ผู้เขียน หัวข้อ: อนาคตรถhybridหลังหมดรับประกัน10ปี  (อ่าน 12869 ครั้ง)

ออฟไลน์ lexus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,242
อนาคตรถhybridหลังหมดรับประกัน10ปี
« เมื่อ: เมษายน 11, 2017, 14:11:01 »
คือตั้งแต่เปิดตัวcamry hybridถ้าจำไม่ผิดปี52 priusปี53
ตอนนี้ก็ร่วมๆ7-8ปีแล้ว ก็ไกล้จะหมดระยะรับประกันhybrid10ปีกันแล้ว เลยมีคำถามครับ

1.อนาคตหลังหมดระยะรับประกันแบต ถ้าแบตเสื่อมจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
2.ค่าใช้จ่ายอื่นๆนอกจากแบตเกี่ยวกับระบบhybrid จะมีอะไรที่น่าจะเสียบ้าง ราคาประมานเท่าไหร่
3.ค่าอะไหล่ที่ว่ามา เวลาซ่อมมันคุ้มไหมกับราคารถมือ2ที่ตกฮวบ (ผมหมายถึงราคาซ่อมhybridกับราคารถมันอาจจะพอๆกันรึเปล่าเมื่อรถอายุ10ปี)
4.ถ้าคนที่มีอยู่ตอนนี้ตัดใจขายก่อนหมดระยะรับประกัน หรือใช้ต่อแล้วซ่อม อะไรดูคุ้มค่ากว่ากัน?

ออฟไลน์ Boyja

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 502
Re: อนาคตรถhybridหลังหมดรับประกัน10ปี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 11, 2017, 14:45:01 »
ตอบเท่าที่รู้มานะครับ

1. หลังหมดประกันคงต้องรับผิดชอบเองครับ ลุกนึงก้อ 7-8 หมื่น  :'(
2. ก้อที่เห็นหลายๆ ท่านซ่อมกันแล้วก็ระบบแอร์ครับ ราคาไม่ต่างกับแบตเลย  :'(  (เค้าบอกกันมาว่าต้องเปลี่ยนทั้งระบบ)
3. Prius ราคาร่วงเยอะกว่า Camry ครับ คุ้มไหม... ส่วนตัวผมว่าไม่คุ้มครับ เพราะราคามันร่วงเยอะ
4. ส่วนตัวคิดว่าจะขายครับ ยังพอต่อยอดได้บ้าง เพราะถ้ามันเสียขึ้นมา (ระบบแอร์) ซ่อมเอง แถมราคาขายต่อก้อตกส่วนตัวคิดว่าไม่โอเคครับ  :-\

ออฟไลน์ axister

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,188
Re: อนาคตรถhybridหลังหมดรับประกัน10ปี
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 11, 2017, 14:58:31 »
ค่าเปลี่ยนผมก็มองว่าตามเวลานะครับ ใช้รถ 10 ปี จะไม่เสียค่าซ่อมซักบาทเลยหรอ อีกทั้งในอนาคตราคาแบตพวกนี้ก็จะลดลงตามเทคโนโลยี

แลกกับระบบที่ได้เพิ่มมา ถ้าไม่อยากจะเสียค่าเทคโนโลโยีเลยก็เลือกรถโล้นๆดีกว่าครับ แต่ dsegment คงไม่มีแล้วมั้ง คงต้องดูพวกรถปีเก่าๆอะครับ

ไม่ไฮบริดก็มีเทคโนโลยีเปลี่ยนหลายพันจนถึงหมื่นเหมือนกันนะ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,431
Re: อนาคตรถhybridหลังหมดรับประกัน10ปี
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 11, 2017, 15:54:42 »
ที่น่าห่วงอีกอย่างคือ มีอะไหล่ให้หรือเปล่า ถ้า Toyota อาจจะพอมี แต่ถ้าค่ายอื่น กลัวจะต้องรอนาน

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,633
Re: อนาคตรถhybridหลังหมดรับประกัน10ปี
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 11, 2017, 16:08:50 »
แบตก็เตรียมไว้ 1 แสน บวกลบ  แต่อย่าลืมมันมีแบตลูกเล็กอีกน่ะ
   ให้ความสำัญกับแบตเกินไปหรือเปล่า   มันมีตัว Generator  หรือมอเตอร์อีกราคาแพงกว่าแบตนะจะบอกให้  แต่ตัวนี้ไม่ค่อยเสียครับอายุนานมากแต่ถ้าเสียขึ้นมาก็น่าจะทิ้งรถดีกว่าซ่อม 
    ระบบแอร์คัมรี่แพงนะครับซ่อมทีก็หลายหมื่นนะ  ข้างนอกซ่อมได้จริงแต่ต้องหาอู่ดีหน่อยไม่งั้นรวนมาขายรถทิ้งแบบผม     แต่ราคาซ่อมอู่นอกก็ไม่ถูกนะ   เป็นผมผมซ่อมศูนย์เอาแพงหน่อยแต่จบดีกว่า
 อื่น ๆ ก็แพงบ้างตามอายุเช่น ช่วงล่าง แร๊คพวงมาลัย  เซนเซอร์ที่เริ่มเสีย  แต่ไม่จุกจิกรวนหรอก

    ส่วนถามว่าซ่อมแล้วคุ้มไหม  ผมตอบไม่ได้    ตราบที่รถอยู่กะเราเป็นผมผมซ่อมครับ ยกเว้นค่าซ่อมเกินราคารถที่เหลืออยู่เวลานั้น

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2017, 16:21:11 โดย Auto »

ออฟไลน์ lexus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,242
Re: อนาคตรถhybridหลังหมดรับประกัน10ปี
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 11, 2017, 17:08:59 »
ค่าเปลี่ยนผมก็มองว่าตามเวลานะครับ ใช้รถ 10 ปี จะไม่เสียค่าซ่อมซักบาทเลยหรอ อีกทั้งในอนาคตราคาแบตพวกนี้ก็จะลดลงตามเทคโนโลยี

แลกกับระบบที่ได้เพิ่มมา ถ้าไม่อยากจะเสียค่าเทคโนโลโยีเลยก็เลือกรถโล้นๆดีกว่าครับ แต่ dsegment คงไม่มีแล้วมั้ง คงต้องดูพวกรถปีเก่าๆอะครับ

ไม่ไฮบริดก็มีเทคโนโลยีเปลี่ยนหลายพันจนถึงหมื่นเหมือนกันนะ

10ปีรถธรรมดามันก็ต้องมีเสียมีเปลี่ยนก็รู้ๆกันอยู่แล้วครับ
แต่ที่ไม่รู้คือระบบhybridและระบบที่เกี่ยวข้อง ที่มันเพิ่งมีในไทย
แล้วราคาซ่อมกับราคามือ2รถ10ปีหลังหมดประะกันมันคุ้มกันหรือเปล่าต่างหาก เป็นเรื่องที่น่าคิด

ออฟไลน์ amnartmek

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 44
Re: อนาคตรถhybridหลังหมดรับประกัน10ปี
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 11, 2017, 21:55:03 »
รถ Prius แบตใหญ่เสื่อม  วิ่งได้เหมือนรถ1.8ทั่วไปครับ
ผมวิ่งน้ำมันล้วนอยู่เป็นเดือนระหว่างรอแบต ช่วงปีใหม่
เรื่องอะไหล่แพง น่าจะพอกับรุ่นอื่นนะครับ พวกเก๋งราคาล้านขึ้น
รถสิบปีไม่ต้องใส่แบตใหม่แล้วครับ วิ่งน้ำมันล้วนไปเลย มันเลยจุดคุ้มไปแล้ว
ส่วนตัวคิดว่าถ้าแบตเสื่อมเอาตอนปีที่10 แล้วเคลมได้ลูกใหม่วิ่งต่ออีกห้าปี เพลินไปเลยครับ

ออฟไลน์ yod artstu

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,158
Re: อนาคตรถhybridหลังหมดรับประกัน10ปี
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 11, 2017, 22:03:28 »
คุ้นๆว่าฝั่ง อเมริกามีแบตยี่ห้อเทียบนะครับ แต่ที่นี่ผมว่ายาก
ตอนนี้รถผมก็ 6 ปีละ ยังไม่เคลมแบตเลย
: )

ออฟไลน์ เกมส์'พิดโลก

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 365
  • อยากทำอะไรรีบทำ เมื่ออิสระยังอยู่กับเรา ก่อนที่จะไม่เหลือเวลา...
    • Facebook
    • อีเมล์
Re: อนาคตรถhybridหลังหมดรับประกัน10ปี
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: เมษายน 12, 2017, 00:09:09 »
ตอนที่ซื้อ Camry HB 2013 มือสองมา ก็คิดแบบนี้เลยครับ
ผมซื้อมาเข้าปีที่ 6 โชคดีที่ขึ้นให้เปลี่ยนแบ็ต (ยังลุ้นให้มันรีบขึ้นไวไว) เผื่อปีที่ 9 จะได้เปลี่ยนฟรีอีกที
ถ้าโชคไม่ดี แบ็ตดันเสื่อมตอนปีที่ 10 นิดๆ ยังคิดอยู่เลยครับว่าจะเอายังไงดี จะยอมควัก 7 หมื่น หรือยอมทนเห็นข้อความ CHECK HYBRID SYSTEM ไปตลอด (ถึงจะขับได้ปกติ แต่ก็แอบรำคานมาก ที่เวลากดดู info ไปเรื่อยๆ แล้วมันก็จะเด้งมาข้อความนี้ตลอด)
ว่าไปมันก็เป็นระเบิดเวลาดีดีนี่เอง (ไม่ใช่แบ็ตระเบิดนะครับ ;D) แต่เป็นระเบิดเวลาที่ต้องให้ตัดสินใจ ณ ตอนนั้น
ตอนนี้ก็ยังพูดได้ครับว่า ใช้ๆไปอย่าคิดมาก รอให้ถึงเวลานั้นค่อยคิด(เหรอ)
ถ้าจินตนาการ ได้เปลี่ยนแบ็ตฟรีตอนปีที่ 9-10 ใช้ไปอีก 5 ปี แบ็ตเสียอีกรอบ ก็จะเท่ากับว่าตอนนั้นอายุรถน่าจะ 14-15 ปี (แต่ผมใช้จริง 9-10 ปี)
เอาตรงๆ ตั้งแต่ผมเกิดมาจนอายุ 26 ยังไม่มีรถคันไหนในบ้านอยู่ถึงปีที่ 8 สักคัน ส่วนใหญ่ 4-5 ปี ก็ขายเปลี่ยนใหม่ตลอด มีแค่ Wish นี่แหละที่พึ่งจะเข้าปีที่ 8
ถ้า Camry ไปต่อจนถึงปีที่ 10 มันคงจะเป็นรถที่ทรงคุณค่ามากๆ ที่ได้ไปต่อถึงขนาดนั้น (ผมว่ามันถึงแน่ๆ เพราะเป็นรถที่แม่งโคตสบายที่สุดเท่าที่เคยนั่งมา)
ก็เลยอดกังวลใจไมไ่ด้เหมือนกันครับ ที่รถแสนดีขนาดนี้ จะต้องมามีระเบิดเวลาติดตัว

ปล.อยากให้ตัว 2.5 ธรรมดา มีเบาะปรับเอนได้แบบตัว Top จังเลยครับ เห้อ....

ปล.2 ผมมีแพลนว่า อาจจะขายก่อนเปลี่ยนแบ็ตรอบ 2 นั่นก็คือปีที่ 9-10 แล้วไปสอย 2.5 ธรรมดา โฉมปัจจุบัน (ตอนนั้นก็คงราคา 7-8 แสน เท่าๆกับคันนี้ที่ซื้อมา) อย่างน้อยก็มีเมมเบาะมาให้ ไม่ต้องตีกันกับแฟนเวลาเปลี่ยนกันขับรถ
แต่ต้องแอบนอยส์เบาะหลังแน่ๆ
C-Class C300 AMG W205 - Now
Pajero GT 2WD 2016 - Now
Camry HB Top ACV50 2012 - Now
Triton 2.5 - Now
Wish MC - Now
City V 09 - Now
Z4 s20i Pure balance - Sold
F30 320d - Sold
Accord G9 2.4 -Sold
Jazz SV 08 - Sold
CRV G4 2.0 4WD, FD 08 , Camry 2.5 , Vigo 3.0 , Tiger D4D 2.5