ผู้เขียน หัวข้อ: รถเบนซ์บีเอ็มรุ่นใหม่ๆ ผมว่ามันไม่เหมาะกับซื้อมาใช้ยาวๆเหมือนก่อนแล้วสิ  (อ่าน 9972 ครั้ง)

ออฟไลน์ wsonpee

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 385
    • อีเมล์
ใช้ w212 รถเกรย์ฮาวด์มาห้าปี ยังไม่เจออะไรเลย ถือว่าโชคดีมั้ยครับเนี่ย

ออฟไลน์ rtong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,177
    • อีเมล์
เพราะเหตุนี้ Toyota เลยไม่จัด option ล้ำใส่มาให้ลูกค้าอุ๊บ...
เกี่ยวกันเปล่า

ออฟไลน์ JDM

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 216
ผู้ผลิต ศูนย์บริการ ขยันลดราคา ยัดออฟชั่น ที่ไม่เกี่ยวกับการขับขี่

แล้วรอฟันค่าอะไหล่ มีที่ไหนครับ โคมไฟหน้า คู่เป็นแสน มันก็ใช้ส่องทางได้เหมือนโคมละ 1500 นั่นแหละ  8) 8)
W201 W211 W204 UCF10 C126

ออฟไลน์ Barracuda

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,395
ได้ยินแบบนี้แล้ว ลูกค้ารถค่ายรองญี่ปุ่นที่อัด option มาเต็มนี่ ผมคิดว่าลูกค้าพร้อมที่จะรับสถานณการณ์แบบนี้แล้ว เพราะดห็นหลายๆท่านเอามาเปรียบเทียบกันบ่อยมากช่วงนี้

ออฟไลน์ sixaxis

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 451
    • mntkcar
เปิดเว็ปรถมือสอง เห็นรถยุโรปรุ่นใหม่ๆราคาดูเข้าถึงได้ ก็มาเอะใจเมื่อคำนึงถึงเรื่องพวกนี้แหละครับ

ออฟไลน์ bahamu

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 687
รถยุโรป เมกันสมัยก่อนลากขายได้นานกว่าวันนี้มาก
ตัวถังหนึง 10ปีเปลี่ยนที
มีw116 w126 ที่ลากขายได้ 15ปี ยอดขายหลายแสนคัน

พอมาw140 เหลือ8ปี พร้อมกับไล่ประธานสามแฉกขณะนั้นในประชุมผู้ถือหุ้น
โทษฐานพัฒนารถนานและใช้งบเปลือง นี่เป็นสาเหตุที่สามแฉกถังแตกในเวลาต่อมา
ตอนนั้นสามแฉกเป็นที่สุดของรถหรู และที่สุดแห่งความทนทาน

แค่ฮ่องกง คิดจะเป็นคนรวยต้องถอยสามแฉกสักคัน ทำแต่เก๋งใหญ่
รถเล็กไม่ทำ ใบพัดจึงทำเก๋งเล็กเป็นเส้นเลือดใหญ่สบาย

ยุ่นยุคนั้นตั้งเป้าไว้ว่าจะพัฒนารถให้ทัดเทียมให้ได้

ขนาดนางฟ้า ปีกบิน 20-30ปีเปลี่ยนตัวถังที อะไรๆก็โบราณ
มีแต่วีแปดพ่วงหอย ออโต้โบราณสี่จังหวะ เยอรมันห้าจังหวะแล้ว

พอกม.ควบคุมมลพิษออกมา คือ ยูโร3 และ4
พร้อมกับกม.รักโลกที่ต้องใช้วัสดุรีไซเคิล ทำให้บ.รถต้องปรับตัวเยอะ
พลาสติกไม่ทน แต่นำไปใช้ใหม่ได้ ใส่มีเนียมจะได้เบา กินน้ำมันน้อย
ภาระส่วนนี้จึงผลักมาที่คนซื้อ เพื่อลดต้นทุนในการสร้างโรงงานใหม่
เครื่องจักรใหม่ วัตถุดิบใหม่ อะไหล่เริ่มลดคุณภาพหลังปี2000

(ภายหลังอะไหล่ไฟฟ้า มีซ่อมแล้วขายใหม่ ขายถูกกว่าของใหม่เยอะ
การโกงไอเสีย ก็เกิดอย่างเนียนๆ ในยุคที่มีค่าคาร์บอนไว้ไถ่ชาวบ้าน)

บวกกับยุ่นขายดีขึ้นมาก พัฒนารถได้สูสีตั้งแต่acv30
โดยรีเวิร์ทเอ็นจิเนีย แต่ระบบไฟเป็นอนาล็อค ไม่มีสายชิล
ลดความยุ่งยากในการทำกล่องไปเยอะ ตัวถังเหล็กล้วนเปลี่ยนบ่อยเป็น5ปี

ทำให้ยุโรป ถึงกับต้องเปลี่ยนตัวถังเร็วขึ้นตาม ทั้งที่ถ้าลากขาย
แล้วใช้อะไหล่ทนๆ คนจะยังภักดีอยู่ แต่ดันคิดว่าคนรวยเรื่องเงินไม่เป็นปัญหา
แต่คงลืมไปว่าแท๊กซี่หรูทั่วโลก เขาไม่ได้รวยพอจะซ่อมบ่อย ยกบ่อย

อีกทั้งยุทธการแซนวิส ที่จะบีบยุ่นกลับกลายเป็นว่า ยุ่นตีกินทั้งบนและล่าง
แบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะรักษาคุณภาพรถได้คงเว้นคงวา
ปล่อยอะไหล่ มีอบรมช่างนอก จนตอนหลังเริ่มงกจะกินรวบ
แต่ชาวบ้านดันทำรถให้เหนือกว่าไม่ได้ ขนาดเศสได้นิสสันไปยังทำห่วยแบบเศส

จะให้ชาวบ้านใช้ทน ก็กลัวจะไม่ซื้อใหม่ อะไหล่ขายยาก
โถ่ยังไม่หมดประกันยังเจ๊ง พอหมดประกันก็ขายไปซื้อยี่ห้ออื่นดีกว่า อย่างนี้ไม่รู้จักคิด
พอเจ๊งมาโทษคนในชาติว่าไม่สนับสนุน ขนาดเมกันคนรวยๆยังซื้อ เยอรมัน ยุ่นแทนเลย

พอถามไปที่สามแฉกว่า ทำยังไงให้รถเมกันกลับมานิยม ตอบง่ายๆว่า ก็ทำรถให้ดีสิ

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,633
เอาง่าย ๆ  เลยนะครับ  ถ้าคาดหวังว่ารถยุโรปจะ ทนทานไม่จุกจิก  อะไหล่ถูก  ซ่อมเร็วไม่คอยศูนย์นาน คิดผิดแล้วกันเพราะแนวทางมันไม่ใช่

แต่ถ้าต้องการภาพลักษณ์เพอร์ฟอร์แมน  ความปลอดภัย ความหรูหรา  อ๊อพชั่น หน้าตา   รถยุโรปหรูตอบโจทย์แน่นอน

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
รถยุโรป เมกันสมัยก่อนลากขายได้นานกว่าวันนี้มาก
ตัวถังหนึง 10ปีเปลี่ยนที
มีw116 w126 ที่ลากขายได้ 15ปี ยอดขายหลายแสนคัน

พอมาw140 เหลือ8ปี พร้อมกับไล่ประธานสามแฉกขณะนั้นในประชุมผู้ถือหุ้น
โทษฐานพัฒนารถนานและใช้งบเปลือง นี่เป็นสาเหตุที่สามแฉกถังแตกในเวลาต่อมา
ตอนนั้นสามแฉกเป็นที่สุดของรถหรู และที่สุดแห่งความทนทาน

แค่ฮ่องกง คิดจะเป็นคนรวยต้องถอยสามแฉกสักคัน ทำแต่เก๋งใหญ่
รถเล็กไม่ทำ ใบพัดจึงทำเก๋งเล็กเป็นเส้นเลือดใหญ่สบาย

ยุ่นยุคนั้นตั้งเป้าไว้ว่าจะพัฒนารถให้ทัดเทียมให้ได้

ขนาดนางฟ้า ปีกบิน 20-30ปีเปลี่ยนตัวถังที อะไรๆก็โบราณ
มีแต่วีแปดพ่วงหอย ออโต้โบราณสี่จังหวะ เยอรมันห้าจังหวะแล้ว

พอกม.ควบคุมมลพิษออกมา คือ ยูโร3 และ4
พร้อมกับกม.รักโลกที่ต้องใช้วัสดุรีไซเคิล ทำให้บ.รถต้องปรับตัวเยอะ
พลาสติกไม่ทน แต่นำไปใช้ใหม่ได้ ใส่มีเนียมจะได้เบา กินน้ำมันน้อย
ภาระส่วนนี้จึงผลักมาที่คนซื้อ เพื่อลดต้นทุนในการสร้างโรงงานใหม่
เครื่องจักรใหม่ วัตถุดิบใหม่ อะไหล่เริ่มลดคุณภาพหลังปี2000

(ภายหลังอะไหล่ไฟฟ้า มีซ่อมแล้วขายใหม่ ขายถูกกว่าของใหม่เยอะ
การโกงไอเสีย ก็เกิดอย่างเนียนๆ ในยุคที่มีค่าคาร์บอนไว้ไถ่ชาวบ้าน)

บวกกับยุ่นขายดีขึ้นมาก พัฒนารถได้สูสีตั้งแต่acv30
โดยรีเวิร์ทเอ็นจิเนีย แต่ระบบไฟเป็นอนาล็อค ไม่มีสายชิล
ลดความยุ่งยากในการทำกล่องไปเยอะ ตัวถังเหล็กล้วนเปลี่ยนบ่อยเป็น5ปี

ทำให้ยุโรป ถึงกับต้องเปลี่ยนตัวถังเร็วขึ้นตาม ทั้งที่ถ้าลากขาย
แล้วใช้อะไหล่ทนๆ คนจะยังภักดีอยู่ แต่ดันคิดว่าคนรวยเรื่องเงินไม่เป็นปัญหา
แต่คงลืมไปว่าแท๊กซี่หรูทั่วโลก เขาไม่ได้รวยพอจะซ่อมบ่อย ยกบ่อย

อีกทั้งยุทธการแซนวิส ที่จะบีบยุ่นกลับกลายเป็นว่า ยุ่นตีกินทั้งบนและล่าง
แบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะรักษาคุณภาพรถได้คงเว้นคงวา
ปล่อยอะไหล่ มีอบรมช่างนอก จนตอนหลังเริ่มงกจะกินรวบ
แต่ชาวบ้านดันทำรถให้เหนือกว่าไม่ได้ ขนาดเศสได้นิสสันไปยังทำห่วยแบบเศส

จะให้ชาวบ้านใช้ทน ก็กลัวจะไม่ซื้อใหม่ อะไหล่ขายยาก
โถ่ยังไม่หมดประกันยังเจ๊ง พอหมดประกันก็ขายไปซื้อยี่ห้ออื่นดีกว่า อย่างนี้ไม่รู้จักคิด
พอเจ๊งมาโทษคนในชาติว่าไม่สนับสนุน ขนาดเมกันคนรวยๆยังซื้อ เยอรมัน ยุ่นแทนเลย

พอถามไปที่สามแฉกว่า ทำยังไงให้รถเมกันกลับมานิยม ตอบง่ายๆว่า ก็ทำรถให้ดีสิ

+10  ครับ ชัดเจนดี

ผมก็ว่าอยู่ BMW ยุคหลังๆ ตั้งแต่ E39 นี่มันแย่เรื่องความทนทานพอสมควรเลย (ไปศูนย์ทุกรอบต้องเจอ E39 มาจอดทิ้งรอซ่อมหนักๆ รายการใหญ่ๆตลอดเลย)

พอได้มีโอกาสนั่ง camry acv40,50 ผมว่าเค้าทำรถมาได้ใกล้เคียงมากขึ้น แล้วยิ่งได้มีโอกาสนั่ง Lexus ES ครั้งนึง ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดเลย

ผมว่า ยุ่นทำรถให้ดีเท่าเยอรมันได้แล้วละครับ  ถ้าไม่ขยับคัวหาจุดขายใหม่ๆ จุกจิก ไม่น่าใช้ สักวันคงโดนยุ่นกินรวบ

 เยอรมัน ญี่ปุ่น พันธมิตรในสงครามโลก คู่แข่งในสงครามยานยนต์  ::)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 04, 2017, 12:18:57 โดย Butterzai »

ออฟไลน์ voyager

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 506
รับทราบครับ
คิดว่าจะลองใช้ดูสัก 7-8ปี ดูว่าจะซ่อมโหดสักแค่ไหน