กฟผ.ทำเอ็มโอยูโรงไฟฟ้ามายตง
นายธนา พุฒรังษี รองผู้ว่าการอาวุโส และรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ EGATi เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ก่อนหน้านี้ได้นำเสนอข้อมูลไปยังกระทรวงพลังงาน ก่อนจะมีการเยือนเมียนมาร์อย่างเป็นทางการของนายกฯ โครงการที่เสนอว่ามีความเป็นไปได้ในการพัฒนาและได้มีการลงนามข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) เรียบร้อยแล้วคือโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำมายตง กำลังผลิต 7,000 เมกะวัตต์ ที่ EGATi ถือหุ้นร้อยละ 30 รัฐบาลเมียนมาร์ร้อยละ 14 และชิโนไฮโดรฯจากจีนร้อยละ 56 เฉพาะส่วนที่ EGATi ต้องลงทุนที่ประมาณ 14,000 ล้านบาท
ขณะนี้อยู่ในระหว่างจัดทำแบบประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) หลังจากนั้นจะยื่นเสนอโครงการต่อรัฐบาลเมียนมาร์ รวมถึงต้องพิจารณาร่วมกันเพิ่มเติมถึงการจัดสรรกำลังผลิตไฟฟ้าว่า 1) สัดส่วนที่ต้องป้อนความต้องการใช้ในเมียนมาร์ 2) สัดส่วนที่จะส่งผ่านระบบส่งเพื่อรองรับการใช้ในไทย และ 3) หรืออาจจะส่งไฟฟ้าทั้งหมดไปรองรับการใช้ในประเทศจีน ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
นอกจากนี้ยังมีโครงการฮัตจี ที่เคยอยู่ในแผนว่าจะพัฒนา แต่ยังคงติดปัญหาเรื่องชนกลุ่มน้อย ซึ่งต้องให้รัฐบาลเมียนมาร์ดำเนินการแก้ปัญหาก่อน ส่วนโครงการท่าซาง หากว่าสามารถพัฒนาโครงการมายตงได้สำเร็จ ก็ไม่จำเป็นต้องพัฒนาโครงการนี้ เนื่องจากอยู่ในลุ่มน้ำเดียวกัน ปริมาณน้ำไม่พอรองรับแน่นอน
"ตามแผนรับซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านไทยต้องการรวม 10,000 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับความต้องการใช้ในประเทศ ซึ่งหากพัฒนาโครงการมายตงได้ เท่ากับว่ามีกำลังผลิตในมือแล้ว 7,000 เมกะวัตต์ และยังมีอีกหลายโครงการให้พัฒนา แต่ยอมรับว่าเป็นโครงการใหญ่ ในอนาคตอาจมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดทางให้บริษัทลูกอื่น ๆ ของ กฟผ.เข้ามาถือหุ้นเพิ่มได้ แต่ขึ้นอยู่กับฝั่งเมียนมาร์ด้วยว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร"
ปตท.-ราชบุรีฯจองโครงการมะริด
นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ลงนาม MOU กับรัฐบาลเมียนมาร์ เพื่อพัฒนาโครงการมะริด ในเขตตะนาวศรี คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 170,000 ล้านบาท กำลังผลิต 2,600 เมกะวัตต์ ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง แต่รัฐบาลเมียนมาร์ยังได้เปิดทางให้บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GPSC) ในเครือบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นด้วยเช่นกัน และคาดว่าอาจจะมีนักลงทุนต่างชาติอื่น ๆ เข้ามาลงนามเพิ่มเติมอีก แต่ละรายจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน คือจะต้องไปดำเนินการศึกษาความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการ จัดหาที่ดิน จัดทำรายงาน EIA และขั้นตอนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นนำเสนอโครงการเพื่อพิจารณา
ฉะนั้นในโครงการนี้จึงมีการแข่งขันสูงมาก ทำให้ทั้งบริษัท ราชบุรีโฮลดิ้งฯ และโกลบอล เพาเวอร์ฯ ตัดสินใจเป็นพันธมิตรเพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการดังกล่าว โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องไปหารือผู้ถือหุ้นเดิมว่าจะพิจารณาสัดส่วนการถือหุ้นใหม่ในโครงการนี้อย่างไร หรืออาจจะใช้รูปแบบของบริษัท ราชบุรีโฮลดิ้งฯ คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้น่าจะสรุปได้
"ก่อนหน้านี้ราชบุรีโฮลดิ้งฯ และพันธมิตรเดิม คือบริษัท บลู เอนเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด บริษัท Vantage Kyaw Phyo เดินหน้าโครงการนี้ไปเยอะแล้ว โดยทำรายงาน EIA เปิดประชาพิจารณ์รวม 3 ครั้ง ที่สำคัญได้เลือกที่ดินไว้แล้วชัดเจน ถ้าเทียบฟอร์มกับรายอื่นแล้ว ถือว่าราชบุรีโฮลดิ้งฯ ก็มีความพร้อมไม่น้อยกว่ารายอื่นแน่นอน"
นายพงษ์ดิษฐกล่าวว่า กำลังผลิตรวม 2,600 เมกะวัตต์ จากโครงการมะริด จะใช้ถ่านหินนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย สามารถเสริมความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ของไทยได้เท่ากับโรงไฟฟ้าใหม่ถึง 2 โรง โดยจะเชื่อมโยงด้วยระบบสายส่งเข้ามาทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 3 บาทกว่า/หน่วย ซึ่งไม่แตกต่างจากราคาที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าในประเทศมาก
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานกรรมการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด กล่าวว่า พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรกับราชบุรีโฮลดิ้งฯ แต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างหารือกับผู้ถือหุ้นเดิมแต่ละรายก่อน คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ในโครงการอื่น ๆ ในเมียนมาร์ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ฯยังมีแผนที่จะร่วมพัฒนากับบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งฯ เพิ่มเติมอีกด้วย
ลุยต่อโรงไฟฟ้าถ่านหินเชียงตุง
นายพงษ์ดิษฐกล่าวเพิ่มเติมถึงการลงทุนในเมียนมาร์อีกว่า นอกเหนือจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ในแผนการลงทุนอีก คือโรงไฟฟ้าเชียงตุง ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง กำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ เงินลงทุน 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 38,000 ล้านบาท) ว่าเตรียมลงนามกับรัฐบาลเมียนมาร์เพื่ออนุมัติให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแล้วภายในเร็ว ๆ นี้ สำหรับโครงการนี้จะแตกต่างจากโครงการมะริด เนื่องจากในพื้นที่มีเหมืองถ่านหินที่สามารถป้อนการใช้ในโรงไฟฟ้าได้ทันที
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากเอกชนข้างต้นดังกล่าวแล้ว ยังมีอีกหลายเอกชนไทยที่อยู่ในธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ที่เตรียมเข้าไปประมูลโรงไฟฟ้าในอีกหลายโครงการ เช่น บริษัท บีกริม เพาเวอร์ จำกัด ที่มีแผนจะร่วมทุนกับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ ดีเวลลอปเมนท์จำกัด ด้วย
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1414138254