ผู้เขียน หัวข้อ: กระทุ้ชวนคิด : บางทีก็รู้สึกว่า ระบบ 4WD ควรอยู่ในรถทุกขนาดเหมือนกันน่ะ  (อ่าน 13115 ครั้ง)

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
จขกท พูดถึงสังคม ภาพรวมของปัญหาอุบัติเหตุในบ้านเรา  พูดกันตรงๆมันเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ ว่า อุบัติเหตุบ้านเรา  มันเกิดจาก "คน" ครับ  ไม่ใช่ "รถ"

ปัญหาทุกอย่างมันจะไม่เกิด  ถ้าจำกัดความเร็วได้เข้มๆแบบเมืองนอกนะผมว่า 

ขับรถที่ไม่ใช่ขับสี่มานานมาก  แต่ก็ "ไม่เคย" มีโอกาสได้ใช้ระบบช่วยเหลือของรถ  เพราะปกติ "ขับแบบมีสติ" "ความเร็วตามกฎหมาย"    ทำให้ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ

ตอนสอบใบขับขี่  ผมว่าเขาก็สอนนะ  เรื่องเว้นระยะคันหน้า  แต่สมองคนไทยมันความจำสั้น สอบแปปๆก็ลืมกันหมดนั่นละครับ

ทำได้ตามกฎอุบัติเหตุมันก็ไม่เกิด

แก้ที่รถผมว่ามันปลายเหตุ  ลำพังรถน่ะ  มันทำตัวเองให้เสียอาการไม่ได้  มันต้อง  "คน"  นั่นแหละ ที่ขับเร็วเกินจนต้องให้รถเข้ามาช่วยเหลือ

บางทีผมก็ไม่เห็นเหตุที่จะต้องเอารถทุกคันไปแบกน้ำหนักเพิ่มเพื่อระบบขับสี่   ควรดัดสันดานคนขับ  ปรับหนักๆแบบ ยุโรปเขาสักที  แนวคิดออโตบาร์นมันขายฝัน  วินัยคนไทย นิสัยไทยๆ มันไม่มีทางเป็นไปได้  เอางบสร้างถนน ไปซื้อกล้องมาถ่ายแล้วปรับตามเรตค่าครองชีพ  อัตราความเร็วแบบ UK ก็เข้าท่า

เมืองนอกเขาขับสี่เยอะนะ  แต่เหตุผลเขาคือ "เขามีหิมะ พื้นถนนเป็นน้ำแข็งสุดลื่น  ไหนจะต้องมีแบ่ง Snow Tire , Summer Tire"  มามองพี่ไทยแล้ว  ก็ลาดยางปรกติ  เต็มที่ด็แค่ฝนตก  แต่ขับรถชุ่ยๆ ประมาทกันเอง  เอาจริงๆ มีแค่ VSC ESP พวกนี้ก็เหลือพอแล้ว

ย้ำว่าพูดถึงการขับรถให้ปลอดภัยไม่ไปเดือดร้อนชาวบ้าน ไม่ได้เอาในแง่สมรรถนะขับเอามันส์เอาฟีลลิ่งส่วนบุคคล

คนทำตามกฎจราจรนี่น้อยนะ  เอาสัดส่วนเพื่อนผม  คนขับรถเรียบร้อยๆไม่มักง่ายนี่มีแค่ 2/10 คนเองนะ   เห็นการใช้รถใข้ถนนบ้านเรา  เทียบกับเมืองนอกเขาแล้วรู้สึกว่ามันด้อยพัฒนามากๆ 

 (อารมณ์หลังจากดู  Topgear พอมาเปรียบเทียบ มันเห็นได้ชัดว่าพี่ไทยขับรถได้อินเดียสไตล์มากๆ  แต่ผมว่าหลังๆ  เขาเริ่มพัฒนาให้อุบัติเหตุน้อยลง    ส่วนพี่ไทยเราก้าวหน้าพยายามแซงเป็นที่ 1 ในด้านปริมานอุบัติเหตุแทน  ขับรถกันแย่ลงทุกวันๆ)

บางทีก็น้อยใจเล็กๆ ว่าผมขับรถตามกฎหมายทุกอย่าง   ส่วนมากก็เจอไอ้พวกประมาท  ขับผิดกฎหมาย  ขับไร้สามัญสำนึก  ทะเล่อทะล่ามาชน   หรือปาด แทรก จนรถติดขยับไม่ได้  เดือดร้อนก็เพราะไอ้พวกเห็นแก่ตัวพวกนี้   จนบางทีก็คิดว่า  นี่ตูอยู่ในประเทศด้อยพัฒนา  เละเทะไร้ระเบียบขนาดนี้เลย   กฎหมายไม่ได้ช่วยสร้างความมั่นใจ  ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินผมได้เลย  ต้องระมัดระวังเอาเองทุกอย่าง  หรือต่อให้ระวัง  ผมก็อาจจะตายได้ทุกเมื่ออยู่ดี  เหมือนเคส CLS ไปชน Fiesta ที่ขับเฉยๆปกติก็ตายได้
 :'(  :-\
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 27, 2017, 10:16:24 โดย Butterzai »

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ผมว่าคำว่า 50% เขาพูดให้ฟังเว่อร์เฉยๆ ครับ

ผมอยากให้มี awd ให้เลือกทุกรุ่นนะ แล้วให้สูงขึ้นอีกหน่อยด้วย
สามารถจับแต่งแปลงเป็น crossover มันได้ทุกรุ่นเลยถ้าเป็นรถท้ายตัด
จ่ายเพิ่ม 5 หมื่นถึงแสนก็จัดมาให้เลือก

หวังว่าจะแชร์ชิ้นส่วนกันได้ทุกรุ่น ต้นทุน part จะได้ไม่สูงครับ
เหมือเกียร์ jatco ใช้กันทั้งอุตสาหกรรม 555


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 27, 2017, 10:23:44 โดย Dark Overlord »

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,632
มีให้เลือกก็คงดีครับ แต่ยังไงผมก็คงเลือกซื้อขับ 2 แต่มีระบบช่วยการทรงตัวเหมือนเดิมครับ สำหรับผมที่ขับความเร็วเดินทางปกติแค่นี้ก็เกินพอแล้วครับ
จากที่เคยขับทั้งเก๋ง  ปิคอัพ  PPV    เพราะที่บ้านมีหมด

   1. รถเก๋งถ้าจะเลือกเอา VSC  ช่วยในการทรงตัวมันไม่ค่อยจำเป็นเลย    เพราะการขับให้ระบบ VSC  ทำงานนี่ต้องเค้นรถออกมามากจริง  ๆ ไม่ใช่การขับแบบปกติทั่วไปแน่  ๆ   เรียกว่าต้องเค้นจนกระทั่งตัวถังรถบิดเลยทีเดียว  หรือเข้าโค้งแรงเกินจำเป็น ซึ่งบนถนนจริง  ๆ รถเก๋งขับแบบนั้นไม่ไ่ด้แน่อันตรายเกิน    ยกเว้นรถเสียการทรงตัวไปแล้วซึ่งตอนนั้นมี VSC  คงเอาไม่อยู่แล้วล่ะ    คือจากการขับปกติในชีวิตประจำวันแม้จะขับแว้นซิ่งไปบ้าง ผมยังไม่เคยเจอว่าจะงัดระบบ VSC  ออกมาใช้ได้ยังไง      แต่ถ้าระบบ 4wd  ในรถเก๋งยังไ้ด้ใช้แน่นอน     แต่ถ้าถามว่าระบบ 4wd ในรถเก๋งจำเป็นไหม   คงต้องบอกว่าในรถเก๋งไม่ถึงกับจำเป็น  ยกเว้นคนชอบสมรรถนะของรถอย่าง อิโว ซูบารู STI  อะไรทำนองนั้น คือเป็นมากกว่ารถที่ใช้งานปกติอันนั้นใช่เลย

    2.  รถปิคอัพ  ถ้าตัวเตี้ย  ๆ  มี VSC  ก็ดีช่วยได้ระดับนึงเพราะโอกาสเสียการทรงตัวมีครับ
           รถปิคอัพตัวยกสูง   ควรมีครับระบบ VSC  ไม่มีแล้วยกสูงอย่างเดียว  ผมว่ามันไม่น่าขับ   เพราะอาการของรถมันออกไ้ด้ตลอดเวลาตอนยัดโค้งแรง หรือวิ่งแฉลบหรือส่าย VSC  ก็ได้ใช้แล้ว 
          รถปิคอัพยกสูง ถ้าชอบวิ่งเที่ยวโน่นนี่นั่น    หรือใช้งาน ตจว บ่อย ๆ  4wd ก็น่าจะจำเป็นครับช่วยในการขับให้มั่นคงขึ้น พวงมาลัยแน่นขึ้น ไม่หวิว  ผมว่ามันผ่อนคลายกว่าถ้าวิ่งทางไกล 
 
    3.  PPV  ระบบต่าง ๆ ก็ควรมีให้พร้อม 4wd VSC TRC  อาการรถมันออกเร็วมาก โคลงกว่ารถปกติเห็นได้ชัดไม่ว่ารุ่นอะไร   ถึงแม้ไม่ไ่ด้เอาไปลุยที่ไหนแต่ระบบ4wd จำเป็นทำให้การขับขี่ดูหนักแน่นขึ้น       ยกเว้นว่าซื้อ PPV  มาใช้ในเมืองรถติด ซื้อกับข้าว ส่งลูกไป รร ยกสูงหนีน้ทำ่ท่วม  ตัวล่างสุด PPV  ไม่ต้องมีอ๊อพชั่นอะไรเลยก็ซื้อได้ครับ
   
 

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
มีให้เลือกก็คงดีครับ แต่ยังไงผมก็คงเลือกซื้อขับ 2 แต่มีระบบช่วยการทรงตัวเหมือนเดิมครับ สำหรับผมที่ขับความเร็วเดินทางปกติแค่นี้ก็เกินพอแล้วครับ
จากที่เคยขับทั้งเก๋ง  ปิคอัพ  PPV    เพราะที่บ้านมีหมด

   1. รถเก๋งถ้าจะเลือกเอา VSC  ช่วยในการทรงตัวมันไม่ค่อยจำเป็นเลย    เพราะการขับให้ระบบ VSC  ทำงานนี่ต้องเค้นรถออกมามากจริง  ๆ ไม่ใช่การขับแบบปกติทั่วไปแน่  ๆ   เรียกว่าต้องเค้นจนกระทั่งตัวถังรถบิดเลยทีเดียว  หรือเข้าโค้งแรงเกินจำเป็น ซึ่งบนถนนจริง  ๆ รถเก๋งขับแบบนั้นไม่ไ่ด้แน่อันตรายเกิน    ยกเว้นรถเสียการทรงตัวไปแล้วซึ่งตอนนั้นมี VSC  คงเอาไม่อยู่แล้วล่ะ    คือจากการขับปกติในชีวิตประจำวันแม้จะขับแว้นซิ่งไปบ้าง ผมยังไม่เคยเจอว่าจะงัดระบบ VSC  ออกมาใช้ได้ยังไง      แต่ถ้าระบบ 4wd  ในรถเก๋งยังไ้ด้ใช้แน่นอน     แต่ถ้าถามว่าระบบ 4wd ในรถเก๋งจำเป็นไหม   คงต้องบอกว่าในรถเก๋งไม่ถึงกับจำเป็น  ยกเว้นคนชอบสมรรถนะของรถอย่าง อิโว ซูบารู STI  อะไรทำนองนั้น คือเป็นมากกว่ารถที่ใช้งานปกติอันนั้นใช่เลย

    2.  รถปิคอัพ  ถ้าตัวเตี้ย  ๆ  มี VSC  ก็ดีช่วยได้ระดับนึงเพราะโอกาสเสียการทรงตัวมีครับ
           รถปิคอัพตัวยกสูง   ควรมีครับระบบ VSC  ไม่มีแล้วยกสูงอย่างเดียว  ผมว่ามันไม่น่าขับ   เพราะอาการของรถมันออกไ้ด้ตลอดเวลาตอนยัดโค้งแรง หรือวิ่งแฉลบหรือส่าย VSC  ก็ได้ใช้แล้ว 
          รถปิคอัพยกสูง ถ้าชอบวิ่งเที่ยวโน่นนี่นั่น    หรือใช้งาน ตจว บ่อย ๆ  4wd ก็น่าจะจำเป็นครับช่วยในการขับให้มั่นคงขึ้น พวงมาลัยแน่นขึ้น ไม่หวิว  ผมว่ามันผ่อนคลายกว่าถ้าวิ่งทางไกล 
 
    3.  PPV  ระบบต่าง ๆ ก็ควรมีให้พร้อม 4wd VSC TRC  อาการรถมันออกเร็วมาก โคลงกว่ารถปกติเห็นได้ชัดไม่ว่ารุ่นอะไร   ถึงแม้ไม่ไ่ด้เอาไปลุยที่ไหนแต่ระบบ4wd จำเป็นทำให้การขับขี่ดูหนักแน่นขึ้น       ยกเว้นว่าซื้อ PPV  มาใช้ในเมืองรถติด ซื้อกับข้าว ส่งลูกไป รร ยกสูงหนีน้ทำ่ท่วม  ตัวล่างสุด PPV  ไม่ต้องมีอ๊อพชั่นอะไรเลยก็ซื้อได้ครับ
 

หลายคนยังนิยมพูดแบบรวมๆ ไม่ยอมแยกประเด็น
หรือแยกไม่เป็น ทั้งๆที่มีความรู้เยอะ อธิบายปากฉีกถึงหูเขาก็ยังไม่เข้าใจครับ
เหมือนเรื่องแอร์ออโต้ที่ผมพยายามอธิบายยังไง คนที่ไม่รู้เรื่องก็คือไม่รู้เรื่อง
คนเราต้องหัดแยกประเด็นเก่งๆ ครับ ดูคุยง่ายฉลาดไม่ยึดติดและดูมีความคิดสร้างสรรค์ดี

ออฟไลน์ arton

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 68
    • อีเมล์
เมื่อคืนไม่ได้เข้ามาอ่าน ไล่เก็บประเด็น ความคิดของแต่ละท่าน ๆ ก็ไม่ต่างจากแรก ๆ ครับ การแยกประเด็นของท่าน auto เห็นภาพชัดดี ครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแชร์ความคิดครับผม ก็หวังว่า จิตสำนักของคนขับรถบ้านเราจะดีขึ้นตามการพัฒนาของประเทศ + บ.รถจะเห็นความสำคัญของระบบต่าง ๆ โดยยอมลดกำไรลงบ้าง + เมื่อคนไทยมีรายได้ถึงระดับที่เพียงพอ ก็คงได้ใช้ระบบดี ๆ ในรถของเรา ๆ ท่าน ๆ เพิ่มขึ้นครับ

ออฟไลน์ Auto Messe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 400
อ่านแล้วก็มึน มีคนคิดได้ไงว่าเอารถคนละยี่ห้อคนละรุ่น ขับสี่กับขับสองมาเทียบกัน

ผมน่ะเก็บตัวเลขจากการใช้งานจริงวิ่งมาเป็นปีๆบนเส้นทางเดียวกันวิ่งหมดถังหลายๆรอบ ในรถบอดี้เดียวกัน fortuner 3.0 fulltime 4wd เติมเต็มถัง 65 ลิตร วิ่งได้ประมาณ 550 กม.ก็ประมาณ 8.4 กม/ลิตร กับอีกคันนึง fortuner 3.0 2wd เติมเต็มถัง 65 ลิตรวิ่งได้ประมาณ 750 กม. ก็ประมาณ 11.5 กม/ลิตร

คงไม่ต้องมาขอดูรูปพิสูจน์อะไรอีกนะครับเพราะรถขายไปหมดแล้ว หันมาใช้รถขับสองตัวถังเบาๆสบายใจกว่าประหยัดน้ำมัน เมื่อก่อนหน้านี้ก็เคยอยากใช้แหละครับรถขับสี่ ใช้มาสิบกว่าปีรู้แล้วว่าไม่จำเป็นสำหรับถนนเมืองไทยปกติทั่วประเทศ ถ้าถนนเมืองไทยมีโอกาศลื่นเป็นน้ำแข็งหรือหิมะแบบญี่ปุ่นหรือยุโรปหรืออเมริกานี่สิรถขับสี่ถึงจะจำเป็น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 27, 2017, 12:04:45 โดย AutoMesse »

ออฟไลน์ sith(สิทธิ์)

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,415
  • นับ1ใหม่
    • อีเมล์
ไม่ต้องมึนหรอกครับ อธิบายให้มันเครียๆ เทคโนโลยีเมื่อสมัยที่คุณขับ 10 กว่าปีก่อน กับสมัยนี้
อัตราการบริโภคมันก็ต่างกันแล้ว ระบบขับเคลื่อนก็เริ่มมีความแตกต่างกันแล้ว เกียร์เอย น้ำหนักรถเอย อัตราทดเอย คือ โลกมันพัฒนาไปเรื่อยๆ คุณจะอ้างแต่ไอ้รถสมัยเมื่อ10กว่าปีก่อน มาตัดสินรถสมัยนี้ ผมว่าไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ จุดเริ่มต้นมาผิดพลาดที่คุณสื่อว่า ขับ4มันทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นถึง50% จะยอมรับกันได้ไหม ทีนี้ก็มีคนแย้งคุณว่า ไม่นะ ในการใช้งานจริง ต่างกันก็แค่ราวๆ 1 กิโลเมตรเอง ตรรกะของคุณคือ รถเมื่อสมัย10กว่าปี
     ทีนี้ เรื่องรถ AWD 4WD (ขอเรียกว่าขับ4) แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ โอเคแล้วไป คือคนเรามันชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เรื่องขับรถมีสติ เน้นดอกยาง เน้นระบบช่วยเหลืออื่นๆ ก็ว่ากันไป แล้วแต่ชอบแบบไหน สนทนากันไป
ส่วนเรื่องระบบขับเคลื่อน ถ้ามันมีให้เป็นตัวเลือกก็คงดี ใครชอบขับ4 ก็เอาขับ4ไป ใครชอบขับ2ก็เอาขับ2ไป ให้ผู้บริโภคได้เลือกว่าชอบสไตร์ไหน ไม่อยากให้ไปตัดสินแทนคนนั้น คนนี้ว่า ขับนั้นไม่ดี ขับนี้ไม่ดี เค้าใช้เค้ารู้แหละ ว่ารถไหนเหมาะกับเค้า เค้าถึงเลือกซื้อ ทีนี้ ที่ผมเอาภาพอัตราบริโภคมาให้ดู ก็ให้เทียบให้เห็นแบบมีหลักฐานว่า นี่ จริงๆแล้ว อัตราการบริโภคมันไม่ได้ต่างกันมากนะ แม้นว่า บอดี้มันจะใหญ่ขึ้น ขับ4ด้วยนะ ต่างกันไม่เยอะ นี่ไงหลักฐานยืนยันจากการทดสอบทางเว็บ ใครรับได้ มีงบถึง ก็เล่นได้ ต่างจากขับ2ไม่เท่าไหร่ จะมาอ้างไม่ได้ว่า ต่างกัน 50%เลยนะ ใช้มาแล้ว10กว่าปีไม่ได้
ครับผม

ออฟไลน์ Auto Messe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 400
ไม่ต้องมึนหรอกครับ อธิบายให้มันเครียๆ เทคโนโลยีเมื่อสมัยที่คุณขับ 10 กว่าปีก่อน กับสมัยนี้
อัตราการบริโภคมันก็ต่างกันแล้ว ระบบขับเคลื่อนก็เริ่มมีความแตกต่างกันแล้ว เกียร์เอย น้ำหนักรถเอย อัตราทดเอย คือ โลกมันพัฒนาไปเรื่อยๆ คุณจะอ้างแต่ไอ้รถสมัยเมื่อ10กว่าปีก่อน มาตัดสินรถสมัยนี้ ผมว่าไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ จุดเริ่มต้นมาผิดพลาดที่คุณสื่อว่า ขับ4มันทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นถึง50% จะยอมรับกันได้ไหม ทีนี้ก็มีคนแย้งคุณว่า ไม่นะ ในการใช้งานจริง ต่างกันก็แค่ราวๆ 1 กิโลเมตรเอง ตรรกะของคุณคือ รถเมื่อสมัย10กว่าปี
     ทีนี้ เรื่องรถ AWD 4WD (ขอเรียกว่าขับ4) แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ โอเคแล้วไป คือคนเรามันชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เรื่องขับรถมีสติ เน้นดอกยาง เน้นระบบช่วยเหลืออื่นๆ ก็ว่ากันไป แล้วแต่ชอบแบบไหน สนทนากันไป
ส่วนเรื่องระบบขับเคลื่อน ถ้ามันมีให้เป็นตัวเลือกก็คงดี ใครชอบขับ4 ก็เอาขับ4ไป ใครชอบขับ2ก็เอาขับ2ไป ให้ผู้บริโภคได้เลือกว่าชอบสไตร์ไหน ไม่อยากให้ไปตัดสินแทนคนนั้น คนนี้ว่า ขับนั้นไม่ดี ขับนี้ไม่ดี เค้าใช้เค้ารู้แหละ ว่ารถไหนเหมาะกับเค้า เค้าถึงเลือกซื้อ ทีนี้ ที่ผมเอาภาพอัตราบริโภคมาให้ดู ก็ให้เทียบให้เห็นแบบมีหลักฐานว่า นี่ จริงๆแล้ว อัตราการบริโภคมันไม่ได้ต่างกันมากนะ แม้นว่า บอดี้มันจะใหญ่ขึ้น ขับ4ด้วยนะ ต่างกันไม่เยอะ นี่ไงหลักฐานยืนยันจากการทดสอบทางเว็บ ใครรับได้ มีงบถึง ก็เล่นได้ ต่างจากขับ2ไม่เท่าไหร่ จะมาอ้างไม่ได้ว่า ต่างกัน 50%เลยนะ ใช้มาแล้ว10กว่าปีไม่ได้
ครับผม

นี่ก็ยิ่งมึนเข้าไปใหญ่ ทำไมจะเอามาอ้างไม่ได้ในเมื่อมันเป็น fact ที่ผมทดลองทดสอบมาเอง ไม่ได้ไปอ้างผลการทดสอบของคนอื่นมาใช้  แล้วเทคโนโลยีมันไม่ได้ล้าหลัง 10 ปีนะครับ มันล้ำหน้าและอยู่ในรถตัวท็อปอย่าง prado จนถึงทุกวันนี้ แต่มันแพงและสิ้นเปลืองเขาถึงคิดว่ามันไม่จำเป็นในรถระดับชาวบ้านใช้ ทุกวันนี้ถ้ามันดันมี prado ขับสี่กับขับสองอย่างเดียวมาทดสอบเปรียบเทียบกันมันก็ได้ผลเหมือนแบบนี้

ผมว่าตรรกะที่เพี้ยนนี่คือ เอารถคันเดียวกันแต่ปรับขับสี่กับขับสองมาเทียบกันมากกว่า เพราะโจทย์ของกระทู้นี้คือ ระบบ 4WD ควรอยู่ในรถทุกขนาดหรือเปล่า แปลว่ารถทั่วไปที่เป็นระบบขับสองควรเพิ่มระบบขับสี่เข้าไปหรือเปล่า ไม่ได้ถามว่ารถทั่วไปที่มีระบบขับสี่อยู่แล้วแต่ปกติขับสองอยู่ ควรใช้ระบบ 4 wd ไว้ตลอดเวลาหรือเปล่า

ดังนั้นการออกความเห็นของผม จึงอยู่บนพื้นฐานคำตอบว่ารถปกติที่มีแค่ระบบขับสองพอเพิ่มเติมระบบขับสี่เข้าไป มันต้องเพิ่มชิ้นส่วนเพิ่มน้ำหนักเพิ่มระบบการควบคุมการทำงานเข้าไปอีก ทำให้เครื่องยนต์มีโหลดการทำงานมากขึ้นจึงทำให้กินน้ำมันมากกว่า มันเป็น fact ไม่เห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีตรงไหน

ถ้าจะใช้ผลจากรถคันเดียวกัน มันต้องเอาไปยกถอดระบบขับ 4 ทั้งหมดออกก่อนครับ แล้วค่อยมาทดสอบเปรียบเทียบกัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 27, 2017, 13:08:47 โดย AutoMesse »

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,632
ตอบในฐานะอยู่ Fortunerclub มาพอสมควร ของท่าน  ดูกินมากเกินไปแบบผิดปกติในรถคันนั้น   ยกเว้นว่าเป็นรุ่น TRD

   1. Fortuner 2.7 4x4 fulltime  นอกเมือง กินน้ำมัน 7 km/l  ในเมือง 5-6 km/l
   2. Fortuner 2.7 2wd นอกเมือง กินน้ำมัน 8-9 km/l  ในเมือง 6-6.5  km/l
   3. Fortuner 3.0 4x4 fulltime  นอกเมือง กินน้ำมัน 10-11 km/l  ในเมือง 7-9 km/l
   4. Fortuner 3.0 2wd VSC นอกเมือง กินน้ำมัน 11-12 km/l  ในเมือง 9-10 km/l
   5. Fortuner 3.0 4x4 fulltime รุ่นเกียร์ 5AT นอกเมือง กินน้ำมัน 11-12 km/l  ในเมือง 9-10 km/l
   6. Fortuner 3.0 4x4 fulltime  G เกียร์ธรรมดา นอกเมือง กินน้ำมัน 11-11.5 km/l  ในเมือง 9-10 km/l
   7. Fortuner 2.5  2wd  นอกเมือง กินน้ำมัน 13-14 km/l  ในเมือง 10-11 km/l

 
       ์New Fortuner 
    1. Fortuner 2.8 4x4 part time  นอกเมือง กินน้ำมัน 12-12.5 km/l  ในเมือง 10 km/l
    2. Fortuner 2.4 2wd  นอกเมือง กินน้ำมัน 13-14.5 km/l  ในเมือง 10-11 km/l

   
   

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ไม่ต้องมึนหรอกครับ อธิบายให้มันเครียๆ เทคโนโลยีเมื่อสมัยที่คุณขับ 10 กว่าปีก่อน กับสมัยนี้
อัตราการบริโภคมันก็ต่างกันแล้ว ระบบขับเคลื่อนก็เริ่มมีความแตกต่างกันแล้ว เกียร์เอย น้ำหนักรถเอย อัตราทดเอย คือ โลกมันพัฒนาไปเรื่อยๆ คุณจะอ้างแต่ไอ้รถสมัยเมื่อ10กว่าปีก่อน มาตัดสินรถสมัยนี้ ผมว่าไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ จุดเริ่มต้นมาผิดพลาดที่คุณสื่อว่า ขับ4มันทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นถึง50% จะยอมรับกันได้ไหม ทีนี้ก็มีคนแย้งคุณว่า ไม่นะ ในการใช้งานจริง ต่างกันก็แค่ราวๆ 1 กิโลเมตรเอง ตรรกะของคุณคือ รถเมื่อสมัย10กว่าปี
     ทีนี้ เรื่องรถ AWD 4WD (ขอเรียกว่าขับ4) แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ โอเคแล้วไป คือคนเรามันชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เรื่องขับรถมีสติ เน้นดอกยาง เน้นระบบช่วยเหลืออื่นๆ ก็ว่ากันไป แล้วแต่ชอบแบบไหน สนทนากันไป
ส่วนเรื่องระบบขับเคลื่อน ถ้ามันมีให้เป็นตัวเลือกก็คงดี ใครชอบขับ4 ก็เอาขับ4ไป ใครชอบขับ2ก็เอาขับ2ไป ให้ผู้บริโภคได้เลือกว่าชอบสไตร์ไหน ไม่อยากให้ไปตัดสินแทนคนนั้น คนนี้ว่า ขับนั้นไม่ดี ขับนี้ไม่ดี เค้าใช้เค้ารู้แหละ ว่ารถไหนเหมาะกับเค้า เค้าถึงเลือกซื้อ ทีนี้ ที่ผมเอาภาพอัตราบริโภคมาให้ดู ก็ให้เทียบให้เห็นแบบมีหลักฐานว่า นี่ จริงๆแล้ว อัตราการบริโภคมันไม่ได้ต่างกันมากนะ แม้นว่า บอดี้มันจะใหญ่ขึ้น ขับ4ด้วยนะ ต่างกันไม่เยอะ นี่ไงหลักฐานยืนยันจากการทดสอบทางเว็บ ใครรับได้ มีงบถึง ก็เล่นได้ ต่างจากขับ2ไม่เท่าไหร่ จะมาอ้างไม่ได้ว่า ต่างกัน 50%เลยนะ ใช้มาแล้ว10กว่าปีไม่ได้
ครับผม

นี่ก็ยิ่งมึนเข้าไปใหญ่ ทำไมจะเอามาอ้างไม่ได้ในเมื่อมันเป็น fact ที่ผมทดลองทดสอบมาเอง ไม่ได้ไปอ้างผลการทดสอบของคนอื่นมาใช้  แล้วเทคโนโลยีมันไม่ได้ล้าหลัง 10 ปีนะครับ มันล้ำหน้าและอยู่ในรถตัวท็อปอย่าง prado จนถึงทุกวันนี้ แต่มันแพงและสิ้นเปลืองเขาถึงคิดว่ามันไม่จำเป็นในรถระดับชาวบ้านใช้ ทุกวันนี้ถ้ามันดันมี prado ขับสี่กับขับสองอย่างเดียวมาทดสอบเปรียบเทียบกันมันก็ได้ผลเหมือนแบบนี้

ผมว่าตรรกะที่เพี้ยนนี่คือ เอารถคันเดียวกันแต่ปรับขับสี่กับขับสองมาเทียบกันมากกว่า เพราะโจทย์ของกระทู้นี้คือ ระบบ 4WD ควรอยู่ในรถทุกขนาดหรือเปล่า แปลว่ารถทั่วไปที่เป็นระบบขับสองควรเพิ่มระบบขับสี่เข้าไปหรือเปล่า ไม่ได้ถามว่ารถทั่วไปที่มีระบบขับสี่อยู่แล้วแต่ปกติขับสองอยู่ ควรใช้ระบบ 4 wd ไว้ตลอดเวลาหรือเปล่า

ดังนั้นการออกความเห็นของผม จึงอยู่บนพื้นฐานคำตอบว่ารถปกติที่มีแค่ระบบขับสองพอเพิ่มเติมระบบขับสี่เข้าไป มันต้องเพิ่มชิ้นส่วนเพิ่มน้ำหนักเพิ่มระบบการควบคุมการทำงานเข้าไปอีก ทำให้เครื่องยนต์มีโหลดการทำงานมากขึ้นจึงทำให้กินน้ำมันมากกว่า มันเป็น fact ไม่เห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีตรงไหน

ถ้าจะใช้ผลจากรถคันเดียวกัน มันต้องเอาไปยกถอดระบบขับ 4 ทั้งหมดออกก่อนครับ แล้วค่อยมาทดสอบเปรียบเทียบกัน

อย่าดราม่ากันเลยนะๆๆ
คนไม่อยากได้ และใช้งานตัวขับสองโอเคก็ว่าไม่จำเป็นครับ
ส่วนคนที่ชอบที่อยากได้ และรู้ว่ามันต้องได้ใช้ก็ขอให้ค่ายรถช่วยจัดสเป็คแบบมี AWD ให้หน่อย

มองด้านเทคโนโลยีไม่มองอย่างอื่น
AWD พวกนี้ก็คือสิ่งที่พยายามพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ สังเกตุดูวีดีโอโปรโม
ก็ไม่ได้ให้รถวิ่งบนหิมะ แต่ให้รถวิ่งบนทางปกตินี่แหล่ะครับ ซึ่งมันมีศักยภาพ
ทำให้รถดูดถนนขึ้น ขับมันขึ้น ขับได้สะใจขึ้น

มองด้านประหยัดคุ้ม ไม่เอา อย่าใส่มาเพิ่ม ไม่จำเป็น ขอร้อง (55)

แอร์ออโต้กลายเป็นกระเทยหลายรุ่นก็เพราะ อยากประหยัด cost ไม่อยากดูแลรักษา
กลัวตู้รั่ว กลัวเย็นช้ากินน้ำมัน แต่เมื่อตัดฮีทเตอร์ไปแล้วก็มีคนมากมายเดือดร้อน
เห็นมั้ยครับว่ามันมองต่างมุมกัน และกระทู้นี้เราไม่ได้พูดกันถึงเรื่องความประหยัด

ผมพูดแค่นี้แหล่ะครับ ไม่อยากออกนอกประเด็น

ออฟไลน์ Nismo De Alpina

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,560
  • Whatever brews your coffee.
กระทู้นี้มันส์พะย่ะค่ะ  ???
อยากลองเก๋งขับสี่ AWD ซักครั้ง
ที่เล็งๆไว้ก็มีแต่ซู-outback แต่เห็น
ราคาแล้วขับ 2WD ต่อไปเถอะ
Eventually i've made my home country,Thailand.

ออฟไลน์ ttcl

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 739
ผมไม่เคยมีรถขับสี่เลย แต่ผมเชื่อครับว่าในทางลื่นๆ ระบบขับสี่รักษาอาการของรถดีกว่าระบบขับสองแน่ๆ(เอาระบบเทียบกันอย่างเดียว ยังไม่พูดถึงระบบช่วยเหลืออื่นๆ)

สมัยก่อนผมชอบดูแรลลี่
ตอนที่ทีม audi นำระบบ quattro มาใช้เป็นครั้งแรก ตอนนั้น walter rohrl นักขับแรลลี่ที่หลายๆคนให้การยอมรับว่าดีที่สุดในโลกในขณะนั้น (ปัจจุบันเป็นคนขับ porsche หลายรุ่นทำเวลาในสนาม nurburgring ) ตอนนั้นอยู่ทีมอื่น ไม่ได้อยู่ audi, walter rohrl บอกเลยว่า ไม่มีทีมไหนจะสามารถไปเอาชนะ audi quattro ได้

และก็เป็นจริงตามนั้น ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีระบบ esp , การแข่ง rally แข่งในทางลูกรังบ้าง หิมะบ้าง เส้นทางที่ลื่น ในขณะที่ทีมอื่นขับสอง แต่ audi ขับสี่ , ระบบขับสี่ของ audi ไปเร็วและมั่นคงกว่าใคร , audi ได้แชมป์ในปีนั้นไป , ต่อมา walter rohrl ก็ได้ย้ายไปอยู่ทีม audi

ข้างต้นคือนานมาแล้ว หลายสิบปี
พอเวลาผ่านไป มีเทคโนโลยีอะไรต่างๆมากขึ้น รวมถึงระบบ esp
มีการทดสอบ โดยนำรถรุ่นเดียวกันขับสองล้อหลังและเครื่องวางหลัง ซึ่งน่าจะท้ายปัดได้ง่าย คือ porsche 911 (C2) มาเปรียบเทียบกับรถรุ่นเดียวกันแต่มีระบบขับสี่ล้อ (C4)
มีการทดสอบโดยขับเป็นวงกลม เพิ่มความเร็วไปเรื่อยๆ เพื่อให้ท้ายปัด
และอีกด่านคือเปลี่ยนทิศทางเร็วๆบนพื้นที่ฉีดน้ำไ้วให้ลื่น

ตอนแรกปิดระบบ esp ทั้ง 2 คัน (porsche เรียกระบบ psm) ปรากฎว่า รถขับสอง หมุนเสียอาการ แต่รถขับสี่ ระบบขับสี่ช่วยไว้ได้มากกว่าอย่างชัดเจน

พอเปิดระบบ esp ทั้ง 2 คัน ด่านแรกที่ขับเป็นวงกลมและเพิ่มความเร็ว ระบบขับสองก็ไม่ปัดครับ เพราะ เครื่องยนต์ตัดกำลังเมื่อความเร็วเกินไปที่จะทำให้รถไถล และก็ยังช่วยเบรคที่ล้อ
ด่านที่เปลี่ยนเลนกระทันหันในพื้นที่ลื่นก็เช่นกัน ระบบขับสองก็ไม่ปัด มี esp ช่วยไว้
(แต่ถ้าความเร็วเกินไปมากๆ ทั้ง esp ทั้งขับสี่ ก็คงช่วยไม่ได้)

ผลทดสอบนั้นสรุปว่า ระบบขับสี่ดีกว่าระบบขับสองจริง แต่โลกได้พัฒนามาระดับหนึ่งแล้ว เทคโนโลยีก็เช่นกัน esp ได้เข้ามาขจัดข้อด้อยของการลื่นไถลของระบบขับสองได้  ทำให้ปัจจุบันระบบขับสองที่มี esp ก็ไม่ได้ลื่นไถลได้ง่ายแบบเมื่อก่อนแล้ว

มาถึงประเด็นที่ทางเจ้าของกระทู้เป็นห่วงเกี่ยวกับการลื่นไถลที่ไดประสบพบเห็นมา
อย่างที่ผมได้กล่าวตอนต้นว่าผมเชื่อว่าระบบขับสี่ดีกว่าระบบขับสองในทางที่ลื่นแน่นอน (เมื่อวัดกันที่ระบบอย่างเดียว)
แต่การที่จะบังคับให้รถทุกคันมีระบบขับสี่นั่น หลายๆประเทศเห็นว่าคงเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
ประเทศที่ห่วงใยเรื่องความปลอดภัยจากการลื่นไถลนี้ หลายๆประเทศจึงบังคับให้รถใหม่ที่ขายมี esp แทน , ประเทศไทยเราไม่ถึงกับบังคับในรถใหม่ทุกคัน แต่ทำเป็นในแนวแรงจูงใจในการลดภาษีสรรพสามิต คือ รถที่จะเข้าอีโคคาร์เฟส2 บังคับว่าต้องมีระบบ esp
ถ้ามีการผลักดันอย่างจริงจัง ในอนาคต อาจเป็นไปได้ที่กฏหมายในไทยจะเดืนตามหลายๆประเทศที่บังคับให้รถใหม่ที่จำหน่าย ต้องมีระบบ esp ครับ

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,469
    • อีเมล์
เคยขับรถ full time 4wd มาเป็นสิบปีไปมาทั่วประเทศ บอกได้เลยว่าประเทศไทยไม่จำเป็น ไม่มีโอกาสได้ใช้หรอก ต้องหาเรื่องหาถนนไปลองใช้ให้มันทำงาน ขนาด vsc รถเก๋งยังไม่เคยทำงานเลย ถ้าเข้าโค้งขนาด vsc ทำงานนี่คนนั่งตกเบาะจนหันมาด่าให้ลดความเร็วแล้ว และระบบ 4wd ทำให้รถกินน้ำมันเพิ่มขึ้นมา 50% รับกันได้ไหมล่ะครับ

รถรุ่นไหนครับ ที่กินน้ำมันต่างกันถึง 50%

ผมเคยใช้ฟอร์จูนเนอร์ 4WD Fulltime เทียบอัตราสิ้นเปลือง ที่พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในคลับ กับรถ 2WD ต่างกันแค่ประมาณ 1 กิโลเมตรต่อลิตร (ขึ้นอยู่กับการขับขี่ด้วย)
จนบางคนที่ซื้อรุ่น 2WD ถึงกับบ่นว่า ถ้ารู้ว่ากินน้ำมันต่างกันกับ 4WD นิดเดียว รู้งี้ออก 4WD ดีกว่า

สรุป ถ้ารถรุ่นที่ผมซื้อ มีให้เลือกทั้ง 2WD และ 4WD Fulltime ผมเลือก 4WD แน่นอนครับ


ใช่ครับ มันไม่ได้กินขนาดนั้นเลย NPJS ผมปรับขับสอง กับขับสี่ ทางยาวๆต่างกันแค่ 1กม/ลิตร แต่ความมั่นใจต่างกันคนล่ะเรื่องครับ

คุณเอารถคันเดียวกันปรับแค่ขับ 4 หรือขับ 2 มันก็ต่างกันไม่มากสิครับเพราะน้ำหนักรถมันเท่าเดิม ผมน่ะขับเทียบกับรถสองคัน คันนึงขับสี่กิน 8 โลลิตร อีกคันนึงขับสองกิน 12 ลิตร ใช้งานจริงวิ่งจนหมดถังนะครับ ไม่ใช่วัดทางโล่งวิ่งลอยตัวแล้วเอาตัวเลขมาเทียบกัน ถ้า full time 4wd ไม่กินน้ำมันมากเกินจำเป็น fortuner คงไม่เปลี่ยนจาก full time มาเป็น part time 4wd หรอก

ฟอร์จูนเนอร์ full time มันปรับเป็นขับ 2 ไม่ได้นะครับ แค่เข้าเกีบร์ D มันก็ขับ 4 ตลอดเวลา
และ
ที่ผมเทียบ ก็เทียบกับฟอร์จูนเนอร์ 2WD ซึ่งมีน้ำหนักรถน้อยกว่า 4WD นะครับ
เทียบอัตราสิ้นเปลือง ที่มีรูปแบบเส้นทางคล้ายๆ กัน
และไม่ได้เอาแค่อัตราสิ้นเปลืองของรถของรถผม  1 คัน กับ 2 WD 1 คัน แต่เอาตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองของ 4WD หลายๆ คัน และก็อัตราสิ้นเปลืองของ 2WD หลายๆ คัน มาเปรียบเทียบครับ

คันของผม 4WD full time เดินทาง ตจว. ขับเกิน 140 กม./ชม. ก็ยังได้ถึง 1x.xx กิโลเมตรต่อลิตรครับ