ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้ารถใช้ไฟฟ้ามาเต็มตัว รถที่ใช้เครื่องยนต์จะเอาอะไรไปสู้ (ด้าน performance )  (อ่าน 9154 ครั้ง)

ออฟไลน์ boogie2020

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,041
    • อีเมล์
ลองดู ๆ clip พวก Tesla ตัวเทพ  ๆ  แล้วสยอง  นี่ขนาดเพิ่งเริ่มพัฒนาไม่กี่ปีนะ ยังได้ขนาดนี้  อีกไม่นาน  ...ถ้านับด้าน performance รถใช้เครื่องยนต์จะเอาอะไรมาสู้ละนั้น

เรื่องความแรง - มอเตอร์จะเอาแรงแค่ไหนก็จัดให้ได้  ถ้าแบตพอ  5 5
อัตราเร่ง - ก็คงคล้ายกัน อยากได้ torque แค่ไหน มอเตอร์จัดให้ได้หมด สุดท้าย มันจะเป็น limit ที่ยางกับพื้นถนนแทน 
การทรงตัว ช่วงล่าง - CG ต่ำกว่าเห็น ๆ เอามอเตอร์ต่อล้อเลยก็ยังได้

คงมีอยากเดียวที่รถไฟฟ้าสุ้ไม่ได้คงเรื่องเสียง 5 5 (ดู formula-e แล้วกร่อยมาก  วิ้ง ๆ ไป ๆ มาๆ  5 5๗
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ kez

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,591

 ค่า maintenance  ค่า แบตแพง ค่ามอเตอร์แพง

ออฟไลน์ ืnuc001

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 205
เอาเบสิกเลยก็ รถใช้น้ำมันขับได้ไกลกว่า

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,423
    • อีเมล์

 ค่า maintenance  ค่า แบตแพง ค่ามอเตอร์แพง

ถ้ามันมา เต็มระบบ มีการแข่งขัน  ราคาไม่แพงครับ
แบต ประกัน ห้าปี

ออฟไลน์ meeuwarn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
ตามกล้องฟิลม์ไปครับ ;D

ออฟไลน์ Bond007

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 788
ณ ช่วงเวลานี้
รถไฟฟ้าที่ใช้งานทั่วไปถือว่าโอเค(ด้าน performance)
แต่ความเร็วปลายยังไงก็ยังสู้รถเครื่องสันดาปไม่ได้ (แต่ต้น-กลาง ไล่บี้กันสนุก)

ออฟไลน์ alpha14

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,109
อย่างแรกที่จะเห็นคือเหล่าผู้ถือหุ้นพลังงานจะออกมาดิ้นพราดๆ อย่างที่2รบ.คงทำะอะไรไม่ถูกแล้วก็ดึงเวลาให้ยืดยาวออกไป คาดว่าคนไทยคงใช้รถพรรนี้ช้ากว่าชาวโลกไม่น้อยกว่า10ปี มีลางสัง"หอน"แปลกๆบอกไม่ถูก

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,405
ถ้าด้าน performance สูไม่ได้หรอกครับ motor เอาไปกินหมดมีแต่เรื่องอื่นที่จะต้องรอดูไปครับ

ออฟไลน์ Activehybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,554
ฟิลลิ่งเกียร์ เสียงเครื่อง และระยะทางที่ไกลกว่า เติมน้ำมันได้เร็วกว่า

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
เมื่อไหร่ที่รถไฟฟ้าทนทานและใช้งานระยะไกลได้ดีจริงแล้วผมไม่เลือกรถระบบสันดาปภายในแล้วครับ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องไปยึดติดเลย  :-X
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ DriveOnly

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,450
    • อีเมล์
อย่างแรกที่จะเห็นคือเหล่าผู้ถือหุ้นพลังงานจะออกมาดิ้นพราดๆ อย่างที่2รบ.คงทำะอะไรไม่ถูกแล้วก็ดึงเวลาให้ยืดยาวออกไป คาดว่าคนไทยคงใช้รถพรรนี้ช้ากว่าชาวโลกไม่น้อยกว่า10ปี มีลางสัง"หอน"แปลกๆบอกไม่ถูก

ไปว่าเขา ว่าตัวผู้บริโภคดีกว่าไหมครับ แค่ทุกวันนี้พอพูดถึงระบบไฮบริดคนก็ร้องยี้ๆๆๆๆๆ ค่าบำรุงรักษาแพง แบตแพง ใช้ยาว 10 ปี ค่าดูแลแพง ขายต่อราคาตก แค่นี้ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอที่ค่ายรถไม่จำเป็นต้องเอาเทคโนโลยีไฟฟ้ามาขายเมืองไทยแล้วครับ

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,617
ถ้ารถยนต์ไฟฟ้ามา....พวกรถยนต์น้ำมันก็จะผันตัวเป็นเครื่องไฟฟ้าหมดไงครับ

เราอาจจะได้เห็น Audi R8 เครื่องโซลินอยย์ 10 สูบ (โซลินอยย์คือลูกสูบแม่เหล็กไฟฟ้า หลักการเหมือนเครื่องยนต์น้ำมันแต่ใช้แรงไฟฟ้าเป็นตัวผลัก)
BMW 3,5 เครื่องมอเตอร์ไฟฟ้า
หรือแบบบ้านๆเลยก็ Civic เครื่องไฟฟ้า Mazda 3 เครื่องไฟฟ้า  อะไรแบบนั้น

แต่......รถไฟฟ้ากับการใช้งานในบ้านเรามันก็ยังมีคำถามอยู่เช่น ถ้าใช้งานในช่วงฝนตกหรือลุยน้ำท่วมจะปลอดภัยแค่ไหน  ระบบเครื่องยนต์ไฟฟ้าจะจุกจิกหรือไม่  ซ่อมบำรุงรักษาง่ายแค่ไหน เรื่องความทนทานกับสภาพอากาศร้อนชื้น เป็นต้น

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
ก็จำกัดเฉพาะรถ Sport พันแท้ๆ สาย Nich ไปเลยไงครับ
Hybrid คือคำตอบ  ได้ความแรงของมอเตอร์ ไหนจะเครื่องยนต์อีก 

แบบ 918 , P1 , LaFerrari

จริงๆเครื่องสันดาปมันก็ตันๆแล้วนะ เรื่องอัตราเร่ง (ตั้งแต่ GTR รุ่นหลังๆละ)  เพราะมันทดเกียร์ได้  ยิ่งสมัยนี้คนบ้าเลข 0-100 ด้วย เอะอะอะไร เอา 0-100 มาคุย (ทั้งที่รถบางคันเลข 0-100 ไม่ดีมากนัก แต่หลังจากนั้น .... แรงกว่าคนละเรื่อง)

-------------------------------------

รถไฟฟ้าผมเฉยๆกับมันนะ  แรงอัตราเร่ง  แล้วไง    รู้ว่ามันแรงตั้งแต่พวกรถกอล์ฟละ มันดึงงงง   :P

ไม่รู้สิ ผมมองรถ  ในมุมเฉพาะของผม    แต่สิ่งที่ Tesla ทำ  ถ้ามองว่ารถคือยานพาหนะขนส่ง  ไม่ใช่มองรถ ในฐานะที่ "รถ" ในฐานะที่ให้ความสนุกในการขับขี่  สังเกตได้ชัดเจนจากการพยายามผลักดันเรื่องรถแบบ Autonomous driving อย่างเต็มที่ 

 รถไฟฟ้า+AutoDriving มามันก็ดีนะ  คือรถจะกลายเป็นยานพาหนะที่ขนส่งจุดต่อจุดได้ดี (ซึ่งก็ดีแล้ว บนถนน ได้ความปลอดภัยเพิ่ม) แต่อีกหน่อยมันจะเหมือนกับว่ารถเป็นแค่พาหนะขนส่งชนิดนึงเท่านั้นแหละ (เหมือนกับเวลาไปไหน รถก้ขับเองไม่ต่างจากนั่ง BTS ที่จอดอยู่หน้าบ้าน)  ไม่ได้มองรถในแค่ของความสนุกในการขับ  หรือเป็นสิ่งสนุก  งานอดิเรกที่สิ่งที่คนชอบขับรถเค้าทำๆกัน    อีกหน่อยจะไม่มีพวงมาลัยให้ใช้ ผมว่ามันก็เป็นไปได้ เช้ามา นั่งรถ กดปุ่ม  รอมันวิ่งออกไปส่ง และแค่นั้น  ไอ้เรื่องเลอะกลิ่นอายน้ำมัน  งมห้องเครื่อง แต่งรถ คงหายไปเยอะ

ถ้าดูสิ่งที่เทสล่าพยายามทำในตอนนี้  รวมถึงข่าวช่วงหลังๆ  เค้าพยายามผลักดันรถยนต์ให้ไปในแนวทางนั้นมากขึ้น  ในแนวทางของยานพาหนะ (ซึ่งจริงๆรถยนต์มันก็เกิดมาเพื่อเป็นยานพาหนะ มาตั้งแต่แรกแล้ว)

Tesla ผมไม่ค่อยอยากจะเรียกว่ารถยนต์สำหรับผมน่ะ เท่าที่ดูๆ  กระดองภายนอกก็อาจจะใช่ แต่ผมว่ามันน่าจะเป็นการมาถึงของ "รถไฟฟ้า ส่วนบุคคล" มากกว่า   

เท่าที่ตามมาระยะนึง  เวลาเค้าพัฒนา ไม่ได้สนใจมากกับเรื่อง ฟีลลิ่งพวงมาลัย  เสียงเครื่อง  การเข้าโค้งที่ความเร็วสูง  Lap Time Nurburgring  สิ่งที่เค้าสนใจ มีแค่ ทำยังไงให้รถไฟฟ้ามันไปได้ไกล เติมไวขึ้น  ระบบขับเองฉลาดขึ้นจนแทนมนุษย์ได้  อะไรแบบนั้นมากกว่า   อัตราเร่งแรงๆที่ใส่มา เค้าก็แค่พยายามแสดงให้เห็นว่า มอเตอร์มันก็แรงไม่แพ้สันดาปแล้วนะ  และ "แค่นั้น" ;)

----------------

รถไฟฟ้า(รวมถึง Auto Driving) อนาคตผมว่าจะเห็นจนเต็มถนน ในฐานะ "ยานพาหนะ"  ส่วนรถสันดาป  รถเครื่องยนต์อาจจะยังอยู่ และเป็นกีฬาเพื่อความสนุกสนาน แบบรถโกคาร์ทอะไรแบบนั้นไปก็ได้ครับ 
เหมือนสมัยนี้  ยังมีใครขี่ม้าเดินทางอีกไหม  ก็ไม่มี ใช้รถยนต์แทนกันหมดแล้ว  แต่กีฬาแข่งม้า คนที่ชอบขี่ม้า ก็ยังมีอยู่

ถ้ามันมาผมว่าที่น่าสนใจกว่าคือผู้ผลิตรถสปอร์ต + Super Car  แต่ละค่ายจะไปทางไหนยังไงกันมากกว่า  ในเมื่อรถในอนาคต .. ไม่ต้องขับ .. แล้ว "ความสนุกในการขับ" จะเอาไปขายใครดี

---------------
ผมไม่ปิดกั้นหรอก มาก็ซื้อนะ รถไฟฟ้า + Autonomous driving ไว้เวลาไปธุระ ไปไหนมาไหน แต่ว่าคงต้องมีรถสันดาปแฮนลิ่งดีๆสักคันติดบ้านไว้สำหรับวัน Trackday อยู่ดีครับ   ::)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 14, 2016, 11:24:38 โดย Butterzai »

ออฟไลน์ HHHsung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,385
จขกท. เค้าล็อคสเปคถาม performance หนีไปตอบเรื่องอื่นกันหมด เพราะไม่รู้จะยกอะไรไปสู้

เครื่องยนต์ loss สูง ไม่ว่าจะเป็นความร้อนสุญเสีย แรงเสียดทาน ระบบส่งกำลัง เกียร์ ฯ

แรงบิดก้ไม่คงที่ต่ำน้อย กลางดี ปลายเหี่ยว 

มอเตอร์ไฟฟ้า efficiency เกือบ 100% แรงบิดมาตั้งแต่กดคันเร่ง loss ต่ำ มอเตอร์อยู่ที่ล้อไม่ต้องใช้ระบบส่งกำลัง

performance ดีกว่าทุกประเด็น ไม่มีข้อเปรียบเทียบ ข้อด้อยมี แต่ไม่ใช่ตัวมัน (งงมั้ยเนี่ย)

เทคโนโลยีขั้นสูง อุปกรณ์ซับซ้อน ระบบไฟฟ้าทั้งคัน ช่างที่ไหนมันจะไปมีปัญญาซ่อม

ได้แค่ถอดเปลี่ยน เหมื่อนช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ในปัจจุบัน บอร์ดไหนเสีย เปลี่ยนบอร์ดนั้น

อุปกรณ์เก็บพลังงาน ยังมีประสิทธิภาพต่ำ สู้น้ำมันยังไม่ได้ ระยะสั้นผู้ผลิตบางรายเลยใช้วิธิเอาเครื่องยนต์มาปันไฟแทน....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 14, 2016, 10:54:12 โดย HHHsung »

ออฟไลน์ HHHsung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,385
ถ้ารถยนต์ไฟฟ้ามา....พวกรถยนต์น้ำมันก็จะผันตัวเป็นเครื่องไฟฟ้าหมดไงครับ

เราอาจจะได้เห็น Audi R8 เครื่องโซลินอยย์ 10 สูบ (โซลินอยย์คือลูกสูบแม่เหล็กไฟฟ้า หลักการเหมือนเครื่องยนต์น้ำมันแต่ใช้แรงไฟฟ้าเป็นตัวผลัก)
BMW 3,5 เครื่องมอเตอร์ไฟฟ้า
หรือแบบบ้านๆเลยก็ Civic เครื่องไฟฟ้า Mazda 3 เครื่องไฟฟ้า  อะไรแบบนั้น

แต่......รถไฟฟ้ากับการใช้งานในบ้านเรามันก็ยังมีคำถามอยู่เช่น ถ้าใช้งานในช่วงฝนตกหรือลุยน้ำท่วมจะปลอดภัยแค่ไหน  ระบบเครื่องยนต์ไฟฟ้าจะจุกจิกหรือไม่  ซ่อมบำรุงรักษาง่ายแค่ไหน เรื่องความทนทานกับสภาพอากาศร้อนชื้น เป็นต้น

ลองไปหาคลิปเมืองนอกดูนะครับ ลุยน้ำได้ลึกพอตัวเลยหล่ะ ระบบไฟฟ้าที่เป้นระบบปิดไม่จุกจิกครับเสียยากมาก

ซ่อมบำรุงไม่ยาก ถอดเปลี่ยนๆ แค่นั้น ช่างทั่วไปทำไม่ได้ เพราะระบบอิเลคทรอนิคล้วนๆ

ความทนทานหายห่วง ถ้าผู้ผลิตเค้าเลือกอุปกรณ์เกรดทนความร้อนสูง และซีลกันความชื้นดีพอ

ออฟไลน์ chaithawat

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,538
รุ้แต่อารมณ์ครับ มอเตอร์ไฟฟ้าก็ยังคงตอบสนองความต้องการคนที่รักในการขับไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่าจะเสียง อารมณ์ความรู้สึก มันหายไปแน่ ลองขับไฮบริดดูจะรู้ว่ามันไม่ได้อารมณ์จริงๆ  วิ่งในซอยคนเดินชนรถซะงั้น เงียบยังกะขี่จักรยาน
ตรงข้ามกันอย่างบิ๊กไบท์หรือซุปเปอร์คาร์ ได้ยินเสียงก็มีความสุขแล้ว
เพิ่มเติม
เห็นข่าวว่าปลายปีนี้เปิดขายในไทยแล้วโดยบริษัท    เทสลา ออโตโมทีฟ จะนำเข้า Tesla จากอเมริกา
 
ตัวเบสิค 417 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.3 วินาที
กับตัวทอป  762 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.4 วินาที
ทอปสปีดก็ใช่ย่อย 155 mph X 1.6 น่าจะราวๆ 250 กม./ชม.
เห็นสเปคแล้วตกใจ 0-100 เหนือกว่ารถซุปเปอร์คาร์ซะอีก  แต่ราคาก็แรงตามไม่เบาประมาณ 5 M. !!!!

อันนี้หละที่นึกออกว่าเครื่องยนต์สันดาปสู้ได้แน่นอน  :D :D :D
 



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 14, 2016, 16:01:28 โดย chaithawat »

ออฟไลน์ Ex_machina

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 721
กระทู้ก่อนหน้าตั้งเรื่อง ทำไม hybrid ไม่เป็นที่นิยมในไทย
ผมเห็นวิจารณ์กันเพียบ เรื่องค่าซ่อมบำรุงแพง แบตแพงมั้ง ทั้งๆที่ รับประกัน 10 ปี ราคาแบต 8 หมื่นกว่าบาท

แต่พอเป็น tesla ผมเห็นมีแต่คนอยากได้ คลั่งไคล้กันมาก
ถึงกับบอกว่าหมดยุคเครื่องสันดาบ
ทั้งๆที่แบต tesla รับประกันแค่ 8 ปี ราคาแบต $12,000 เหรียญ หรือ 4.3 แสนบาท
แพงกว่าแบต prius 5 เท่า
ไม่กลัวค่าบำรุงรักษากันมั่งเหรอ 55555

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,186
    • อีเมล์
รถไฟฟ้ายังน่าจะเสียเปรียบเรื่องน้ำหนักตัวรถนะครับ ถึงจุดศูนย์ถ่วงจะต่ำแต่น้ำหนักรวมระบบต่างๆน่าจะเยอะอยู่
สมัยก่อน Tesla Roadster ใช้ Lotus Elise เป็นพื้นฐานแต่น้ำหนักตัวสูงกว่ามาก
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,617
ถ้ารถยนต์ไฟฟ้ามา....พวกรถยนต์น้ำมันก็จะผันตัวเป็นเครื่องไฟฟ้าหมดไงครับ

เราอาจจะได้เห็น Audi R8 เครื่องโซลินอยย์ 10 สูบ (โซลินอยย์คือลูกสูบแม่เหล็กไฟฟ้า หลักการเหมือนเครื่องยนต์น้ำมันแต่ใช้แรงไฟฟ้าเป็นตัวผลัก)
BMW 3,5 เครื่องมอเตอร์ไฟฟ้า
หรือแบบบ้านๆเลยก็ Civic เครื่องไฟฟ้า Mazda 3 เครื่องไฟฟ้า  อะไรแบบนั้น

แต่......รถไฟฟ้ากับการใช้งานในบ้านเรามันก็ยังมีคำถามอยู่เช่น ถ้าใช้งานในช่วงฝนตกหรือลุยน้ำท่วมจะปลอดภัยแค่ไหน  ระบบเครื่องยนต์ไฟฟ้าจะจุกจิกหรือไม่  ซ่อมบำรุงรักษาง่ายแค่ไหน เรื่องความทนทานกับสภาพอากาศร้อนชื้น เป็นต้น

ลองไปหาคลิปเมืองนอกดูนะครับ ลุยน้ำได้ลึกพอตัวเลยหล่ะ ระบบไฟฟ้าที่เป้นระบบปิดไม่จุกจิกครับเสียยากมาก

ซ่อมบำรุงไม่ยาก ถอดเปลี่ยนๆ แค่นั้น ช่างทั่วไปทำไม่ได้ เพราะระบบอิเลคทรอนิคล้วนๆ

ความทนทานหายห่วง ถ้าผู้ผลิตเค้าเลือกอุปกรณ์เกรดทนความร้อนสูง และซีลกันความชื้นดีพอ

ผมเคยดูอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่เจอจะเป็นการ Test Production Car ขับช่วงฝนตก หรือขับลุยหิมะ  พวกคลิปเอาไปลุยน้ำท่วมจัดๆหรือขับลุยทะเลทรายผมยังไม่เคยดูเหมือนกัน  ต้องขออภัยด้วยครับ

ที่นี้กับการใช้งานจริงในบ้านเรา ที่สามวันดี สี่วันฝนตก บางวันลุยน้ำท่วมซอย (ไม่ใช่น้ำสะอาดด้วยนะ น้ำแบบที่มีขี้ดินขี้โคลนปนๆอยู่)
ในส่วนชองชิ้นส่วนและระบบที่เป็นไฟฟ้า  ถ้าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะต้องสัมผัสอากาศและน้ำ ความชื้นต่างๆ หรือมี Cover เป็นระบบปิดมิดชิด  ผมก็อยากเชื่อว่ามันน่าจะทนครับ
แต่ก็ยังไม่เคยมีการทดสอบที่ชัดเจน (ในสภาพอากาศแบบ้านเรา) เลยขอติดเป็นคำถามไว้ก่อน สำหรับการใช้งานจริงในระยะยาว

ออฟไลน์ kan.kom

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 787
อนาคตสงสัยจะมีแบตสำรองขายเก็บไว้ในรถ เผื่อแบตหมด คล้ายมือถือ 555

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,407
สู้ไม่ได้ ก็ต้องตกยุคไปตามกาลเวลาครับ ผมว่าเป็นเรื่องปกตินะ ของใหม่มา ของเก่าไป ไม่ใช่แค่เรื่องรถ อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายๆอย่างก็มีให้เห็นกันมากมายอยู่แล้ว

ออฟไลน์ -Brian

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,080
EV แรงต้นครับ ตอนถีบออกนี่สุดติ่งจริงๆ แต่ปลายๆ ยังไงก็สู้ เครื่องสันดาปไม่ได้ครับ

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,949
    • อีเมล์
EV แรงต้นครับ ตอนถีบออกนี่สุดติ่งจริงๆ แต่ปลายๆ ยังไงก็สู้ เครื่องสันดาปไม่ได้ครับ


      ในการใช้งานจริงคนส่วนใหญ่ใช้ความเร็วไม่เกิน 150 กม./ชม.  ความเร็วแค่นี้รถไฟฟ้าไปได้สบายๆ

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,815
ชาร์ตนาน
แบตแพง
วิ่งในสภาพอากาสหนาวมากร้อนมากได้ไม่ดี

สรุป
   เดาว่าไม่รุ่ง ในเร็ววัน
   ขาใหญ่คุมopec
   ควเป็นได้แค่ทาวเลือกในกลุ่มsegmtเฉพาะ
   พลังงานอื่นที่ดีกว่าอาจจะพัฒนาเร็วก่า
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
เสียงหน่อมแน้มไป เครื่องแรงแต่ขู่ใครไม่ได้ (ไม่ได้เกี่ยวกับสมรรถนะเลย)


เอาจริงๆ ความเร็วปลาย แช่ยาวยังสู้เครื่องยนตร์ไม่ได้ มอเตอร์หมุนเร็วจัด(ไม่แน่ใจเทียบกับเทอร์โบใครหมุนจัดกว่า) กินไฟมาก แบตไม่พอใช้สำหรับการวิ่งทางไกล

ดูพวกรถไฮบริดทั้งหลายก็ได้ สเปคดูดี ขับจริงดูดี แต่พอซัดกันจริงๆ แบตหมดปุ๊บเป็นภาระเครื่องทันที ผมเคยใช้พรีอุสมุดบนทางด่วน ก็ดีใช้ได้ แต่พอแบตหมดนี่วิ่งไม่ออกเลย เอาแน่เอานอนไม่ได้ ถ้าวิ่งต่างจัดหวัดช่วงแซงสิบล้อถ้าแบตหมดก็แย่เหมือนกัน เครื่องสันดาปเทอร์โบยังตอบโจทย์ตรงนี้มากกว่า

ออฟไลน์ -Brian

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,080
EV แรงต้นครับ ตอนถีบออกนี่สุดติ่งจริงๆ แต่ปลายๆ ยังไงก็สู้ เครื่องสันดาปไม่ได้ครับ


      ในการใช้งานจริงคนส่วนใหญ่ใช้ความเร็วไม่เกิน 150 กม./ชม.  ความเร็วแค่นี้รถไฟฟ้าไปได้สบายๆ

มันเหมาะกับรถบ้านครับ  แต่ถ้าเป็นพวกเน้น Performance หรือ Hyper car ยังไงเครื่องยนต์สันดาปจะใช้งานได้ดีกว่า

แต่ผมว่าในอนาคตก็คงสามารถพัฒนามอเตอร์ให้สามารถใช้ได้นาน และทำความเร็วมากๆได้อยู่ดีครับ ถึงเวลานั้น ก็คงต้องบอกลาเครื่องยนต์สันดาปล่ะครับ

ออฟไลน์ alpha14

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,109
อย่างแรกที่จะเห็นคือเหล่าผู้ถือหุ้นพลังงานจะออกมาดิ้นพราดๆ อย่างที่2รบ.คงทำะอะไรไม่ถูกแล้วก็ดึงเวลาให้ยืดยาวออกไป คาดว่าคนไทยคงใช้รถพรรนี้ช้ากว่าชาวโลกไม่น้อยกว่า10ปี มีลางสัง"หอน"แปลกๆบอกไม่ถูก

ไปว่าเขา ว่าตัวผู้บริโภคดีกว่าไหมครับ แค่ทุกวันนี้พอพูดถึงระบบไฮบริดคนก็ร้องยี้ๆๆๆๆๆ ค่าบำรุงรักษาแพง แบตแพง ใช้ยาว 10 ปี ค่าดูแลแพง ขายต่อราคาตก แค่นี้ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอที่ค่ายรถไม่จำเป็นต้องเอาเทคโนโลยีไฟฟ้ามาขายเมืองไทยแล้วครับ
::)ขอโทษครับ ไม่ได้มีเจตนาว่าหรอกครับ ตัวผมก็อยากใช้ใจจะขาดไม่ชอบที่กลุ่มโอเปคทำตัวครองโลกอยู่ทุกวันนี้ เหมือนต้องยอมรับชะตากรรม เคยได้ยินญี่ปุ่นคิดค้นรถพลังน้ำเมื่อหลายปีมาแล้ว ทำไมเงียบหายไปเลย ทางเลือกพวกนี้น่าสนใจมากกว่ารถไฟฟ้าอีก

ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,488
ถ้าดูแค่อัตราเร่ง ก็แล้วแต่เอาเครื่องอะไรไปสู้

แต่ยังไง ผมว่าสู้ได้ตีนปลาย กับระยะทางวิ่งครับ

ปล. รัฐบาลก็หนุนรถไฟฟ้าเต็มที่นะ ลองแผนยุทธศาสตร์พลังงานเราดีๆ แต่ๆ โรงไฟฟ้าเราพอไหมครับ แทบไม่ได้สร้างใหม่ไรเลยนะ (แทบจะ)

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ผมชอบรถไฟฟ้า เวลาเร่งเสียงฟังไฮเทคมาก ไม่ดังรังควานชาวบ้านเขาด้วย เคยเจอไอ้พวกแต่งท่อมันไม่ยอมดับเครื่องในหมู่บ้าน ดังสนั่นอยู่นั่นแหละน่ารำคาญมากๆจะฟังเพลงก็ยังไม่ได้เลย  อีกทั้งรถไฟฟ้าไม่ปล่อยมลพิษทั้งทางอากาศและทางเสียงในพื้นที่ชุมชนผมยิ่งสนับสนุน และในอนาคตประสิทธิภาพน่าจะไปได้ไกลกว่าเครื่องสันดาปครับ

ออฟไลน์ CJ.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,946
คหสต.เรื่อง feeling ล้วนๆครับ แค่รถเกียร์ CVT กับ Auto ปกติ Feeling ความสนุกก็ต่างแล้ว

อีกอย่างรถ Hybrid ผมก็ใช้นะ แต่ไม่ชอบเหมือนเครื่องล้วนๆ ถ้าให้ใช้รถไฟฟ้าล้วนเลยไม่เอาจริงๆ

สรุปคือผมยังชอบเครื่องล้วนๆมากกว่า Hybrid ยอมรับได้ ใช้ได้ แต่ไฟฟ้าล้วนไม่เอาครับ  :-X
2005 Jaguar XJ Super V8
2005 Mercedes-Benz C230 Kom. Sports Coupe
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Honda CR-V 2.4S
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Lexus IS300h Luxury
2021 Mercedes-Benz GLE 350de 4MATIC Exclusive
2021 Porsche 911 Carrera S