ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม Nissan กับ Suzuki ถึงยังไม่มีการขยายระยะเวลารับประกัน จาก 3 เป็น 5 ปีครับ  (อ่าน 8103 ครั้ง)

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
สวัสดีครับ

พอดีช่วงนี้ ผมสนใจเรื่อง การรับประกันรถยนต์ เพราะตัวเอง กำลังจะซื้อ package ขยายระยะเวลารับประกัน ของ Toyota

ได้ทำการสำรวจ การรับประกันและฟรีค่าแรง ของหลายเจ้าครับ

ที่น่าสนใจที่สุด คือ Mitsubishi ที่ให้รับประกัน 5 ปี หรือ 1 แสนกิโล และฟรีค่าแรงถึง 1 แสนกิโล

รองลงมา คือ Honda และ Toyota ที่มีขายการรับประกัน 5 ปี หรือ 1.4-1.5 กิโล เพิ่มเข้ามา บางรุ่นก็แถมฟรี
Honda ฟรีค่าแรง 2 หมื่นโล Toyota 5 หมื่นโล
ดังที่ผมเคยสรุปไปแล้วก่อนหน้านี้ครับ...http://community.headlightmag.com/index.php?topic=61395.0

กับ Mazda ที่ตอนนี้ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ 3 ปีหรือ 6 หมื่นกิโล บางรุ่น อย่าง BT-50 ได้ 5 ปีหรือ 1 แสนกิโล
รับประกัน 3 ปี 1 แสนโล จริง แต่ก็สามารถซื้อเพิ่มได้
https://www.mazda.co.th/customer-care/mazda-activ-service/mazda-added-protection/

แต่ Nissan กับ Suzuki ยังไม่มีการขยายระยะรับประกันตรงนี้ เว้นแต่ นิสสัน ยังมี Nissan Safe save

ซึ่งผมว่า ดีนะครับ ที่มี แต่แย่ตรง ต้องซื้อแบบ 3 ปี หรือ 5 ปี ยาวๆ เทียบกับ Honda มีขายแบบ 2 ครั้ง 4 ครั้งเช็ดระยะ

ส่วน Suzuki ไม่มีอะไรเลยครับ

อยากสอบถามความเห็นจากทุกท่าน คิดว่า เพราะอะไรทำให้ทั้ง 2 เจ้า ยังไม่มีการขาย หรือ แถม package ระยะรับประกันครับ
โดยเฉพาะ suzuki ที่เรื่อง package บำรุงรักษาก็ยังไม่มีขายครับ (จำได้ว่า su แถมฟรีค่าแรง แค่ 3 หมื่นโลครับ)

ผมรู้สึกว่า นิสสัน รู้ตัวอะไหล่ตนเองไม่ทน เลยไม่กล้ารับประกัน ยาวๆ 5 ปีครับ ส่วน suzuki ผมเดาไม่ถูกจริงๆ ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 29, 2017, 20:48:47 โดย รถสีเขียว »

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ

หมายถึงทั้ง su และ nis หรือคับ

ออฟไลน์ locomotive

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 791
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ

หมายถึงทั้ง su และ nis หรือคับ

Nissan Mitsubishi Suzuki ใช้เกียร์ของ Jacto หมด แต่มันไม่ได้พังเร็วอะไรขนาดนั้น ถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ ใช้ตามปกติ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้ทนเท่า Toyota กับ Honda

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ

หมายถึงทั้ง su และ nis หรือคับ

Nissan Mitsubishi Suzuki ใช้เกียร์ของ Jacto หมด แต่มันไม่ได้พังเร็วอะไรขนาดนั้น ถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ ใช้ตามปกติ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้ทนเท่า Toyota กับ Honda

ถ้าตามปกติคือ 80000 กม. ตามคู่มือเช็คระยะนั่นพังไวแน่ๆ ครับ ต้องชิงเปลี่ยนก่อน

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ

หมายถึงทั้ง su และ nis หรือคับ

Nissan Mitsubishi Suzuki ใช้เกียร์ของ Jacto หมด แต่มันไม่ได้พังเร็วอะไรขนาดนั้น ถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ ใช้ตามปกติ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้ทนเท่า Toyota กับ Honda

ถ้าตามปกติคือ 80000 กม. ตามคู่มือเช็คระยะนั่นพังไวแน่ๆ ครับ ต้องชิงเปลี่ยนก่อน

ผมเปลี่ยนทุก 2-3 หมื่นโล ยังมีเสียงนิดๆ ที่ความเร็ว 80 ขึ้นไปเลยคับ ดัง จิกๆๆๆๆๆๆๆๆ พอถ่ายรอบแรกออกก็หาย สักพักพ้น 2 หมื่นโล ก็เป็นอีก ถ่ายรอบ 2 พร้อมกรองก็หายไป

...ไม่รู้ว่าคนซื้อต่อไปจะเจออะไรบ้าง ::)

TheRealMeaw

  • บุคคลทั่วไป
ขอแสดงความเห็นส่วนตัวที่เป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆนะครับ มันเป็นประเด็นที่ผมอยากให้ทุกคนลองวิเคราะห์ดู

ผมมองว่าการเอาแพคเก็จขยายระยะเวลารับประกันมาเป็นของที่ต้องซื้อเพิ่ม มันเป็นพฤติกรรมของค่ายรถที่น่ารังเกียจมากๆ ด้วยเหตุผลคือ ถ้าเป็นยี่ห้อดีๆอย่างโตโยต้า จำนวนรถที่เกิดปัญหาในช่วงระยะเวลา 100,000 กิโลเมตร จริงๆแล้วเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือ ด้วยระบบการทำงานของบริษัทรถยนต์ทุกยี่ห้อ การรับประกันนั้นเป็นสิ่งที่ถูกคำนวณรวมไปกับต้นทุนในการผลิตรถยนต์คันหนึ่งๆมาแล้วนะครับ

คือถ้ารถมันเป็นรุ่นที่ขึ้นชื่อว่าปัญหาเยอะ ที่หลังหมดประกันไปแล้วซ่อมรัวๆ ผมเข้าใจนะ ซื้อระยะประกันเพิ่มมันคุ้มได้จริงๆ แล้วบริษัทรถยนต์จะขายเพิ่มไหมละครับในกรณีนี้? เขาไม่มีทางขายขาดทุนอยู่แล้ว เขาไม่ได้ทำการกุศล แล้วสำหรับรถยนต์หลายๆรุ่นที่ประกอบมาดีอยู่แล้ว ปัญหายังไงก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ แต่เอาแพคเก็จมาขายเพื่อเพิ่มความสบายใจกับลูกค้าเนี่ยนะครับ? เป็นการเรียกเอากำไรจากการพัฒนารถที่ไม่มีปัญหาคืนชัดๆ สิ่งที่บริษัทรถยนต์ควรทำ ไม่ใช่เอาระยะเวลาประกันมาขายเพิ่มแบบนี้ มันควรจะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับรถทุกคันอยู่แล้ว

ผมผิดหวังกับหลายๆเรื่องที่เกิดกับบริษัทรถยนต์ในพักหลังมานะ เอาเปรียบผู้บริโภคทุกทาง เอาเปรียบด้วยการตัดอ็อปชั่น? ผมเคยให้ความเห็นไปแล้วครับว่าถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับให้ใส่มา เขาก็ไม่ใส่มาหรอกครับ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับบริษัทรถยนต์ให้ปฏิบัติต่อผู้บริโภคด้วยความยุติธรรม เขาก็จะเอาเปรียบพวกเราแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ แต่ทำไงได้นะ การคุ้มครองผู้บริโภคมันห่วย ซึ่งถ้าถามว่าทำไมมันห่วย ก็คงจะเชื่อมโยงสาเหตุกันได้...

ขอโทษครับ ไม่เกี่ยวข้องกับคำถามใดๆทั้งสิ้น มันเป็นประเด็นที่ชวนหัวร้อนจริงๆ ชวนหัวร้อนยิ่งกว่าคนขับรถห่วยอีก

ปล. ผมเอา Mitsubishi เข้าศูนย์ "ฟรีค่าแรง" ทีไร โดนเกิน 3000 ตลอดครับ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต่อให้เขาบอกว่าฟรีค่าแรง ศูนย์ก็ยังกินกำไรอยู่เห็นๆ ซึ่งนั่นก็ชวนให้นึกถึงอีกประเด็นคือ ไอ้แพคเก็จพวกนี้มันเอาไว้ดึงคนให้ยังเข้าศูนย์ กินกำไรต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆกัน ศูนย์บริการระยนต์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคดีๆ ยังมีปัญหาบ่ายเบี่ยงการรับผิดชอบออกมาด้วยข้อกำหนดเลวๆ คิดว่าในประเทศไทยที่การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเรื่องตลก จะไม่มีประเด็นนี้เกิดขึ้นเหรอ...

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
เหตุผลที่แท้จริงผมคงไม่มีทางเดาได้  ว่าแต่ของแบบนี้มันแล้วแต่บริษัทไม่ใช่หรือครับ ไม่ได้มีอะไรกำหนดตายตัวว่าต้องมี

ออฟไลน์ AVANTGARDe'

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,206
  • AWDiesel
อ้าว นิสสันยังทำตลาดอยู่หรือครับ  :-X

ออฟไลน์ Tapanan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 518
    • อีเมล์
อาจจะเพราะเกียร์มักจะพังปีที่ 4-5 มั้งครับ

หมายถึงทั้ง su และ nis หรือคับ

Nissan Mitsubishi Suzuki ใช้เกียร์ของ Jacto หมด แต่มันไม่ได้พังเร็วอะไรขนาดนั้น ถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ ใช้ตามปกติ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้ทนเท่า Toyota กับ Honda

lancer ex ผม 7 ปี 18XXXX km. แล้ว ยังปกติเลยครัย เกียร์ Jacto

ออฟไลน์ supercat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 796
จำได้ว่านิสสัน เทียน่ารุ่นก่อนหน้า ตอนใกล้จะตกรุ่นเต็มที แถมประกันตัวรถให้ 5 ปีครับ ...  หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินข่าวอีกเลย  :-* :-* :-*

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
มันเป็นต้นทุนที่เพิ่มเข้ามาไงครับ การขยายระยะเวลา ส่วนมากแล้ว บ.รถ ต้องไปดีลกับ บ.ประกัน เพื่อสินค้าตัวนี้ครับ บ.ประกัน คือคนที่รับความเสี่ยงตรงนี้ไปครับ ในกรณีที่มีการเคลม ถ้า บ.รถ เอาสินค้านี้มาขาย ก็จะเปลี่ยนจากต้นทุนเพิ่ม เป็นรายได้แทน เพราะเมื่อขายสินค้าได้ ย่อมได้ส่วนแบ่งกำไรตามที่ตกลงกับ บ.ประกัน

ออฟไลน์ ยิ้มละไม

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 992
วิเคราะห์กันให้ดี "การตลาด" จริง ๆ 

Product ดี ชัวร์ ปัญหาน้อยมาก ๆ ขายประกันรถ ได้เงินเพิ่ม  ดูดีด้วย  รถไม่มีปัญหา อยากได้ความสบายใจ เอาเงินมาซื้อความสบายใจซะ


Product ไม่ค่อยดี อาจจะเกิดปัญหาหรือรู้ตอนหลังว่าปัญหาเยอะ  ก็ขายประกันรถเยอะๆ และเขียนข้อกำหนดการเคลม อย่างน้อยก็มีทางออก ไม่โดนด่าเยอะ รถที่ไม่ได้ซื้อ มีข้ออ้างว่า ไม่ยอมซื้อประกัน เคลมไม่ได้ รถที่ซื้อประกันไป ก็หาข้ออ้างว่าว่า ชิ้นส่วนนี้เกิดจากการใช้งาน เสื่อมตามปกติ ไม่ให้เคลม ถึงหใ้เคลมก็คุ้ม เพราะยังไงค่าเบี้ย ค่าอะไหล่ก็คุ้มว่า และก็ไม่ใช่ว่าจะเคลมได้ทุกคัน

ออฟไลน์ Nonnics

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 315
ขอแสดงความเห็นส่วนตัวที่เป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆนะครับ มันเป็นประเด็นที่ผมอยากให้ทุกคนลองวิเคราะห์ดู

ผมมองว่าการเอาแพคเก็จขยายระยะเวลารับประกันมาเป็นของที่ต้องซื้อเพิ่ม มันเป็นพฤติกรรมของค่ายรถที่น่ารังเกียจมากๆ ด้วยเหตุผลคือ ถ้าเป็นยี่ห้อดีๆอย่างโตโยต้า จำนวนรถที่เกิดปัญหาในช่วงระยะเวลา 100,000 กิโลเมตร จริงๆแล้วเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือ ด้วยระบบการทำงานของบริษัทรถยนต์ทุกยี่ห้อ การรับประกันนั้นเป็นสิ่งที่ถูกคำนวณรวมไปกับต้นทุนในการผลิตรถยนต์คันหนึ่งๆมาแล้วนะครับ

คือถ้ารถมันเป็นรุ่นที่ขึ้นชื่อว่าปัญหาเยอะ ที่หลังหมดประกันไปแล้วซ่อมรัวๆ ผมเข้าใจนะ ซื้อระยะประกันเพิ่มมันคุ้มได้จริงๆ แล้วบริษัทรถยนต์จะขายเพิ่มไหมละครับในกรณีนี้? เขาไม่มีทางขายขาดทุนอยู่แล้ว เขาไม่ได้ทำการกุศล แล้วสำหรับรถยนต์หลายๆรุ่นที่ประกอบมาดีอยู่แล้ว ปัญหายังไงก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ แต่เอาแพคเก็จมาขายเพื่อเพิ่มความสบายใจกับลูกค้าเนี่ยนะครับ? เป็นการเรียกเอากำไรจากการพัฒนารถที่ไม่มีปัญหาคืนชัดๆ สิ่งที่บริษัทรถยนต์ควรทำ ไม่ใช่เอาระยะเวลาประกันมาขายเพิ่มแบบนี้ มันควรจะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับรถทุกคันอยู่แล้ว

ผมผิดหวังกับหลายๆเรื่องที่เกิดกับบริษัทรถยนต์ในพักหลังมานะ เอาเปรียบผู้บริโภคทุกทาง เอาเปรียบด้วยการตัดอ็อปชั่น? ผมเคยให้ความเห็นไปแล้วครับว่าถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับให้ใส่มา เขาก็ไม่ใส่มาหรอกครับ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับบริษัทรถยนต์ให้ปฏิบัติต่อผู้บริโภคด้วยความยุติธรรม เขาก็จะเอาเปรียบพวกเราแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ แต่ทำไงได้นะ การคุ้มครองผู้บริโภคมันห่วย ซึ่งถ้าถามว่าทำไมมันห่วย ก็คงจะเชื่อมโยงสาเหตุกันได้...

ขอโทษครับ ไม่เกี่ยวข้องกับคำถามใดๆทั้งสิ้น มันเป็นประเด็นที่ชวนหัวร้อนจริงๆ ชวนหัวร้อนยิ่งกว่าคนขับรถห่วยอีก

ปล. ผมเอา Mitsubishi เข้าศูนย์ "ฟรีค่าแรง" ทีไร โดนเกิน 3000 ตลอดครับ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต่อให้เขาบอกว่าฟรีค่าแรง ศูนย์ก็ยังกินกำไรอยู่เห็นๆ ซึ่งนั่นก็ชวนให้นึกถึงอีกประเด็นคือ ไอ้แพคเก็จพวกนี้มันเอาไว้ดึงคนให้ยังเข้าศูนย์ กินกำไรต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆกัน ศูนย์บริการระยนต์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคดีๆ ยังมีปัญหาบ่ายเบี่ยงการรับผิดชอบออกมาด้วยข้อกำหนดเลวๆ คิดว่าในประเทศไทยที่การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเรื่องตลก จะไม่มีประเด็นนี้เกิดขึ้นเหรอ...

+1 ครับ
บางศูนย์มีรายการน้ำยาล้างหัวฉีดในการเช็คระยะ ซึ่งในคู่มือไม่เห็นมี เห็นสามร้อยกว่าบาทไม่มากเลยยอมๆจ่ายไปครับ

ออฟไลน์ TrentXWB

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 831
  • เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ
ขอแสดงความเห็นส่วนตัวที่เป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆนะครับ มันเป็นประเด็นที่ผมอยากให้ทุกคนลองวิเคราะห์ดู

ผมมองว่าการเอาแพคเก็จขยายระยะเวลารับประกันมาเป็นของที่ต้องซื้อเพิ่ม มันเป็นพฤติกรรมของค่ายรถที่น่ารังเกียจมากๆ ด้วยเหตุผลคือ ถ้าเป็นยี่ห้อดีๆอย่างโตโยต้า จำนวนรถที่เกิดปัญหาในช่วงระยะเวลา 100,000 กิโลเมตร จริงๆแล้วเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือ ด้วยระบบการทำงานของบริษัทรถยนต์ทุกยี่ห้อ การรับประกันนั้นเป็นสิ่งที่ถูกคำนวณรวมไปกับต้นทุนในการผลิตรถยนต์คันหนึ่งๆมาแล้วนะครับ

คือถ้ารถมันเป็นรุ่นที่ขึ้นชื่อว่าปัญหาเยอะ ที่หลังหมดประกันไปแล้วซ่อมรัวๆ ผมเข้าใจนะ ซื้อระยะประกันเพิ่มมันคุ้มได้จริงๆ แล้วบริษัทรถยนต์จะขายเพิ่มไหมละครับในกรณีนี้? เขาไม่มีทางขายขาดทุนอยู่แล้ว เขาไม่ได้ทำการกุศล แล้วสำหรับรถยนต์หลายๆรุ่นที่ประกอบมาดีอยู่แล้ว ปัญหายังไงก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ แต่เอาแพคเก็จมาขายเพื่อเพิ่มความสบายใจกับลูกค้าเนี่ยนะครับ? เป็นการเรียกเอากำไรจากการพัฒนารถที่ไม่มีปัญหาคืนชัดๆ สิ่งที่บริษัทรถยนต์ควรทำ ไม่ใช่เอาระยะเวลาประกันมาขายเพิ่มแบบนี้ มันควรจะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับรถทุกคันอยู่แล้ว

ผมผิดหวังกับหลายๆเรื่องที่เกิดกับบริษัทรถยนต์ในพักหลังมานะ เอาเปรียบผู้บริโภคทุกทาง เอาเปรียบด้วยการตัดอ็อปชั่น? ผมเคยให้ความเห็นไปแล้วครับว่าถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับให้ใส่มา เขาก็ไม่ใส่มาหรอกครับ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับบริษัทรถยนต์ให้ปฏิบัติต่อผู้บริโภคด้วยความยุติธรรม เขาก็จะเอาเปรียบพวกเราแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ แต่ทำไงได้นะ การคุ้มครองผู้บริโภคมันห่วย ซึ่งถ้าถามว่าทำไมมันห่วย ก็คงจะเชื่อมโยงสาเหตุกันได้...

ขอโทษครับ ไม่เกี่ยวข้องกับคำถามใดๆทั้งสิ้น มันเป็นประเด็นที่ชวนหัวร้อนจริงๆ ชวนหัวร้อนยิ่งกว่าคนขับรถห่วยอีก

ปล. ผมเอา Mitsubishi เข้าศูนย์ "ฟรีค่าแรง" ทีไร โดนเกิน 3000 ตลอดครับ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต่อให้เขาบอกว่าฟรีค่าแรง ศูนย์ก็ยังกินกำไรอยู่เห็นๆ ซึ่งนั่นก็ชวนให้นึกถึงอีกประเด็นคือ ไอ้แพคเก็จพวกนี้มันเอาไว้ดึงคนให้ยังเข้าศูนย์ กินกำไรต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆกัน ศูนย์บริการระยนต์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคดีๆ ยังมีปัญหาบ่ายเบี่ยงการรับผิดชอบออกมาด้วยข้อกำหนดเลวๆ คิดว่าในประเทศไทยที่การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเรื่องตลก จะไม่มีประเด็นนี้เกิดขึ้นเหรอ...

+1 ครับ

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
ขอแสดงความเห็นส่วนตัวที่เป็นความเห็นส่วนตัวจริงๆนะครับ มันเป็นประเด็นที่ผมอยากให้ทุกคนลองวิเคราะห์ดู

ผมมองว่าการเอาแพคเก็จขยายระยะเวลารับประกันมาเป็นของที่ต้องซื้อเพิ่ม มันเป็นพฤติกรรมของค่ายรถที่น่ารังเกียจมากๆ ด้วยเหตุผลคือ ถ้าเป็นยี่ห้อดีๆอย่างโตโยต้า จำนวนรถที่เกิดปัญหาในช่วงระยะเวลา 100,000 กิโลเมตร จริงๆแล้วเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมาก อีกเหตุผลหนึ่งคือ ด้วยระบบการทำงานของบริษัทรถยนต์ทุกยี่ห้อ การรับประกันนั้นเป็นสิ่งที่ถูกคำนวณรวมไปกับต้นทุนในการผลิตรถยนต์คันหนึ่งๆมาแล้วนะครับ

คือถ้ารถมันเป็นรุ่นที่ขึ้นชื่อว่าปัญหาเยอะ ที่หลังหมดประกันไปแล้วซ่อมรัวๆ ผมเข้าใจนะ ซื้อระยะประกันเพิ่มมันคุ้มได้จริงๆ แล้วบริษัทรถยนต์จะขายเพิ่มไหมละครับในกรณีนี้? เขาไม่มีทางขายขาดทุนอยู่แล้ว เขาไม่ได้ทำการกุศล แล้วสำหรับรถยนต์หลายๆรุ่นที่ประกอบมาดีอยู่แล้ว ปัญหายังไงก็มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ แต่เอาแพคเก็จมาขายเพื่อเพิ่มความสบายใจกับลูกค้าเนี่ยนะครับ? เป็นการเรียกเอากำไรจากการพัฒนารถที่ไม่มีปัญหาคืนชัดๆ สิ่งที่บริษัทรถยนต์ควรทำ ไม่ใช่เอาระยะเวลาประกันมาขายเพิ่มแบบนี้ มันควรจะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับรถทุกคันอยู่แล้ว

ผมผิดหวังกับหลายๆเรื่องที่เกิดกับบริษัทรถยนต์ในพักหลังมานะ เอาเปรียบผู้บริโภคทุกทาง เอาเปรียบด้วยการตัดอ็อปชั่น? ผมเคยให้ความเห็นไปแล้วครับว่าถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับให้ใส่มา เขาก็ไม่ใส่มาหรอกครับ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครใช้อำนาจในการบังคับบริษัทรถยนต์ให้ปฏิบัติต่อผู้บริโภคด้วยความยุติธรรม เขาก็จะเอาเปรียบพวกเราแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ แต่ทำไงได้นะ การคุ้มครองผู้บริโภคมันห่วย ซึ่งถ้าถามว่าทำไมมันห่วย ก็คงจะเชื่อมโยงสาเหตุกันได้...

ขอโทษครับ ไม่เกี่ยวข้องกับคำถามใดๆทั้งสิ้น มันเป็นประเด็นที่ชวนหัวร้อนจริงๆ ชวนหัวร้อนยิ่งกว่าคนขับรถห่วยอีก

ปล. ผมเอา Mitsubishi เข้าศูนย์ "ฟรีค่าแรง" ทีไร โดนเกิน 3000 ตลอดครับ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต่อให้เขาบอกว่าฟรีค่าแรง ศูนย์ก็ยังกินกำไรอยู่เห็นๆ ซึ่งนั่นก็ชวนให้นึกถึงอีกประเด็นคือ ไอ้แพคเก็จพวกนี้มันเอาไว้ดึงคนให้ยังเข้าศูนย์ กินกำไรต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆกัน ศูนย์บริการระยนต์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคดีๆ ยังมีปัญหาบ่ายเบี่ยงการรับผิดชอบออกมาด้วยข้อกำหนดเลวๆ คิดว่าในประเทศไทยที่การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเรื่องตลก จะไม่มีประเด็นนี้เกิดขึ้นเหรอ...
อะไรเกินมาผมบอกให้เอาออกหมดครับ ศูนย์ที่ผมเข้าประจำนี่รู้เลยไม่เคยมีรายการยัดของเพิ่ม อะไรที่เราคิดว่าไม่ใช่สามารถสั่งไม่เอาได้หมด เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่ศูนย์เลยเข้าอู่บางที่ก็โดนยัดของแบบงงๆได้

ออฟไลน์ SRY

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 713
จริงครับ เพราะ 0 ที่ผมเข้าก็ไม่เคยยัดอะไรเพิ่มเหมือนกัน
ผมก็คิดเหมือนกันว่าพวกนี้มันทำมาเพื่ออยากให้คนเอารถเข้าศูนย์ยาวไปอีกครับ เพราะเกินประกัน 3 ปีคนก็ไม่ค่อยอยากจะเข้าครับ
ถ้าเข้ามีโอกาสกินเงินอย่ีางอื่นหลายอย่างครับ

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,195
    • อีเมล์
5 ปี 100,000 กม. เหมาะกับคนใช้รถค่อนข้างน้อย ครับ แต่ถ้าคนใช้เยอะ แค่ 2 - 3 ปี ก็เกินแสนกม. หมดประกันไปละ

ถ้า HONDA / TOYOTA มาขาย package ประกัน 5 ปี รับรองว่า ผมไม่ซื้อครับ HONDA นี่ ไม่เคยซื้อเลย เพราะผมมั่นใจในคุณภาพของแบรนด์ครับ คือ จะมีอะไร มันก็มีในช่วง 3 ปีแรก และ ก็ทำการเคลม รวมถึง บริษัทเค้าก็เคลียร์ออก part ใหม่มาให้หมดละ เลยไม่มีความจำเป็น

แต่ถ้าแบรนด์อื่น อันนี้ ต้องซื้อแหละ