« ตอบกลับ #29 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2017, 14:34:15 »
ที่ท่านกล่าวมาก็น่าคิดครับ สงสัยด้วยคน
ไม่รู้เป็นเพราะกระบะหนักกว่า ต้านลมกว่า หรือเปล่าครับ
หรือไม่ใส่ไปแล้วราคาแพง ก็ขายไม่ได้หรือเปล่าครับ
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ด้วยความเคารพ ขอรอฟังด้วยคนครับ

อันนี้ก็น่าคิด ว่าเรื่องต้นทุนหรือป่าว?? หรือ เทคโนโลยีเก๋ง มันไปไกลกว่า กระบะหรือป่าว? ส่วนตัวผมมองว่า เทคโนโลยี Diesel น่าจะเหมือนกัน ต่างกันแค่รายละเอียดมากกว่า
หลายท่านบอกว่า เกี่ยวกับน้ำหนักตัวถัง หรือ ตัวรถ
แต่ ตัวเลขแรงม้าแรงบิด มันจะเป็น spec ที่เขาวัดจาก flywheel นะครับ ซึ่ง จะมาใส่รถหนักรถเบา ก็ต้องมาเลือกอัตราทด หรือ ระบบส่งกำลัง อีกที
ซิ่งผมมองว่า ถ้าเอาเครื่องพวกนี้ มาประกบกับเกียร์กระบะ เพื่อให้ได้อัตราทดหรือระบบส่งกำลังเหมือนกัน แต่จุดกำเนิดกำลังหรือเครื่องยนต์ ในเก๋ง CC น้อยกว่า แต่ได้กำลังเท่ากันหรือมากกว่าด้วยซ้ำ
มันน่าจะทำให้ กำลังลงล้อ หรือ กำลังลงพื้น น่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ
ปล.เก๋งก็ดันรางได้ครับ 
เครื่องรถเก๋ง สุบเรียงขวาง วางขวาง ขับหน้า โครงสร้าง อิสละ โมโนค๊อก เน้นการโดยสาร นุ่ม สบายขับขี่คล่องตัว
เครื่องกระบะ สูบเรียงยาว วางยาวขับหลัง วางบนแซสชี บบดี้ออนเฟรม เน้นใช้งานหนัก ลากจูง บรรทุกโหดๆ รับทุกสภาพถนน
จะเอามาเทียบกันได้ไงครับ งานวิศกรรม คนละเรื่อง เอาเครื่องเก๋ง วางกระบะ แสดงว่า ไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่เลย ท่าน จขกท. ไหนยังที่โครงสร้างเกียร์คนละแบบอีก วัตถุประสงการใช้งานก็คนละเรื่อง
ที่ผมต้องการเปรียบเทียบคือ เครื่องยนต์ ครับ ไม่ใช้รถทั้งคัน แค่ไม่เข้าใจในหลักคิด
ผมมีความรู้เรื่องรถนิดหน่อย ช่วยชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ปล. รถเก๋ง วางเครื่องตามยาว ขับหลัง ก็มีครับ
เครื่องรถเก๋ง สุบเรียงขวาง วางขวาง ขับหน้า โครงสร้าง อิสละ โมโนค๊อก เน้นการโดยสาร นุ่ม สบายขับขี่คล่องตัว
เครื่องกระบะ สูบเรียงยาว วางยาวขับหลัง วางบนแซสชี บบดี้ออนเฟรม เน้นใช้งานหนัก ลากจูง บรรทุกโหดๆ รับทุกสภาพถนน
จะเอามาเทียบกันได้ไงครับ งานวิศกรรม คนละเรื่อง เอาเครื่องเก๋ง วางกระบะ แสดงว่า ไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่เลย ท่าน จขกท. ไหนยังที่โครงสร้างเกียร์คนละแบบอีก วัตถุประสงการใช้งานก็คนละเรื่อง
คนที่เข้ามาเล่นเวปนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีความรู้เรื่องรถยนต์เสมอไปครับ ได้แบ่งปันความรู้แก่เพื่อนสมาชิกด้วยกันครับ (ผมก็คนนึงที่ไม่รู้อะไรเท่าไร และได้เข้ามาอ่านๆในนี้จนพอจะรู้บ้างนิดๆหน่อยๆครับ)
ผมก็อยากได้ความรู้เพิ่มเติมเหมือนกัน
ถ้าตามที่ข้อมูลของ จขกท ยกมา ผมเดาว่ารถเก๋งเค้าจูนมาเพื่อใช้ในความเร็วสูง(กว่ากระบะ)ด้วยนะครับ แรงม้าเลยให้มาเยอะกว่า ส่วนเรื่องแรงบิดมีข้อมูลมั้ยครับว่ามันมาที่รอบเท่าไหร่ ไม่แน่นะครับ ถ้าลองเอากระบะ-เก๋งเครื่องเท่ากันมาลากของซัก 1.5 ตัน กระบะอาจทำ 0-60 ได้ไวกว่าก็ได้นะ
ผมยก ข้อมูล ของ BMW 320D มาละกัน ง่ายดี (หาดูตาม web ของ BMW เพิ่มได้ครับ)
- กำลังสูงสุด (กิโลวัตต์/แรงม้า/รอบต่อนาที) 140 / 190 / 4,000
- แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) 400 / 1,750-2,500
อันนี้ผมยกมาจาก REVO 2.4 ครับ (หาดูเพิ่มเติมจาก web ของ TOYOTA ได้ครับ)
กำลังสูงสุด [กิโลวัตต์ (แรงม้า)/รอบต่อนาที] 110(150)/3,400
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที) 343/1,400-2,800
อันนี้ BT-50 PRO 2.2 (หาดูเพิ่มเติมจาก web ของ MAZDA ได้ครับ)
รุ่น 2.2 ลิตร ให้กำลัง 150 แรงม้า (110 กิโลวัตต์) ที่ 3,700 รอบ แรงบิด 375 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ
ประมาณนี้ละกันครับ
เครื่องรถเก๋ง สุบเรียงขวาง วางขวาง ขับหน้า โครงสร้าง อิสละ โมโนค๊อก เน้นการโดยสาร นุ่ม สบายขับขี่คล่องตัว
เครื่องกระบะ สูบเรียงยาว วางยาวขับหลัง วางบนแซสชี บบดี้ออนเฟรม เน้นใช้งานหนัก ลากจูง บรรทุกโหดๆ รับทุกสภาพถนน
จะเอามาเทียบกันได้ไงครับ งานวิศกรรม คนละเรื่อง เอาเครื่องเก๋ง วางกระบะ แสดงว่า ไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่เลย ท่าน จขกท. ไหนยังที่โครงสร้างเกียร์คนละแบบอีก วัตถุประสงการใช้งานก็คนละเรื่อง
ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย!!!
อย่างเบนซิลเอง 4g ของมิตซูยังอยู่ในทั้งเก๋งและกระบะเลยครับ
แหม่ ทำอย่างกะดีเซลในรถเก๋ง จะ ดูด อัด จุด คาย ไม่เหมือนในกระบะงั้นแหละ
มัน ดูด อัด จูด คาย ต่างกันยังไงช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับืผมก็ไม่มีความรู้ลึกซึ้งถึงขนาดนั้น
ส่วนการใช้งาน ผมก็คิดแค่ว่า มันเอาไปทำให้ล้อเลื่อนเหมือนกัน ถ้า การดูด อัด จุด คาย มันสามารถทำให้เกิดไอร้อนมหาศาลจนบินได้ อันนี้ผมถือว่าแตกต่างกันชัดเจนครับ
แหม่ ยังไงก็ขอหลักฐานประกอบเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผมและเพื่อนๆสมาชิกถึงความแตกต่างกันชัดเจนด้วยนะครับ
กะอีเครื่องชนเกียร์ขับเคลื่อนต่างกันนิดหน่อยและวางตำแหน่งต่างกัน ไม่น่าจะแดกดันท่านอื่นได้ขนาดนี้
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
เท่าที่อ่านมาจากกระทู้ข้างบนทั้งหมด ผมว่ามีส่วนถูกเกือบทุกกระทู้น่ะครับ เข้าข่ายเป็นไปได้หมด ผมก็สงสัยเหมือนกัน
ไม่ต้องถึงรถยุโรปหรอกครับ CX-5 2.2 d กับ BT50 Pro 2.2 d นี่ก็เห็นความต่างแล้ว ตัวรถทั้ง 2 หนักต่างกันไม่มากน่ะครับ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเรื่อง ของการจูนแรงบิดให้เข้ากับเกียร์และการทดเฟืองที่ใช้ของแต่ละประเภทรถมากกว่า รวมถึงเทคถึงเทคโนโลโยบางอย่างต้นทุนมันสูง เลยต้องเก็บไว้ใช้กับรถที่แพงกว่า ถ้าเอาเครื่อง CX-5 2.2 d มาลงใน BT50 Pro ก็คงต้องจูนใหม่หมด ชุดเกียร์ เฟืองท้าย ต้นทุนเพิ่มแน่นอน
แต่ ตัวเลขแรงม้าแรงบิด มันจะเป็น spec ที่เขาวัดจาก flywheel นะครับ ซึ่ง จะมาใส่รถหนักรถเบา ก็ต้องมาเลือกอัตราทด หรือ ระบบส่งกำลัง อีกที
ซิ่งผมมองว่า ถ้าเอาเครื่องพวกนี้ มาประกบกับเกียร์กระบะ เพื่อให้ได้อัตราทดหรือระบบส่งกำลังเหมือนกัน แต่จุดกำเนิดกำลังหรือเครื่องยนต์ ในเก๋ง CC น้อยกว่า แต่ได้กำลังเท่ากันหรือมากกว่าด้วยซ้ำ
มันน่าจะทำให้ กำลังลงล้อ หรือ กำลังลงพื้น น่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ ผมแจ้งไว้แล้วว่า อยากรู้ แนวทาง หรือ หลักคิด ของเครื่องยนต์ Diesel ของเก๋ง กับ กระบะ ครับ เพราะผมรู้แล้วว่า หลังจากเครื่องมา เกียร์ อัตราทด เฟืองท้าย มันต่างกันอยู่แล้วครับ