ผู้เขียน หัวข้อ: เริ่มเห็นพวกเต้นท์ย้ายหรือปิดกิจการแล้วครับ อ.วีระก็บอก อีก3 ปีเศรษฐกิจยังอันตราย  (อ่าน 10571 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ty ESC

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,786
อีกเปนสิบปีครับ

เราตกหล่มทางโครงสร้างเศรษฐกิจ
และการศึกษาเราล้มเหลวทางการสร้างบุคลากร
รวมถึงเราไม่มีเทคโนโลยีเองในมือเลย


การจะแก้อะไรแบบนี้ มันต้องทำกันเปนสิบๆปีถึงจะแก้ได้ทั้งระบบครับ
แต่ถ้าจะเอาแต่รอดแค่คนกลุ่มเดียวระดับบนๆหรือองคกรใหญ่แบบนั้นทำได้เร็วกว่า
แต่ก็ตะยิ่งถ่างความเหลื่อมล้ำและห่างไกลจากการแก้ที่โครงสร้างเข้าไปอีก

ตราบใดยังแก้คนไม่ได้ ก็ยังไปไหนไม่ได้ครับ
การศึกษาเราถอยหลังไม่ทันกับแนวทางของทั้งโลกแล้ว
ยิ่งปล่อยไปก็ยิ่งห่างไกลขณะที่ตปทเค้าก็ทิ้งเราไปเรื่อยๆ

อดทนสู้กันไปครับเกิดมาประเทศนี้แล้วทำให้ดีที่สุดครับบ่นได้แต่ก็ช่วยกันครับ

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,948
    • อีเมล์
ช่วยแชร์ครับ

เอาเรื่องเต๊นท์รถก่อน .... คือบางที่ ที่ปิดตัวลง หรือย้าย เพราะพฤติกรรมการซื้อรถของคนสมัยนี้คือ เค้าไม่มาเดินตามเต้นท์กันแล้วครับ ... เค้าดูในเน็ท และไหนจะรถที่เจ้าของรถขายเองอีก .... คนซื้อบางคนพอรู้ว่ารถเต้นท์ ก็ไม่ซื้อจะตามหาแต่รถบ้าน .... เต้นท์ก็เลยเปลี่ยนตัวเองเป็นรถบ้าน คือ ปิดเต้น เอารถไปจอดบ้าน ถ่ายรูปขายในเน็ท ไม่เสียค่าที่ด้วย ...

ทีนี้มาเรื่องเศรษฐ์กิจ ที่หลายคนบอก แย่ ....

เราเคยสังเกตุไหมครับ คนที่ว่าแย่ คือคนกลุ่มไหน อาชีพอะไร ....
คนรวยขึ้นมีเยอะนะครับ สังเกตุได้จากยอดขายของรถนำเข้า และรถหรูอย่าง Banz , BMW ที่วิ่งกันเยอะขึ้นบนท้องถนน ... แต่รถญี่ปุ่นกลับยอดตก .... มันหมายถึงอะไร ...

ชนชั้นกลาง ที่เป็นพนักงานบริษัท กินเงินเดือนฟิก พวกนี้ไม่กระทบเท่าไรครับ ชิวๆ แต่โบนัสก็ไม่ได้อู่ฟู่
ชนชั้นกลางที่เปิดร้านขายของตามห้าง อาคารพาณิชย์ พวกนี้แย่ลงครับ เพราะพฤติกรรมการซื้อเปลี่ยนไป คนหันไปซื้อของ online กันมากขึ้น เพราะราคาถูกกว่า ส่งถึงที่ และบางที่เก็บเงินปลายทางด้วย .. เพื่อนผมเปิดร้านมือถือในห้างดัง บางทีมันยังต้องเอามือถือถ่ายรูปลงขายในเน็ท ด้วย รอขายหน้าห้างอย่างเดียวไม่เกิดครับ การแข่งขันสูง สุดท้าย ขายในเน็ทดีกว่าขายในห้างซะงั้น .... ทั้งๆที่ตั้งราคาพอๆกัน แต่ที่ลูกค้าเลือกซื้อเพราะ คิดว่า เจ้าของขายเอง ไม่ใช่ร้านมาขาย(แบบเดียวกับรถมือ2)

ชนชั้นบน ที่รวยขึ้น ส่วนใหญ่เป็นบริษัทฯที่ทำธุรกิจแบบ โปรเจค ไม่ใช่ค้าขาย แต่เป็นธุรกิจที่ขายความคิดขายดีไซด์ พวกนี้ฟันกำไรได้มากครับ หรือไม่ก็เป็นบริษัทฯที่รับสินค้าจากจีนมาขายในไทย พวกเครื่องสำอาง พวกนี้ ....

การศึกษา ถามว่ามีผลไหมผมว่ามี ... แต่ไม่ใช่ว่า เรียนแย่โรงเรียนไม่ดีนะ .... แต่การศึกษาไทย สอนให้คนเป็นลูกจ้างมากกว่า ที่จะปลูกฝังให้พัฒนาตนเอง คิดประดิษฐ์อะไรใหม่ๆ ความสามารถคน วัดกันแค่ใบปริญญา แต่คนที่ทำงานหลักแหลม มองแนวทางใหม่ๆได้ กลับเป็นคนที่การศึกษาน้อยซะงั้น ...

สังเกตุสิ เจ้าของร้าน เจ้าของกิจการ ใหญ่ๆรวยๆ ส่วนใหญ่ ก็คนมีการศึกษาน้อยที่ดิ้นรน จนเติบโต ... แล้วก็จ้างพวกจบ ตรี จบโท มาเป็นลูกน้อง .......  กันทั้งนั้น ...

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,705
อีกเปนสิบปีครับ

เราตกหล่มทางโครงสร้างเศรษฐกิจ
และการศึกษาเราล้มเหลวทางการสร้างบุคลากร
รวมถึงเราไม่มีเทคโนโลยีเองในมือเลย


การจะแก้อะไรแบบนี้ มันต้องทำกันเปนสิบๆปีถึงจะแก้ได้ทั้งระบบครับ
แต่ถ้าจะเอาแต่รอดแค่คนกลุ่มเดียวระดับบนๆหรือองคกรใหญ่แบบนั้นทำได้เร็วกว่า
แต่ก็ตะยิ่งถ่างความเหลื่อมล้ำและห่างไกลจากการแก้ที่โครงสร้างเข้าไปอีก

ตราบใดยังแก้คนไม่ได้ ก็ยังไปไหนไม่ได้ครับ
การศึกษาเราถอยหลังไม่ทันกับแนวทางของทั้งโลกแล้ว
ยิ่งปล่อยไปก็ยิ่งห่างไกลขณะที่ตปทเค้าก็ทิ้งเราไปเรื่อยๆ

อดทนสู้กันไปครับเกิดมาประเทศนี้แล้วทำให้ดีที่สุดครับบ่นได้แต่ก็ช่วยกันครับ

เห็นด้วยคับ

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
อีกเปนสิบปีครับ

เราตกหล่มทางโครงสร้างเศรษฐกิจ
และการศึกษาเราล้มเหลวทางการสร้างบุคลากร
รวมถึงเราไม่มีเทคโนโลยีเองในมือเลย


การจะแก้อะไรแบบนี้ มันต้องทำกันเปนสิบๆปีถึงจะแก้ได้ทั้งระบบครับ
แต่ถ้าจะเอาแต่รอดแค่คนกลุ่มเดียวระดับบนๆหรือองคกรใหญ่แบบนั้นทำได้เร็วกว่า
แต่ก็ตะยิ่งถ่างความเหลื่อมล้ำและห่างไกลจากการแก้ที่โครงสร้างเข้าไปอีก

ตราบใดยังแก้คนไม่ได้ ก็ยังไปไหนไม่ได้ครับ
การศึกษาเราถอยหลังไม่ทันกับแนวทางของทั้งโลกแล้ว
ยิ่งปล่อยไปก็ยิ่งห่างไกลขณะที่ตปทเค้าก็ทิ้งเราไปเรื่อยๆ

อดทนสู้กันไปครับเกิดมาประเทศนี้แล้วทำให้ดีที่สุดครับบ่นได้แต่ก็ช่วยกันครับ

ผมว่าเราผสมเรื่องกันมากเกินไปครับ ซึ่งมันจะทำให้เราแก้อะไรไม่ได้เลย
มันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องสวยหรู แต่ความเป็นจริงเราจะแก้ทั้งหมดพร้อมกันมันลำบาก
ถ้ายิ่งพูดว่าทั้งระบบยิ่งเป็นไปไม่ได้ครับ บทพิสูจน์คือช่วงเวลาที่ผ่านมาซึ่งเราก็เห็นกันดี

การพัฒนาคนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และต้องทำ แต่มันจะตามมาต่อเนื่องหลังจาก
ที่เรากลายเป็น free trade และยกระดับการจับจ่ายซื้อขายและกระกระตุ้นภาคการผลิต
และการดึงดูดการลงทุนแบบสูงสุด โดยการให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจนำ มากกว่าการ
กดค่าแรงให้ถูกนำแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และถ้าใครได้ค่าแรงถูกกว่าถึงจะได้การลงทุน
ซึ่งผิด และเป็นการสร้างระบบความเหลี่ยมล้ำทางเศรษฐกิจแบบรุนแรงแบบจีนเป็นต้น
แต่สิงคโปร์ไม่จำเป็นต้องกดค่าแรง เงินเดือนก็สูงมาก แต่ยังเป็นสถานที่ที่หอมหวลสำหรับ
การลงทุน เราจะทำแบบนั้นได้ เมื่อเราพัฒนาคนด้วยการศึกษาแบบถูกต้องตามมาหลังจาก
ที่สร้างระบบเศรษฐกิจใหม่แล้ว

เพราะปัจจุบัน เราพยายามทำให้คนที่กำลังหิว ฉลาด มัสติ และมีปัญญา ซึ่งมัน
เป็นไปไม่ได้ ถ้าร่างกายหิว เราจะเกิดปัญญาได้ยังไง เราต้องอิ่มท้องก่อน ถึงจะฟัง
ถึงจะเรียนรู้เรื่อง
หรืออีกตัวอย่าง
เรากำลังใช้วิธีการทำสมาธิ แบบที่ต้องนั่งนิ่งๆ ขัดสมาธิ ต้องทนเมื่อยเลือดไม่เดินไหลเวียน
แต่ต้องอดทนให้ได้ ต้องมีสมาธิ ในขณะที่จีนญี่ปุ่นเกาหลีใช้วิธี ทำตัวให้สบาย เพ่งไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เพื่อให้เกิดสมาธิ จิตใจสงบและมีความสุข เพราะไม่ได้ฝืนร่างกาย ซึ่งวิธีปฎิบัติทั้งสองแบบใช้ได้
ผลเหมือนกัน แต่วิธีหนึ่งคือการฝืน ซึ่งจะมีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้
เช่นเดียวกับการศึกษา
เรากลับเลือกใช้วิธีที่สามารถสอนให้คนกลุ่มหนึ่งเก่งมาก แต่เป็นกลุ่มคนที่เล็กมากๆ
ในขณะที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่สามารถเรียนตามแบบนั้นได้ ถึงได้เรียกระบบการศึกษาว่าล้มเหลว

ตามนี้ครับ

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ช่วยแชร์ครับ

เอาเรื่องเต๊นท์รถก่อน .... คือบางที่ ที่ปิดตัวลง หรือย้าย เพราะพฤติกรรมการซื้อรถของคนสมัยนี้คือ เค้าไม่มาเดินตามเต้นท์กันแล้วครับ ... เค้าดูในเน็ท และไหนจะรถที่เจ้าของรถขายเองอีก .... คนซื้อบางคนพอรู้ว่ารถเต้นท์ ก็ไม่ซื้อจะตามหาแต่รถบ้าน .... เต้นท์ก็เลยเปลี่ยนตัวเองเป็นรถบ้าน คือ ปิดเต้น เอารถไปจอดบ้าน ถ่ายรูปขายในเน็ท ไม่เสียค่าที่ด้วย ...

ทีนี้มาเรื่องเศรษฐ์กิจ ที่หลายคนบอก แย่ ....

เราเคยสังเกตุไหมครับ คนที่ว่าแย่ คือคนกลุ่มไหน อาชีพอะไร ....
คนรวยขึ้นมีเยอะนะครับ สังเกตุได้จากยอดขายของรถนำเข้า และรถหรูอย่าง Banz , BMW ที่วิ่งกันเยอะขึ้นบนท้องถนน ... แต่รถญี่ปุ่นกลับยอดตก .... มันหมายถึงอะไร ...

ชนชั้นกลาง ที่เป็นพนักงานบริษัท กินเงินเดือนฟิก พวกนี้ไม่กระทบเท่าไรครับ ชิวๆ แต่โบนัสก็ไม่ได้อู่ฟู่
ชนชั้นกลางที่เปิดร้านขายของตามห้าง อาคารพาณิชย์ พวกนี้แย่ลงครับ เพราะพฤติกรรมการซื้อเปลี่ยนไป คนหันไปซื้อของ online กันมากขึ้น เพราะราคาถูกกว่า ส่งถึงที่ และบางที่เก็บเงินปลายทางด้วย .. เพื่อนผมเปิดร้านมือถือในห้างดัง บางทีมันยังต้องเอามือถือถ่ายรูปลงขายในเน็ท ด้วย รอขายหน้าห้างอย่างเดียวไม่เกิดครับ การแข่งขันสูง สุดท้าย ขายในเน็ทดีกว่าขายในห้างซะงั้น .... ทั้งๆที่ตั้งราคาพอๆกัน แต่ที่ลูกค้าเลือกซื้อเพราะ คิดว่า เจ้าของขายเอง ไม่ใช่ร้านมาขาย(แบบเดียวกับรถมือ2)

ชนชั้นบน ที่รวยขึ้น ส่วนใหญ่เป็นบริษัทฯที่ทำธุรกิจแบบ โปรเจค ไม่ใช่ค้าขาย แต่เป็นธุรกิจที่ขายความคิดขายดีไซด์ พวกนี้ฟันกำไรได้มากครับ หรือไม่ก็เป็นบริษัทฯที่รับสินค้าจากจีนมาขายในไทย พวกเครื่องสำอาง พวกนี้ ....

การศึกษา ถามว่ามีผลไหมผมว่ามี ... แต่ไม่ใช่ว่า เรียนแย่โรงเรียนไม่ดีนะ .... แต่การศึกษาไทย สอนให้คนเป็นลูกจ้างมากกว่า ที่จะปลูกฝังให้พัฒนาตนเอง คิดประดิษฐ์อะไรใหม่ๆ ความสามารถคน วัดกันแค่ใบปริญญา แต่คนที่ทำงานหลักแหลม มองแนวทางใหม่ๆได้ กลับเป็นคนที่การศึกษาน้อยซะงั้น ...

สังเกตุสิ เจ้าของร้าน เจ้าของกิจการ ใหญ่ๆรวยๆ ส่วนใหญ่ ก็คนมีการศึกษาน้อยที่ดิ้นรน จนเติบโต ... แล้วก็จ้างพวกจบ ตรี จบโท มาเป็นลูกน้อง .......  กันทั้งนั้น ...

ขอแก้ไขนิดนึงนะครับ
ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน confirm ว่าดิ่งลงตั้งแต่ข้างล่างขึ้นไปข้างบนครับ
แล้วมันกำลังกินขึ้นไปเรื่อยๆ ปีนี้ คนรวยยังรวยเหมือนเดิมครับ คนทำงานบริษัท
อาจจะยังไม่โดนอะไร แต่มันกำลังกินขึ้นมาเรื่อยๆ ตรงข้ามกับวิกฤติต้มยำกุ้งครับ
ตอนนั้น มันพังจากข้างบนลงมา สถาบันการเงินเจอก่อน ถัดมาคนรวยล้มละลาย
คนชั้นกลางค่อยเริ่มตกงาน คนรากหญ้าโดนทีหลัง

ตอนนี้สังเกตุดูรถหรูขายกระจาย ใช่ครับ มันเป็นไปตามที่ผมบอก
แต่วิกฤติคราวนี้มันจะโหดยิ่งกว่าคราวนั้น เพราะมันมองไม่เห็นจุดจบว่าจะออกยังไง
ฐานที่เสียหายกว้างมากเพราะเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ปั้มฉีดเงินให้ฟรีพันๆ ล้าน
ให้เที่ยวกินแล้วเอาใบเสร็จมาลดภาษี ทั้งหมดเหมือนมลายหายไปในน้ำ แทบไม่มีอะไรกระดิกครับ

ต้องเลิกเก็บภาษีแล้วการกระตุ้นจะเริ่มต้นจากอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพการกระจายรายได้เยอะๆ
โดยอัตโนมัติ แล้วมันจะกระตุ้นด้วยตัวมันเองเป็นลูกโซ่ไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ต่อครับ
สมัยนี้รถคือปัจจัย 6 นะ นี่ตัวกระตุ้นชั้นดีที่สุด แต่ระบบภาษีเป็นของฟุ่มเฟือยอยู่ ซึ่งไม่สมเหตุผล

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
" อีก3 ปีเศรษฐกิจยังอันตราย " ไม่จริงครับ ความจริงคือ " อีกนานและเกิน 3 ปีครับ " สม.... มาช่วยก็แก้ไม่ได้ รู้ว่าต้องแก้ยังไงแต่ก็แก้ไม่ได้เพราะคนกลุ่มนึงอยากให้เป็นแบบนี้  >:(

อ.แกไม่ได้บอกว่าหลัง 3 ปีจะดีครับ
ความหมายคือ ยังไม่ดี และยิ่ง 3 ปีนี้ ยิ่งใจไม่ดี

ออฟไลน์ PunTam

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 423
    • อีเมล์
พฤติกรรมคนซื้อและขายเปลี่ยนไปครับ เดี๋ยวหน้าร้านออนไลน์ตอบโจทย์กว่า ถ้าบ้านที่กว้าง ก็แทบไม่ต้องเช่าที่ และเลือกซื้อรถตลาดๆ ที่ซื้อง่ายขายคล่องแทนครับ มีคนรอบๆตัวทำแนวๆนี้ รถออกเข้าแทบทุกวัน อยากได้อะไร ก็สั่งไว้ พอหารถได้ ดูแล้วถูกใจ ก็จบเลย ไม่ต้องเอาเงินไปจมทีหละเยอะๆครับ


ออฟไลน์ คุณพ่อหาเงิน

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 101
ช่วยแชร์ครับ

เอาเรื่องเต๊นท์รถก่อน .... คือบางที่ ที่ปิดตัวลง หรือย้าย เพราะพฤติกรรมการซื้อรถของคนสมัยนี้คือ เค้าไม่มาเดินตามเต้นท์กันแล้วครับ ... เค้าดูในเน็ท และไหนจะรถที่เจ้าของรถขายเองอีก .... คนซื้อบางคนพอรู้ว่ารถเต้นท์ ก็ไม่ซื้อจะตามหาแต่รถบ้าน .... เต้นท์ก็เลยเปลี่ยนตัวเองเป็นรถบ้าน คือ ปิดเต้น เอารถไปจอดบ้าน ถ่ายรูปขายในเน็ท ไม่เสียค่าที่ด้วย ...

ทีนี้มาเรื่องเศรษฐ์กิจ ที่หลายคนบอก แย่ ....

เราเคยสังเกตุไหมครับ คนที่ว่าแย่ คือคนกลุ่มไหน อาชีพอะไร ....
คนรวยขึ้นมีเยอะนะครับ สังเกตุได้จากยอดขายของรถนำเข้า และรถหรูอย่าง Banz , BMW ที่วิ่งกันเยอะขึ้นบนท้องถนน ... แต่รถญี่ปุ่นกลับยอดตก .... มันหมายถึงอะไร ...

ชนชั้นกลาง ที่เป็นพนักงานบริษัท กินเงินเดือนฟิก พวกนี้ไม่กระทบเท่าไรครับ ชิวๆ แต่โบนัสก็ไม่ได้อู่ฟู่
ชนชั้นกลางที่เปิดร้านขายของตามห้าง อาคารพาณิชย์ พวกนี้แย่ลงครับ เพราะพฤติกรรมการซื้อเปลี่ยนไป คนหันไปซื้อของ online กันมากขึ้น เพราะราคาถูกกว่า ส่งถึงที่ และบางที่เก็บเงินปลายทางด้วย .. เพื่อนผมเปิดร้านมือถือในห้างดัง บางทีมันยังต้องเอามือถือถ่ายรูปลงขายในเน็ท ด้วย รอขายหน้าห้างอย่างเดียวไม่เกิดครับ การแข่งขันสูง สุดท้าย ขายในเน็ทดีกว่าขายในห้างซะงั้น .... ทั้งๆที่ตั้งราคาพอๆกัน แต่ที่ลูกค้าเลือกซื้อเพราะ คิดว่า เจ้าของขายเอง ไม่ใช่ร้านมาขาย(แบบเดียวกับรถมือ2)

ชนชั้นบน ที่รวยขึ้น ส่วนใหญ่เป็นบริษัทฯที่ทำธุรกิจแบบ โปรเจค ไม่ใช่ค้าขาย แต่เป็นธุรกิจที่ขายความคิดขายดีไซด์ พวกนี้ฟันกำไรได้มากครับ หรือไม่ก็เป็นบริษัทฯที่รับสินค้าจากจีนมาขายในไทย พวกเครื่องสำอาง พวกนี้ ....

การศึกษา ถามว่ามีผลไหมผมว่ามี ... แต่ไม่ใช่ว่า เรียนแย่โรงเรียนไม่ดีนะ .... แต่การศึกษาไทย สอนให้คนเป็นลูกจ้างมากกว่า ที่จะปลูกฝังให้พัฒนาตนเอง คิดประดิษฐ์อะไรใหม่ๆ ความสามารถคน วัดกันแค่ใบปริญญา แต่คนที่ทำงานหลักแหลม มองแนวทางใหม่ๆได้ กลับเป็นคนที่การศึกษาน้อยซะงั้น ...

สังเกตุสิ เจ้าของร้าน เจ้าของกิจการ ใหญ่ๆรวยๆ ส่วนใหญ่ ก็คนมีการศึกษาน้อยที่ดิ้นรน จนเติบโต ... แล้วก็จ้างพวกจบ ตรี จบโท มาเป็นลูกน้อง .......  กันทั้งนั้น ...

ขอแก้ไขนิดนึงนะครับ
ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน confirm ว่าดิ่งลงตั้งแต่ข้างล่างขึ้นไปข้างบนครับ
แล้วมันกำลังกินขึ้นไปเรื่อยๆ ปีนี้ คนรวยยังรวยเหมือนเดิมครับ คนทำงานบริษัท
อาจจะยังไม่โดนอะไร แต่มันกำลังกินขึ้นมาเรื่อยๆ ตรงข้ามกับวิกฤติต้มยำกุ้งครับ
ตอนนั้น มันพังจากข้างบนลงมา สถาบันการเงินเจอก่อน ถัดมาคนรวยล้มละลาย
คนชั้นกลางค่อยเริ่มตกงาน คนรากหญ้าโดนทีหลัง

ตอนนี้สังเกตุดูรถหรูขายกระจาย ใช่ครับ มันเป็นไปตามที่ผมบอก
แต่วิกฤติคราวนี้มันจะโหดยิ่งกว่าคราวนั้น เพราะมันมองไม่เห็นจุดจบว่าจะออกยังไง
ฐานที่เสียหายกว้างมากเพราะเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ปั้มฉีดเงินให้ฟรีพันๆ ล้าน
ให้เที่ยวกินแล้วเอาใบเสร็จมาลดภาษี ทั้งหมดเหมือนมลายหายไปในน้ำ แทบไม่มีอะไรกระดิกครับ

ต้องเลิกเก็บภาษีแล้วการกระตุ้นจะเริ่มต้นจากอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพการกระจายรายได้เยอะๆ
โดยอัตโนมัติ แล้วมันจะกระตุ้นด้วยตัวมันเองเป็นลูกโซ่ไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ต่อครับ
สมัยนี้รถคือปัจจัย 6 นะ นี่ตัวกระตุ้นชั้นดีที่สุด แต่ระบบภาษีเป็นของฟุ่มเฟือยอยู่ ซึ่งไม่สมเหตุผล

นโยบายอัดฉีดเงินให้ประชาชนฟุ่มเฟือย ก็ทำเพื่อพวกนายทุนทั้งนะแหละครับ
ถ้าจะช่วยคนจนจริงๆ ต้องลดภาษีให้ประชาชนครับ ไม่ใช้กระตุ้นให้ใช้

ปัจจัยที่6 เนื่อผมว่า Smart phone มากกว่าครับ บางคนเปลี่ยนกัน 6เดือนเครื่องนึงครับ

ทั้งนี้ถ้าอยากขายของต้องขายถูกครับ เอากำไรน้อยแต่ขายเยอะๆครับ

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
https://www.matichonweekly.com/column/article_21559

เหมือนจะเรื่องเดียวกันกับกระทู้ แต่ยังเป็นคนล่ะเรื่องอยู่ครับ
การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรต้องเริ่มตั้งแต่เด็กอนุบาล
สมมติได้สูตรที่จะแก้ระบบการศึกษาละในวันนี้ คุณเริ่มต้นในทุระดับชั้นได้ทันที
แต่ที่จะเห็นผลจริงๆ คือรุ่นที่เป็นเด็กเล็ก ซึ่งเด็กที่โตแล้วก็จะ work ไม่เท่า

15-20 ปี กว่าจะได้ผลผลิตครับ

ซึ่ง ณ วันนี้เรายังบอกไม่ได้ว่าเราจะใช้หลักสูตรอะไรดี
แต่ครอบครัวที่พ่อแม่เก่งๆ มีวิธีคิด สอนให้ลูกรู้จักวิเคราะห์น่ะมีครับ
เพราะคนที่ไม่เชื่อมั่นในระบบการศึกษาตอนนี้เยอะนะครับ มีตังก็ส่งไปนอก
สอนเองก็มี ส่งไปโรงเรียนหลักสูตรสิงคโปร์ที่แสนแพง คนธรรมดาทำไม่ได้เลย

ถ้าเราไม่แก้เศรษฐกิจแบบที่ว่าก่อน แล้วครอบครัวทั่วๆ ไปสามารถทำแบบนั้นไม่ได้ครับ
เพราะหลักสูตรการศึกษาที่ดีอย่างว่า มันต้องมีครอบครัวร่วมด้วย ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่แค่เรียนที่
โรงเรียน แต่กลับไปบ้านพ่อแม่ต้องพูดกับเด็กด้วยเป็นต้น ถ้าคนมีเงินมีกินมีใช้ อะไรๆ ก็ตามมาเอง
ครับ เพราะคนก็ไม่ได้ฉลาด ทุกคนอ่านข่าว ดูข่าว pisa ในทีวี วิทยุ และเรื่อง
การศึกษาไทยก็โดนด่ามาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ไม่ต้องมีข่าว Pisa ผมก็ไม่ชอบ
วิธีการเรียนในระบบไทยอยู่ครับ  :-X

ไม่เลิกเก็บภาษี ผมว่าออกจาก loop ประเทศยากจนยากครับ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 18, 2017, 15:43:27 โดย Dark Overlord »

ออฟไลน์ J_Serie5

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,206
" อีก3 ปีเศรษฐกิจยังอันตราย " ไม่จริงครับ ความจริงคือ " อีกนานและเกิน 3 ปีครับ " สม.... มาช่วยก็แก้ไม่ได้ รู้ว่าต้องแก้ยังไงแต่ก็แก้ไม่ได้เพราะคนกลุ่มนึงอยากให้เป็นแบบนี้  >:(

อ.แกไม่ได้บอกว่าหลัง 3 ปีจะดีครับ
ความหมายคือ ยังไม่ดี และยิ่ง 3 ปีนี้ ยิ่งใจไม่ดี

เอาเป็นว่าวงในรู้กันหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุ ปลายเหตุก็พังอย่างทุกวันนี้ล่ะครับ ไม่ต้องโทษเหตุปัจจัยย่อยหรอกครับและมันจะพังไปเรื่อยๆตามความตั้งใจของคนกลุ่มนึง บอกเลยว่าสงสารคนทั้งประเทศที่ต้องทนรับชะตากรรม 

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
" อีก3 ปีเศรษฐกิจยังอันตราย " ไม่จริงครับ ความจริงคือ " อีกนานและเกิน 3 ปีครับ " สม.... มาช่วยก็แก้ไม่ได้ รู้ว่าต้องแก้ยังไงแต่ก็แก้ไม่ได้เพราะคนกลุ่มนึงอยากให้เป็นแบบนี้  >:(

อ.แกไม่ได้บอกว่าหลัง 3 ปีจะดีครับ
ความหมายคือ ยังไม่ดี และยิ่ง 3 ปีนี้ ยิ่งใจไม่ดี

เอาเป็นว่าวงในรู้กันหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุ ปลายเหตุก็พังอย่างทุกวันนี้ล่ะครับ ไม่ต้องโทษเหตุปัจจัยย่อยหรอกครับและมันจะพังไปเรื่อยๆตามความตั้งใจของคนกลุ่มนึง บอกเลยว่าสงสารคนทั้งประเทศที่ต้องทนรับชะตากรรม

คนกลุ่มหนึ่งนี่ถึงขั้น*****มั้ยครับ ที่ประมาณว่าพูดไม่ได้เดี๋ยวติดคุก

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,427
เศรษฐกิจแก้ยากครับ มันหลายอย่าง พันกันมั่วไปหมด  :( :( :(