*รีวิวนี้อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดลึกนัก เป็นรีวิวบ้านๆ ตามประสา User's Voice
*หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่กำลังสนใจรถยนต์รุ่นนี้อยู่ แต่หาอ่านรีวิวไม่ได้ เนื่องจากจะเจอแต่ รีวิว CLA250 ซะส่วนใหญ่
*หากมีข้อผิดพลาดประการได้ต้องขออภัยมา ณ ทีนี้ครับ
*รถที่ใช้ควบคู่กัน คือ Ford Focus S+ และ Subaru XV โฉม ปจบ.
*ปัจจัยบางอย่างเป็นข้อตัดสินใจการซื้อรถของผมเอง ถ้าท่านใดอ่านแล้วไม่สบายใจต้องขออภัยด้วยครับเชื่อว่าทุกคนก็หวังว่าอยากจะเป็นเจ้าของดวงดาวสีเงินซักคัน ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อถึงเวลาอันควร จึงเป็นที่มาของรถคันนี้
MERCEDES-BENZ CLA200 URBAN
ทำไมถึงเป็น CLA200?ด้านตัวรถ - เหตุผลที่ผมเลือกรถคันนี้มาเป็นรถยนต์อีกคันของครอบครัว เพราะว่าเป็นความใฝ่ฝันที่ว่าซักครั้งจะได้เป็นเจ้าของเมอเซเดสซักคัน
คุณแม่ชอบ ทั้งบ้านนั่งได้ ตัวรถรูปทรงสวย น่าจะอยู่เหนือกาลเวลาได้ประมาณนึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีมาให้ในระดับนึง ไม่น้อยจนเกินไป
และที่สำคัญเสียงปิดประตูหนักแน่น น้ำหนักประตูดี รวมถึงหลายๆด้านของตัวรถที่ต้องดีกว่ารถที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน(ใช้ Focus เป็นพื้นฐานว่าต้องดีกว่า)
ด้านการบริการของพนักงานขายและสถานที่ - ปกติรถเกือบทุกคันผมจะไปเดินดูในงานแสดงรถประจำปี ถ้ามีเซลล์คนไหนมาต้อนรับก่อน
ก็จะซื้อกับเซลล์คนนั้น เพราะถือว่าเค้ามีใจมาบริการเราก่อน โดยไม่สนว่าส่วนลดจะมากหรือน้อย และสถานที่ปิดการขายก็สะอาดสะอ้าน
ไม่วุ่นวาย ซึ่งบางค่าย สกปรก ดูแลไม่ทั่วถึงและวุ่นวายมาก
เมอเซเดสเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ผมรู้สึกประทับใจ ทั้งพนักงานขาย รวมถึงสถานที่รับรองลูกค้าในงาน
และทำให้เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้คุณค่าของเมอเซเดสคงอยู่และครองใจคนไทยหลายคนได้ยาวนานกว่า 100 ปี
ลูกค้าที่จองในงานทุกคน (Motor Expo 2015) จะได้หนังสือสีดำเล่มหนาอย่างดีชื่อว่า
The Journey of Silver Star ซึ่งแสดงถึงการเข้ามาในเมืองไทยครั้งแรกของเมอเซเดส รวมถึงรถยนต์ขายดีรุ่นต่างๆของทางค่าย
รูปลักษณ์ภายนอกด้านหน้า - กระจังหน้า Diamond Grill สีดำในรุ่น CLA200 (รุ่น250 เป็นสีเงิน)
ไฟหน้าเป็นแบบ Bi-Xenon + DRL แบบติดอัตโนมัติเมื่อสตาร์ทเครื่อง และทำหน้าที่เป็นไฟหรี่ในตัวในตอนกลางคืน
ไฟเลี้ยวแบบ LED เมื่อเปิดไฟเลี้ยวข้างใดข้างนึง ไฟ DRL จะดับจนกว่าไฟเลี้ยวจะหยุดทำงาน เพื่อให้การมองเห็นที่ชัดเจนมากขึ้น
ด้านข้าง - กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED พับเก็บอัตโนมัติเมื่อล๊อครถ มาพร้อมกับไฟส่องสว่างใต้กระจกในตอนกลางคืน
ซึ่งในรุ่นประกอบนอกที่พี่ J!MMY เคยรีวิวไม่ได้มีติดมา กระจกประตูแบบไร้กรอบในสไตล์รถคูเป้
รวมไปถึงเส้นสายด้านข้างตัวรถที่ย่อลงมาจากรุ่นพี่ CLS ล้ออัลลอย ขอบ 18" ลาย 5 ก้าน สีเทา พร้อมกับยาง Run Flat
ตอนแรกก็กังวลว่าจะแข็ง พอได้อยู่กับรถซักพัก น่าจะมาจากการซับแรงกระแทกที่ดีของตัวรถด้วย
ด้านหลัง - ไฟท้ายแบบ LED ทั้งโคม และไฟหรี่รูปปีกผีเสื้อ มองตอนกลางคืนสวยงามใช้ได้เลยครับ
ชายกันชนล่างมี Diffuser สีดำ มาพร้อมกับท่อไอเสียคู่
ภายในแผงแดชบอร์ดฝั่งผู้โดยสาร - มีลักษณะเป็นวงๆ ต่างจาก CLA250 ที่จะเป็นสีเงิน
คอนโซลกลาง - ด้านบนมีจอ Command ใช้สำหรับฟังเพลง รองรับระบบแผนที่นำทาง แต่ไม่ได้มีแผนที่มาให้
และควบคุมระบบการขับขี่ของตัวรถ การเลือกน้ำหนักพวงมาลัย และอื่นๆ คล้ายกับเมอเซเดสรุ่นอื่นๆ ในปัจจุบัน
แอร์อัตโนมัติ มาพร้อมช่องแอร์เรโทรแบบรถขสมก. แยกฝั่งซ้ายขวา แต่ตกในแต่งให้หรูกว่าและวัสดุที่ใช้ค่อนข้างดี ปรับตำแหน่งง่าย
ไม่เข้าตา หรือเป่ามือจนเย็นมากเกินไป ถือว่าช่องแอร์อยู่ในระดับกำลังดี ไม่สูงเกินไป และยังมีช่องแอร์ด้านหลังกับลมเอื่อยในแบบฉบับผู้ดี
ที่ไม่ได้ช่วยให้เย็นซักเท่าไหร่ มีระบบ Auto Start & Stop และปุ่มเลือกโหมดการขับขี่
ถัดลงมาด้านล่างจะเป็นจอแสดงผลและปุ่มปรับค่าต่างๆของระบบปรับอากาศในรถ
ฝั่งคนขับ - เรือนไมล์สหกรณ์ มีเข็มวัดความร้อน มาพร้อมกับหน้าจอตรงกลาง ซึ่งแสดงผลข้อมูลหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็น อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ระบบเตือนลมยางการเตือนเข้าเช็คระยะ เพลงที่กำลังฟัง การตั้งค่าอื่นๆ ของตัวรถ
พวงมาลัยหุ้มหนัง เดินด้ายสีขาว ขนาดกำลังเหมาะมือ มี Paddle-Shift และปุ่มมัลติฟังก์ชั่นพื้นฐานเหมือนเมเซเดสรุ่นอื่นๆ
เกียร์หลังพวงมาลัย ซึ่งเคยเผลอไปกดเนื่องจากมึนกับตำแหน่ง ทำให้เกียร์ตัดไป N และเสียงเครื่องดังกระหึ่มเลยครับ
ระบบไฟหน้าแบบ Auto พร้อมกับ Parking Light และไฟตัดหมอกหลัง เบาะหนังหุ้มหนัง Artico เบาะนั่งคู่หน้ามี Memory ให้ 3 ตำแหน่ง
พร้อมปุ่มดันหลังไฟฟ้าทั้งสองฝั่ง
สำหรับผม เบาะนั่งด้านหน้า นั่งได้สบายประมาณนึง ไม่เมื่อยจนเกินไปครับ
ด้านบนใช้วัสดุสีดำในการบุหลังคารถ มีปุ่มควบคุมไฟอ่านแผนที่แบบ LED และไฟส่องสว่างด้านหลัง ซึ่งต้องเปิดจากด้านหน้าเท่านั้นครับ
ด้านหลัง - เบาะนั่งสามารถพับได้แบบ 60 : 40 แต่ไม่มีพนักท้าวแขนตรงกลางมาให้เหมือน CLA250 ตำแหน่งเบาะค่อนข้างเตี้ย
และส่วนรองขาสั้นมาก แต่พื้นที่วางเท้ามีค่อนข้างเยอะ มุมมองด้านหลังตีบตันใช้ได้ เวลาขับต้องเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้นนิดหน่อยครับ
เรื่องการเก็บเสียง - ดีครับ ดีในแบบที่ควรจะเป็นเลย
เครื่องยนต์ & ช่วงล่างเครื่องยนต์ - CLA200 จะได้ใช้เครื่องยนต์เดียวกับ CLA180 รุ่นประกอบนอก เป็นเครื่องยนต์ 1600 ซีซี เทอร์โบ ส่งกำลังลงล้อคู่หน้า
แต่มีการปรับจูนแรงม้าเป็น 156 พร้อมกับแรงบิด 250 นิวตันเมตร เรี่ยวแรงและความเร็วของคันเร่งรวมไปถึงน้ำหนักพวงมาลัยนั้น
จะขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกโหมดการขับขี่แบบไหน โดยรวมเทียบกับ เครื่อง GDi ของ Focus สมรรถนะน่าจะใกล้เคียงกัน
แต่อัตราเร่งช่วงออกตัว CLA จะไปได้ไวกว่าเพราะว่าได้เทอร์โบเข้ามาช่วย
สำหรับผมคิดว่ากำลังเครื่องเดิมๆจากโรงงาน เพียงพอต่อความใช้งานดีแล้ว และสามารถลากตัวถังได้โดยเครื่องยนต์ไม่รับภาระมากจนเกินไป
หลายคอมเม้นพูดถึงเรื่อง ขับหน้า ขับหลัง เรียนตามตรง ผมก็ไม่ทราบหรอกครับว่าอันไหนจะดีกว่า เคยขับรถมาทั้ง ขับหน้า ขับหลัง และขับสี่
โดยรวมผมว่าขับหน้าของ CLA ไม่ได้แย่ครับ ขอแค่เรารู้ลิมิตของตัวรถ และพยายามไม่ไปเกินลิมิตที่รถมีก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร (คหสต)
ช่วงล่าง - ครั้งแรกที่อ่านในรีวิวของพี่ J!MMY และดูคลิปรีวิวของ CLA250 AMG ทั้งพี่ J!MMY และพี่แพนต่างบอกว่าช่วงล่างมันแข็งมาก
มากจนอาจโดนตัดออกจากกองมรดก ตอนที่จองก็ไม่ได้ลองขับครับ เพราะไม่มีรถให้ลอง กังวลมาก หาข้อมูลจากไหนก็ไม่มี
สรุปพอรับรถมา ผิดคาดแฮะ เทียบกับ Focus แล้ว นิสัยช่วงล่างคล้ายกันมาก นุ่ม หนึบ แต่ CLA จะซับแรงกระแทกจากพื้นถนนได้ดีมากกว่ามาก
ทั้งที่ ล้อใหญ่กว่า ยาง Run Flat และแก้มยางค่อนข้างบาง รวมถึงอาการเอียงซ้ายขวา ของตัวรถเวลาถนนไม่เท่ากัน CLA จะเก็บอาการโคลงได้ดีกว่า
แบบที่รู้สึกได้ แต่ช่วงล่างด้านหน้า จะยวบมากเกินไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่ประทับใจครับ
เคยเห็นกระทู้นึง มีคอมเม้นนึงพูดถึงช่วงล่าง CLA ว่า ไม่ได้เด่นไปกว่ารถราคา 600,000 เท่าไหร่
ส่วนตัวผมคิดว่าคงไม่ขนาดนั้นครับ คือ ต้องลองขับที่ความเร็ว 180 เท่ากันน่ะครับ เทียบกับ Focus ก็ต่างแล้ว
ข้อควรระวัง - ถ้าเทียบกับ Focus ระยะความสูงจากพื้นถึงกันชนหน้า CLA จะน้อยมาก CLA เตี้ยกว่า Focus เกือบ 2 นิ้วครับ
เวลาขับต้องระวังนิดนึง
ข้อเสียสำหรับผม ข้อเสียที่สุดของรถคันนี้คือตำแหน่งเกียร์ ทำให้ผมค่อนข้างกังวล เวลาเปิดไฟเลี้ยว เพราะบางทีสลับใช้กับอีกคัน เคยกดผิดมาแล้วครับ
สรุปส่วนตัวผมว่ากับราคา 2.14 ล้าน โดยรวมผมว่าคุ้มค่าใช้ได้ครับ กับสิ่งที่เราได้มา แน่นอนว่ารถคันนี้อาจจะไม่ได้ดีเด่นเท่ารถรุ่นใหญ่ของเมเซเดส
แต่ก็ทำให้ผมรู้ว่าเมเซเดส ให้ความใส่ใจกับรถทุกรุ่นที่ตนเองผลิต และคงคุณภาพไว้ได้ดี ผมคิดว่าเมอเซเดสประสบความสำเร็จนะ
กับราคาประมาณนี้ เจาะกลุ่มตลาดใหม่ได้ดีทีเดียวครับ
สุดท้ายต้องขอขอบคุณ Headlightmag แห่งนี้ รีวิว และคลิปต่างๆ ที่พี่ๆ ทุกคนมีส่วนร่วมช่วยกันทำนั้น ทำให้ผมคิดว่าผมตัดสินใจไม่ผิดที่ดูรีวิว
และเลือกรถแต่ละคันมาเป็นรถสำหรับครอบครัว ผมหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกท่านอื่นๆ ไม่มากก็น้อยนะครับ
My Silver Star