CVT ก็คือ CVT วันยังค่ำ ต่อให้เว่อร์ชั่นใหม่ เว่อร์ชั่นใหม่กว่า เว่อร์ชั่นใหม่สุดๆ เว่อร์ชั่นโคตรใหม่ใน 3 โลก ก็ไม่มีวันตอบสนองได้ดีเท่ากับ AT หรือ DCT เพราะถ้าจะให้ตอบสนองแบบปรูดปราด จะต้องรูดโซ่เหล็กให้สีกับผิวพูลเลย์ขึ้นลงอย่างฉับพลัน ผลที่ตามมาคือ โซ่สลิป ขาด พังไม่เกิน 1,000 กิโล อย่างงัยผมก็ไม่ซื้อรถที่ใช้เกียร์ CVT เพราะถ้า CVT ดีจริง Audi ก็ไม่ทิ้ง CVT ลงถังขยะ ทั้งที่ใช้มา 10 กว่าปี ก่อนรถญี่ปุ่นซะอีก หมดค่า R&D ไปมากมาย ส่วนข้อดีของ CVT ที่ชอบใช้อ้างกันว่า CVT ช่วยประหยัดน้ำมัน ก็เคยมีการรายงานการทดสอบจากญี่ปุ่นว่า ตัวเลขประหยัดน้ำมันของ CVT ตามที่ค่ายรถญี่ปุ่นอ้างกันนั้น บางรุ่นเกินจริงไปถึง 20% !!!!!
ถ้าอย่างนั้นเป็นเพราะอะไร ทำไม CRV mc เครื่อง 2.4 แค่เปลี่ยนเกียร์จาก 5at มาเป็น cvt ถึงสามารถทำอัตตราเร่งและการประหยัดได้ดีกว่าเดิม อันนี้ไม่ได้อ้างอิงจากญี่ปุ่นแต่อ้างอิงจากการทดสอบของเวปนี้
นั่นสิครับ ผมเห็นพวกเครื่องเดิมแต่เปลี่ยนเกียร์เป็น cvt อัตราเร่งดีขึ้นหมดเลยนะครับ โดยเฉพาะพวก honda gen ใหม่ๆนี่เห็นชัดเลย
แต่ฟิลลิ่งมันทำให้รู้สึกช้ากว่า AT
ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าเกียร์ cvt เสียเปรียบเกียร์ at ตรงที่ต้องให้เวลามันในการตอบสนองหลังจากกดคันเร่งในตอนแรกมากกว่า at ครับ
ถ้าวัดกันแบบ 0-20 20-40 40-60 อะไรประมานนี้ ผมคิดว่า at น่าจะได้เปรียบ
เพราะว่าเกียร์ cvt ต้องใช้เวลาในการเริ่มสร้างความเร็วมากกว่า
สังเกตุว่าเกียร์ cvt พอเริ่มเหยียบแล้วมันจะยังง่วงๆ เสร็จแล้วมันก้จะค่อยๆไหลไปเรื่อยๆ บวกกับการที่มันสามารถอยู่ที่รอบที่ให้แรงม้าสูงสุดได้ตลอดเวลาทำให้พอไหลแล้ว ไหลได้เร็วกว่า at ครับ เพราะฉนั้นถ้าวัดกันช่วงยาวๆตาม hlm อย่างเช่น 0-100 at ก็จะโดนครับ
at จะแพ้ cvt ในอัตราเร่งยาวๆ เนื่องจาก at จะมีช่วงที่พลังมาได้ไม่เต็มที่อย่างเช่นช่วงตัดเปลี่ยนเกียร์
รถบ้านหลายๆคัน 0-100 ต้องใช้ถึง 3 เกียร์ การที่ต้องตัดเปลี่ยนเกียร์ไป 2 รอบก็ทำให้ 0-100 ช้าลงได้เหมือนกันครับ
ส่วนเรื่องประหยัดน้ำมัน เรื่อง efficiency ของการส่งพลังจากเครื่องลงล้อนี่ผมไม่แน่ใจ
แต่เท่าที่เห็นพอรถเกียร์ at ถูถแทนที่ด้วย cvt ก็มักจะมีรอบที่ต่ำกว่าในความเร็วเดินทาง เนื่องจากอัตราทนแปรผันสามารถทดเกียร์ให้ต่ำได้กว่า เฟืองเกียร์ 5 หรือ 6 ในรถ at ทำให้เดินทางไกล 110 เปิดแอร์นั่งสองคนแล้วประหยัดกว่าตอนยังเป็น at ครับ
ทั้งหมดเป็นความคิดส่วนตัว