ท้าวความก่อนครับจากกระทู้ที่ผ่านมาทำให้ผมสงสัยว่า
ตัวผมเองขับเจ้า SUBARU XV เอง แล้วผมรู้สึกว่ามันเกาะถนนมาก
มากกว่ารถขับ 4 อื่นๆที่เคยทดลองขับมา (ในที่นี้ CX-5 X-Trail นะครับ)
ผมไม่อยากว่าผมอวยเจ้า SUBARU XV มากเกินไป เลยหาข้อมูลประกอบนิดหน่อยครับ
อยากให้ตั้งข้อสังเกตครับ ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร
จากรูปนะครับช่วงล่างที่เรียกชื่อเท่ห์ๆว่า "Symmetrical All Wheel Drive"
ประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ส่วนด้วยกันคือ
1.Front Differential ตัวกระจายแรงล้อคู่หน้า
2.Transmission ระบบส่งกำลัง หรือ เกียร์
3.Centre Differential กระจายแรงหน้า หลัง
4.Rear Differential ตัวกระจายแรงล้อคู่หลัง
และที่สำคัญเลยครับทำไมรถ SUBARU ถึงขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ไม่เหมือนระบบอื่น ที่ 4 เป็นบางเวลา หรือ 4 ไม่เกินความเร็วเท่านั้นเท่านี้
คำตอบก็คือ
เกียร์ครับ นี่คือเกียร์ ลูกเดียวกันที่อยู่ใน XV เป็นเกียร์ CVT
ดูสีแดงๆนะครับ สังเกตนะครับว่า แกนการหมุนส่งกำลังล้อหน้า กับล้อหลังเป็นแกนเดียวกัน ฉะนั้นถึงแม้จะขับถึง 200 มันก็ ขับ 4 ตลอดเวลาจริงๆครับ
เออ แล้วมันต่างกันยังไงกับระบบขับ 4 แบบอื่นหล่ะ?
คำตอบซ้อนคำตอบก็คือ
วิศวะกรได้ทำการออกแบบไว้แต่แรกแล้วครับโดยที่ออกแบบให้
รถสามารถขับเคลื่อนได้ทั้ง 2 ระบบ ได้แก่ ระบบขับ 2 และระบบขับ 4 แต่ SUBARU มันได้ถูกออกแบบมาแต่แรกแล้วว่า จะต้องขับ 4 เท่านั้น
สังเกตได้จากการส่งกำลัง SUBARU จะมีการส่งกำลังผ่านเกียร์โดยตรง และ เป็น ขับ 4 ทันที แต่ในระบบอื่น เหมือนว่าการขับ 4 นั้น จะต้องมีเซ็นเซอร์ตรวจจับ หรือมีระบบ Lock up ไฟฟ้าในการสั่งการทำงานจากขับ 2 เป็นขับ 4 อีกที
ซึ่งข้อแตกต่างนี้ผมขอแยกระบบขับ 4 ออกเป็น 3 แบบ ดังนี้ครับ
1.ขับ 4 พื้นฐานกระบะ และ PPV
ระบบนี้ง่ายครับ เพราะออกแบบมาให้ขับเคลื่อนล้อหลังอยู่แล้ว ถ้าอยากให้ขับเคลื่อนล้อหน้าก็เพียงแค่ใส่เกียร์เข้าไปเพิ่ม 4L 4H อีกทั้งส่วนมากจะมีแค่ Diff หลัง ไม่สามารถกำหนดว่ากระจายแรงหน้าหลังได้ แต่จะล็อกตายตัวที่ 50 - 50 และการแก้อาการต่างๆ ต้องมีเซ็นเซอร์ตรวจจับก่อน ถึงสามารถส่งสัญญาณไปยังล้อได้
ข้อดีคือ มีอัตราแรงฉุดกระชากสูงเพราะสามารถทดเกียร์ได้ต่ำมาก King Of Off Road เลยทีเดียว
ข้อเสียคือ ส่วนมากขับ 4 ประเภทนี้มีไว้สำหรับลุย Off Road เป็นหลัก แต่ในการใช้สำหรับพื้นถนนที่เปียก น้ำขัง หรือถนนลื่น ยังไม่สามารถช่วยได้จริงเท่าไหร่ เพราะระบบตรวจจับต่างๆ ส่งไปแก้ช้าไปหน่อย (จากที่เคยเห็นจากอุบัติเหตุรถลื่นลงข้างทางก็ยังมีรถประเภทกระบะ PPV เขาใส่ขับ 4 วิ่งบนเขาสภาพถนนลื่นครับ อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าขับเร็ว หรือมั่นใจในรถตัวเองมากเกินไปหรือปล่าวนะครับ)
2.ขับ 4 พื้นฐานเครื่องวางขวางขับหน้า (แบบเก๋ง)
ระบบนี้ต่อยอดจากรถขับหน้า ส่วนมากขับสี่ประเภทนี้ความดีคงามชอบของมันคือสามารถแก้อาการหน้าดื้อ และสามารถลุยผ่านสิ่งกีดขวางงได้นิดหน่อยแต่ก็อย่างว่าแหละครับการส่งกำลังไปล้อหลังนั้นจะส่งไปก็ต่อเมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับพบว่าผิดปรกติเท่านั้น ถึงส่งไป และการแก้อาการในช่วงความเร็ววสูงนั้น ส่วนมากจะล็อกการกระจายกำลังไว้ที่ 80 - 20 แต่ในส่วนการขับ Off Road จะกระจายกำลังที่ 60 - 40 อีกทั้งรถประเภทนี้ส่วนมากจะไม่มี Diff หน้า Diff หลัง ทำให้เมื่อลุย Off Road ท่ายากๆ (ล้อลอย 2 ล้อไขว้ หรือ ขึ้นเนินสูงๆ) ไม่สามารถผ่านไปได้ง่ายๆ
3.ขับ 4 พื้นฐานเครื่องวางยาวขับหลัง (แบบเก๋ง)
คล้ายๆข้อ 2 ครับแต่เปลี่ยนจากแก้หน้าดื้อเป็นแก้ท้ายปัด และล็อคกำลังคล้ายๆกัน
คราวนี้เข้าคำถาม แล้ว ช่วงล่าง SUBARU XV น้องเล็กสุด ต่างจาก WRX ยังไง ?
ตอบ หลักๆ ต่างกันข้อเดียวครับ "Centre Differential กระจายแรงหน้า หลัง"
พี่ใหญ่ WRX สามารถกระจายแรงหน้าหลังได้(ระบบ DCCD) แตน้องเล็ก XV ไม่สามารถทำได้ แต่ก็ไม่ต้องเสียใจครับเพราะเมื่อวิ่งทางปรกติ XV จะโดนล็อกการกระจายกำลังไว้ที่ หน้า 55 หลัง 45 ครับและจะกระจายแรงหน้าหลังอัติโนมัติ เมื่อรถตรวจจับว่ามีการขึ้นลงเนิน (yaw Sensor)
จากที่เล่ามาส่วนประกอบต่างๆนั้น ทำให้ SUBARU มันเหนือกว่าของคนอื่นยังไง เดียวลองดูกันครับ
คลิปที่ 1 ทดสอบระบบ VDC เทียบขัับ 4 ด้วยกันครับ
คลิปที่ 2 เหตุผลว่าทำไมขับ 4 ของ SUBARU ถึงเกาะกว่าครับ
คลิปที่ 3 การกระจายแรงหน้าหลัง และ Diff หน้าหลังครับ
คลิปที่ 4 การตรวจจับโดยระบบ VDC เพื่อแก้อาการสำหรับถนนลื่นครับ
คลิปที่ 5 Off Road XV VS DEFENDER
คลิปที่ 6 XV Off Road ในไทยครับ สังเกตล้อนะครับ ไม่มีอาการฟรีทิ้งเหมือนพวกกระบะเลยครับ
สุดท้ายนี้ผมอธิบายผิดตรงไหน ช่วยแย้งผมด้วยครับ เพราะผมก็เป็นเพียงผู้ใช้รถคนหนึ่ง ที่กว่าจะตัดสินใจซื้อรถ ก็ต้องซื้อรถที่ตรงวัตถุประสงค์ในการใช้งานของตนเองมากที่สุดขอบคุณครับ