ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเอาราคาเป็นตัวตั้ง คนส่วนใหญ่ จะติดราคารถยนต์ อยู่ตรง 1.5-1.8 M  (อ่าน 5874 ครั้ง)

ออฟไลน์ Red Bicycle

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
 :) :) :) ตอนที่เริ่มใช้รถราคา 4-5 แสน แล้วค่อยขยับ มาเป็น 6-7 แสน มาเป็น 1.0-1.2 ล้าน
ก็ค่อยๆขยับราคามาเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป แล้วกำลังซื้อ OK  จนกระทั่งมาถึง ราคาประมาณ
1.5-1.8 ล้าน ผมเห็นว่าคนจำนวนมากจะสุดที่ราคาประมาณนี้ ถึงแม้ว่ากำลังซื้อจะเพิ่มมากกว่าเดิมมากแล้ว
ถึงจะซื้อรถอีกก็จะวนเวียนอยู่ราคาแถวนี้หรือไม่ก็ลงไปราคาต่ำกว่านี้  จะมีคนไม่มากนักที่จะก้าวไปเล่นรถ ที่ราคาเกินกว่านี้ไปนะครับ แสดงว่าคนบ้านเราน่าจะมีเหตุผลในใจคล้ายกันอยู่นะครับสำหรับเรื่องนี้

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
ผมว่ามันมาจากอายุและภาระหน้าที่ที่มากขึ้นครับ

เอาตามอายุผมกับเพื่อนๆนะ

- วัยรุ่น
ผมเริ่มเล่นรถราคา 6-8 แสน ตอนอายุ 18 หมาดๆ
ก็ราวๆ B-Segment C-Segment (สมัยนั้นยังไม่มีอีโค้คาร์)

- วัยหนุ่ม
ขยับมาเล่นรถราคา6แสน ถึงล้านต้นๆ
ส่วนมากก็มาสด้า3 แอคคอร์ด แคมรี่ หรือบางคนก็ยังขับ B-Segment คันเดิมนั่นหล่ะ
บางคนเพิ่งมีรถก็เริ่มจากอีโค้คาร์หรือแจ๊ส ขับให้ชินก่อน

- วัยหนุ่มตอนกลาง
ผมว่าช่วงนี้เป็นช่วงชีวิตที่อยู่ตัวแล้ว รู้แล้วว่าตัวเองเหมาะกับรถแบบไหน ราคาเท่าไหร่
บางคนไม่รู้จะขับคันใหญ่ขึ้นทำไม
บางคนก็ให้รางวัลชีวิต อันนี้แล้วแต่

- วัยรุ่นตอนปลาย (แบบผมตอนนี้)
เริ่มมีลูก มีเมียกันแล้ว ผมว่านี่คือจุดหักเหของชีวิต
เพื่อนผมขายซีรี่ห์3ทิ้งแล้วไปขับ CRV แทน
บางคนจะขับรถแพงก็ไม่ได้แล้วเพราะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป

โดยรวมๆแล้ว ผมว่าฐานเงินเดือนที่โตขึ้นจนมันอิ่มตัว
พอจะขยับไปเล่นรถราคา 2 ล้านอัพก็เจอภาระด้านครอบครัว ความมั่นคงในชีวิต
เลยทำให้ตลาดรถมันมีเพดานราคาของมันอยู่

ออฟไลน์ Fat

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 341
ผมว่าจริงๆแล้วไม่ได้ติดราคาช่วงนี้หรอกครับ เพียงแต่รถราคาในระดับนี้ มันจะอยู่ฝั่งญี่ปุ่นมากกว่า เกินกว่านี้จะเข้าสู่ความเป็นยุโรป ซึ่งก็เป็นยุโรปในระดับเริ่มต้น (พูดถึงเฉพาะป้ายแดงนะครับ) ซึ่งก็จะต้องเจอปัญหาในเรื่องของขนาดตัวรถ พื้นที่หัองโดยสาร ซึ่งฝั่งญี่ปุ่นแน่นอนว่าได้ระดับ D-seg แต่ยุโรปแต่แค่ C-seg หรือเล็กกว่านั้น ตรงนี้ต่างหากที่ผมว่าเป็นจุดสำคัญในการตัดสินใจ

ข้อสองคือ ยังไม่พร้อมหรือไม่อยากแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาวที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งที่ในความเป็นจริงอาจสามารถซื้อรถแพงกว่านี้มาขับได้สบายๆ

และข้อสุดท้ายเลยคือ รถยิ่งแพงราคายิ่งตกเยอะครับ จะขายหรือเปลี่ยนที่เสียดายเงิน เลยมองว่าไม่จำเป็นต้องซื้อแพงมาก เพราะใช้ไม่กี่ปีก็เปลี่ยน จะได้ไม่เจ็บตัวเยอะ
Toyota Camry 2.2 SEG asv20 2001
Kia Carnival 2.4 CEO ll 2004
Nissan Tiida 1.8G H/B 2007 (sold)
Toyota Corolla Altis 1.6G 2011 (sold)
Toyota Camry Hybrid 2.5 2014
Toyota Chr Hybrid Mid 2019
Benz C220d AMG Dynamic 2020

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
ถ้าผมมีเงินเก็บ 2 ล้าน ซื้อรถ 1 ล้าน ผมไม่เสียดายเพราะรู้สึกว่ามันคุ้มค่า มีนต้องใช้ รถถูกไปก็ไม่ปลอดภัย หรือถ้าต้องใช้รถคันใหญ่จริงๆ ก็กัดฟันหาเงินเพิ่มได้

แต่ถ้าผมมีเงิน 10 ล้าน ถ้าผมต้องซื้อรถราคา 3.5 ล้านผมเสียดาย เพราะมันไม่ได้ดีกว่ารถคันละล้าน 3.5 เท่า มันดีกว่าในบางส่วนและแย่กว่าในบางส่วนด้วยซ้ำ เช่นจุกจิก ไม่ค่อยมีศูนย์ บริการไม่ดี ถ้าผมจะซื้อรถพรีเมี่ยม ผมรอมีเงินเก็บซัก 50 ล้านก่อนค่อยซื้อ เอาแบบขับทิ้งลงน้ำก็ไม่เสียดายเท่าไร เพราะหน้าที่การงานผมไม่ต้องโชว์รถ และไม่ได้ชอบอวดใคร

ออฟไลน์ Stp

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,537
ผมกลับคิดว่าน่าจะเป็นช่วงราคา 1-1.5 ล้านเยอะสุด
:D ;D ร่วมรณรงค์รักการอ่านหนังสือ แทนการถามตลอดเวลา ;D :D

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,617
ส่วนตัวผมชอบรถพวก SUV , Crossover ขับสี่  ถ้าเป็นระดับรถบ้านราคามันจะมาอยู่แถวๆ 1 - 1.7 ล้าน ซึ่งเป็นระดับที่ผมพอจะซื้อไหว
แต่พอเป็นแบรนด์ยุโรป ราคามันจะข้ามไป 4-6 ล้านเลยซึ่งมันหมายถึงคนที่ฐานะดีแล้วถึงซื้อใช้กัน เพราะงั้นผมก็เลยติดช่วงราคานี้เหมือนคนทั่วๆไปกับเขาด้วย

แต่ก็ไม่แน่นะ มีรถบางยี่ห้อราคาขึ้นๆลงๆ บางทีอาจได้มีโอกาสดอยรถในระดับ 2ล้าน+ ในราคาระดับล้านปลายๆได้


ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,948
    • อีเมล์
ผมกลับคิดว่าน่าจะเป็นช่วงราคา 1-1.5 ล้านเยอะสุด
   ยอดขาย D-Segment เดือนละประมาณพันคัน  ส่วน C-Segment เดือนละร่วมห้าพันคัน  http://www.headlightmag.com/sales-report-september-2016/

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,629
ผมว่ามันก็จริงถ้ารถราคา 1 ล้านกว่า ๆ ช่วงนี้เป็นระดับที่คนมีเงินเยอะหน่อยจะมอง     แต่จะไม่ไต่ระดับราคาสูงเกินกว่า 1.5ล้าน  ถ้าระดับราคา 1.5-1.8 ล้าน มีผลกับการตัดสินใจมาก  ตรงนี้แหละผมว่ามันคือกำแพง
    ถ้าเกินกว่านี้ส่วนมากหลายคนอาจหันไปเลือกรถยุโรปแน่นอนว่ากลุ่มนี้มีกำลังซื้อค่อนข้างมากเลยล่ะ    การเลือกรถก็จะเปลี่ยนไป

   และมันก็มีอีกแบบนึงคือช่วงอายุของคนนนั้น ๆ     ผมว่าหลายคนก็เป็น  คือตอนวัยรุ่นหารถแพง  ๆ ตามเงินซื้อได้   แต่พอเข้าวัยกลางคนการใช้รถเริ่มคิดมากขึ้นจะหารถเอนกประสงค์ ที่ใช้งานไ้ดเยอะขึ้นคุ้มค่าขึ้นแม้ราคาจะแพงขึ้นก็ตาม            หลังจากวัยกลางคนแล้วถ้าจะซื้อรถอีก แล้วครอบครัวเงินไม่เหลือใช้มักจะมองหารถราคาต่ำหรือมือ 2    ไม่กล้าซื้อรถแพงอีกต่อไป      ยกเว้นคนมีฐานะอันนั้นเขาใช้รถแพงอยู่แล้วก็ใช้ต่อไป   

ออฟไลน์ บุคคล ทั่วไป

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 26
    • อีเมล์
สูงสุดคืนสู่สามัญครับ รถเป็นแค่ยานพาหนะ ขับรถอะไรก็ไปถึงเหมือนกัน ขอให้ขับไม่ประมาท อย่าใจร้อน

ไม่ใช่รถราคาถูกกว่าขับได้ช้ากว่า รถแพงกว่าขับได้เร็วกว่า มันอยู่ที่คนหลังพวงมาลัยครับ (ไม่เชื่อลองออกไปขับกันดูได้)

ไปถึงช้าก็ดีกว่าไปไม่ถึง การซื้อรถทั้งหมดอยู่ที่กิเลสล้วนๆครับ ความปลอดภัยในชีวิตและคนในครอบครัวสำคัญมากกว่าราคารถ

เพราะฉะนั้นจะซื้อรถคันต่อไปคิดกันดีๆครับ

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,004
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
สำหรับผม คือราคามันเริ่มจะเข้าใกล้บ้าน 1 หลังครับ เลยทำให้ไปเกินกว่านี้ไม่ได้

ประมาณว่าราคานี้ซื้อบ้านดีกว่าไหม อะไรอย่างนี้ จะเป็นทั้งคำพูดและความคิดวนเข้ามาในหัวตลอด

จนทำให้ก้าวข้ามไปไม่ได้สักที
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ OXYGEN2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,492
    • เครื่องปั่น
    • อีเมล์
รถญี่ปุ่น (ทั่วๆ ไป) ในท้องตลาด ราคามันสุดประมาณนี้ ส่วนใหญ่แล้วมีหลายคนที่มีเงินเยอะ แต่ไม่กล้าไปรถยุโรปเพราะกลัวค่าบำรุงรักษา
2021 - BMW 530e
2023 - Tesla Model Y Performance
2023 - Tesla Model Y RWD

My website~ :) ;) :D 8)

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,629
รถญี่ปุ่น (ทั่วๆ ไป) ในท้องตลาด ราคามันสุดประมาณนี้ ส่วนใหญ่แล้วมีหลายคนที่มีเงินเยอะ แต่ไม่กล้าไปรถยุโรปเพราะกลัวค่าบำรุงรักษา
ถ้าค่าบำรุงรักษารถยุโรปมันแพงกว่าพวกรถญี่ปุ่นอย่างคัมรี่ไม่เกิน 20%    ผมว่าได้ลูกค้าอีกจำนวนมากและทำให้ตลาดมือ 2 รถยุโรปราคาไม่ตกด้วย                  แต่นี่มันกลับกันเมื่อค่าบำรุงรักษาแพงราคามือ 2 ยุโรปตกเป็นล้านเพราะคนซื้อมีจำนวนน้อยลูกค้าน้อย เพราะเขาไม่กล้าซื้อรถยุโรป

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
ใช่ครับ ญาติผมหลายคน ก็จบตรง คัมรี่ ตัวไม่ไฮบริด

ทั้งๆ ที่รายได้ ใช้ BENZ , BMW ได้สบายๆ

ออฟไลน์ 0%

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,581
ติดไม่ติด
 ผมเห็นยอดขาย benz bmw ก็ทำ new high ทุกปี ไม่รวมพวก ปอช อีก

ออฟไลน์ Activehybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,554
ราคาตรงนั้นมันเกินคำว่าใช้งานแล้ว ซื้อมาเพื่ออย่างอื่นมากกว่า

คนที่ซื้อถ้าไม่ชอบจริงๆคงไม่กัดฟันผ่อน

หรือไม่ก็ต้องมีเงินเหลือ 30 40ล้าน+ ถึงจะไม่คิดเยอะ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
คนเราไม่เหมือนกันนะครับอย่าลืม
บางคนบ้าภาพลักษณ์ บางคนบ้าการขับขี่ บางคนเฉยๆ บางคนไม่กล้าเปลี่ยนชอบกรอบเดิมๆเหมือนที่เคยเป็น

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,629
ติดไม่ติด
 ผมเห็นยอดขาย benz bmw ก็ทำ new high ทุกปี ไม่รวมพวก ปอช อีก
น่าจะเป็นกลุ่มเงินเหลือใช้และรายได้เพียงพอ   ผมว่าบ้านเราก็มีคนกลุ่มนี้ไม่น้อย           ผมเห็นหลายคนมีกิจการส่วนตัวจะสามารถเปลี่ยนรถบแบบนี้ได้ไม่เดือดร้อน   แต่ถ้ามนุษย์เงิืนเดือนคงลำบากหน่อย  ถึงกัดฟันซื้อมาใช้ได้ก็ต้องใช้ยาวหลายปี

ออฟไลน์ Micjty

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 570
คหสต. คนส่วนมากเมื่อเริ่มมีรายได้คิดจะซื้อรถก็จะเริ่มต้นที่รถญี่ปุ่น B-Segment จากนั้นก็ค่อยๆเขยิบเป็น C-Segment D-Segment ซึ่งราคา D-Segment ของญี่ปุ่นก็จะอยู่ราวๆ 1.4-1.8ล้าน ถ้าจะเขยิบไปอีกขั้น ส่วนใหญ่(จากประสบการณ์คนใกล้ตัวทั้งหลาย)ก็จะไปเล่นเป็นรถยุโรปขนาดประมาณเดิม ซึ่งก็คือ 5-Series / E-Class จะไม่ซื้อรถขนาดเล็กลงจากเดิม (3-Series / C-Class) ซึ่งราคามันก็จะพุ่งไปที่ 3ล้านกลางๆทันที จึงไม่น่าแปลกครับที่จะซื้อรถวนๆอยู่ที่ 1.4-1.8ล้านไปเรื่อยๆก่อน เพราะเค้ารอสะสมเงินอยู่ครับ รอจนมีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะซื้อ 5-Series / E-Class นั่นเอง

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ผมว่าอนาคต Camry Accord คันละ2ล้าน ก็มีคนซื้อนะครับ ขึ้นราคามันทุกปี ก็ไม่เห็นยอดขายจะลดลงแบบตกเหวครับ ตลาดรถมันไม่ได้จำกัดราคา เพียงแต่ตำแหน่งการตลาดมันหลากหลายครับ หลายความคิด หลายความต้องการ หลายความชอบ รถสนามบิน รถเช่า รถปู้บริหาร เบื่อรถยุโรป อยากได้รถคันใหญ่ฯลฯ เยอะครับ รถตลาด ราคาแพงๆ คนซื้อมีตลอด

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,629
ผมว่าอนาคต Camry Accord คันละ2ล้าน ก็มีคนซื้อนะครับ ขึ้นราคามันทุกปี ก็ไม่เห็นยอดขายจะลดลงแบบตกเหวครับ ตลาดรถมันไม่ได้จำกัดราคา เพียงแต่ตำแหน่งการตลาดมันหลากหลายครับ หลายความคิด หลายความต้องการ หลายความชอบ รถสนามบิน รถเช่า รถปู้บริหาร เบื่อรถยุโรป อยากได้รถคันใหญ่ฯลฯ เยอะครับ รถตลาด ราคาแพงๆ คนซื้อมีตลอด
  ที่มีคนซื้อตลอด  เพราะคัมรี่เป็นรถประจำตำแหน่งรถเช่าซะเยอะ  แพงก็ยังมีคนซื้อครับ   
                  รถประจำตำแหน่งคนญี่ปุ่นที่มาทำงานในไทยส่วนมาก  อัลติสกับคัมรี่     คือเปลี่ยนโฉมเมื่อไหร่หรือครบกำหนด 4 ปีเมื่อไหร่   บริษัทก็จะเปลี่ยนคัมรี่คันใหม่ให้ตามวาระ           ยังไงคัมรี่มันก็ขายได้ตามกลุ่มของมันละครับ แพงขึ้นแต่มันก็มีกลุ่มใหญ่ ๆ ที่เขาซื้อ                 ถ้าเอานับเฉพาะส่วนบุคคลจริง  ๆ  ถ้าคัมรี่ตัวท๊อปราคาไปแตะ 2 ล้าน  คงหายากแล้วละครับสำหรับลูกค้าส่วนบุคคลที่จะเริ่มซื้อ

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,186
    • อีเมล์
ผมว่าอนาคต Camry Accord คันละ2ล้าน ก็มีคนซื้อนะครับ ขึ้นราคามันทุกปี ก็ไม่เห็นยอดขายจะลดลงแบบตกเหวครับ ตลาดรถมันไม่ได้จำกัดราคา เพียงแต่ตำแหน่งการตลาดมันหลากหลายครับ หลายความคิด หลายความต้องการ หลายความชอบ รถสนามบิน รถเช่า รถปู้บริหาร เบื่อรถยุโรป อยากได้รถคันใหญ่ฯลฯ เยอะครับ รถตลาด ราคาแพงๆ คนซื้อมีตลอด
  ที่มีคนซื้อตลอด  เพราะคัมรี่เป็นรถประจำตำแหน่งรถเช่าซะเยอะ  แพงก็ยังมีคนซื้อครับ   
                  รถประจำตำแหน่งคนญี่ปุ่นที่มาทำงานในไทยส่วนมาก  อัลติสกับคัมรี่     คือเปลี่ยนโฉมเมื่อไหร่หรือครบกำหนด 4 ปีเมื่อไหร่   บริษัทก็จะเปลี่ยนคัมรี่คันใหม่ให้ตามวาระ           ยังไงคัมรี่มันก็ขายได้ตามกลุ่มของมันละครับ แพงขึ้นแต่มันก็มีกลุ่มใหญ่ ๆ ที่เขาซื้อ                 ถ้าเอานับเฉพาะส่วนบุคคลจริง  ๆ  ถ้าคัมรี่ตัวท๊อปราคาไปแตะ 2 ล้าน  คงหายากแล้วละครับสำหรับลูกค้าส่วนบุคคลที่จะเริ่มซื้อ

อันนี้ผมก็คิดเหมือนกันครับ D-Segment ตัวท็อป หลังๆผมเห็นน้อยกว่ารถยุโรปอย่าง C หรือ E Class อีก ส่วนมากที่เจอจะเป็นแถวพร้อมพงศ์ที่เป็นรถประจำตำแหน่งคนญี่ปุ่น อย่างไปตึกจอดห้าง Emporium จะเจอเยอะมากรวมไปถึง Lexus LS460 บางทีเห็นจอดกันชั้นละ 2-3 คัน คนที่ซื้อมาใช้เองส่วนมากก็มีแต่ตัว 2.0 ทั้งนั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 03, 2017, 19:45:03 โดย IS2000 »
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
ผมว่าอนาคต Camry Accord คันละ2ล้าน ก็มีคนซื้อนะครับ ขึ้นราคามันทุกปี ก็ไม่เห็นยอดขายจะลดลงแบบตกเหวครับ ตลาดรถมันไม่ได้จำกัดราคา เพียงแต่ตำแหน่งการตลาดมันหลากหลายครับ หลายความคิด หลายความต้องการ หลายความชอบ รถสนามบิน รถเช่า รถปู้บริหาร เบื่อรถยุโรป อยากได้รถคันใหญ่ฯลฯ เยอะครับ รถตลาด ราคาแพงๆ คนซื้อมีตลอด
  ที่มีคนซื้อตลอด  เพราะคัมรี่เป็นรถประจำตำแหน่งรถเช่าซะเยอะ  แพงก็ยังมีคนซื้อครับ   
                  รถประจำตำแหน่งคนญี่ปุ่นที่มาทำงานในไทยส่วนมาก  อัลติสกับคัมรี่     คือเปลี่ยนโฉมเมื่อไหร่หรือครบกำหนด 4 ปีเมื่อไหร่   บริษัทก็จะเปลี่ยนคัมรี่คันใหม่ให้ตามวาระ           ยังไงคัมรี่มันก็ขายได้ตามกลุ่มของมันละครับ แพงขึ้นแต่มันก็มีกลุ่มใหญ่ ๆ ที่เขาซื้อ                 ถ้าเอานับเฉพาะส่วนบุคคลจริง  ๆ  ถ้าคัมรี่ตัวท๊อปราคาไปแตะ 2 ล้าน  คงหายากแล้วละครับสำหรับลูกค้าส่วนบุคคลที่จะเริ่มซื้อ

อันนี้ผมก็คิดเหมือนกันครับ D-Segment ตัวท็อป หลังๆผมเห็นน้อยกว่ารถยุโรปอย่าง C หรือ E Class อีก ส่วนมากที่เจอจะเป็นแถวพร้อมพงศ์ที่เป็นรถประจำตำแหน่งคนญี่ปุ่น อย่างไปตึกจอดห้าง Emporium จะเจอเยอะมากรวมไปถึง Lexus LS460 บางทีเห็นจอดกันชั้นละ 2-3 คัน คนที่ซื้อมาใช้เองส่วนมากก็มีแต่ตัว 2.0 ทั้งนั้น

เอาจริงคือผมว่าเราไม่ได้สังเกตแบบจับผิดกันมากกว่ามั้งครับ เพราะอย่าง Camry HV กับ HV Premium ที่เป็นรุ่นท็อปถ้าไม่สังเกตตรงโลโก้โตโยต้าด้านหน้ามองผ่านๆแยกไม่ออกเลย แต่พอเป็น Accord Hybrid Tech นี่เห็นปุ๊บรู้เลยว่าเป็นรุ่นท็อป แต่ถ้าถามผมความรู้สึกส่วนตัวเห็น Accord Hybrid Tech บ่อยกว่า Camry HV Premium มากๆ เจอบ่อยสุดคือ 2.0 เพราะราคาเป็นมิตรมากกว่า แล้วก็มักจะข้ามเป็นตัว Hybrid ไปเลย 2.4,2.5 นานๆจะเจอซักคัน

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
ผมว่าอนาคต Camry Accord คันละ2ล้าน ก็มีคนซื้อนะครับ ขึ้นราคามันทุกปี ก็ไม่เห็นยอดขายจะลดลงแบบตกเหวครับ ตลาดรถมันไม่ได้จำกัดราคา เพียงแต่ตำแหน่งการตลาดมันหลากหลายครับ หลายความคิด หลายความต้องการ หลายความชอบ รถสนามบิน รถเช่า รถปู้บริหาร เบื่อรถยุโรป อยากได้รถคันใหญ่ฯลฯ เยอะครับ รถตลาด ราคาแพงๆ คนซื้อมีตลอด
  ที่มีคนซื้อตลอด  เพราะคัมรี่เป็นรถประจำตำแหน่งรถเช่าซะเยอะ  แพงก็ยังมีคนซื้อครับ   
                  รถประจำตำแหน่งคนญี่ปุ่นที่มาทำงานในไทยส่วนมาก  อัลติสกับคัมรี่     คือเปลี่ยนโฉมเมื่อไหร่หรือครบกำหนด 4 ปีเมื่อไหร่   บริษัทก็จะเปลี่ยนคัมรี่คันใหม่ให้ตามวาระ           ยังไงคัมรี่มันก็ขายได้ตามกลุ่มของมันละครับ แพงขึ้นแต่มันก็มีกลุ่มใหญ่ ๆ ที่เขาซื้อ                 ถ้าเอานับเฉพาะส่วนบุคคลจริง  ๆ  ถ้าคัมรี่ตัวท๊อปราคาไปแตะ 2 ล้าน  คงหายากแล้วละครับสำหรับลูกค้าส่วนบุคคลที่จะเริ่มซื้อ

ถึงแตะสองล้าน บ้านผมก็น่าจะยังซื้อยุ่นอยู่ดีครับ รวมถึงหลายๆบ้านอย่างเพื่อนผมด้วย
สาเหตุก็ไม่ใช่อะไรมาก รถใหญ่ นั่งสบาย และเป็นรถญี่ปุ่น (เพราะได้ความทนทานสบายใจ)  ยุโรปถ้าเป็น C มันเล็กครับ ถ้าไปก็คงไปE แต่ด้วยปัจจุบัน ส่วนตัวยังมองว่ามันสิ้นเปลืองนะ

เอาจริงๆ ถึงมีเงินเยอะ ยิ่งคิดถึงการใช้เงินค่อนข้างมากนะ (เห็นคุณค่าของเงิน)  จริงๆบ้านผมจะผ่อน หรือออก G30 , W222  เงินสดตอนนี้ก็ทำได้ไม่ยากนะครับ แต่ประสบการณ์ที่ผ่านพรีเมี่ยมมา ผมว่าแค่ D Seg ญี่ปุ่นมันก็ตอบโจทย์ที่อยากได้หมดแล้วครับ ไม่รู้จะเสียเงินเพิ่มทำไม  แถมรถทนทานไว้ใจได้ ศูนย์ก็บริการเต็มที่อีกต่างหาก โตโยต้า เช็คระยะ ซ่อม แล้วมันจบ แต่ตอนที่เคยใช้บีเอ็ม บางอาการ ช่างไม่เก่ง ซ่อมไม่จบ มันเสียเวลาทำมาหากินครับ ไม่ได้ว่างเอารถไปหาช่างบ่อยขนาดนั้น ซ่อมแพงไม่กลัว กลัวไม่จบ  (ตอน BMW เจอช่างศูนย์ซ่อมไม่ถูกอาการ ซ่อมไม่หาย สุดท้ายมาใหม่ มันเสียอารมณ์ครับ)

เรื่องภาพลักษณ์ไม่สำคัญแล้วครับ เพราะโดยหน้าที่การงาน ต่อให้ขับรถอะไรก็ไม่มีผลแล้วครับ

จริงๆไม่ใช่แค่บ้านผม เพื่อนๆผมหลายคนก็เหมือนกัน มีเงินกันหลักสิบล้านขึ้นทั้งนั้น แต่ก็ใช้ Accord ไม่ก็ Camry กันนี่ละครับ  รถระดับนี้มันขับออกงานได้สบายๆแล้ว

ถ้าคนที่เค้าไม่ได้สนใจอะไรเรื่องรถ  ส่วนมากแค่พาไปถึงที่หมายได้  ซ่อมง่าย (ศูนย์อยู่ใกล้ๆ) รถกว้างขวางนั่งสบาย แค่นี้ก็เหลือแล้วครับ

ซ่อมแพงไม่กลัว กลัวไม่จบ  ตอนบ้านผมซ่อมที ตอน  BMW สมัยยังไม่มีโปร BSI เข้าศูนย์ผมจำเลขค่าซ่อมได้ว่า หมื่นนึงนี่ปกติ ถ้ารายการใหญ่หน่อยก็สามหมื่นขึ้น  แต่ก็เข้าศูนย์ตลอด ไม่เข้าอู่นอกนะครับ ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 05, 2017, 09:29:10 โดย Butterzai »

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,367
คนไทยส่วนมากถูกปลูกฝังว่ารถ Benz, BMW ซ่อมแพง จุกจิก ไม่ทน

ทำให้ ณ ตอนนี้ คนที่มีเงินซื้อรถพวกนั้นจริงๆ ที่มักจะอายุ 40+  ยังโลเล เพราะถูกปลูกฝังมาเยอะครับ  แค่ไปถามปู่ย่า พ่อแม่ ว่าจะออก Benz, BMW ดีไหม   ถ้าไม่ใช่พวกรวยเหลือหรือทรัพย์สินเยอะจริงๆ  โดยมากก็โดนห้ามหละครับ  ยกเว้นกลุ่มที่ครอบครัวคนเหล่านั้น รุ่นปู่ ย่า เคยใช้รถยุโรปพรีเมียมมาก่อนแล้ว พวกนั้นเปิดใจง่ายกว่า