ผู้เขียน หัวข้อ: ซื้อรถระดับ 4-5 ล้านขึ้นไปควรมีเงินเก็บเท่าไรครับ  (อ่าน 17828 ครั้ง)

ออฟไลน์ MC Stradale

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,520
มันแล้วแต่จริงๆครับ เห็นหลายๆคนมีเงินไม่เท่าไหร่หรอก แต่ดูเงินเดือนแล้วคิดว่าผ่อนได้ก็มีเยอะ
รู้จักพี่อยู่คนนึงเป็นเซลเงินเดือน 6-7หมื่น ค่าคอมโน่นนี่อีก ไม่รู้เงินเก็บมีเท่าไหร่
ลงทุนซื้อ Benz C-Class 1 คัน เหตุผลเพราะลูกเข้าเรียนแล้วเพื่อนลูกมีแต่รถ Benz BMW มารับ
กลัวลูกอายเพื่อนเพราะตัวเองมีแต่รถญี่ปุ่นขับ ดูเหตุผลนะครับ เหมือนอย่างที่โฆษณาว่า คนไทยฟุ้งเฟ้อ
นี่ก็เป็นเหตุผลที่หลายๆคนที่แค่ "อยากได้" ต้องจบลงด้วยการโดนยึดรถ เพราะผ่อนต่อไมไหว

สำหรับผมหรอ ถ้าเป็นรถที่ใช้ทำมาหากิน ซื้อมาแล้วใช้ส่งของ ซื้อไปเถอะครับ เพราะมันทำรายได้
แต่ถ้ารถที่ใช้ในชีวิตประจำวันถ้าไม่ได้ติดความหรูหราอะไร รถตลาด ซ่อมง่าย อะไหล่เยอะ
ถ้าตัวรถเป็นเงิน 50-60% ของเงินเก็บก็ยังโอเคนะ หรือถ้ามันพาเราไปหาเงินได้ ไม่ขัดสนมากก็ซื้อไป
แต่ถ้าอยากมีรถหรูหรา อันนี้ใช้ซื้อหน้าตาละ ควรจะเป็น 10% ของเงินเก็บครับ

ออฟไลน์ Vipvipvip

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 645
รถหรู=ไม่เกิน10%ของทรัพย์สินครับ

ออฟไลน์ axister

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,188
แล้วแต่คนมั้งครับ คันแรกที่ซื้อแพงเกือบ 3 ล้านเงินเก็บก็มีแค่ 4-5ล้านเองครับ

ผ่อนปกติแล้วใช้ชีวิตไม่ลำบาก รอเก็บถึง 100ล้านค่อยซื้อคงตายก่อนได้ขับ

ทุกวันนี้ก็ไม่อดตายนะผ่อนหมดแล้วครับ

จะว่าฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินเกินตัวก็สุดแล้วแต่คนครับ หาเองใช้เองเป็นเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่นครับ

สำหรับผม รายได้ทั้งปีเกือบหรือเท่าราคา ผมก็ซื้อละครับ มานั่งคิด % จุดคุ้มทุนปวดหัวครับ บางทีมันเป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับคนที่เอื้อมไม่ถึงมากกว่าครับ บอกตัวเองจะได้สบายใจและดูฉลาดใช้เงินก็สุดแล้วแต่ สำหรับผมแค่รู้สึกว่าหาเงินมาก็ซื้อในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขและพอใจ จะเก็บไว้ให้ฟอซซิลขึ้นทำไม

บางคนมีเงินแต่บอกตัวเองว่ามันเปลือง ก็แปลว่าเค้ามีความกังวลในรายได้ในอนาคตครับ อาจจะแปลว่าแหล่งรายได้ไม่แน่นอนหรือภาระความรับผิดชอบเยอะ

ตัวเองตอบได้ดีที่สุดว่าพร้อมซื้อตอนไหน คาดว่าจะมีรายได้ในอนาคตเท่าไหร่

มี 10 ล้านฝากกองทุนที่แบงค์ดูแลให้แบบไม่ดูผลประกอบการเลย yield มาก็ผ่อนได้แล้วครับคุณ นอกจากไม่มีรายได้เลยรอใช้ yield รายปีกินอย่างเดียวไม่มีรายได้ทางอื่นเลยก็ว่าไปอีกอย่าง

อ่อผมก็มีเพื่อนเป็นเจ้านักลงทุนนะครับ มานั่งแจกแจงทุกวันว่าควรจะเอาเงินไปลงที่ไหนบ้าง เค้าก็ดูมีความสุขดีนะครับ คอนโดก็ไม่ซื้อนั่งรถสาธราณะไปกลับมา 5-6 ปีแล้วตั้งแต่เรียนจบ สงสัยตอนนี้คงจะรวยน่าดูเลยครับ

ออฟไลน์ GoatGoat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 895
แล้วแต่คนมั้งครับ คันแรกที่ซื้อแพงเกือบ 3 ล้านเงินเก็บก็มีแค่ 4-5ล้านเองครับ

ผ่อนปกติแล้วใช้ชีวิตไม่ลำบาก รอเก็บถึง 100ล้านค่อยซื้อคงตายก่อนได้ขับ

ทุกวันนี้ก็ไม่อดตายนะผ่อนหมดแล้วครับ

จะว่าฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินเกินตัวก็สุดแล้วแต่คนครับ หาเองใช้เองเป็นเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่นครับ

สำหรับผม รายได้ทั้งปีเกือบหรือเท่าราคา ผมก็ซื้อละครับ มานั่งคิด % จุดคุ้มทุนปวดหัวครับ บางทีมันเป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับคนที่เอื้อมไม่ถึงมากกว่าครับ บอกตัวเองจะได้สบายใจและดูฉลาดใช้เงินก็สุดแล้วแต่ สำหรับผมแค่รู้สึกว่าหาเงินมาก็ซื้อในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขและพอใจ จะเก็บไว้ให้ฟอซซิลขึ้นทำไม

บางคนมีเงินแต่บอกตัวเองว่ามันเปลือง ก็แปลว่าเค้ามีความกังวลในรายได้ในอนาคตครับ อาจจะแปลว่าแหล่งรายได้ไม่แน่นอนหรือภาระความรับผิดชอบเยอะ

ตัวเองตอบได้ดีที่สุดว่าพร้อมซื้อตอนไหน คาดว่าจะมีรายได้ในอนาคตเท่าไหร่

มี 10 ล้านฝากกองทุนที่แบงค์ดูแลให้แบบไม่ดูผลประกอบการเลย yield มาก็ผ่อนได้แล้วครับคุณ นอกจากไม่มีรายได้เลยรอใช้ yield รายปีกินอย่างเดียวไม่มีรายได้ทางอื่นเลยก็ว่าไปอีกอย่าง

อ่อผมก็มีเพื่อนเป็นเจ้านักลงทุนนะครับ มานั่งแจกแจงทุกวันว่าควรจะเอาเงินไปลงที่ไหนบ้าง เค้าก็ดูมีความสุขดีนะครับ คอนโดก็ไม่ซื้อนั่งรถสาธราณะไปกลับมา 5-6 ปีแล้วตั้งแต่เรียนจบ สงสัยตอนนี้คงจะรวยน่าดูเลยครับ

อันนี้เห็นด้วย

ออฟไลน์ sedan lover

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 429
โดยส่วนตัวผม จะซื้อรถที่ให้ความปลอดภัยสูงสุดเท่าที่ผมจะซื้อได้ครับ (ส่วนใหญ่รถที่แพงกว่ามักจะปลอดภัยกว่า) ชีวิตไม่มีอะไหล่ สมัยนี้อันตรายรอบด้าน คนไทยขับรถเร็ว ระเบียบวินัยจราจรเลว มีเงินมากเท่าไร คราดวงไม่ดี เปรี้ยงเดียว เงินที่สะสมและมีอยู่ก็เปล่าประโยชน์ และซื้อความปลอดภัยในชีวิตย้อนหลังไม่ได้นะครับ

ออฟไลน์ ARJUN

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 32
ถ้าต้องมีเงินถึง 50 ล้านถึงจะซื้อรถ4-5ล้านได้นี่ พวกเด็กจบใหม่เงินเดือน 15000-20000 ที่ต้องผ่อนรถเดือนละ 6-7000 นี่คงเรียกว่าไม่มีสภาพคล่อง และใช้เงินเกินตัวอย่างมากเลยนะครับ
Mazda3 skyactiv 2.0s 2014
Bmw 3series 320d LCI F30 2016

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
ถ้าซื้อสด คงต้องมีเก็บซัก 5 เท่าของราคารถ

ถ้าซื้อผ่อน ซัก 2-3 เท่าของราคารถ

และต้องไม่ใช่เงินเก็บในลักษณะหุ้นหรือกองทุนนะ
ต้องเป็นเงินเก็บที่มีสภาพคล่องจริงๆ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,435
บางคนแทบไม่มีเงินเก็บ แต่ภาระไม่มาก ก็ซื้อได้นะครับ

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
เผื่อๆ เหตุการณ์ไม่คาดคิดไว้ด้วยครับ ของมันไม่แน่ไม่นอน

ออฟไลน์ คุณพ่อหาเงิน

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 101
มีเก็บ 10ล้าน เงินเหลือ 5ล้าน ผมซื้อแล้ว
ซื้อเงินสดนะ ผมไม่ชอบผ่อน เสียดอกเบี้ยทำไม
ดอกเบี้ยเงินกู้ มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากอีก

ออฟไลน์ panjap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,259
มีเก็บ 10ล้าน เงินเหลือ 5ล้าน ผมซื้อแล้ว
ซื้อเงินสดนะ ผมไม่ชอบผ่อน เสียดอกเบี้ยทำไม
ดอกเบี้ยเงินกู้ มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากอีก

เห็นด้วยครับ อยากได้ซื้อไปเลย รอคิดแบบให้เป็น กี่ % ของเงินเก็บ ทั้งชาตินี้ ไม่ต้องขับ benz, bmw , porsche กันพอดี  ที่ผมซื้อเพราะว่า มันคุ้มครองตัวเราให้ปลอดภัยได้ มีรุ่นพี่ึคนนึง รถกระบะข้ามเลนมาชน กระบะคาที่ CLS ของเขาพังยับ แต่ไม่เป็นอะไรเลย เขาบอกเลย ราคา 3 ล้านกว่า แต่คุ้มชีวิตให้เขาและคนที่รักได้เรียกว่าเกินคุ้ม ซึ่งผมก็เห็นด้วย ดีกว่า ซื้อรถ ถูกๆ ชนทีนึง คาที่ หรือพิการไม่คุ้ม เงินที่หามาได้ ก็ไม่ได้ใช้เลย น่าเสียดาย

ออฟไลน์ iamnobody

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 477
สมัยผมตัดสินใจซื้อรถที่เป็นของตัวเองจริงๆ คันแรก เมื่อเกือบ 6 ปีที่แล้ว เงินเย็นมีไม่เยอะครับ รถราคา 1.4 ล้าน ก็ผ่อนเอา
ตอนนั้นเพิ่งเปิดบริษัทของตัวเองได้ไม่นาน ยอดขายเพิ่งได้ปีละ 4-5 ล้านเอง ซื้อเพราะอยากได้คันนี้มาก ไม่รู้เป็นอะไร ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยแค่ความอยากอย่างเดียวครับ
ตอนนั้นมีรถที่ฝันไว้ใจใจคือ boxster

ทีนี้พอเวลามันผ่านไป ความคิดผมเริ่มเปลี่ยนละ เดี๋ยวนี้แทบไม่มีความอยากได้รถรุ่นนี้นรุ่นนี้เป็นพิเศษเลย จะซื้อรถก็ดูความจำเป็นกับความเหมาะสมก่อน
แต่ที่เน้นอันดับแรกคือความปลอดภัยครับ ปัจจุบันบริษัทยอดขายปีละ 10 ล้าน (ถือว่ากระจอกมากถ้าเทียบกับเพื่อนฝูง) เพิ่งขยับรถแพงขึ้นมาหน่อยเป็น 1.7 ล้าน

ถ้าถามผมว่าจะต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ถึงจะซื้อรถ 4-5 ล้านนี่ ถ้าผมพอมีเงินออกได้ผมก็เอาแล้วครับ (แต่คงอีกหลายปีครับ ตอนนี้ขอเปิดโรงงานให้ได้ก่อน)
ตอนนี้ผมมองเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักเพราะเดี๋ยวนี้บนถนนคนบ้าเยอะมาก
ถ้าผมจะมีอุบัติเหตุใน suv ราคา 1.7 ล้าน กับ alphard/xc90/gle ผมเลือกนั่งอย่างหลังนะ อย่างน้อยผมว่ามันเซฟชีวิตได้ แล้วมีกำลังมาทำงานหาเงินต่อก็พอแล้วครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 08, 2017, 11:16:06 โดย totochan »

ออฟไลน์ Activehybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,554
จขกท.หมายถึงเงินส่วนหมุนเวียน ไม่รวมอสังหา ประมาณว่าเงินติดบัญชี
ส่วนตัวผมไม่ซีเรียสขนาดต้องมี 40 50 ล้าน เพราะเราเองก็เติบโตมากับรถคันก่อน ตอนนั้นเงินเราน้อยกว่านี้ซะอีก แถมรถเองก็มีส่วนสนับสนุนเรามาถึงวันนี้
สุดท้ายวัดกันที่ใจ ถ้ากล้าพอ 10ล้านก็ผ่อนได้ครับ
แต่ถ้าไม่อยากได้อะไรแล้ว ไม่อยากเหนื่อย จะรอปันผลอย่างเดียว ก็ต้องรอมีราวๆ40 50 ล้าน(ปีไหนน้อ ชาตินี้หรือชาติหน้าๆ)

แต่เคสจขกท. มีธุรกิจด้วย ก็สบายๆแหละครับ ตามที่ใจสั่งมาได้เลย

ออฟไลน์ h0661036

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 927
ไม่ต้องมีเงินเยอะมาก  เอาแค่พอมีเงินค่าดาว์นรถ   ใช้ไปปีสองปี ขายทิ้ง  แค่เอาไว้ถ่ายลง FB แล้วก็เปลี่ยนรถใหม่  มันไม่เกี่ยวกับเงินเก็บ
 มนุษย์เรามีหลายเหตุผลที่จะซื้อ

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,051
.
.
.
เรื่องการซื้อรถสำหรับผมนี่ไม่ใช่เรื่องความคุ้มค่าเลย
รถมันเป็นเรื่องความพอใจล้วนๆ ไปหาความคุ้มค่าได้ยาก
แต่มันเป็นของที่ใช้แล้วทำให้เรามีความสุข เพื่อมีแรงไปทำงานได้ต่อ

สำหรับผมถ้าไม่เดือดร้อนคือซื้อเลย แต่ผมไม่ซื้อเงินสดเด็ดขาด
เอาเงินสดไปทำอย่างอื่นดีกว่า ต่อยอดได้มากกว่าเอามาซื้อรถ
ส่วนรถนี่ผมผ่อนหมด เหมือนซื้อความสุขไปในแต่ละเดือน

เพราะฉะนั้นเวลาคำนวญว่าผมจะซื้อรถราคาเท่าไหร่ ผมจะดูจากเงิน
ที่ผมยอมจ่ายเพื่อซื้อความสุขตรงนี้เลยว่าแต่ละเดือนยอมจ่ายเท่าไหร่
ถ้าเกินกว่านี้ก็ไม่เอาครับ



ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,642
    • อีเมล์
คำถามนี้ถามคน 10 คนคำตอบก็คงไม่เหมือนกันหมดหรอกครับ

เพราะคนเราแต่ละคนแต่ละพื้นฐาน  มีความต่างกันในรายละเอียดเยอะ

สำหรับความเห็นผมคือ ลองตีความคำว่า quality of life สำหรับตัวเราเองดูครับ

อาจช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น

ออฟไลน์ charlse

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 241
เรื่องรถแพงๆนี่มันมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะครับ ความอยากได้อยากมีทุกคนเป็นแล้งแต่ว่ากับสิ่งใด ผมเชื่อว่าสมาชิก HLM หลายๆท่านก็เป็นคนรักรถ ชอบรถ เช่นเดียวกับผม
ยกตัวอย่างคนรอบตัวครับ ผมรู้จักผู้ใหญ่ท่านนึงเป็น CEO บริษัทบัญชียักษ์ใหญ่แห่งนึง แกมีเงินในพอร์ทเป็นพันล้าน ลงทุนในอหังสาคอนโดทียก floor แต่เชื่อไหมครับ แกใช้แค่ Camry แกไม่ได้สนใจเรื่องรถเลย
อีกกรณีที่อ่านเจอคือ DJ ชื่อดังคนนึง มีเงินเก็บ 20 กว่าล้าน เอาไปสร้างบ้านให้ครอบครัว 10 ล้าน อีก 10 ล้านเอาไปซื้อแลมโบ เหลือเงินติดบัญชีนิดๆหน่อยๆ แต่หลังจากนั้น DJ คนนั้นบอกว่าดังขึ้น ทุกคนชื่นชม งานไหลมาเทมา ทำงานได้เงินต่อครั้งเยอะกว่าเดิมอีก
หรืออย่างกรณีสุดท้ายเป็นคุณพ่อผมเองครับ แกเดินทางทำงานบ่อย อยู่ในรถมากกว่าอยู่บ้านอีก วันหนึ่งแกนั่ง Fortuner แล้วเจออุบัติเหตุรถหมุนตกข้างทาง โชคดีที่รอดมาได้ จากนั้นความคิดแกก็เปลี่ยนครับ เน้นรถดีๆขับขี่ปลอดภัย เงินตอนมีชีวิตก็หาใหม่ได้เรื่อยๆครับ โดยบ้านผมมองว่าราคาไม่ควรเกิน 30% ของเงินสด และรถทุกคันซื้อเงินสดครับ (GLC S300 911)
MB S300 Bluetec Hybrid
MB Viano 3.0
Porsche Cayenne Diesel

ออฟไลน์ XyteBlaster

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,293
    • อีเมล์
สำหรับผมตีความว่าซื้อเพื่อหรู หรือซื้อเพื่อปลอดภัยอะครับ
เอาความปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่เงินซื้อไหว ผมให้เงินเก็บราวๆ 3-5 เท่าของราคารถครับ

คิดซะว่า .. ถ้าพรุ่งนี้เช้า ขับรถไปทำงาน โดนสิบล้อฝ่าไฟแดงมาเสยเข้า ..

คุณจะอยากนั่งอยู่ในรถคันไหน ระหว่าง ativ,city ถุงลม 7 ใบ กับ benz c , gla , 320 , x1  หรือ ระดับ 5,7 ,e ,s

ไม่ใช่อะไรนะครับ อายุอานาม 30 กว่า - 40  (ผมเดาเอา) อย่างคนในบอร์ดที่พอมีกำลังซื้อ ... (ถ้าเด็กกว่านั้นก็ยินดีด้วยกับความสามารถคุณครับ)
ไปงานศพ เพื่อน พี่ น้อง ญาติ มาเท่าไหร่แล้ว .. . . . น่าจะเห็นอะไรหรือมีความรู้สึกอะไรบางอย่าง ..

ง่ายๆ คือ ผมยังไม่อยากตายครับ .. บอกตรง ๆ อยากอยู่ใช้เงินไปอีกนาน ๆ 5555 ในประเทศที่อุบัติเหตุทางรถยนต์ สูงที่สุดในโลกประเทศนี้

ออฟไลน์ sharpux21

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 219
เงินสดเย็นๆ 100ล้าน

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,633
คำถามแบบนี้มีทั้งเวปนี้และก็พันทิป       
จริง  ๆ มันอยู่ที่คนชอบรถและให้ความสำคัญกับการมีรถหรือเปล่านั่นละ    ถ้าชอบและให้ความสำคัญกับรถ  ไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินมากมายเกินจำเป็นหรอก   แค่มีเงินพอซื้อรถคันนั้นได้ไม่เดือดร้อน ก็ซื้อทั้งนั้นละ มันเป็นความสุขอย่างนึง ได้ใช้สอยด้วย ความปลอดภัยด้วยหรือตอบสนองอารมณ์ด้วย   

  แต่ถ้าคิดเป็นตัวเงินกันอย่างเดียว แน่นอนว่าการซื้อรถมันสู้เอาเงินไปลงทุนไม่ได้หรอก  ยังไงเหตุผลนี้ก็ชนะ
   หรือถ้าคนที่ไม่สนใจเรื่องรถเลย  ขอแค่มีรถขับเป็นตัวช่วยเดินทาง  จากจุดนึงไปอีกจุดนึง      บางคนคิดแค่นี้    ต่อให้มีเงิน 10-100 ล้าน เขาก็ซื้อรถตามความจำเป็น หรือซื้อรถรุ่นที่ไม่แพง  เอาแค่พอใช้      ดังที่เราเห็นเศรษฐีหลายคนซื้ออิโคคาร์มาใช้หรือไปไหนนั่งรถเมล์โบกแท๊กซี่นั่นละ     บางคนอาจซื้อมือ 2 มาใช้หรือป้ายแดงญี่ปุ่นแต่เปลี่ยนบ่อยหน่อย    เพราะคนเหล่านี้ไม่เคยมองปัจจัยของเรื่องรถเป็นเรื่องสำคัญแต่อย่างใด


เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้อยู่ที่คนซื้อรถ     จะให้น้ำหนักไปทางเรื่องใดเรื่องนึงเท่านั้น      ผลลัพธ์มันก็จะออกมาเป็นรถที่เราซื้อนั่นละ

ออฟไลน์ oatekung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
    • อีเมล์
Re: ซื้อรถระดับ 4-5 ล้านขึ้นไปควรมีเงินเก็บเท่าไรครับ
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2017, 12:28:07 »
กลับมาอ่านอีกครั้งก็รู้สึกดีครับ ผมว่า
30% ของเงินสดนี่ก็พอโอเคครับ แหะๆ
หรือซื้อพวก มือ2กริ๊บๆซ่อมจบ อย่าง lexus rx ก็อุ่นใจดีครับ