ผู้เขียน หัวข้อ: คุณคิดว่า ต้นทุนการผลของพวกรถ ppv กับ suv ในบ้านเรา ว่าแบบไหนมันต้นทุนสูงกว่ากัน  (อ่าน 15465 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ex_machina

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 721
ถ้าไม่เอา economy of scale มาเกี่ยวข้อง
ต้นทุน PPV สูงกว่า SUV แน่นอนครับ

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,629
ต้นทุนมันพูดยากนะครับ ถ้าเอา Part by part ยังไงๆ PPV ก็สูงกว่า
แต่พอ Cal. ออกมาในแง่ของการผลิตรถยนต์ 1 คัน

ถ้าสมมุติ ผมเอา CRV เทียบกับ FTN
ในแง่ของต้นทุนอะไหล่ FTN มีมูลค่าสูงกว่าแน่ๆ ทั้งเครื่อง เกียร เพลา วัสดุ
แต่พอคิดเป็น per unit อาจจะพอๆกัน เนื่องจากต้นทุนการพัฒนาและการ souring

บังเอิญว่ารถยนต์สมัยนี้ใช้ part ร่วมกัน สร้างบนพื้นฐานร่วมกันเยอะพอสมควร
CRV สร้างบน Civic ใช้เครื่อง Civic บ้าง Accord บ้าง
นอกจากใช้ร่วมกันได้แล้ว ต้นทุนเครื่องเบนซินยังถูกกว่าดีเซลมาก

ในส่วนของ Overhead cost ทั้งหลาย คงต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของโรงงาน
ว่าจะจัดสรรให้ลดลงได้มากน้อยขนาดไหน
บางที ต้นทุนสูง แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆต่ำ Defect น้อย พอ Allocate เข้ามา กลายเป็นพอๆกัน
  พูดถูกแล้วครับต้นทุน Part  ต่อชิ้น PPV  แพงกว่า SUV  ระดับ HRV CRV  แน่นอน  อย่างเช่นเกียร์ PPV  ที่เป็นชุดเกียร์ออโตขับ 4wd  ราคาประมาณ 1.7 แสนบาท    เกียร์ CVTของ HRV BRV  ตกลูกละ 90,000-120,000  บาท 

ข้อมูลรายละเอียดก็ตามที่ คุณ veturilo กล่าวมานั่นและเขียนได้ครอบคลุมและตรงมากที่สุดแล้ว  ผมเคยอยากจะเขียนอธิบายแบบนี้เหมือนกันใน weekendhobby.com  แต่ไม่มีเวลาเขียนรวมถึงไม่ทราบรายละเอียดจนเอามาเรียบเรียงได้หมด
นส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดคิดว่า  PPV  ใช้ชิ้นส่วนร่วมกันกับกระบะมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ราคารถควรถูกลง      ที่จริงมันไม่ใช่คนดูนะดูผิดแล้ว  สมควรหรอกที่คนในโรงงานเขาจะว่าคนมานั่งเทียนเขียนกันในเนต    เป็นต้นแชสซีย์มันก็คนละตัวกับกระบะ  หน้าแก้มหน้า ฝากระโปรง คอนโซลมันก็ไม่ใช่ตัวเดียวกันแล้ว    ค่าแม่พิมพ์คอนโซลหน้าก็ 20 กว่าล้านบาท  มันก็ใช้คนล่ะตัวกันกับกระบะ  เรือนไมล์ Speedometer ก็คนละตัวกัน ไวริ่งสายไฟก็คนละตัวกัน ประตูหน้าหลังก็คนละตัวกัน Die  แม่พิมพ์ก็คนละตัวกัน   นี่ยกตัวอย่างคร่าว ๆที่พอนึกออกเห็นกันง่าย ๆ 
ต้นทุนมันไม่ได้ถูกลง       แต่ที่ถูกลงคือการพัฒนาร่วมกันมาจากพื้นฐานกะบะเอามาต่อยอดทำให้มันลดเวลาการพัฒนารถยนต์ลงไป  เอาชิ้นส่วนบางชิ้นมาแชร์กันเพื่อลดต้นทุนลงไปบ้างรวมถึงต้นทุนการสต๊อกอะไหล่ชิ้นส่วน 
พวกรถอย่าง Brio  ก็เหมือนกัน   รถไม่ได้เหมือนกันแต่การพัฒนารถมันต้องพัฒนาให้ได้จากรุ่นนึงไปต่อยอดอีกรุ่นนึงเพื่อ....แชร์ชิ้นส่วน ลดต้นทุนการพัฒนารถยนต์ลงไป   มันถึงได้เอามาต่อยอดกับรถรุ่นอื่น  ๆได้อีก



ราคาเครื่องยนต์ผมจำได้คือราคาเครื่องยนต์ดีเซลของ วีโก้ 1KD FTV  สมัยก่อน มีราคาประมาณ 3 แสนกว่าบาท
ราคาเครื่องยนต์เบนซิน 2TR-FE  ของวีโก้มีราคาประมาณ 2 แสนกว่าบาท   ราคาจะต่างกัน 1 แสน บาท
ส่วนราคาเครื่องยนต์เบนซินในรถเก๋งขนาดเล็ก SUV  ขนาดเล็กจะถูกกว่าพวกด้านบนลงไปอีก 1 แสน  คือจะอยู่ราว2 แสนบวกลบ 
ตอนนั้นผมถึงได้บอกไงค่าซ่อมเครื่องยนต์โอเวอร์ฮอลในศูนย์ Honda 120,000  บาท   ราคามันแพงกว่าราคาโอเวอร์ฮอลในศูนย์ TOYOTA  ที่ราคา 70,000-80,000 บาท    ทั้งที่โครงสร้างราคาเครื่องยนต์ PPV  แพงกว่าเครื่องยนต์รถเก๋งอีก 1 แสนบาทเป็นอย่างน้อย   
สรุปค่าซ่อมศูนย์ Honda แพงอะไหล่แพง   ตัวรถ HRV  พวกนี้จะแพงกว่าก็ตรงภาษีสรรพสามิตแต่ผมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้สรุปราคามันออกมาได้ยังไงเพราะคนในโรงงานมันไม่รู้ต้นทุนพวกนี้หรอก   แต่ที่รู้คือ Part  PPV  ยังไงก็แพงกว่า SUV  ระดับล่าง ๆ   แตถ้าจะไปเปรียบกับ SUV  ระดับบน ๆ  อย่างพวก X3 Benz G Class  อันนั้นก็อีกเรื่องนึง พวกนั้นคงแพงกว่า PPV  จริง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 23, 2016, 10:07:59 โดย Auto »

ออฟไลน์ pee1818

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
กระทู้นี้ดีครับ เอาความรู้มาเถียงกัน

ออฟไลน์ flybigbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,564
ต้นทุนการผลิต PPV กับ SUV อันไหนแพงกว่ากัน?
ต้นทุนการผลิตของ SUV แบบมีเฟรมหรือที่เมืองไทยเรียกว่า PPV สูงกว่า SUV แบบไม่มีเฟรมครับ
เฟรมที่เพิ่มขึ้นมา เพลาขับหน้า เพลาขับหลัง เพลากลาง Transfer ฯลฯ
ต้นทุนค่าแรงในการประกอบชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเลยทำให้ต้นทุนมันแพงกว่า

แล้วที่ว่า PPV ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup แล้วไม่ทำให้ต้นทุนถูกลงเหรอ?
ผมอยากจะพูดว่า ถ้า PPV ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Pickup มันจะแพงกว่านี้อีกเยอะจนซื้อกันไม่ลง

PPV ที่ผลิตในไทยใช้พื้นฐาน (Platform) เดียวกับรถกระบะ
ชิ้นส่วนใช้ร่วมกันเยอะ volume รวมที่เยอะขึ้น ราคาชิ้นส่วนต่อชิ้นลดลง อันนี้เป็นความจริง
แต่ราคาที่มันลดลงไม่ได้ลดกันแบบ 50% เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนของ SUV นะครับ
และเราต้องไม่ลืมความเป็นจริงที่ว่าปริมาณชิ้นส่วนของ PPV
มันเยอะกว่าปริมาณชิ้นส่วนของ SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยยะ
โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญที่มีราคาค่าตัวคือ Frame, Rr Axle, Propeller Shaft
ที่ยังคงเป็นต้นทุนหลักที่ทำให้ PPV ราคาสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมแบบมีนัยะ
ทั้งต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา ต้นทุนในการจัดทำเครื่องจักรและแม่พิมพ์ ตัวโรงงาน และต้นทุนในการผลิตอื่นๆ

Frame ของ PPV สมัยใหม่ไม่ได้ก๊อบมาทั้งยวงจาก Pickup แบบ PPV สมัยโบราณแล้ว
ส่วนหน้าของเฟรมที่เป็นที่อยู่อาศัยของเครื่องยนต์อาจจะเหมือนกันแต่ก็เหมือนไม่หมด
แถม Rr Suspension มันต่างและใช้ทีมออกแบบคนละทีม

อีกประการ PPV ส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ Diesel Common Rail
ที่ปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตประมาณ 100K-120K ต่อเครื่อง
เมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรมส่วนใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
ที่มีต้นทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 40-60K ต่อเครื่อง นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ PPV ต้นทุนสูงกว่า
(Diesel E/G ซับซ้อนกว่า Otto E/G แบบมีนัยยะ
แม้ว่า Otto E/G สมัยใหม่มันจะมีระบบ valve ที่ซับซ้อน แต่ก็ยังไม่ปวกกระโหลกเท่า Common Rail)

Transmission ก็เป็นอีกส่วนที่ต้นทุนต่างกัน หลักการทำงาน ความซับซ้นอาจจะพอๆกัน
แต่ PPV รองรับการใช้งานที่หนักกว่า SUV และมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก

นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนค่าแรงในการประกอบ PPV มันยังสูงกว่า SUV (ก็ชิ้นส่วนมันเยอะกว่านิ)
ทำให้ต้นทุนโดยรวมในการผลิต PPV มันเลยยังสูงกว่า SUV ไม่มีเฟรมอยู่ดี

สำหรับขิ้นส่วนของตัวถังกับภายในห้องโดยสารระหว่าง PPV กับ SUV พอๆกันครับก็จริง
แต่ PPV มี body ใหญ่กว่า SUV อย่าที่เราเห็น die ที่ใช้ขึ้นรูปขนาดใหญ่กว่า เหล็กที่ต้องใช้เยอะกว่า
ED, Primer, Top Coat, Clear ใช้ปริมาณที่ต้องพ่นเยอะกว่า body SUV
บางยี่ห้อออกแบบให้ใช้ Console คนละแบบกับ Pickup ด้วย นี่ยิ่งทำให้ต้นทุน PPV แพงขึ้น


แล้วต้นทุนในการพัฒนา PPV กับ SUV ล่ะ อันไหนสูงกว่ากัน?
PPV เป็นรถมี Frame ต้นทุนในการพัฒนาสูงกว่ารถไม่มีเฟรมครับ นั่นคือหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมรถเก๋งบ้านๆเลยเป็นรถไม่มีเฟรม
เพราะต้นทุนการพัฒนา และต้นทุนการผลิตมันถูกกว่า เปลี่ยนโมเดลได้บ่อยๆทุกๆ 4-6 ปี
แต่สำหรับรถมีเฟรมเราจะพบว่าแค่ละยี่ห้อจะลากขายกัน 8-12 ปีก่อนจะเปลี่ยน
เพื่อให้หารกันต่อหน่วยแล้วมันคุ้มที่จะทำ เพราะต้นทุนการพัฒนา Chassis มันสูงแบบไม่ธรรมดา

หรือถ้ามันไม่ได้ลากขายกันยาวๆก็จะไม่เปลี่ยน Frame บ่อยๆเพื่อที่จะไม่ต้องเสียต้นทุนพัฒนา Chassis อีก

ส่วนการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆที่ติดเข้าไปนั้น แต่ก่อน PPV อาจจะไม่ค่อยมีอะไรเมื่อเทียบกับ SUV ไม่มีเฟรม
แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไป PPV มันมีอุปกรณ์ที่รถเก๋งมี ดังนั้น จะพูดว่า SUV ไม่มีเฟรมมีค่าพัฒนาสูงกว่าเพราะมี option มากกว่า
สมัยนี้คงพูดได้ไม่ค่อยเต็มปากครับ


แล้วทำไม Pickup ก็มีเฟรมไม่แพงกว่ารถเก๋งบ้านๆล่ะ รถมีเฟรมต้นทุนสูงกว่าไม่ใช่เหรอ?
ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตรถ Pickup บ้านเราอยู่ในระดับ 3%-15% เลยทำให้ราคามันพอๆกับรถเก๋ง B Segment (ภาษี 25%-30%)
ถ้าจะเอากันจริงๆให้ Pickup โดนภาษีโครงสร้างเดียวกันกับรถเก๋ง รุ่นถูกสุดจะกลายเป็นราคาประมาณ 600-700K (ตอนนี้ราวๆ 4xx-5xxK)
ส่วนรุ่น Top จะราคาราวๆ 1.3-1.4M <--- ไปซื้อ D-Segment ดีกว่ามั้ย???
สรุปก็คือ ถ้าไม่มีภาษีสรรพสามิตมาบิดเบือนหรือโดนภาษีในระดับเดียวกันหรือไม่มีภาษีเลย รถ Pickup จะแพงกว่ารถเก๋งครับ


แล้ว PPV ที่ขายกันปัจจุบันราคา 1.1M-1.7M มันไม่แพงไปเหรอ แต่ก่อนแค่ 8xxK เอง?
สมัยก่อน PPV เอามาขายนั้น เครื่องก็เป็น DI ธรรมดา 90hp อย่างมากก็มี Turbo มาลูกนึง 115hp
ABS ก็มีบ้างไม่มีบ้าง ข้างในเหมือนกระบะไม่มีผิด ช่วงล่างก็แหนบเด้งๆ เบาะหนังก็ต้องไปหุ้มเอง
ไม่น่าใช้งานเอาซะเลยถ้าบ้านไม่ได้มีถนนลูกรัง

ปัจจุบัน PPV มันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่เอาเฟรมกระบะมาใส่ Body ให้เป็นเก๋ง
แต่มันคือการพัฒนา SUV มีเฟรมที่อิง Platform บางส่วนจากกระบะเพื่อให้ต้นทุนมันถูกลง
เราจะเห็นว่ามันหรูหราขึ้น แตกต่างจาก Pickup อุปกรณ์ความปลอดภัย ABS/VSC/TRC Airbag มาเต็ม

ถ้าเทียบกับ Australia Fortuner เครื่อง GD2.8 รุ่นถูกสุดราคาพอๆกับ Aurion V6 3.5 รุ่นถูกสุดและแพงกว่า RAV4 นะครับ

ผมว่าราคาในไทยมันแพงเพราะภาษี (30% สำหรับเครื่องเล็กกว่า 3.25L) และราคามันสูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
และด้วยเหตุที่เรายังติดกับความรู้สึกว่า "มันคือเฟรมกระบะเอามาเปลี่ยนหัวมันต้องราคาถูกสิ"
เราเลยยังรู้สึกว่ามันแพงกว่า SUV ไม่มีเฟรม ทั้งๆที่รถ SUV ไม่มีเฟรมมันคือเอารถเก๋งบ้านๆราคา 6-7 แสนมายกสูง
แล้วตีป้ายราคาว่าล้านกว่า (กำไรโครตๆ)

เช่น HR-V คือรถขนาดตัวเท่า City เอามายกสูง
(OK ล่ะว่า body shape มันไม่ใช่ แต่ wheel base + body dimension มันใกล้เคียงกันมาก)
ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ เครื่องใหญ่อีกนิด จากราคา City 6 แสนเศษ HR-V กลับตั้งราคาเหยียบล้าน
เอารถขนาดพอๆกับ City มายกสูงขึ้น เครื่องใหญ่ขึ้นอีกนิด ภายในดูจะดี แล้วขายราคาแพงขึ้นอีก 4-5 แสนเนี้ยนะ!?
ต้นทุนของสิ่งที่ยัดเพิ่มเข้าไปจาก City ให้กลายเป็น HR-V ยังไม่ถึง 2 แสนเลยด้วยซ้ำ (กำไรโครตๆ)

ถ้าเอา City มาวางเครื่อง 1.8 ทาปาก เขียนคิ้วใหม่ แต่งตัวใหม่ แล้วขายราคา 9 แสนคงไม่มีคนซื้อ

แต่พอเราดู SUV มี Frame เช่น Prado เรากลับไม่รู้สึกว่ามันคือ PPV ที่ในความรู้สึกของเราบอกว่ามันควรจะถูกกว่านี้
ทั้งๆที่ Frame ช่วงด้านหน้ามันมาจาก Hilux ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Fortuner

ผมกลับมองว่า SUV ไม่มีเฟรมสิที่สมควรจะถูกลงกว่านี้ ชิ้นส่วนก็น้อยกว่า วิธีการประกอบก็เหมือนรถเก๋งบ้านๆ
ไม่ได้มี process การประกอบที่ซับซ้อนหรือมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมมากขึ้น แค่ suspension มันยกตัวสูงขึ้นแค่นั้นเอง
(แต่ที่มันต้องขายราคานี้เพราะ volume หรือยอดขายมันน้อย และอายุตลาดสั้น เลยต้องขายให้ margin สูงกว่า PPV)

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆๆๆครับ

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,641
    • อีเมล์
กระทู้ดีๆ ได้ความรู้ครับ แบบนี้เรียกว่าถกกันบนข้อมูลที่ต่างกัน แต่มีที่มาที่ไป มีเหตุมีผล

ไม่ว่าจะมีอะไรคลาดเคลื่อนไปบ้าง ถือว่ามาแชร์ข้อมูลซึ่งกันและกัน

มาตามอ่านด้วย และขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,360
มีปุ่มแชร์ มั้ยครับ กระทู้นี้ข้อมูลเนื้อๆเลย :D :D :D :D :D

ออฟไลน์ keamgladnan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 357
กระทู้นี้จริงๆเข้ามาอ่านและปิดไป ว่าจะไม่ตอบแล้ว เพราะมันซับซ้อนหลายไดเมนชั่น  แต่เอาซะหน่อย

คหสต ผม  ppv ไม่มีทางเลยที่จะต้นทุนถูกกว่า suv

บางคนอาจรับไม่ได้ ถ้าคุณใช้ความรู้สึก ความหรูหรา ตำแหน่งทางการตลาดมาวัด ใช่ครับ suv มันอยู่เหนือกว่านิดๆ ดูดีกว่า คนขับมีระดับกว่า

แต่ลองดูให้ดีๆ  ดูง่ายๆที่สุดเลย ไม่ต้องมีความรู้เรื่องรถ  ภาษีสรรพสามิตรมันเท่าไร่    แล้วราคาขายของ suv / ppv บ้านๆมันใกล้เคียงกันมาก 
รถ suv ภาษีมากกว่า  ส่วน Ppv ภาษีน้อยกว่า 
แล้วมันจะเป็นไปได้ไงครับที่ต้นทุน suv ที่บอกกันว่าเฮ้ย มันดูดี ดูหรู มีระดับ เสียภาษีสรรพสามิตรก็แพงกว่า ต้นทุนแพงกว่า ppv  แต่ดันขายราคาเท่ากับ ppv 
หลักการตั้งราคา ต้นทุน มันเป็นไปไมไ่ด้เลยที่ suv จะต้นทุนแพงกว่า ppv ครับ

เอาง่ายๆภาพลัก Ppv มันคือกระบะ คนมองว่ากระบะถูก ควันดำ เครื่องสั่น ดีเซล ยี้ราคา 5-7 แสน ถูก  แต่มันถูกเพราะภาษีสรรพสามิตรมันบิดเบือน   ต้นทุนมันพอๆกะ c-d เซ็กเม้นแหละ ถ้าคิดภาษีเท่าๆกัน 
ึุคล้ายๆน้ำมัน บ้านเราถาแผ่ตารางออกมาจะเห็นเลยว่ามันแพงเพราะภาษีกะกองทุน

เราตกอยู่ในยุคของการตลาดครอบงำ ใครสร้างภาพลักที่ดีได้ ก็ได้รับความนิยม suv มันดูดี คนก็นึกว่าคุณภาพสูง ต้นทุนสูง  มันใช่เหรอ   ค่านิยมมันเรื่องของอะไรหลายๆอย่างในประเทศนั้น  เมืองนอกคนขับกระบะนี่คนมีตังนะ   บ้านเราคือพวกคนงานขับ
เมืองนอกเครื่องดื่ม redbull นี่ภาพลักก็ไม่เหมือนบ้านเรา สปอร์ต  บ้านเราคนดื่น energy drink คือชนชั้นแรงงาน
มันคือภาพลักษทั้งนั้นเลย   

ต้นทุน จริงๆ ดูราคาขาย กับภาษีก็รู้แล้วว่าต้นทุนอันไหนเท่าไร ใครถูกใครแพง   มันเป้นไปไม่ได้ที่ ค่ายรถทุกค่ายจะพร้อมใจกันโก่งราคารถ ppv ขึ้นไปเท่า suv ทั้งๆที่ต้นทุนถูกแสนถูกอย่างที่เข้าใจกัน 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 23, 2016, 16:28:48 โดย keamgladnan »

ออฟไลน์ mothsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,559
แล้วถ้ามองในมุมของ PPV รุ่นนึงผลิตขายเกือบ 10 ปี
กับ SUV ที่ขายเต็มที่ไม่เกิน 5 ปีล่ะครับ
คิดว่าคนผลิตรถประเภทไหน ฟันกำไรเยอะกว่ากัน

หรอือย่างโปรเจ็คยักษ์ ของเจ้าตลาด ที่ plan ว่าจะขายทั้งหมด หลายล้านชิ้น
สุดท้ายตอนนี้ยอดมไม่กระเตืองเลย เดือนร้อนกันถ้วนหน้า ทำแม่พิมพ์ไว้เพียบ แต่ไม่มี order ให้ผลิต

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
แล้วถ้ามองในมุมของ PPV รุ่นนึงผลิตขายเกือบ 10 ปี
กับ SUV ที่ขายเต็มที่ไม่เกิน 5 ปีล่ะครับ
คิดว่าคนผลิตรถประเภทไหน ฟันกำไรเยอะกว่ากัน

หรอือย่างโปรเจ็คยักษ์ ของเจ้าตลาด ที่ plan ว่าจะขายทั้งหมด หลายล้านชิ้น
สุดท้ายตอนนี้ยอดมไม่กระเตืองเลย เดือนร้อนกันถ้วนหน้า ทำแม่พิมพ์ไว้เพียบ แต่ไม่มี order ให้ผลิต

ให้ลองมองแบบนี้ครับ
PPV/กระบะ ต้นทุนสูง จึงต้องขายยาวๆ ตามหลักเดิมๆ เดิมบริษัทกำหนดไว้ที่ 8 ปีค่อยเปลี่ยนรุ่น
แต่ปัจจุบันถึง 10 ปีก็มี
Crossover SUV ต้นทุนไม่ได้สูงเป็นพิเศษ บวกกำไรได้เยอะ ขาย 4-5 ปีเหมือนรถเก๋งก็ได้กำไรเยอะแล้ว

PPV/กระบะ ขายยาวๆ ในที่สุดกำไรมันเยอะอยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่มีคนอยากทำขาย
แต่ความเสี่ยงทางด้านธุรกิจนี้ ปกติเค้าจะไม่เอายอดขายหวังผลมาหารเพื่อตั้งราคาขายแต่แรก
ที่แถลงตอนเปิดตัวว่าจะได้เดือนละ 8-9 พันคัน ขายจริงอาจจะได้แค่ครึ่งของตัวเลขนั้น
หรือบางทียอดขายไม่ดี ก็ต้องลดราคาขายลงไปอีกเพื่อทำยอด ดังนั้น จะคิดตั้งราคาแบบเอา
ยอดขายตลอดอายุตลาด เพื่อมาตั้งราคาขายให้ถูกตั้งแต่แรกเป็นความเสี่ยงมากๆ ต่อการขาดทุนนะครับ
เมื่อเทียบกับ SUV มัน forecast ได้ง่ายกว่า เพราะใช้ระยะเวลาสั้น กำไรต่อหน่วยสูง
ต้นทุนต่ำกว่าความเสี่ยงน้อยกว่า

ถ้าคิดแบบไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย ถึงจะคิดออกมาแบบท่านได้ครับ

และลองสังเกตุดู การทำ กระบะ/SUV body on frame มันมีแค่โมเดลเดียวในแต่ละค่าย
มีค่ายรถไม่กี่ค่ายที่ทำ กับ crossover SUV ที่วันดีคืนดีก็ปั้มรุ่นใหม่ๆ มาขายเรื่อยๆ เหมือนแฟชั่น
หลายรุ่น หลายแบบ แบรนด์ละ 3-4 โมเดล ก็เป็นการชี้ให้เห็นอยู่แล้วว่า มันทำไม่ยาก ต้นทุนน้อย
กำไรดี ความเสี่ยงน้อย กำไรเห็นๆ ตามนี้แหล่ะครับ


ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,907
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
อ่านแล้วรู้เลยว่ายี่ห้อไหน. เล่นยี่ห้อไหน

แต่ มันก็แปลกน่ะทั้งๆที่ถูกกว่าแต่ไม่ทำ.

ออฟไลน์ kittiphat123

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,017
    • อีเมล์
ข้อมูลดีๆทั้งนั้นครับ ขอบคุณมากครับ ด้วยความเคารพ

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
อ่านแล้วรู้เลยว่ายี่ห้อไหน. เล่นยี่ห้อไหน

แต่ มันก็แปลกน่ะทั้งๆที่ถูกกว่าแต่ไม่ทำ.

หากอ้างอิงถึง Toyota
สำหรับเค้าการทำ Crossover อาจมีความเสี่ยงในการเจ๊งได้ง่ายกว่าทำรถ Body on frame ครับ
Isuzu ก็เช่นกัน มันขึ้นอยู่กับบริบทด้วย เพราะสองค่ายนี้เป็นเจ้าตลาดรถประเภทนี้อยู่แล้ว

*เพิ่มเติม
บริบทที่ว่าคือเมืองไทยที่มีอัตราภาษีส่งเสริมการผลิตรถกระบะ ค่ายรถที่ยึดที่นี้เป็นฐานผลิตกระบะตั้งแต่
สมัยก่อนโน้นจึงต้องทำ SUV body on frame ในภายหลังไปโดยปริยาย บางค่ายที่ยังไม่เคยทำ หรือตัด
สินใจช้า เพราะเค้าได้คำนึงถึงความเสี่ยงในการลงทุนที่สูงโดยเฉพาะกับค่ายที่ไม่ใช่เจ้าตลาด

แต่ล่ะค่ายก็มีบริบทต่างกัน แต่ก็หนีความจริงเรื่องการลงทุนสูงของรถ Body on frame ไปไม่ได้
Honda จึงไม่ได้ทำ และคงไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะตนเองตกรถไฟสำหรับในตลาดนี้ไปนานแล้ว
ค่ายฝรั่งคิดถูกอย่างหนึ่งที่เข้าไป join กับค่ายญี่ปุ่น ทำกระบะ จนคนยอมรับในระดับหนึ่ง
แล้วทำ SUV พื้นฐานกระบะออกมาทำให้อยู่ในตลาดนี้ได้ แม้จะไม่ได้เป็นเจ้าตลาด
แล้วสังเกตุดูดีๆ ในต่างประเทศค่ายที่ไม่ได้ทำกระบะ ก็จะเข้ามาจีบรถญี่ปุ่นที่ทำกระบะอยู่แล้ว
เพราะการลงทุนใหม่หมดสำหรับรถใน category นี้ มันแพงกว่าสร้าง CrossoverSUV ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2016, 07:49:20 โดย ned »

ออฟไลน์ PEAY

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 220
    • อีเมล์
 ส่วนตัวผมถึง สมมุติว่าไม่ได้อ่านกระทู้ม่เลยก็ขอเลือกPPVครับ ถ้าเฟรมไม่แพงค่ายเบนซ์คงไม่เอาเฟรมนิสสันมาพัฒนาปิคอัพของตนนะครับ
 แล้วก็ราคารถในต่างประเทศด้วยรถมีเฟรมนี่แพงกว่าไม่มีเฟรมนะ

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
อ่านแล้วรู้เลยว่ายี่ห้อไหน. เล่นยี่ห้อไหน

แต่ มันก็แปลกน่ะทั้งๆที่ถูกกว่าแต่ไม่ทำ.

เดี๋ยวก็มาแต่เป็น B-SUV ครับ ส่วน C-SUV ไม่มาเพราะจะฆ่ากันเองเหมือน Chevrolet ครับ ลูกค้าเข้าโชว์รูมไปแล้วสับสนมึนงงเลยทีเดียวว่าควรซื้อ Trailblazer หรือ Captiva ดี และgxHoโจทย์ให้นิสสันเช่นกันว่าจะทำยังไง NP300SUV ให้ฆ่ากันเองกับ X-Trail น้อยที่สุด

ออฟไลน์ legion

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 252
Ppv แพงกว่าเยอะครับ
ดูราคาขายที่ออสเตรเลียก็ได้ อัตราภาษีใกล้เคียงกัน เพราะเขาไม่แยกsuv ppv
Cx5 crv xtrail ราคาราวๆ 3 หมื่นกว่าเหรียญ ในรุ่นกลางถึงสูง
Everest top ราคา 7.8 หมื่นเหรียญ
Fortuner top ราคาเกือบๆ 7 หมื่นเหรียญ
ชอบความเห็นคุณ veturilo ครับ รู้จริง ไม่มั่ว