต็มที่ก็หลักแสน
สมมุติว่า ค่าแม่พิมพ์  1 ล้าน
ต้นทุนแม่พิมพ์ต่อชิ้นของ PPV = 1,000,000/1,000,000 = 1 บาทต่อชิ้น
ต้นทุนแม่พิมพ์ต่อชิ้นของ SUV = 1,000,000/100,000 = 10 บาทต่อชิ้น

ส่วนเรื่องชิ้นส่วน การประกอบ PPV อาจจะมากกว่า SUV แต่ ไลน์การประกอบ PPV สามารถใช้ร่วมกับ Pick up ได้
ทำให้มีแม่พิมพ์เฉพาะ เพียงแค่ 30 % เต็มที่
แต่ PPV ไม่สามารถใช้แม่พิมพ์ร่วมกับ รถเก่งได้

ส่วนชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง ถ้าเราจะเปรียบเทียบให้เป็นใกล้กันหน่อย
ก็ Everest กับ CX5 diesel ขับ 4 เหมือนกัน เพลาขับหน้าหลังเหมือนกัน ขนาดอาจจะต่างกัน
และก็เกี่ยวกับแม่พิมพ์ด้วยเหมือนกัน
PPV เครื่องยนต์เดียวกับ Pick up ปริมาณการผลิต 2 ล้าน ในกรณีของ Everest FTN  (ไม่ผิดหรอกครับ ยี่ห้อเจ้าตลาด คุยปริมาณกันระดับหลักล้าน )
SUV เครื่องยนต์อย่างมากก็รวมกับรถเก่ง แต่เต็มที่ก็ไม่เกิน 2 แสน แต่กรณี CX5 diesel ใช้รุ่นเดียว



ไหนจะ ภาษีอีก
PPV: Everest FTN 30%
SUV : CX5 2.2 diesel 40%

ยังไงผมก็คิดว่า รถ PPV ต้องถูกกว่า SUV เยอะครับ อย่างน้อยก็ต้องหลักแสน

แหม่ ถ้ารถมีเฟรมมันถูกกว่า ผมก็อยากให้รถเก๋งมีเฟรมครับ แข็งแรงกว่าเห็นๆ -_-"

ที่กล่าวว่า tooling หรือ die ที่ PPV ไม่ได้ใช้ร่วมกับ Pickup มีแค่ 30% อันนี้ไม่ค่อยตรงกับความเป็นจริงครับ
จริงๆแล้วมีราวๆ 30% ที่ PPV ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup ครับ ซึ่งนับเป็นข้อดีที่ทำให้ PPV มันสามารถทำราคาให้ต่ำลงได้

PPV สมัยใหม่มีตัวถังที่ใช้ร่วมกับ Pickup ค่อนข้างน้อยครับ ที่เห็นก็ใช้ร่วมกันแต่ประตูหน้า เสาA ภายในห้องเครื่องกับ Floor ด้านหน้า
ที่เหลือที่คนละเรื่องกับ Pickup เลยครับ Fender, Door Opening, Rr Door, Back Door ฯลฯ
Frame ก็คนละตัว ท่อไอเสียในส่วนหลังก็คนละแบบ ถังน้ำมันก็คนละรูปร่าง
ยิ่งห้องโดยสารเนี้ย PPV สมัยใหม่มันไม่ได้เอามาจาก Pickup เลย
Console คนละแบบ เบาะหน้าคนละทรง ไฟห้องโดยสารคนละแบบ ฯลฯ
(ยกเว้ณ MU-X ที่แทบจะยกมาจาก D-MAX แถมแข็งทั้งคัน หาจุดนุ่มไม่เจอ)
จะมีก็แค่เครื่องยนต์ Transmission, Fr Axle, Transfer ที่ common กับ Pickup

เครื่อง diesel ของ CX-5 ที่ผลิตที่ Malaysia มีการส่งออกไปหลายประเทศครับ
(ตัวเครื่องไม่มั่นใจว่าทำที่ไหนนะครับ)
volume อาจจะไม่ใช่แค่ 200K ตลอดอายุตลาด อาจลากไปใส่ในรุ่นอื่นๆเพื่อลดต้นทุนต่อเครื่อง
ไม่งั้น Overhead กินหมดครับ หากำไรไม่เจอ

CX-5 เครื่อง diesel 2.2 ปล่อย CO2 แค่ 1xx g/km จำได้ว่าไม่เกิน 150 g/km นะครับ
จำได้ว่าก่อนภาษีแบบใหม่ CX-5 2.2 เสียภาษี 35% พอปรับภาษีใหม่เสียแค่ 30% แต่จำไม่ได้ว่าราคาขายปลีกลงตามรึเปล่า

ออฟไลน์ Activehybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,554
Re:
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: เมษายน 23, 2016, 01:08:51 »
อย่าเถียงกันเลย ราคาไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ ต่างกันก็ไม่มาก

สำคัญที่ตอบโจทย์ใช้งานมากกว่า

ชอบบรรทุกหนักคุ้มค่าได้เหล็กเยอะๆ ก็ไปPPV

ชอบนุ่มนวลเกาะถนนเดินทางไกลๆก็ไปSUV
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 23, 2016, 09:08:34 โดย Activehybrid »

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ต้นทุนการผลิต PPV กับ SUV อันไหนแพงกว่ากัน?
ต้นทุนการผลิตของ SUV แบบมีเฟรมหรือที่เมืองไทยเรียกว่า PPV สูงกว่า SUV แบบไม่มีเฟรมครับ
เฟรมที่เพิ่มขึ้นมา เพลาขับหน้า เพลาขับหลัง เพลากลาง Transfer ฯลฯ
ต้นทุนค่าแรงในการประกอบชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเลยทำให้ต้นทุนมันแพงกว่า

แล้วที่ว่า PPV ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup แล้วไม่ทำให้ต้นทุนถูกลงเหรอ?
ผมอยากจะพูดว่า ถ้า PPV ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup มันจะแพงกว่านี้อีกเยอะจนซื้อกันไม่ลง

PPV ที่ผลิตในไทยใช้พื้นฐาน (Platform) เดียวกับรถกระบะ
ชิ้นส่วนใช้ร่วมกันเยอะ volume รวมที่เยอะขึ้น ราคาชิ้นส่วนต่อชิ้นลดลง อันนี้เป็นความจริง
แต่ราคาที่มันลดลงไม่ได้ลดกันแบบ 50% เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนของ SUV นะครับ
และเราต้องไม่ลืมความเป็นจริงที่ว่าปริมาณชิ้นส่วนของ PPV
มันเยอะกว่าปริมาณชิ้นส่วนของ SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยยะ
โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญที่มีราคาค่าตัวคือ Frame, Rr Axle, Propeller Shaft
ที่ยังคงเป็นต้นทุนหลักที่ทำให้ PPV ราคาสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยะ
ทั้งต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา ต้นทุนในการจัดทำเครื่องจักรและแม่พิมพ์ ตัวโรงงาน และต้นทุนในการผลิตอื่นๆ

Frame ของ PPV สมัยใหม่ไม่ได้ก๊อบมาทั้งยวงจาก Pickup แบบ PPV สมัยโบราณแล้ว
ส่วนหน้าของเฟรมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเครื่องยนต์อาจจะเหมือนกันแต่ก็เหมือนไม่หมด
แถม Rr Suspension มันต่างและใช้ทีมออกแบบคนละทีม

อีกประการ PPV ส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ Diesel Common Rail
ที่ปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตประมาณ 100K-120K ต่อเครื่อง
เมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรมส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
ที่มีต้นทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 40-60K ต่อเครื่อง นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ PPV ต้นทุนสูงกว่า
(Diesel E/G ซับซ้อนกว่า Otto E/G แบบมีนัยยะ
แม้ว่า Otto E/G สมัยใหม่มันจะมีระบบ valve ที่ซับซ้อน แต่ก็ยังไม่ปวกกระโหลกเท่า Common Rail)

Transmission ก็เป็นอีกส่วนที่ต้นทุนต่างกัน หลักการทำงาน ความซับซ้นอาจจะพอๆกัน
แต่ PPV รองรับการใช้งานที่หนักกว่า SUV และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก

นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนค่าแรงในการประกอบ PPV มันยังสูงกว่า SUV (ก็ชิ้นส่วนมันเยอะกว่านิ)
ทำให้ต้นทุนโดยรวมในการผลิต PPV มันเลยยังสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมอยู่ดี

สำหรับขิ้นส่วนของตัวถังกับภายในห้องโดยสารระหว่าง PPV กับ SUV พอๆกันครับก็จริง
แต่ PPV มี body ใหญ่กว่า SUV อย่าที่เราเห็น die ที่ใช้ขึ้นรูปขนาดใหญ่กว่า เหล็กที่ต้องใช้เยอะกว่า
ED, Primer, Top Coat, Clear ใช้ปริมาณที่ต้องพ่นเยอะกว่า body SUV
บางยี่ห้อออกแบบให้ใช้ Console คนละแบบกับ Pickup ด้วย นี่ยิ่งทำให้ต้นทุน PPV แพงขึ้น


แล้วต้นทุนในการพัฒนา PPV กับ SUV ล่ะ อันไหนสูงกว่ากัน?
PPV เป็นรถมี Frame ต้นทุนในการพัฒนาสูงกว่ารถไม่มีเฟรมครับ นั่นคือหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมรถเก๋งบ้านๆเลยเป็นรถไม่มีเฟรม
เพราะต้นทุนการพัฒนา และต้นทุนการผลิตมันถูกกว่า เปลี่ยนโมเดลได้บ่อยๆทุกๆ 4-6 ปี
แต่สำหรับรถมีเฟรมเราจะพบว่าแค่ละยี่ห้อจะลากขายกัน 8-12 ปีก่อนจะเปลี่ยน
เพื่อให้หารกันต่อหน่วยแล้วมันคุ้มที่จะทำ เพราะต้นทุนการพัฒนา Chassis มันสูงแบบไม่ธรรมดา

หรือถ้ามันไม่ได้ลากขายกันยาวๆก็จะไม่เปลี่ยน Frame บ่อยๆเพื่อที่จะไม่ต้องเสียต้นทุนพัฒนา Chassis อีก

ส่วนการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆที่ติดเข้าไปนั้น แต่ก่อน PPV อาจจะไม่ค่อยมีอะไรเมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรม
แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไป PPV มันมีอุปกรณ์ที่รถเก๋งมี ดังนั้น จะพูดว่า SUV ไม่มีเฟรมมีค่าพัฒนาสูงกว่าเพราะมี option มากกว่า
สมัยนี้คงพูดได้ไม่ค่อยเต็มปากครับ


แล้วทำไม Pickup ก็มีเฟรมไม่แพงกว่ารถเก๋งบ้านๆล่ะ รถมีเฟรมต้นทุนสูงกว่าไม่ใช่เหรอ?
ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตรถ Pickup บ้านเราอยู่ในระดับ 3%-15% เลยทำให้ราคามันพอๆกับรถเก๋ง B Segment (ภาษี 25%-30%)
ถ้าจะเอากันจริงๆให้ Pickup โดนภาษีโครงสร้างเดียวกันกับรถเก๋ง รุ่นถูกสุดจะกลายเป็นราคาประมาณ 600-700K (ตอนนี้ราวๆ 4xx-5xxK)
ส่วนรุ่น Top จะราคาราวๆ 1.3-1.4M <--- ไปซื้อ D-Segment ดีกว่ามั้ย???
สรุปก็คือ ถ้าไม่มีภาษีสรรพสามิตมาบิดเบือนหรือโดนภาษีในระดับเดียวกันหรือไม่มีภาษีเลย รถ Pickup จะแพงกว่ารถเก๋งครับ


แล้ว PPV ที่ขายกันปัจจุบันราคา 1.1M-1.7M มันไม่แพงไปเหรอ แต่ก่อนแค่ 8xxK เอง?
สมัยก่อน PPV เอามาขายนั้น เครื่องก็เป็น DI ธรรมดา 90hp อย่างมากก็มี Turbo มาลูกนึง 115hp
ABS ก็มีบ้างไม่มีบ้าง ข้างในเหมือนกระบะไม่มีผิด ช่วงล่างก็แหนบเด้งๆ เบาะหนังก็ต้องไปหุ้มเอง
ไม่น่าใช้งานเอาซะเลยถ้าบ้านไม่ได้มีถนนลูกรัง

ปัจจุบัน PPV มันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่เอาเฟรมกระบะมาใส่ Body ให้เป็นเก๋ง
แต่มันคือการพัฒนา SUV มีเฟรมที่อิง Platform บางส่วนจากกระบะเพื่อให้ต้นทุนมันถูกลง
เราจะเห็นว่ามันหรูหราขึ้น แตกต่างจาก Pickup อุปกรณ์ความปลอดภัย ABS/VSC/TRC Airbag มาเต็ม

ถ้าเทียบกับ Australia Fortuner เครื่อง GD2.8 รุ่นถูกสุดราคาพอๆกับ Aurion V6 3.5 รุ่นถูกสุดและแพงกว่า RAV4 นะครับ

ผมว่าราคาในไทยมันแพงเพราะภาษี (30% สำหรับเครื่องเล็กกว่า 3.25L) และราคามันสูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
และด้วยเหตุที่เรายังติดกับความรู้สึกว่า "มันคือเฟรมกระบะเอามาเปลี่ยนหัวมันต้องราคาถูกสิ"
เราเลยยังรู้สึกว่ามันแพงกว่า SUV ไม่มีเฟรม ทั้งๆที่รถ SUV ไม่มีเฟรมมันคือเอารถเก๋งบ้านๆราคา 6-7 แสนมายกสูง
แล้วตีป้ายราคาว่าล้านกว่า (กำไรโครตๆ)

เช่น HR-V คือรถขนาดตัวเท่า City เอามายกสูง
(OK ล่ะว่า body shape มันไม่ใช่ แต่ wheel base + body dimension มันใกล้เคียงกันมาก)
ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ เครื่องใหญ่อีกนิด จากราคา City 6 แสนเศษ HR-V กลับตั้งราคาเหยียบล้าน
เอารถขนาดพอๆกับ City มายกสูงขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้นอีกนิด ภายในดูจะดี แล้วขายราคาแพงขึ้นอีก 4-5 แสนเนี้ยนะ!?
ต้นทุนของสิ่งที่ยัดเพิ่มเข้าไปจาก City ให้กลายเป็น HR-V ยังไม่ถึง 2 แสนเลยด้วยซ้ำ (กำไรโครตๆ)

ถ้าเอา City มาวางเครื่อง 1.8 ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ แล้วขายราคา 9 แสนคงไม่มีคนซื้อ

แต่พอเราดู SUV มี Frame เช่น Prado เรากลับไม่รู้สึกว่ามันคือ PPV ที่ในความรู้สึกของเราบอกว่ามันควรจะถูกกว่านี้
ทั้งๆที่ Frame ช่วงด้านหน้ามันมาจาก Hilux ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Fortuner

ผมกลับมองว่า SUV ไม่มีเฟรมสิที่สมควรจะถูกลงกว่านี้ ชิ้นส่วนก็น้อยกว่า วิธีการประกอบก็เหมือนรถเก๋งบ้านๆ
ไม่ได้มี process การประกอบที่ซับซ้อนหรือมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมมากขึ้น แค่ suspension มันยกตัวสูงขึ้นแค่นั้นเอง
(แต่ที่มันต้องขายราคานี้เพราะ volume หรือยอดขายมันน้อย และอายุตลาดสั้น เลยต้องขายให้ margin สูงกว่า PPV)

ราคาชิ้นส่วนไม่ต่างกันเยอะขนาดนั้นหรอกครับ
อย่าลืมที่ว่าต้นทุนหลักของชิ้นส่วนใหญ่ๆ ก็คือค่าแม่พิมพ์ ถูกไหมครับ
ที่นี้เรามาคุยกันเรื่อง volume plan
PPV plan กันที่ ล้านชิ้น up
แต่ SUV plan เต็มที่ก็หลักแสน
สมมุติว่า ค่าแม่พิมพ์  1 ล้าน
ต้นทุนแม่พิมพ์ต่อชิ้นของ PPV = 1,000,000/1,000,000 = 1 บาทต่อชิ้น
ต้นทุนแม่พิมพ์ต่อชิ้นของ SUV = 1,000,000/100,000 = 10 บาทต่อชิ้น

ส่วนเรื่องชิ้นส่วน การประกอบ PPV อาจจะมากกว่า SUV แต่ ไลน์การประกอบ PPV สามารถใช้ร่วมกับ Pick up ได้
ทำให้มีแม่พิมพ์เฉพาะ เพียงแค่ 30 % เต็มที่
แต่ PPV ไม่สามารถใช้แม่พิมพ์ร่วมกับ รถเก่งได้

ส่วนชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง ถ้าเราจะเปรียบเทียบให้เป็นใกล้กันหน่อย
ก็ Everest กับ CX5 diesel ขับ 4 เหมือนกัน เพลาขับหน้าหลังเหมือนกัน ขนาดอาจจะต่างกัน
และก็เกี่ยวกับแม่พิมพ์ด้วยเหมือนกัน
PPV เครื่องยนต์เดียวกับ Pick up ปริมาณการผลิต 2 ล้าน ในกรณีของ Everest FTN  (ไม่ผิดหรอกครับ ยี่ห้อเจ้าตลาด คุยปริมาณกันระดับหลักล้าน )
SUV เครื่องยนต์อย่างมากก็รวมกับรถเก่ง แต่เต็มที่ก็ไม่เกิน 2 แสน แต่กรณี CX5 diesel ใช้รุ่นเดียว



ไหนจะ ภาษีอีก
PPV: Everest FTN 30%
SUV : CX5 2.2 diesel 40%

ยังไงผมก็คิดว่า รถ PPV ต้องถูกกว่า SUV เยอะครับ อย่างน้อยก็ต้องหลักแสน

คิดว่าเป็นการคำนวนที่ไม่ถูกต้องครับ
ตั้งต้นโดยให้แม่พิมพ์ราคาเท่ากันก็ไม่ใช่แล้ว
และการหารด้วย volume เป็นล้านขนาดนั้นคงมีแต่พวกเจ้าตลาดๆ
ค่ายทั่วไปไม่ได้มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น ดังนั้นตัวหารระหว่างรถไม่มีเฟรมกับรถ
มีเฟรมมันไม่ได้ห่างกันขนาดนั้น
ย่ำอีกนิดว่า การลงทุนสร้างโปรเจ็คกระบะกับpickup base suv
นี่คืองานช้างอภิมหากาฬโคตรลงทุนเลยครับ ที่เข้ามาทำๆ ก็ต้องพยายามขาย
ให้ได้ เอาให้รอด ส่วนค่ายที่ยังไม่เคยทำ ก็อยากทำ แต่ไม่กล้าพอ เพราะถ้าเจ๊งคือ
เสียหายสุดๆ พวกรถเก๋งเจ๊งนี่คือเราเห็นกันบ่อยๆ ค่ายรถไม่ค่อยสะท้านครับ
แต่ค่ายที่ทำพวก Body on frame นี่ ยังไงก็ต้องสู้ต่อไป เพราะลงทุนไปเยอะแล้ว
อีกอย่างคือ part ของรถพวกนี้ต้นทุนก็ต้องไปอยู่ที่ความทนถึกด้วย
เพราะถ้าไม่ทนกว่าปกติ เกิดต้องเคลม part มีปัญหาเป็น lot มโหฬารจะขาดทุนเอา
รถต้องทน ใช้งานหนักได้ดีกว่าพวก crossover ปกติ
แต่เราๆ ท่านๆ มักสับสน เมื่อเห็นการขับขี่ที่ทรงตัวดีกว่า และ option หรูมีมากกว่า
แล้วคิดว่า พวก crossover suv ต้นทุนสูง ที่จริง option พวกนั้นก็ผลิตมาเป็น
สหกรณ์ไว้ใช้ร่วมกันกับรถในค่าย และแชร์ใช้กันไปทั่วโลก
นี่คือความจริง
โปรเจ็ครถเก๋ง รถ Crossover SUV พื้นฐานเก๋ง ผมเห็นใช้วิศวกรคุมโปรเจ็คไม่กี่คน
แต่ถ้าเป็นพวก pick up / SUV based on pick up นี่ต้องเกณฑ์คนมาทำเป็นทีมใหญ่เลย
เพราะ part มากกว่ามาก งานหนักกว่า หินกว่า ข้อผิดพลาดสูงกว่า และเหล่าผู้บริหารลุ้น
กันตัวโก่งกับโปรเจ็คมากโคตรๆ เรื่องนี้ถ้าคุณไม่ได้ทำงานในวงการผลิตรถ คุณไม่รู้หรอก สื่อ นักข่าวยานยนต์ก็ไม่น่าจะรู้

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
มาแชร์กันเยอะๆครับ รออ่าน

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,431
Cost ที่จะทำรถขึ้นมาคันนึง ไม่ได้มีแค่ต้นทุนการผลิต การประกอบนะครับ

มีการพัฒนาด้วย มีค่าจ้างพนักงานอีก คชจ ในการดำเนินงานอีก

แล้วทุกอย่าง ก็จะมาถูกบวกลงไปในราคารถในตอนหลัง ไหนจะมาโดนภาษีแพงๆอีก ทำให้ราคารถบ้านเราแพง

ลองถามคนทำบริษัทรถสิครับ ไหนว่ารถขายไม่ดีๆๆๆ ทำไมยังได้ โบนัสกัน 6 เดือน 8 เดือนอีก

ออฟไลน์ kail

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 31
ต้นทุนการผลิต PPV กับ SUV อันไหนแพงกว่ากัน?
ต้นทุนการผลิตของ SUV แบบมีเฟรมหรือที่เมืองไทยเรียกว่า PPV สูงกว่า SUV แบบไม่มีเฟรมครับ
เฟรมที่เพิ่มขึ้นมา เพลาขับหน้า เพลาขับหลัง เพลากลาง Transfer ฯลฯ
ต้นทุนค่าแรงในการประกอบชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเลยทำให้ต้นทุนมันแพงกว่า

แล้วที่ว่า PPV ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup แล้วไม่ทำให้ต้นทุนถูกลงเหรอ?
ผมอยากจะพูดว่า ถ้า PPV ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup มันจะแพงกว่านี้อีกเยอะจนซื้อกันไม่ลง

PPV ที่ผลิตในไทยใช้พื้นฐาน (Platform) เดียวกับรถกระบะ
ชิ้นส่วนใช้ร่วมกันเยอะ volume รวมที่เยอะขึ้น ราคาชิ้นส่วนต่อชิ้นลดลง อันนี้เป็นความจริง
แต่ราคาที่มันลดลงไม่ได้ลดกันแบบ 50% เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนของ SUV นะครับ
และเราต้องไม่ลืมความเป็นจริงที่ว่าปริมาณชิ้นส่วนของ PPV
มันเยอะกว่าปริมาณชิ้นส่วนของ SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยยะ
โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญที่มีราคาค่าตัวคือ Frame, Rr Axle, Propeller Shaft
ที่ยังคงเป็นต้นทุนหลักที่ทำให้ PPV ราคาสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยะ
ทั้งต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา ต้นทุนในการจัดทำเครื่องจักรและแม่พิมพ์ ตัวโรงงาน และต้นทุนในการผลิตอื่นๆ

Frame ของ PPV สมัยใหม่ไม่ได้ก๊อบมาทั้งยวงจาก Pickup แบบ PPV สมัยโบราณแล้ว
ส่วนหน้าของเฟรมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเครื่องยนต์อาจจะเหมือนกันแต่ก็เหมือนไม่หมด
แถม Rr Suspension มันต่างและใช้ทีมออกแบบคนละทีม

อีกประการ PPV ส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ Diesel Common Rail
ที่ปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตประมาณ 100K-120K ต่อเครื่อง
เมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรมส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
ที่มีต้นทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 40-60K ต่อเครื่อง นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ PPV ต้นทุนสูงกว่า
(Diesel E/G ซับซ้อนกว่า Otto E/G แบบมีนัยยะ
แม้ว่า Otto E/G สมัยใหม่มันจะมีระบบ valve ที่ซับซ้อน แต่ก็ยังไม่ปวกกระโหลกเท่า Common Rail)

Transmission ก็เป็นอีกส่วนที่ต้นทุนต่างกัน หลักการทำงาน ความซับซ้นอาจจะพอๆกัน
แต่ PPV รองรับการใช้งานที่หนักกว่า SUV และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก

นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนค่าแรงในการประกอบ PPV มันยังสูงกว่า SUV (ก็ชิ้นส่วนมันเยอะกว่านิ)
ทำให้ต้นทุนโดยรวมในการผลิต PPV มันเลยยังสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมอยู่ดี

สำหรับขิ้นส่วนของตัวถังกับภายในห้องโดยสารระหว่าง PPV กับ SUV พอๆกันครับก็จริง
แต่ PPV มี body ใหญ่กว่า SUV อย่าที่เราเห็น die ที่ใช้ขึ้นรูปขนาดใหญ่กว่า เหล็กที่ต้องใช้เยอะกว่า
ED, Primer, Top Coat, Clear ใช้ปริมาณที่ต้องพ่นเยอะกว่า body SUV
บางยี่ห้อออกแบบให้ใช้ Console คนละแบบกับ Pickup ด้วย นี่ยิ่งทำให้ต้นทุน PPV แพงขึ้น


แล้วต้นทุนในการพัฒนา PPV กับ SUV ล่ะ อันไหนสูงกว่ากัน?
PPV เป็นรถมี Frame ต้นทุนในการพัฒนาสูงกว่ารถไม่มีเฟรมครับ นั่นคือหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมรถเก๋งบ้านๆเลยเป็นรถไม่มีเฟรม
เพราะต้นทุนการพัฒนา และต้นทุนการผลิตมันถูกกว่า เปลี่ยนโมเดลได้บ่อยๆทุกๆ 4-6 ปี
แต่สำหรับรถมีเฟรมเราจะพบว่าแค่ละยี่ห้อจะลากขายกัน 8-12 ปีก่อนจะเปลี่ยน
เพื่อให้หารกันต่อหน่วยแล้วมันคุ้มที่จะทำ เพราะต้นทุนการพัฒนา Chassis มันสูงแบบไม่ธรรมดา

หรือถ้ามันไม่ได้ลากขายกันยาวๆก็จะไม่เปลี่ยน Frame บ่อยๆเพื่อที่จะไม่ต้องเสียต้นทุนพัฒนา Chassis อีก

ส่วนการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆที่ติดเข้าไปนั้น แต่ก่อน PPV อาจจะไม่ค่อยมีอะไรเมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรม
แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไป PPV มันมีอุปกรณ์ที่รถเก๋งมี ดังนั้น จะพูดว่า SUV ไม่มีเฟรมมีค่าพัฒนาสูงกว่าเพราะมี option มากกว่า
สมัยนี้คงพูดได้ไม่ค่อยเต็มปากครับ


แล้วทำไม Pickup ก็มีเฟรมไม่แพงกว่ารถเก๋งบ้านๆล่ะ รถมีเฟรมต้นทุนสูงกว่าไม่ใช่เหรอ?
ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตรถ Pickup บ้านเราอยู่ในระดับ 3%-15% เลยทำให้ราคามันพอๆกับรถเก๋ง B Segment (ภาษี 25%-30%)
ถ้าจะเอากันจริงๆให้ Pickup โดนภาษีโครงสร้างเดียวกันกับรถเก๋ง รุ่นถูกสุดจะกลายเป็นราคาประมาณ 600-700K (ตอนนี้ราวๆ 4xx-5xxK)
ส่วนรุ่น Top จะราคาราวๆ 1.3-1.4M <--- ไปซื้อ D-Segment ดีกว่ามั้ย???
สรุปก็คือ ถ้าไม่มีภาษีสรรพสามิตมาบิดเบือนหรือโดนภาษีในระดับเดียวกันหรือไม่มีภาษีเลย รถ Pickup จะแพงกว่ารถเก๋งครับ


แล้ว PPV ที่ขายกันปัจจุบันราคา 1.1M-1.7M มันไม่แพงไปเหรอ แต่ก่อนแค่ 8xxK เอง?
สมัยก่อน PPV เอามาขายนั้น เครื่องก็เป็น DI ธรรมดา 90hp อย่างมากก็มี Turbo มาลูกนึง 115hp
ABS ก็มีบ้างไม่มีบ้าง ข้างในเหมือนกระบะไม่มีผิด ช่วงล่างก็แหนบเด้งๆ เบาะหนังก็ต้องไปหุ้มเอง
ไม่น่าใช้งานเอาซะเลยถ้าบ้านไม่ได้มีถนนลูกรัง

ปัจจุบัน PPV มันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่เอาเฟรมกระบะมาใส่ Body ให้เป็นเก๋ง
แต่มันคือการพัฒนา SUV มีเฟรมที่อิง Platform บางส่วนจากกระบะเพื่อให้ต้นทุนมันถูกลง
เราจะเห็นว่ามันหรูหราขึ้น แตกต่างจาก Pickup อุปกรณ์ความปลอดภัย ABS/VSC/TRC Airbag มาเต็ม

ถ้าเทียบกับ Australia Fortuner เครื่อง GD2.8 รุ่นถูกสุดราคาพอๆกับ Aurion V6 3.5 รุ่นถูกสุดและแพงกว่า RAV4 นะครับ

ผมว่าราคาในไทยมันแพงเพราะภาษี (30% สำหรับเครื่องเล็กกว่า 3.25L) และราคามันสูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
และด้วยเหตุที่เรายังติดกับความรู้สึกว่า "มันคือเฟรมกระบะเอามาเปลี่ยนหัวมันต้องราคาถูกสิ"
เราเลยยังรู้สึกว่ามันแพงกว่า SUV ไม่มีเฟรม ทั้งๆที่รถ SUV ไม่มีเฟรมมันคือเอารถเก๋งบ้านๆราคา 6-7 แสนมายกสูง
แล้วตีป้ายราคาว่าล้านกว่า (กำไรโครตๆ)

เช่น HR-V คือรถขนาดตัวเท่า City เอามายกสูง
(OK ล่ะว่า body shape มันไม่ใช่ แต่ wheel base + body dimension มันใกล้เคียงกันมาก)
ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ เครื่องใหญ่อีกนิด จากราคา City 6 แสนเศษ HR-V กลับตั้งราคาเหยียบล้าน
เอารถขนาดพอๆกับ City มายกสูงขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้นอีกนิด ภายในดูจะดี แล้วขายราคาแพงขึ้นอีก 4-5 แสนเนี้ยนะ!?
ต้นทุนของสิ่งที่ยัดเพิ่มเข้าไปจาก City ให้กลายเป็น HR-V ยังไม่ถึง 2 แสนเลยด้วยซ้ำ (กำไรโครตๆ)

ถ้าเอา City มาวางเครื่อง 1.8 ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ แล้วขายราคา 9 แสนคงไม่มีคนซื้อ

แต่พอเราดู SUV มี Frame เช่น Prado เรากลับไม่รู้สึกว่ามันคือ PPV ที่ในความรู้สึกของเราบอกว่ามันควรจะถูกกว่านี้
ทั้งๆที่ Frame ช่วงด้านหน้ามันมาจาก Hilux ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Fortuner

ผมกลับมองว่า SUV ไม่มีเฟรมสิที่สมควรจะถูกลงกว่านี้ ชิ้นส่วนก็น้อยกว่า วิธีการประกอบก็เหมือนรถเก๋งบ้านๆ
ไม่ได้มี process การประกอบที่ซับซ้อนหรือมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมมากขึ้น แค่ suspension มันยกตัวสูงขึ้นแค่นั้นเอง
(แต่ที่มันต้องขายราคานี้เพราะ volume หรือยอดขายมันน้อย และอายุตลาดสั้น เลยต้องขายให้ margin สูงกว่า PPV)

ราคาชิ้นส่วนไม่ต่างกันเยอะขนาดนั้นหรอกครับ
อย่าลืมที่ว่าต้นทุนหลักของชิ้นส่วนใหญ่ๆ ก็คือค่าแม่พิมพ์ ถูกไหมครับ
ที่นี้เรามาคุยกันเรื่อง volume plan
PPV plan กันที่ ล้านชิ้น up
แต่ SUV plan เต็มที่ก็หลักแสน
สมมุติว่า ค่าแม่พิมพ์  1 ล้าน
ต้นทุนแม่พิมพ์ต่อชิ้นของ PPV = 1,000,000/1,000,000 = 1 บาทต่อชิ้น
ต้นทุนแม่พิมพ์ต่อชิ้นของ SUV = 1,000,000/100,000 = 10 บาทต่อชิ้น

ส่วนเรื่องชิ้นส่วน การประกอบ PPV อาจจะมากกว่า SUV แต่ ไลน์การประกอบ PPV สามารถใช้ร่วมกับ Pick up ได้
ทำให้มีแม่พิมพ์เฉพาะ เพียงแค่ 30 % เต็มที่
แต่ PPV ไม่สามารถใช้แม่พิมพ์ร่วมกับ รถเก่งได้

ส่วนชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง ถ้าเราจะเปรียบเทียบให้เป็นใกล้กันหน่อย
ก็ Everest กับ CX5 diesel ขับ 4 เหมือนกัน เพลาขับหน้าหลังเหมือนกัน ขนาดอาจจะต่างกัน
และก็เกี่ยวกับแม่พิมพ์ด้วยเหมือนกัน
PPV เครื่องยนต์เดียวกับ Pick up ปริมาณการผลิต 2 ล้าน ในกรณีของ Everest FTN  (ไม่ผิดหรอกครับ ยี่ห้อเจ้าตลาด คุยปริมาณกันระดับหลักล้าน )
SUV เครื่องยนต์อย่างมากก็รวมกับรถเก่ง แต่เต็มที่ก็ไม่เกิน 2 แสน แต่กรณี CX5 diesel ใช้รุ่นเดียว



ไหนจะ ภาษีอีก
PPV: Everest FTN 30%
SUV : CX5 2.2 diesel 40%

ยังไงผมก็คิดว่า รถ PPV ต้องถูกกว่า SUV เยอะครับ อย่างน้อยก็ต้องหลักแสน

คิดว่าเป็นการคำนวนที่ไม่ถูกต้องครับ
ตั้งต้นโดยให้แม่พิมพ์ราคาเท่ากันก็ไม่ใช่แล้ว
และการหารด้วย volume เป็นล้านขนาดนั้นคงมีแต่พวกเจ้าตลาดๆ
ค่ายทั่วไปไม่ได้มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น ดังนั้นตัวหารระหว่างรถไม่มีเฟรมกับรถ
มีเฟรมมันไม่ได้ห่างกันขนาดนั้น
ย่ำอีกนิดว่า การลงทุนสร้างโปรเจ็คกระบะกับpickup base suv
นี่คืองานช้างอภิมหากาฬโคตรลงทุนเลยครับ ที่เข้ามาทำๆ ก็ต้องพยายามขาย
ให้ได้ เอาให้รอด ส่วนค่ายที่ยังไม่เคยทำ ก็อยากทำ แต่ไม่กล้าพอ เพราะถ้าเจ๊งคือ
เสียหายสุดๆ พวกรถเก๋งเจ๊งนี่คือเราเห็นกันบ่อยๆ ค่ายรถไม่ค่อยสะท้านครับ
แต่ค่ายที่ทำพวก Body on frame นี่ ยังไงก็ต้องสู้ต่อไป เพราะลงทุนไปเยอะแล้ว
อีกอย่างคือ part ของรถพวกนี้ต้นทุนก็ต้องไปอยู่ที่ความทนถึกด้วย
เพราะถ้าไม่ทนกว่าปกติ เกิดต้องเคลม part มีปัญหาเป็น lot มโหฬารจะขาดทุนเอา
รถต้องทน ใช้งานหนักได้ดีกว่าพวก crossover ปกติ
แต่เราๆ ท่านๆ มักสับสน เมื่อเห็นการขับขี่ที่ทรงตัวดีกว่า และ option หรูมีมากกว่า
แล้วคิดว่า พวก crossover suv ต้นทุนสูง ที่จริง option พวกนั้นก็ผลิตมาเป็น
สหกรณ์ไว้ใช้ร่วมกันกับรถในค่าย และแชร์ใช้กันไปทั่วโลก
นี่คือความจริง
โปรเจ็ครถเก๋ง รถ Crossover SUV พื้นฐานเก๋ง ผมเห็นใช้วิศวกรคุมโปรเจ็คไม่กี่คน
แต่ถ้าเป็นพวก pick up / SUV based on pick up นี่ต้องเกณฑ์คนมาทำเป็นทีมใหญ่เลย
เพราะ part มากกว่ามาก งานหนักกว่า หินกว่า ข้อผิดพลาดสูงกว่า และเหล่าผู้บริหารลุ้น
กันตัวโก่งกับโปรเจ็คมากโคตรๆ เรื่องนี้ถ้าคุณไม่ได้ทำงานในวงการผลิตรถ คุณไม่รู้หรอก สื่อ นักข่าวยานยนต์ก็ไม่น่าจะรู้
+1 ครับ

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
ต้นทุนมันพูดยากนะครับ ถ้าเอา Part by part ยังไงๆ PPV ก็สูงกว่า
แต่พอ Cal. ออกมาในแง่ของการผลิตรถยนต์ 1 คัน

ถ้าสมมุติ ผมเอา CRV เทียบกับ FTN
ในแง่ของต้นทุนอะไหล่ FTN มีมูลค่าสูงกว่าแน่ๆ ทั้งเครื่อง เกียร เพลา วัสดุ
แต่พอคิดเป็น per unit อาจจะพอๆกัน เนื่องจากต้นทุนการพัฒนาและการ souring

บังเอิญว่ารถยนต์สมัยนี้ใช้ part ร่วมกัน สร้างบนพื้นฐานร่วมกันเยอะพอสมควร
CRV สร้างบน Civic ใช้เครื่อง Civic บ้าง Accord บ้าง
นอกจากใช้ร่วมกันได้แล้ว ต้นทุนเครื่องเบนซินยังถูกกว่าดีเซลมาก

ในส่วนของ Overhead cost ทั้งหลาย คงต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของโรงงาน
ว่าจะจัดสรรให้ลดลงได้มากน้อยขนาดไหน
บางที ต้นทุนสูง แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆต่ำ Defect น้อย พอ Allocate เข้ามา กลายเป็นพอๆกัน

ออฟไลน์ jkdragon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 178
กระทู้นี้เยี่ยมครับ โดยเฉพาะข้อมูลที่คุณ veturilo นำมาตอบ ถ้าเป็นข้อมูลจริงที่มาจากผู้ผลิตรถยนต์ ถือว่าตอบข้อสงสัยได้กระจ่างมากครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 23, 2016, 09:05:15 โดย jkdragon »