ผู้เขียน หัวข้อ: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( MB หรือ BMW ) ของท่านมนุษย์เงินเดือน ( พันธ์ุแท้ )  (อ่าน 16565 ครั้ง)

ออฟไลน์ Super hornet

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,141
  • Hello everyone 我是爱车的人
    • อีเมล์
ถ้าไม่ได้เน้นว่าต้องเป็นป้ายแดง รถยุโรปมือสองเป็นทางเลือกที่ดีครับ ขอได้รถดีๆมา สมรรถนะ ระบบต่างๆก็ยังเหมือนรถใหม่อยู่ครับ
อะไหล่บางตัว ถ้าศึกษาข้อมูลคันนั้นดีๆ เดินอะไหล่เองบางรายการถูกกว่า D segmentของฝั่งญี่ปุ่นอีกครับ

ส่วนขอภรรยายังไง อันนี้แฟนผมนางเป็นคนชอบรถครับ ก็เลยไม่ต้องดิ้นรนอะไรนางพาไปดูเองเลยครับ
History of my car
2013 Lamborghini LP570-4 Superleggera For me
2006 Benz E200 Kompressor +Kleemann For wife
2008 Maserati Granturismo 4.2  For wife,me
2009 Jaguar XF 3.0 For sister
2014 Range Rover Evoque 2.2 Sold...
2009 Benz CL 500 second hand  Sold....
2001 Lexus GS300  Sold....

ออฟไลน์ flybigbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,564
ถ้ามีหลังหักค่าใช้จ่ายและแบ่งเก็บแล้วเหลือเดือนล่ะ 2แสนบาทต่อเดือนก็ถอยเถอะครับ แต่ถ้าไม่ถึง ก็เอารถต่ำลงมาก็ได้ครับ

คันละไม่เกิน 2 ล้านบาท น่าจะใช้ได้หลายปีอยู่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องตกรุ่นนะครับ


ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,427
คิดดีๆก่อนครับ หักค่าใช้จ่ายจำเป็น ค่ากินค่าอยู่ ก่อน แล้วดูว่าเหลือพอมั๊ย ถ้าตึงๆ อย่าเพิ่งเลยครับ เกิดไรขึ้นมา จะเหนื่อย

ผมค่อนข้างจะเห็นด้วยกับ comment แรกๆ ด้านบน ที่ว่า ถ้า จขกท เกิดคำถามนี้ในใจ แสดงว่าเงินอาจจะมีพอ แต่ไม่ได้มีเหลือเฟือ

ภรรยาผมก็บอกว่า ผมผ่อนพวก 3-series / c-class ได้สบายๆ ทำไมไม่ซื้อบ้าง ผมบอกว่าผมอยากอยู่อย่างสบายๆ ไม่ต้องเครียดเรื่องเงิน

ผมอาจจะบ้ารถ แต่ผมไม่ได้บ้าซื้อรถนะครับ 55555

ออฟไลน์ axister

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,188
เคยอ่านผ่านๆ มีสมาชิกท่านนึงเคยคำนวณไว้ให้ครับว่า คชจ เป็นแบบไหน

สำหรับตัวผมไม่มีลูก มีภาระแค่บ้าน ผ่อนทุกอย่าง หักคชจ ประจำในแต่ละเดือนแล้วเหลือราวๆ 4หมื่นครับ เลยหักไปให้ผ่อนรถ

จริงๆผมคิดว่ามันไม่มีกฎตายตัวหรอกครับ การใช้เงินแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเหลือเป็นแสนก็ยังไม่พอจะผ่อนรถพรีเมียมครับ เพราะมันเป็นของสิ้นเปลือง เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า

ถ้ายังกังวลคิดไม่ตกก็ไม่แนะนำให้ซื้อครับ แต่บางคนก็ต้องเจ็บก่อนถึงจะเข้าใจ ถ้าใจมันไปแล้วก็ซื้อรุ่นที่มันขายต่อง่ายๆราคาไม่ตกละกัน

ออฟไลน์ Activehybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,554
ผมชอบรถเก๋งมาก ยิ่ง GLA / 3Series นี่ ราคาไม่ไกลเกินฝัน แต่อีกใจใช้รถคันละล้านหน่อยๆยังเสียดายตังอยู่เลย

เงินเดือนรวมกับภรรยา 180,000 บาท มีภาระบ้าน ลูก

ถ้าอีก 8ปีลูกเรียนจบ บ้านผ่อนหมด อาจจะลองสักครั้ง แต่คงแก่แล้วและก็อาจจะความคิดเปลี่ยน

ออฟไลน์ secrecyguy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,744
  • 3.2plus
ถ้าจะขับ bmw s3 ตอนนี้ลด3เเสน ก็ดาวน์สักล้าน ผ่อนราวเดือนละ30,000บาท 60เดือน ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่มากมายอะไร

ส่วนการขอภรรยาซื้อแบบไหนให้ได้คำอนุญาต คุณลองบริหารเงินให้เป็นสัดส่วนดู ให้ภรรยาเห็นว่าเงินที่คุณจัดการ มันมีส่วนที่ออมเยอะพอสมควร ส่วนที่ใช้ ส่วนที่เก็บ ส่วนที่ใช้เพื่อซื้อรถ ผมคิดว่าภรรยาคุณน่าจะพอใจได้

ผมคุมส่วนผ่อนรถไม่เกิน40,000ต่อเดือน ภรรยาผมก็โอเคนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 13, 2016, 19:18:36 โดย secrecyguy »

ออฟไลน์ Mr.Joe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 441
ขึ้นกับการวางแผนการเงินครับ
ผมใช้สูตรง่ายๆว่าถ้าจะซื้ออะไรฟุ่มเฟือย เช่นรถ กระเป๋า ต้องมีเงินสดเตรียมไว้แล้ว 10 เท่าของมูลค่าของ
เงินสดที่ว่า ต้องเหลือหลังจากภาระอื่นๆแล้ว ดูแลพ่อแม่ ช่วยเหลือสังคม สัตว์ป่า เด็กพิการ หักต่อด้วยการวางแผนอนาคต การศึกษาลูก เจ็บป่วย เผื่อเศรษฐกิจร่วง และการลงทุนอื่นๆ เช่นหุ้น อสังหา
ปัจจุบันใช้ E 1 คัน C 1 คัน Harrier 1 คัน Civic 1 คัน ก็คิดจากสูตร 10 เท่านี้เสมอ ถ้าวันนึงมีเงินน้อยลง ผมก็โอเคถ้าจะต้องใช้ Suzuki Swift ถ้ารวยกว่านี้ ก็ขอ 911 GT3 ซักคันนะ ขอเน้นว่าทำอะไรอย่าให้เป็นภาระ อย่าให้สิ่งของมาเป็นนายครับ

ออฟไลน์ meeuwarn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
คหสต ถ้าไม่เงินเหลือๆ ก็อย่าเลยครับ :)

ไม่ได้จำเป็นอะไรกับชีวิต

ถ้าคุณเงินเหลือ 5-7 ปี มันเก่าแล้วก็เปลื่ยน สบายๆ แต่ถ้าต้องมานั่งหาเงิน ดาวน์ เก็บเงินผ่อน อย่าดีกว่า
รถเสียขึ้นมา อะไหร่แพงตามราคารถครับ :'(

ผมคิดว่า d segment ญี่ปุ่น ก็เพียงพอแล้ว กว้างขวาง นั่งสบาย ถ้าไม่ได้ขับเร็วจนต้องการความแรงและช่วงล่างที่ดีมากๆ ::)
ถ้าเลือกถูกยี่ห้อ ทนด้วย ผมขับปีละหมื่นโล 8 ปี ยังไม่มีอะไรพัง ;D

แต่พอมี เรื่อง เจนภพ ซื่งชน ฮ้อแสงชัย :'( ผมต้องมานั่งคิดหนักๆเลยว่า งัดเงินในธนาคาร มาซื้อ volvo ซักคันดีไหม :-\

ออฟไลน์ meeuwarn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
ขึ้นกับการวางแผนการเงินครับ
ผมใช้สูตรง่ายๆว่าถ้าจะซื้ออะไรฟุ่มเฟือย เช่นรถ กระเป๋า ต้องมีเงินสดเตรียมไว้แล้ว 10 เท่าของมูลค่าของ
เงินสดที่ว่า ต้องเหลือหลังจากภาระอื่นๆแล้ว ดูแลพ่อแม่ ช่วยเหลือสังคม สัตว์ป่า เด็กพิการ หักต่อด้วยการวางแผนอนาคต การศึกษาลูก เจ็บป่วย เผื่อเศรษฐกิจร่วง และการลงทุนอื่นๆ เช่นหุ้น อสังหา
ปัจจุบันใช้ E 1 คัน C 1 คัน Harrier 1 คัน Civic 1 คัน ก็คิดจากสูตร 10 เท่านี้เสมอ ถ้าวันนึงมีเงินน้อยลง ผมก็โอเคถ้าจะต้องใช้ Suzuki Swift ถ้ารวยกว่านี้ ก็ขอ 911 GT3 ซักคันนะ ขอเน้นว่าทำอะไรอย่าให้เป็นภาระ อย่าให้สิ่งของมาเป็นนายครับ

สูตรเดียวกันครับ แต่พี่รวยกว่าผม ;D

รถ ไม่เกิน 10% ของเงินเก็บ
ประกันชีวิต+ สุขภาพ10%
หุ้น 10% (ไม่เก่งครับ เล่นขำๆ ไว้คุยกับเพื่อนๆ)

แบ่งเงินเป็นก้อนๆ  คนข้างหลังจะได้สบาย 8)

ออฟไลน์ TRcdi

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 670
เป็นกระทู้ที่มีสาระและได้มุมมองความคิดดีๆ  ชอบๆ

ผมทำงานอิสระ ไม่มีเงินเดือน  การใช้จ่ายค่อนข้าง
สะเปะสะปะ    คงต้องวางแผนการเงิน เสมือนเรามี
รายได้ประจำดูบ้าง  เพื่ออนาคตที่มั่นคง ...มุ่งมั่นๆ

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,231
    • อีเมล์
อยากได้ GLA หรือ 320i ป้ายแดง อยู่นะครับ

ณ ตอนนี้ ขายญี่ปุ่นที่ใช้อยู่ เอาไปดาวน์ GLA / 320i สบายๆครับ ผ่อนไม่หนักด้วย ด้วยเงินเดือน ยังไงก็จัดไฟแนนซ์ผ่าน แต่สิ่งที่ห่วงคือ ค่าซ่อมนั่นแหละ ... ซื้อรถคันละ 2 ล้าน คงไม่หวังแค่ หมด warranty แล้วขายใช่ไหม ?

นั่นแหละที่กลัว กลัวไม่มีปัญญาจ่าย ยิ่งนิสัยผม ไม่ชอบขับรถพิการด้วย มีนิด มีหน่อย ก็ต้องซ่อมทันที

คิดไป คิดมา ... ขับญี่ปุ่นเก่าๆต่อไปดีกว่า สบายใจ ยังไงก็มีตังค์ซ่อมมัน

ออฟไลน์ sakano

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 357
ถ้าสามารถซื้อ D segment japan ได้
ก็สามารถซื้อ BMW S3 หรือ MB C klass ได้ครับ

เด่วนี้ คนเปลี่ยนไปซื้อเยอะครับ
ผ่อนต่างกันไม่มาก
ตำแหน่งคนขับ หรือคนนั่งหน้า ก็สบายพอๆกัน

ออฟไลน์ Akara

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 286
    • อีเมล์
อยากให้ลองคิดอย่างนี้ครับ. ถ้าซื้อแล้วยังไม่มีความสามารถเปลี่ยนรถ ในอีก4-5ปีข้างหน้า แนะนำให้เลิกคิดครับ ในหมู่บ้านเห็นหลายคนแล้ว พ้น5ปีไปแล้วสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหวเปลี่ยนกลับมาใช้รถญี่ปุ่นเหมือนเดิม ถึงสู้ไหว ถ้าพรีเมียมแต่เป็นรถปีเก่าๆผมไม่ค่อยให้เครดิตสักเท่าไหร่ครับ

สุดท้ายถ้าอยากใช้รถพรีเมี่ยมจริงๆในขณะที่อายุน้อยๆ แนะนำให้ออกมาทำธุรกิจเอง มนุษย์เงินเดือนกับรถพรีเมียมผมว่ามันเกินตัวไปหน่อย ในความคิดเห็นของผมนะครับ

ออฟไลน์ Nikle_pk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,678
ตอบในฐานะของคนที่ใช้อยู่
แต่ผมทำธุรกิจส่วนตัวนะครับ
รถ Premium มันก็ไม่ได้ดีอะไรมากนะครับ
บางอย่างรถญี่ปุ่นยังทำได้ดีกว่าเลยครับ
ได้แค่ภาพลักษณ์เท่านั้น ไม่สำคัญเท่าตังค์ในกระเป๋า
ผมขับ E300AMG ไป รปภ.หาที่จอดให้ก็จริงอยู่
แต่ถ้าวันไหนขับ Nissan march ไป แล้วเปิดกระจก
บอก รปภ.ให้หาที่จอดให้ จ่าย 50-80 บาท รปภ.
เค้าก็หาที่จอดให้เหมือนกันครับ

ผมแค่อยากจะบอกว่า ถ้ามันเป็นฝันก็ซื้อตามฝัน
แต่ถ้าไม่ใช่ฝัน กลายเป็นฝืน ก็อย่าเลยครับ ลำบาก
ตัวเองเปล่าๆ รถ ญี่ปุ่น ดีๆมีถมเถ ไปครับ
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0

ออฟไลน์ jztang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,721
  • Born To Race
ครับ คงไม่แนะนำอะไรมาก จัดสรรค์ปันส่วนดีๆก็พอครับ ประเทศเรายิ่งตอนนี้ไม่อยู่บนพื้นฐานความแน่นอนของเศรษฐกิจ ก็ยิ่งเกิดความเสี่ยง สู้ๆครับ ขอให้ได้รถที่ตั้งใจ หมายปองไว้  ;)

ออฟไลน์ yumenowinds

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 226
    • อีเมล์
สำหรับมนุษย์เงินเดือนธรรมดาแบบผม

ผมว่ารถยนต์ช่วงราคาที่ดีที่สุดคือช่วง 1-1.5 ล้าน เกินนั้นไป ถ้าไม่ได้รวยมากๆ

ถือว่าเป็นภาระหนักเอาการเลย

ออฟไลน์ KaIaK118

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 363
สมมุติ คิดว่าพอซื้อไหวได้แล้ว

อยากให้มองในเรื่อง ของค่าใช้จ่ายประจำปีสำหรับรถ กับ ค่าบำรุงรักษาด้วยนะครับ
บางคนคิดว่าซื้อไหว ก็ซื้อไหวจริงๆแหละครับ แต่รถมันมีค่าใช้จ่าย + ค่าเสื่อมราคา และเจออะไหล่บางตัวก็จุกได้

ค่าอะไหล่บำรุงรักษา (ปั๊มน้ำพัง พี่โต 3,xxx พร้อมเปลี่ยน  // bmw ปั๊มน้ำ 2x,xxx )
ค่าประกันชั้น 1 ก็ไม่ใช่ถูก จะให้ไปทำชั้น 3 เกิดเจออุบัติเหตุแรงๆ ค่าซ่อมก็อ่วม

ออฟไลน์ Untouchable

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 608
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สอนได้ดีเลยครับ หลายอย่างที่ผมอยากบอกท่านสมาชิกอื่นๆได้บอกไปหมดแล้วข้างต้น  ถ้าดูเรื่องค่าใช้จ่ายรายเดือนแล้วเงินเหลือพอที่จะเล่นแบบไม่ตึงมือ จะลองดูก็ได้ครับทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง

ผู้ใหญ่ที่ผมนับถือเหมือนพ่อคนที่2แก่ค้าขายเหล็ก แก่ขายเหล็กได้วันละ1ล้านได้ แก่ยังขับแคมรี่นอนบ้านห้องแถว2หัองอยู่เลยครับ ใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ ผมยังเคยถามเลยว่าทำไมไม่ซื้อรถยุโรปขับ แก่ตอบผมว่า "กูชอบแบบนี้" ทุกวันนี้แก่วางมือให้ลูกๆทำหมด หันมามีความสุขกับการทำบุญไปเรื่อย

ออฟไลน์ keamgladnan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 357
รถราคา 10% ของเงินเก็บก็ตึงไปครับ
แปลว่ามีเงินสด 5 ล้านนี่ยังซื้อได้แค่ eco car สิ

ถ้ารวมที่ดินทรัพสินด้วยอันนี้อะเห้นด้วย  แต่ถ้านับเงินสดอย่างเดียวนี่น่าจะน้อยคนที่ทำได้
รถราคาซัก 20-30% ของเงินเก็บอันนี้นี่กำลังสวย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 14, 2016, 14:30:03 โดย keamgladnan »

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,631
ผมก็ชอบเรื่องรถนะ บ้าเรื่องรถเหมือนผู้ชายทั่ว ๆ  ไป ฝันว่าอยากทำงานในโรงงานเกี่ยวข้องกับรถไปตลอด 
แต่พอได้มาทำจริง ๆ ที่แรก ๆ ที่ต่อมาเกียวกับ Maker ชิ้นส่วนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์  ความอยากมันชักน้อยลงเรื่อย ๆ  สุดท้ายมันเริ่มเบื่องานตามประสามนุษย์เงินเดือน     งานในโรงงานประกอบรถถ้าคนที่ไม่ได้ชอบแบบหลงใหลกันสุดสุดคงยากที่จะบอกไม่เบื่อ   
ทุกวันนี้เห็นรถแล้วเฉย ๆ ตามอายุที่เริ่มแก่มากขึ้นไม่ได้บ้ารถเหมือนอย่างเคย   

รถยนต์พรีเมี่ยมกับการเป็นมนุษย์เงินเดือน ผมว่าเงินเดือนคนนั้นต้องเยอะพอสมควรก็คือน่าจะมีหลักแสนแล้วรายจ่ายคำณวนแล้วมีรายเหลือที่เพียงพอ  ไม่งั้นจะตึงเกินไปหน่อย     แต่ถ้าเป็นคนทำธุรกิจส่วนตัวการซื้อคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนัก       พอดีผมได้มีโอกาสทำทั้ง 2 อย่างคู่กันเลยพอเข้าใจว่ามาถึงจุดนี้ได้คือก่อนนี้ผมทำงานกินเงินเดือนอย่างเดียวรายได้แค่หลักหมื่น  ไม่กล้าฝันถึงรถพรีเมี่ยมอย่างมากมือ 2 ญี่ปุ่นพรีเมี่ยม   พอมาถึงซื้อป้ายแดงมือ 1 ราคาล้านกว่าได้แต่พอซื้อมาแล้วรู้สึกตึงมากกครับ       พอมาทำธุรกิจส่วนตัวไปด้วยรายได้มากขึ้นเลยเข้าใจว่าคนทำธุรกิจการซื้อรถพรีเมี่ยมแบบนี้ไม่ยากเลยทำได้ง่ายกว่า    แต่ผมก็ไม่ซื้อรถพรีเมี่ยมใช้อยู่ดี เพราะปัญหาคือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถพรีเมี่ยมมันจ่ายโดยรวมมากกว่ารถญี่ปุ่นระดับล่าง ๆ อยู่ดี    คือเข้าศูนย์ทั่วไปก็จ่ายประมาณ 1 หมื่น ครั้งใหญ่ก็อาจจ่ายมากกว่านั้นอีกหลายหมื่นถึงแม้เข้าอู่นอกก็แพงอยุ่ดี        แต่เราขับรถญี่ปุ่นจ่ายครั้งล่ะ 2000-3000 บาท ครั้งใหญ่จ่ายไม่เกิน 8000 บาท    ส่วนต่างที่ต่างกันมากทำใจไม่ไหวครับเราเคยจนมาก่อนบ้านเราก็ขับรถเก่าแล้วเก่าอีกมาก่อน    เลยไม่อยากได้รถที่มีค่าใช้จ่ายแพงแพงเอาไว้เป็นภาระ   แถมรถพวกนี้ควรเปลี่ยนทุก 4-5 ปีน่าจะดี  แต่ผมไม่ได้มีธุรกิจที่ทำเงินได้มากขนาดนั้น ที่จะไปเปลี่ยนรถบ่อยทุก 5 ปี หักค่าเสื่อม  หรือไม่ได้มีหน้าตาจากการใช้รถไปสร้างภาพลักษณ์ ก็เลยคิดว่ามือ 2 พรีเมี่ยมก็ไม่จำเป็นไม่อยากได้   ส่วนตัวก็เลยไม่คิดจะซื้อพรีเมี่ยมจนทุกวันนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 14, 2016, 13:59:35 โดย Auto »

ออฟไลน์ secrecyguy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,744
  • 3.2plus
รถราคา 10% ของเงินเก็บก็ตึงไปครับ
แปลว่ามีเงินสด 5 ล้านนี่ยังซื้อได้แค่ eco car สิ

ถ้ารวมที่ดินทรัพสินด้วยอันนี้อะเห้นด้วย  แต่ถ้านับเงินสดอย่างเดียวนี่น่าจะน้อยคนที่ทำได้
รถราคาซัก 20-30% ของเงินเก็บอันนี้นี่กำลังสวย

คนทำงานรับเงินเดือน เริ่มต้นแบบไม่มีทางบ้านช่วย จะเงินในบัญชี 5ล้าน คงมีไม่เยอะครับ

ออฟไลน์ chaithawat

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,538
ไหวก้อจัดเลยอย่าให้เสียอารมณ์  สมัยก่อนผมก็มนุษน์เงินเดือน ผ่อนครึ่งๆเลยก็ว่าได้เพราะโสดไม่มีรายจ่ายอะไร ไม่มีหลักตายตัวว่าเท่าไร ไม่ถึงแสนก็ผ่อนได้ถมไป แต่อย่าเผลอไปจัดบอลลูนเท่านั้นหละ เห็นคางเหลืองมาเยอะ
ง่ายสุดคือใช้หลักการออมก็ได้ครับคือได้รายได้ไม่สำคัญเท่ากับการเก็บออม  รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน+ผ่อนต่อเดือนแล้วยังมีเหลือเก็บออมทุกเดือนได้ในมาจิน 30% ของรายได้แบบนี้จัดได้เลย เมียไม่ต้องถงถามหละ ว่างๆส่งกุญแจให้ไปใช้ซิครับ เดวก็ปลื้มเอง

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( M
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: เมษายน 14, 2016, 20:51:04 »
สมมุติ คิดว่าพอซื้อไหวได้แล้ว

อยากให้มองในเรื่อง ของค่าใช้จ่ายประจำปีสำหรับรถ กับ ค่าบำรุงรักษาด้วยนะครับ
บางคนคิดว่าซื้อไหว ก็ซื้อไหวจริงๆแหละครับ แต่รถมันมีค่าใช้จ่าย + ค่าเสื่อมราคา และเจออะไหล่บางตัวก็จุกได้

ค่าอะไหล่บำรุงรักษา (ปั๊มน้ำพัง พี่โต 3,xxx พร้อมเปลี่ยน  // bmw ปั๊มน้ำ 2x,xxx )
ค่าประกันชั้น 1 ก็ไม่ใช่ถูก จะให้ไปทำชั้น 3 เกิดเจออุบัติเหตุแรงๆ ค่าซ่อมก็อ่วม
  ช่วง 5 ปีแรกไม่ค่อยมีอะไรเสียหรอกครับ เช็กระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเท่านั้นเอง  หลัง 5 ปีไปแล้วก็มีรายการซ่อมตามมาบางแต่ไม่่อยนักหรอก

ออฟไลน์ KaIaK118

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 363
Re: ประสบการณ์ การซื้อรถ Premium ( M
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: เมษายน 14, 2016, 23:24:36 »
สมมุติ คิดว่าพอซื้อไหวได้แล้ว

อยากให้มองในเรื่อง ของค่าใช้จ่ายประจำปีสำหรับรถ กับ ค่าบำรุงรักษาด้วยนะครับ
บางคนคิดว่าซื้อไหว ก็ซื้อไหวจริงๆแหละครับ แต่รถมันมีค่าใช้จ่าย + ค่าเสื่อมราคา และเจออะไหล่บางตัวก็จุกได้

ค่าอะไหล่บำรุงรักษา (ปั๊มน้ำพัง พี่โต 3,xxx พร้อมเปลี่ยน  // bmw ปั๊มน้ำ 2x,xxx )
ค่าประกันชั้น 1 ก็ไม่ใช่ถูก จะให้ไปทำชั้น 3 เกิดเจออุบัติเหตุแรงๆ ค่าซ่อมก็อ่วม
  ช่วง 5 ปีแรกไม่ค่อยมีอะไรเสียหรอกครับ เช็กระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเท่านั้นเอง  หลัง 5 ปีไปแล้วก็มีรายการซ่อมตามมาบางแต่ไม่่อยนักหรอก

จริงๆ ผมว่า 5 ปีแรก รถใหม่เลยปกติไม่ควรมีอะไรเสียหรอกครับ ยิ่ง BSI ก็สบายเลย
แต่คิดว่ารถพวกนี้คาดว่า จขกท น่าจะเก็บยาวๆเลยนะครับ (พอนานๆเริ่มจุกจิก รถบ้านผมก็ตัดใจขายไม่ลงครับ ก็ซ่อมกันไป บางทีเจอค่าซ่อมก็หน้ามืดอยู่ครับ  :-\)

ออฟไลน์ Puitam

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 527
    • อีเมล์
สำหรับผมนะครับถ้ารอเงินเก็บ10%ค่อยซื้อรถมีหวังขี่เวฟจนแก่เลยล่ะครับ

แต่ด้วยความอยากได้รถเก๋งใหม่ๆบ้างมันบังตา เลยเอาไงดี  ก็เลยหาวิธีผ่อนได้แบบไม่เดือดร้อนมาเสนอครับ

คือถ้าอยากได้รถล้านนึง  ต้องมีเงินเย็นๆอย่างน้อย ห้าล้านกว่านิดๆก็พอครับ  รวมดาวส์25%แล้วด้วยนะครับ

แล้วมาคิดงี้นะครับ

ราคารถ/บาท      จำนวนเงินดาวน์/เปอร์เซ็นต์ 25%  จำนวนงวด
1,000,000       250,000.00                              60

ดอกเบี้ย                            ยอดจัดไฟแนนซ์
2.5%ต่อปี                         750,000.00

เงินที่ต้องส่งต่อเดือน   ค่างวดต่อเดือน/บาท
  60 งวด                          17,188.00

ลองเอาค่างวดต่อปีมาคำนวน

17,188.00x12 = 206,256บาท

คำนวนดอกผลจากกองทุนปันหรือหุ้นกู้ที่ปันผลดีๆหรือกรณีบ้านผมเปนข้าราชการ

เอาเงินฝากที่สหกรณ์ของที่ทำงานคุณพ่อ  ตอนนี้ได้ดอก 4.25% [อิอิเค้ารับแต่ข้าราชการครับ]

ในกรณีนี้ผมว่าหากองทุนหรือหุ้นกู้ที่มีปันผล 4.2%น่าจะมีอยู่

206,256 x 100/4.25  =  ต้องมีเงินฝากไว้ 4,853,082บาท

คุณก็จะได้ค่างวดจากดอกเบี้ยมาผ่อนแทนไม่ต้องยุ่งกับเงินเดือนด้วยซ้ำ

เอางี้ถ้าอยากได้รถพรีเมี่ยมราคา 3,000,000  ก็เก็บดาวน์ให้ได้750,000ก่อน 

แล้วมีเงินเก็บแค่15ล้านท่านก็สามารถมีรถพรีเมี่ยมขับได้อย่างสบายๆ ห้าปีเปลี่ยนทีก็ไม่เดือดร้อน

ไม่ต้องรอ 10% ของเงินเก็บหรอกครับ  ให้เงินมันหาเงินมาให้เราผ่อนสบายๆดีกว่า

ผ่อนงวดละ51,564บาท 5ปีแป๊ปเดียว ไม่ได้ยุ่งกับเงินเดือนเลยด้วยครับ

เจ้าสามของที่บ้านผมเข้าปีที่สาม อีกปีกว่าก็หมดแระ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 15, 2016, 02:22:45 โดย Puitam »

ออฟไลน์ h0661036

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 927
คือไม่คิดว่าจะป่วยใช่มั้ยครับ  อย่าค่ารักษามะเร็งถ้าใช้บริการพวกโรงพยาบาลสมิติเวช  รักษาต่่อเนี่องระยะยาว ก็ประมาณ 10 ล้านนะครับ   

        ถ้ามีลูก ใช้รถพวก D segment ของญี่ปุ่นก็พอเพียง และเพียงพอแล้ว    ที่บ้านผมก็ใช้ benz มาก่อน  พ่อผมซื้อก็เพราะอารมณ์อยากได้นั่นแหละ   พอซื้อมาแล้วก็ไม่ค่อยใช้  ให้ลูกใช้แทน จนตอนนี้กลายเป็นเศษเหล็กจอดแช่ในที่จอดรถ


               รุ่นพี่ผมก็วางแผนการเงินผิดพลาด ไปถอย benz แล้วการเงินก็ขาดสภาพคล่อง   

promt

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับผมนะครับถ้ารอเงินเก็บ10%ค่อยซื้อรถมีหวังขี่เวฟจนแก่เลยล่ะครับ

แต่ด้วยความอยากได้รถเก๋งใหม่ๆบ้างมันบังตา เลยเอาไงดี  ก็เลยหาวิธีผ่อนได้แบบไม่เดือดร้อนมาเสนอครับ

คือถ้าอยากได้รถล้านนึง  ต้องมีเงินเย็นๆอย่างน้อย ห้าล้านกว่านิดๆก็พอครับ  รวมดาวส์25%แล้วด้วยนะครับ

แล้วมาคิดงี้นะครับ

ราคารถ/บาท      จำนวนเงินดาวน์/เปอร์เซ็นต์ 25%  จำนวนงวด
1,000,000       250,000.00                              60

ดอกเบี้ย                            ยอดจัดไฟแนนซ์
2.5%ต่อปี                         750,000.00

เงินที่ต้องส่งต่อเดือน   ค่างวดต่อเดือน/บาท
  60 งวด                          17,188.00

ลองเอาค่างวดต่อปีมาคำนวน

17,188.00x12 = 206,256บาท

คำนวนดอกผลจากกองทุนปันหรือหุ้นกู้ที่ปันผลดีๆหรือกรณีบ้านผมเปนข้าราชการ

เอาเงินฝากที่สหกรณ์ของที่ทำงานคุณพ่อ  ตอนนี้ได้ดอก 4.25% [อิอิเค้ารับแต่ข้าราชการครับ]

ในกรณีนี้ผมว่าหากองทุนหรือหุ้นกู้ที่มีปันผล 4.2%น่าจะมีอยู่

206,256 x 100/4.25  =  ต้องมีเงินฝากไว้ 4,853,082บาท

คุณก็จะได้ค่างวดจากดอกเบี้ยมาผ่อนแทนไม่ต้องยุ่งกับเงินเดือนด้วยซ้ำ

เอางี้ถ้าอยากได้รถพรีเมี่ยมราคา 3,000,000  ก็เก็บดาวน์ให้ได้750,000ก่อน 

แล้วมีเงินเก็บแค่15ล้านท่านก็สามารถมีรถพรีเมี่ยมขับได้อย่างสบายๆ ห้าปีเปลี่ยนทีก็ไม่เดือดร้อน

ไม่ต้องรอ 10% ของเงินเก็บหรอกครับ  ให้เงินมันหาเงินมาให้เราผ่อนสบายๆดีกว่า

ผ่อนงวดละ51,564บาท 5ปีแป๊ปเดียว ไม่ได้ยุ่งกับเงินเดือนเลยด้วยครับ

เจ้าสามของที่บ้านผมเข้าปีที่สาม อีกปีกว่าก็หมดแระ

คำนวนยอดส่งต่อเดือนผิดครับ เกินไปเยอะเลย

มันต้องส่ง 14062 บาทต่อเดือน ไม่ใช่ 17188

ดอกสหกรณ์ออมทรัพย์สูงจริงครับ
และมีออพชันให้เลือกด้วย
ประเภทถอนได้เดือนละครั้ง ดอก 3.5
อันอื่นๆ สูงกว่านี้
มันน่ายิ้มตรงที่ทุกปี เฉลี่ยปันผล 14%

ออฟไลน์ hideto1984

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 32
ผมตอบได้ครับ มนุษย์เงินเดือนของแท้

ผม มีลูก 1 เมีย2 เอ้ย 1 ครับ
รายได้ผัวเมียรวมกัน เกือบแสนเองครับ (ถือว่ากลางๆในปัจจุบัน ไม่สูงนะครับ)
ผมอายุ 31 เมียอายุ 33 ลูก 5 ขวบ

หนี้สิน fixed ทุกเดือน 45,000 คือบ้าน และรถ ค่าเทอม ค่าประกัน ค่าน้ำไฟ
เหลือใช้เดือนละ 40,000-50,000


ทุกวันนี้ขับแค่ ford focus 2012 กับ BMW F30 ครับ

ที่ซื้อตอนนั้นเพราะอยากได้
พอซื้อมาก็เฉยๆ ไม่ได้รถเทพอะไร (ถ้าจะเทพต้อง Ferrari F12) ช่วงล่างพอๆ กับ Focus เลยครับ


ประกันปีละ 3-4 หมื่น
ผ่อนเดือนละ 20,000 กว่า
ค่าบำรุงสูงกว่ารถตลาดครับ ตัวอย่าง ผ้าเบรคหน้าคู่ละ 4,000 กว่า
ในขณะที่ focus ผ้าเบรคหน้าคู่ละ 2,100

ทุกอย่างแพงกว่าแน่นอนครับ

ออฟไลน์ Activehybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,554
ผมตอบได้ครับ มนุษย์เงินเดือนของแท้

ผม มีลูก 1 เมีย2 เอ้ย 1 ครับ
รายได้ผัวเมียรวมกัน เกือบแสนเองครับ (ถือว่ากลางๆในปัจจุบัน ไม่สูงนะครับ)
ผมอายุ 31 เมียอายุ 33 ลูก 5 ขวบ

หนี้สิน fixed ทุกเดือน 45,000 คือบ้าน และรถ ค่าเทอม ค่าประกัน ค่าน้ำไฟ
เหลือใช้เดือนละ 40,000-50,000


ทุกวันนี้ขับแค่ ford focus 2012 กับ BMW F30 ครับ

ที่ซื้อตอนนั้นเพราะอยากได้
พอซื้อมาก็เฉยๆ ไม่ได้รถเทพอะไร (ถ้าจะเทพต้อง Ferrari F12) ช่วงล่างพอๆ กับ Focus เลยครับ


ประกันปีละ 3-4 หมื่น
ผ่อนเดือนละ 20,000 กว่า
ค่าบำรุงสูงกว่ารถตลาดครับ ตัวอย่าง ผ้าเบรคหน้าคู่ละ 4,000 กว่า
ในขณะที่ focus ผ้าเบรคหน้าคู่ละ 2,100

ทุกอย่างแพงกว่าแน่นอนครับ
ทำไมช่วงล่างferrari ดันมาสูสีกับfocusได้ละครับเนี่ย แสดงว่าผมก็ขับรถที่ช่วงล่างดีเท่าferrariเลยนะครับเนี่ย