ผู้เขียน หัวข้อ: รถในไทยตั่งแต่ยุค 2000s รุ่นไหนยี่ห้อไหนมี/ไม่มีฮีเตอร์บ้าง  (อ่าน 16427 ครั้ง)

ออฟไลน์ ToRToNGPaT

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,937
    • Wongnai : ติดตามต้อง
เท่าที่ขับมา
Stream MC 2004 Air Auto มีครับ
Camry 2.0G 2007 Air Auto มีครับ

Jazz GK 2016 Air Auto ไม่มีครับ
HRV 2017 Air Auto ไม่มีครับ
My Car = My Friend

2023 Honda HR-V 1.5 e:HEV RS E-CVT Ignite Red Metallic / Black Roof (น้องหมูแดง)
2023 Honda WR-V 1.5 RS CVT Ignite Red Metallic / Black Roof (น้องถุงแดง)


Review ของกินอร่อยๆ เรียนเชิญที่ Wongnai : ติดตามต้อง

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
คืองี้ฮะ ผมมีประสบการณ์ตรงกับตัวเอง และกับกลุ่มเพื่อนๆ ด้วย

สิ่งที่ผมเจอคือ มันไม่ใช่ว่าฮีทเทอร์เสีย แล้วไม่มีลมอุ่นให้ใช้
หรือฮีทเทอร์เสียแล้วทำให้ระบบแอร์ใช้งานไม่ได้

แต่อาการเสียที่พวกผมเจอกันก็คือ วันดีคืนดี ขณะที่กำลังขับรถอยู่
ตามปกติสุข แต่แล้วจู่ๆ เข็มความร้อนเครื่องยนต์มันก็ค่อยๆ สูงขึ้น
จนกำลังจะฮีท พอตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน้ำในหม้อน้ำหายเกือบหมด
รอเครื่องเย็น เติมน้ำเต็มแล้ว เดี๋ยวน้ำก็หาย เครื่องฮีทอีก

กว่าจะหาเจอว่ามันรั่งจากท่อส่งน้ำร้อนเข้าฮีทเทอร์เนี่ย ก็หายากพอดู

ที่ผมจะสื่อก็คือว่า ของสิ่งนี้มันมีประโยชน์สำหรับพวกผมไม่มาก
นานวันครั้งถึงได้ใช้ และแม้จะไม่มีมันในวันที่อากาศหนาวก็ไม่ได้ลำบากนัก

แต่ในทางกลับกัน มันเป็นอุปกรณ์อีกตัวหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาให้เราต้องคอยครวจตรา
และถ้าพลาด มันสร้างความเดือดร้อนมาก ถึงขั้นทำให้รถวิ่งไปต่อไม่ได้
และถ้าพลาดขนาดเครื่องน็อกดับก็อาจถึงขั้นต้องยกเครื่องกันเลย

จริงอยู่ว่าระบบมันเชื่อมต่อกับหม้อน้ำรถ แต่ระบบพวกนั้นถ้ามันรั่ว หรือทำท่าจะรั่ว
มันจะมองเห็นง่ายและเช็คง่ายกว่าเยอะครับ

เรื่องแบบนี้ พี่ๆ ลองนึกถึงพวกสาวๆ ที่ไม่รู้เรื่องรถแล้วเจอปัญหา
รถฮีทดับข้างถนนสิฮะว่ามันลำบากแค่ไหน
ช่างศูนย์ที่เช็คระยะก็มักเช็คไม่เจอด้วย สำหรับผมแล้วถ้ามันไม่ได้จำเป็นถึงที่สุด
แล้วละก็ ตัดความเสี่ยงออกไปได้ก็ตัดไปซะดีกว่าครับ
มันคือท่อน้ำร้อนเส้นนึงเท่านั้นเอง รถปกติมันก็มีท่อน้ำร้อนเข้าเครื่องอยู่แล้วครับ รถผมทุกคันถ้าถึง5ปีผมไล่เปลี่ยนท่อน้ำร้อน, ท่อยางยกคันตลอดยังไม่เคยเจอท่อแตกซักที อ้อรถไม่มีฮีตเตอร์ก็ท่อน้ำรั่วน้ำหายหมดได้ถ้าตะบี้ตะบันใช้อย่างเดียว อย่างดีแม็คตัวเก่าท่อแปบน้ำร้อนแถวๆเทอร์โบตามอายุช่วงนึงผุรั่วทุกคันครับ แถวจุดรั่วเป็นมุมอับมองไม่เห็นด้วย ใครไม่ระวังก็กินข้าวลิงได้

ออฟไลน์ I_AM_IM

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 296
ขอถามหน่อยครับไม่เคยใช้รถแบบมีฮีทเตอร์  ถ้าอากาศข้างในอุ่นกว่าข้างนอกมากๆมันไม่ฝ้าที่กระจกหรอครับ

ออฟไลน์ kaikung008

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • อีเมล์
Lancer EX 2.0 GT มี heater ด้วยนะครับ ช่วงนี้หน้าหนาว ผมนี่อุ่นเลยครับ ขับรถสบายๆ

ออนไลน์ Stp

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,537
HR-V นี่เป็นอะไรที่ต้องบอกว่า ไม่น่าตัดเลยจริงๆ ตัวรถแทบจะทำมาตอบโจทย์หลายอย่างลงตัว แอร์ไม่มีฮีตเตอร์ซะงั้น

เท่าที่ขับมา
Stream MC 2004 Air Auto มีครับ
Camry 2.0G 2007 Air Auto มีครับ

Jazz GK 2016 Air Auto ไม่มีครับ
HRV 2017 Air Auto ไม่มีครับ
:D ;D ร่วมรณรงค์รักการอ่านหนังสือ แทนการถามตลอดเวลา ;D :D

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
ทำไมผมซื้อหวยไม่ถูกวะ กะแล้วเห็นอากาศหนาวๆต้องมีกระทู้ในHLMเรื่องฮีตเตอร์แน่นอน แล้วก็มีจริง ฮาๆ

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,705
คืองี้ฮะ ผมมีประสบการณ์ตรงกับตัวเอง และกับกลุ่มเพื่อนๆ ด้วย

สิ่งที่ผมเจอคือ มันไม่ใช่ว่าฮีทเทอร์เสีย แล้วไม่มีลมอุ่นให้ใช้
หรือฮีทเทอร์เสียแล้วทำให้ระบบแอร์ใช้งานไม่ได้

แต่อาการเสียที่พวกผมเจอกันก็คือ วันดีคืนดี ขณะที่กำลังขับรถอยู่
ตามปกติสุข แต่แล้วจู่ๆ เข็มความร้อนเครื่องยนต์มันก็ค่อยๆ สูงขึ้น
จนกำลังจะฮีท พอตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน้ำในหม้อน้ำหายเกือบหมด
รอเครื่องเย็น เติมน้ำเต็มแล้ว เดี๋ยวน้ำก็หาย เครื่องฮีทอีก

กว่าจะหาเจอว่ามันรั่งจากท่อส่งน้ำร้อนเข้าฮีทเทอร์เนี่ย ก็หายากพอดู

ที่ผมจะสื่อก็คือว่า ของสิ่งนี้มันมีประโยชน์สำหรับพวกผมไม่มาก
นานวันครั้งถึงได้ใช้ และแม้จะไม่มีมันในวันที่อากาศหนาวก็ไม่ได้ลำบากนัก

แต่ในทางกลับกัน มันเป็นอุปกรณ์อีกตัวหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาให้เราต้องคอยครวจตรา
และถ้าพลาด มันสร้างความเดือดร้อนมาก ถึงขั้นทำให้รถวิ่งไปต่อไม่ได้
และถ้าพลาดขนาดเครื่องน็อกดับก็อาจถึงขั้นต้องยกเครื่องกันเลย

จริงอยู่ว่าระบบมันเชื่อมต่อกับหม้อน้ำรถ แต่ระบบพวกนั้นถ้ามันรั่ว หรือทำท่าจะรั่ว
มันจะมองเห็นง่ายและเช็คง่ายกว่าเยอะครับ

เรื่องแบบนี้ พี่ๆ ลองนึกถึงพวกสาวๆ ที่ไม่รู้เรื่องรถแล้วเจอปัญหา
รถฮีทดับข้างถนนสิฮะว่ามันลำบากแค่ไหน
ช่างศูนย์ที่เช็คระยะก็มักเช็คไม่เจอด้วย สำหรับผมแล้วถ้ามันไม่ได้จำเป็นถึงที่สุด
แล้วละก็ ตัดความเสี่ยงออกไปได้ก็ตัดไปซะดีกว่าครับ
มันคือท่อน้ำร้อนเส้นนึงเท่านั้นเอง รถปกติมันก็มีท่อน้ำร้อนเข้าเครื่องอยู่แล้วครับ รถผมทุกคันถ้าถึง5ปีผมไล่เปลี่ยนท่อน้ำร้อน, ท่อยางยกคันตลอดยังไม่เคยเจอท่อแตกซักที อ้อรถไม่มีฮีตเตอร์ก็ท่อน้ำรั่วน้ำหายหมดได้ถ้าตะบี้ตะบันใช้อย่างเดียว อย่างดีแม็คตัวเก่าท่อแปบน้ำร้อนแถวๆเทอร์โบตามอายุช่วงนึงผุรั่วทุกคันครับ แถวจุดรั่วเป็นมุมอับมองไม่เห็นด้วย ใครไม่ระวังก็กินข้าวลิงได้

มันต้องคนสนใจ เข้าใจกลไกตับไตไส้พุงรถด้วยไงพี่
คนทั่วไปเนี่ยส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจฝักใฝ่เรื่องรถกันหรอกครับ
ไม่ต้องลงลึกขนาดต้องเข้าใจว่าฮีทเทอร์มันใช้น้ำจากหม้อน้ำ
วงจรมันเป็นยังไง สายยางเส้นไหน เอาแค่น้ำถังพัก น้ำมันเครื่อง
แบตเตอรี่ ลมยาง อะไรที่เป็นพื้นฐานยังดูไม่เป็นเลย
แล้วไม่อยากดูด้วย มือเลอะ ทุกอย่างคิดว่าเข้าศูนย์เช็ค
ตามระยะแล้วคือจบ อย่างสาวๆ รอบตัวผมเนี่ย
ไม่อยากให้รถเขามีฮีทเทอร์เลยจริงๆ ฮะ

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,632
ท่อน้ำร้อนที่เป็น Heater   รถบ้านเราที่ไม่มี      ส่วนใหญ่ท่อที่ต่อออกไปจะถูกอุดไว้ด้วยท่อยางอุดนั่นละครับ       แล้วท่อตัวนี้ถ้ารถติดแก๊สก็คือเอาไปใช้งานออกหม้อต้มแก๊ส

  สรุป       เรื่องซ่อมบำรุงก็คือปกติครับเพราะถึงไม่มี Heater  เขาอุดไว้ โดยใช้ท่อยางมีอายุการใช้งานเหมือนทั่ว ๆ ไป  นานเกิน 10 ปีก็ยังไม่เห็นเสีย 
   ส่วนถ้ามี Heater  ท่อตัวนี้ก็จะยาวขึ้นออกไปที่ลมแอร์        ไม่ได้ต่างกันเลยว่ามีหรือไม่มีจะทำให้ซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น  เพราะมันต้องใช้ท่อยางหม้อน้ำเหมือนกัน อายุการใช้งานก็พอกัน   เพราะมันใช้ท่อยางตัวเดียวกันแต่คนละแบบ  แบบนึงเป็นท่อยางอุด  อีกแบบเป็นท่ออยางที่ต่อออกไปห้องโดยสาร

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,705
ท่อน้ำร้อนที่เป็น Heater   รถบ้านเราที่ไม่มี      ส่วนใหญ่ท่อที่ต่อออกไปจะถูกอุดไว้ด้วยท่อยางอุดนั่นละครับ       แล้วท่อตัวนี้ถ้ารถติดแก๊สก็คือเอาไปใช้งานออกหม้อต้มแก๊ส

  สรุป       เรื่องซ่อมบำรุงก็คือปกติครับเพราะถึงไม่มี Heater  เขาอุดไว้ โดยใช้ท่อยางมีอายุการใช้งานเหมือนทั่ว ๆ ไป  นานเกิน 10 ปีก็ยังไม่เห็นเสีย 
   ส่วนถ้ามี Heater  ท่อตัวนี้ก็จะยาวขึ้นออกไปที่ลมแอร์        ไม่ได้ต่างกันเลยว่ามีหรือไม่มีจะทำให้ซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น  เพราะมันต้องใช้ท่อยางหม้อน้ำเหมือนกัน อายุการใช้งานก็พอกัน   เพราะมันใช้ท่อยางตัวเดียวกันแต่คนละแบบ  แบบนึงเป็นท่อยางอุด  อีกแบบเป็นท่ออยางที่ต่อออกไปห้องโดยสาร

เหรอครับพี่ รถบ้านผมคันที่ไม่มีฮีทเทอร์นี่อายุยี่สิบปีอัพนี่ไม่เคย
เจอรั่วนะ แต่คันที่มีนี่รั่วได้ทุกคันครับ

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,632
ท่อน้ำร้อนที่เป็น Heater   รถบ้านเราที่ไม่มี      ส่วนใหญ่ท่อที่ต่อออกไปจะถูกอุดไว้ด้วยท่อยางอุดนั่นละครับ       แล้วท่อตัวนี้ถ้ารถติดแก๊สก็คือเอาไปใช้งานออกหม้อต้มแก๊ส

  สรุป       เรื่องซ่อมบำรุงก็คือปกติครับเพราะถึงไม่มี Heater  เขาอุดไว้ โดยใช้ท่อยางมีอายุการใช้งานเหมือนทั่ว ๆ ไป  นานเกิน 10 ปีก็ยังไม่เห็นเสีย 
   ส่วนถ้ามี Heater  ท่อตัวนี้ก็จะยาวขึ้นออกไปที่ลมแอร์        ไม่ได้ต่างกันเลยว่ามีหรือไม่มีจะทำให้ซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น  เพราะมันต้องใช้ท่อยางหม้อน้ำเหมือนกัน อายุการใช้งานก็พอกัน   เพราะมันใช้ท่อยางตัวเดียวกันแต่คนละแบบ  แบบนึงเป็นท่อยางอุด  อีกแบบเป็นท่ออยางที่ต่อออกไปห้องโดยสาร

เหรอครับพี่ รถบ้านผมคันที่ไม่มีฮีทเทอร์นี่อายุยี่สิบปีอัพนี่ไม่เคย
เจอรั่วนะ แต่คันที่มีนี่รั่วได้ทุกคันครับ
รถรุ่นอะไรละครับ  ถ้า Nissan กับรถยุโรปอะไหล่ไม่ทน   ถ้าคัมรี่ กับ Alphard อายุ 10 ปีก็ยังไม่รั่วง่าย  ๆ นะ 
 อ้อ   อีกอย่างต้องแยกก่อนว่ารั่วอะไร   ถ้ารั่วที่คอยล์ทำความเย็นอันนั้นก็ปกติ  จะมีหรือไม่มี Heater  ไม่น่าจะเกี่ยวกันนะ  เพราะตู้แอร์ผมก็เห็นเข้าร้านซ่อมเปลี่ยนตู้กันตามปกติสำหรับรถอายุ 10 ปี + -
 
 ที่ผมว่าไม่รั่ว    หมายถึงท่อน้ำร้อนที่อุดไว้สำหรับรถที่มีหรือไม่มี Heater ต่างหาก หรือไม่ก็ท่อน้ำที่ต่อเข้าเครื่อง       ไม่ได้หมายถึงการรั่วของตู้แอร์คอยล์ร้อนหรือคอยล์เย็น เพราะอันนั้นมันน่าจะรั่วปกติของทุกรุ่นอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2017, 19:12:23 โดย Auto »

ออฟไลน์ Push in Boost

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 193
    • อีเมล์
นอกเรื่อง
Ranger3.2 ก่อนmc
เห็นเขียนในspec เบาะนั่งทำความร้อนได้

ออฟไลน์ zipp

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 320
ผมไม่ได้ใช้ระบบฮีทเตอร์ในรถมา10ปีแล้ว. ถอดท่อน้ำร้อนเข้าฮีทเตอร์ออก. 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2017, 19:33:59 โดย zipp »

ออฟไลน์ tarahlm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 920
คืองี้ฮะ ผมมีประสบการณ์ตรงกับตัวเอง และกับกลุ่มเพื่อนๆ ด้วย

สิ่งที่ผมเจอคือ มันไม่ใช่ว่าฮีทเทอร์เสีย แล้วไม่มีลมอุ่นให้ใช้
หรือฮีทเทอร์เสียแล้วทำให้ระบบแอร์ใช้งานไม่ได้

แต่อาการเสียที่พวกผมเจอกันก็คือ วันดีคืนดี ขณะที่กำลังขับรถอยู่
ตามปกติสุข แต่แล้วจู่ๆ เข็มความร้อนเครื่องยนต์มันก็ค่อยๆ สูงขึ้น
จนกำลังจะฮีท พอตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน้ำในหม้อน้ำหายเกือบหมด
รอเครื่องเย็น เติมน้ำเต็มแล้ว เดี๋ยวน้ำก็หาย เครื่องฮีทอีก

กว่าจะหาเจอว่ามันรั่งจากท่อส่งน้ำร้อนเข้าฮีทเทอร์เนี่ย ก็หายากพอดู

ที่ผมจะสื่อก็คือว่า ของสิ่งนี้มันมีประโยชน์สำหรับพวกผมไม่มาก
นานวันครั้งถึงได้ใช้ และแม้จะไม่มีมันในวันที่อากาศหนาวก็ไม่ได้ลำบากนัก

แต่ในทางกลับกัน มันเป็นอุปกรณ์อีกตัวหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาให้เราต้องคอยครวจตรา
และถ้าพลาด มันสร้างความเดือดร้อนมาก ถึงขั้นทำให้รถวิ่งไปต่อไม่ได้
และถ้าพลาดขนาดเครื่องน็อกดับก็อาจถึงขั้นต้องยกเครื่องกันเลย

จริงอยู่ว่าระบบมันเชื่อมต่อกับหม้อน้ำรถ แต่ระบบพวกนั้นถ้ามันรั่ว หรือทำท่าจะรั่ว
มันจะมองเห็นง่ายและเช็คง่ายกว่าเยอะครับ

เรื่องแบบนี้ พี่ๆ ลองนึกถึงพวกสาวๆ ที่ไม่รู้เรื่องรถแล้วเจอปัญหา
รถฮีทดับข้างถนนสิฮะว่ามันลำบากแค่ไหน
ช่างศูนย์ที่เช็คระยะก็มักเช็คไม่เจอด้วย สำหรับผมแล้วถ้ามันไม่ได้จำเป็นถึงที่สุด
แล้วละก็ ตัดความเสี่ยงออกไปได้ก็ตัดไปซะดีกว่าครับ

พอจะเข้าใจถึงจุดที่วิตกกังวลครับ

อุปกรณ์รถยนต์ที่นำมาให้ผู้บริโภคใช้งาน จะผ่านการวิเคราะห์/การทดสอบมาดีระดับหนึ่ง
ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์คุ้มค่าปลอดภัยต่อการใช้งาน
ไม่ต้องกลัวเกินไปครับ ไม่เช่นนั้นประเทศเมืองหนาวอีกค่อนโลกคงต้องเสี่ยงเช่นกัน!!

แต่ความกังวลใจไม่เท่ากันเป็นเรื่องของความเข้าใจของแต่ละคนที่ต่างกัน ก็ย่อมเลือกจะใช้หรือไม่ใช่้อย่างไรก็ได้

แต่ปัญหาของผู้ใช้รถเรา ดั่งสาวๆที่ไม่รู้เรื่องรถตามตัวอย่างที่ยกมานั้น  มันไม่ใช่เรื่องอุปกรณ์มันไม่ปลอดภัย
เพราะผ่านการทดสอบมาแล้ว ประเด็นปัญหาคือผู้ขับรถใช้รถไม่มีความรู้ในการดูแลรถเบื้องต้น
ไม่ได้สังเกตุเข็มวัดความร้อนซึ่งเป็นตัวหนึ่งของระบบsafetyอันหนึ่ง
ที่ผู้ผลิตรถยนต์ใส่มาไว้เพื่อป้องกันก่อนเกิดปัญหาอีกขั้นหนึ่ง
(ยังไม่รวมถึงอีกหลายคนที่ยังไม่ตรวจเช็คระดับของเหลวต่างๆภายในห้องเครื่องยนต์ ตามหลักการดูแลรถเบื้องต้นในคู่มือผู้ใช้รถ )
ที่ถูกต้องต้องแก้ไขที่คนผู้ใช้อุปกรณ์นั้นๆ
เปรียบดั่งก่อนจะขับรถร่วมกับผู้อื่นได้ในท้องถนนสาธารณะ เบื้องต้นต้องเรียนรู้กฎจราจรก่อน

อีกประเด็นถ้ารู้ว่ารถโอเวอร์ฮีทแล้วต้องหยุดการใช้งานของรถ ต้องหาสาเหตุ ก่อนเกิดผลเสียหายแทรกซ้อนรุนแรง
ถ้ามีน้ำหล่อเย็นพร่องหายก็ต้องหาสาเหตุ ถ้าเกินความสามารถเรา
ก็ต้องเป็นผู้ดูแลโดยตรงตามอาชีพก็คือช่างซ่อมรถ ซึ่งไม่ยากเกินความสามารถของช่าง(ที่มีมาตรฐาน)
ถ้าถึงกับโอเวอร์ฮีท ไม่น่ายากด้วยครับ ปัญหาไม่ซับซ้อน ถึงขั้นนี้ถ้าหาไม่เจอก็ไม่สมควรเรียกว่าช่างครับ
ถ้าช่างหาไม่เจอก็เป็นปัญหาของคนอีกแล้วครับ

รถเกียร์ออโต้ที่มีท่อระบายความร้อนน้ำมันเกียร์วนเข้าไประบายความร้อนในหม้อน้ำรถยนต์
ซึงสามารถแตกรั่วได้ อาจเกิดความเสียหายค่าซ่อมแพงต่อระบบเกียร์ออโต้หรือเครื่องยนต์
แต่จะให้เราเลือกใช้รถเกียร์manualธรรมดาที่ไม่มีท่อoil coolerนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง...ก็คงไม่ใช่ทางเลือกเช่นนั้นครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2017, 20:06:13 โดย tarahlm »

ออฟไลน์ toffyearn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 628
ขอถามหน่อยครับไม่เคยใช้รถแบบมีฮีทเตอร์  ถ้าอากาศข้างในอุ่นกว่าข้างนอกมากๆมันไม่ฝ้าที่กระจกหรอครับ
ใช่ครับ อาจมีได้แต่น้อยกว่ามาก ต้องเข้าใจธรรมชาติ เวลามีความชื้นความชื้นจะจับสิ่งที่เย็น เช่น เราวางแก้วน้ำที่เย็นไว้บนโต๊ะในห้องที่อุณหภูมิปกติ ไอน้ำก็จะมาเกาะที่แก้ว
สมมติ เราไม่สตาร์ทเครื่องนั่งในรถ แล้วถ้าอากาศข้างนอกเย็น ในรถอุ่น ความชื้น(จากที่เราหายใจออกมา)จะวิ่งไปเกาะกระจกที่เย็นกว่า เกิดเป็นฝ้าที่กระจก(ด้านที่อุ่นกว่า)

ทีนี้ถ้ารถมีฮีตเตอร์ ความชื้นจากการหายใจยังวงเวียนอยู่เพราะเราหายใจออกมาเรื่อยๆ และในระบบแอร์ไม่สามารถดึงออกไปได้หมด แต่ความชื้นที่จับอยู่ที่คอยล์เย็นก็ยังคงอยู่อย่างนั้นเพราะแอร์ยังทำงานอยู่ ทำให้มีโอกาสเกิดฝ้าได้แต่น้อย เพราะความชื้นไม่ได้มาก

ส่วนแอร์ที่ไม่มีระบบฮีตเตอร์ เวลาเราหนาว แล้วกด A/C off ระบบความเย็นจะหยุดทำงาน ทำให้ความชื้นที่สะสมรอกลั่นตัวเป็นน้ำออกทางท่อน้ำทิ้ง ก็จะถูกเป่ากลับออกมาอีกครั้ง+ความชื้นที่เราหายใจออกมาด้วย ทำให้ภายในรถเต็มไปด้วยความชื้น ความชื้นก็จะไปจับกับกระจกที่เย็น ไม่ต้องอากาศเย็นก็สังเกตุได้ถ้าวันไหนฝนตก แล้วเราเปิดแอร์ในรถไว้ก่อนพอเรารู้สึกหนาวจากการเปียกฝนเข้ามา ถ้าเราปิด A/C และเปิดลมเปล่า ฝ้าก็จะขึ้นเกิดทันที กรณีแบบนี้รถที่มีฮีตเตอร์จะช่วยได้มากคับ

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
คืองี้ฮะ ผมมีประสบการณ์ตรงกับตัวเอง และกับกลุ่มเพื่อนๆ ด้วย

สิ่งที่ผมเจอคือ มันไม่ใช่ว่าฮีทเทอร์เสีย แล้วไม่มีลมอุ่นให้ใช้
หรือฮีทเทอร์เสียแล้วทำให้ระบบแอร์ใช้งานไม่ได้

แต่อาการเสียที่พวกผมเจอกันก็คือ วันดีคืนดี ขณะที่กำลังขับรถอยู่
ตามปกติสุข แต่แล้วจู่ๆ เข็มความร้อนเครื่องยนต์มันก็ค่อยๆ สูงขึ้น
จนกำลังจะฮีท พอตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน้ำในหม้อน้ำหายเกือบหมด
รอเครื่องเย็น เติมน้ำเต็มแล้ว เดี๋ยวน้ำก็หาย เครื่องฮีทอีก

กว่าจะหาเจอว่ามันรั่งจากท่อส่งน้ำร้อนเข้าฮีทเทอร์เนี่ย ก็หายากพอดู

ที่ผมจะสื่อก็คือว่า ของสิ่งนี้มันมีประโยชน์สำหรับพวกผมไม่มาก
นานวันครั้งถึงได้ใช้ และแม้จะไม่มีมันในวันที่อากาศหนาวก็ไม่ได้ลำบากนัก

แต่ในทางกลับกัน มันเป็นอุปกรณ์อีกตัวหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาให้เราต้องคอยครวจตรา
และถ้าพลาด มันสร้างความเดือดร้อนมาก ถึงขั้นทำให้รถวิ่งไปต่อไม่ได้
และถ้าพลาดขนาดเครื่องน็อกดับก็อาจถึงขั้นต้องยกเครื่องกันเลย

จริงอยู่ว่าระบบมันเชื่อมต่อกับหม้อน้ำรถ แต่ระบบพวกนั้นถ้ามันรั่ว หรือทำท่าจะรั่ว
มันจะมองเห็นง่ายและเช็คง่ายกว่าเยอะครับ

เรื่องแบบนี้ พี่ๆ ลองนึกถึงพวกสาวๆ ที่ไม่รู้เรื่องรถแล้วเจอปัญหา
รถฮีทดับข้างถนนสิฮะว่ามันลำบากแค่ไหน
ช่างศูนย์ที่เช็คระยะก็มักเช็คไม่เจอด้วย สำหรับผมแล้วถ้ามันไม่ได้จำเป็นถึงที่สุด
แล้วละก็ ตัดความเสี่ยงออกไปได้ก็ตัดไปซะดีกว่าครับ
มันคือท่อน้ำร้อนเส้นนึงเท่านั้นเอง รถปกติมันก็มีท่อน้ำร้อนเข้าเครื่องอยู่แล้วครับ รถผมทุกคันถ้าถึง5ปีผมไล่เปลี่ยนท่อน้ำร้อน, ท่อยางยกคันตลอดยังไม่เคยเจอท่อแตกซักที อ้อรถไม่มีฮีตเตอร์ก็ท่อน้ำรั่วน้ำหายหมดได้ถ้าตะบี้ตะบันใช้อย่างเดียว อย่างดีแม็คตัวเก่าท่อแปบน้ำร้อนแถวๆเทอร์โบตามอายุช่วงนึงผุรั่วทุกคันครับ แถวจุดรั่วเป็นมุมอับมองไม่เห็นด้วย ใครไม่ระวังก็กินข้าวลิงได้

มันต้องคนสนใจ เข้าใจกลไกตับไตไส้พุงรถด้วยไงพี่
คนทั่วไปเนี่ยส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจฝักใฝ่เรื่องรถกันหรอกครับ
ไม่ต้องลงลึกขนาดต้องเข้าใจว่าฮีทเทอร์มันใช้น้ำจากหม้อน้ำ
วงจรมันเป็นยังไง สายยางเส้นไหน เอาแค่น้ำถังพัก น้ำมันเครื่อง
แบตเตอรี่ ลมยาง อะไรที่เป็นพื้นฐานยังดูไม่เป็นเลย
แล้วไม่อยากดูด้วย มือเลอะ ทุกอย่างคิดว่าเข้าศูนย์เช็ค
ตามระยะแล้วคือจบ อย่างสาวๆ รอบตัวผมเนี่ย
ไม่อยากให้รถเขามีฮีทเทอร์เลยจริงๆ ฮะ

เอาตรงๆนะ ถ้าคนแบบนี้ต่อให้ใช้รถไม่มีฮีตเตอร์ก็โดนท่อยางหม้อน้ำรั่วอยู่ดีครับ เหมือนอย่างดีแม็คที่ผมว่าไปเจอกันเยอะบางคนคิดว่าเข้าศูนย์ช่างต้องเช็คให้ด้วยสิ เพื่อนสาวๆผมหลายคนก็เป็นแบบนี้แต่พวกนางตัดปัญหาด้วยการเปลี่ยนรถใหม่ทุก5ปี จบเรื่องไม่ต้องกลัวอะไรพัง เพราะโดยปกติรถอายุเท่านี้ไม่มีอะไรพังอยู่แล้ว 555

ขอถามหน่อยครับไม่เคยใช้รถแบบมีฮีทเตอร์  ถ้าอากาศข้างในอุ่นกว่าข้างนอกมากๆมันไม่ฝ้าที่กระจกหรอครับ
ใช่ครับ อาจมีได้แต่น้อยกว่ามาก ต้องเข้าใจธรรมชาติ เวลามีความชื้นความชื้นจะจับสิ่งที่เย็น เช่น เราวางแก้วน้ำที่เย็นไว้บนโต๊ะในห้องที่อุณหภูมิปกติ ไอน้ำก็จะมาเกาะที่แก้ว
สมมติ เราไม่สตาร์ทเครื่องนั่งในรถ แล้วถ้าอากาศข้างนอกเย็น ในรถอุ่น ความชื้น(จากที่เราหายใจออกมา)จะวิ่งไปเกาะกระจกที่เย็นกว่า เกิดเป็นฝ้าที่กระจก(ด้านที่อุ่นกว่า)

ทีนี้ถ้ารถมีฮีตเตอร์ ความชื้นจากการหายใจยังวงเวียนอยู่เพราะเราหายใจออกมาเรื่อยๆ และในระบบแอร์ไม่สามารถดึงออกไปได้หมด แต่ความชื้นที่จับอยู่ที่คอยล์เย็นก็ยังคงอยู่อย่างนั้นเพราะแอร์ยังทำงานอยู่ ทำให้มีโอกาสเกิดฝ้าได้แต่น้อย เพราะความชื้นไม่ได้มาก

ส่วนแอร์ที่ไม่มีระบบฮีตเตอร์ เวลาเราหนาว แล้วกด A/C off ระบบความเย็นจะหยุดทำงาน ทำให้ความชื้นที่สะสมรอกลั่นตัวเป็นน้ำออกทางท่อน้ำทิ้ง ก็จะถูกเป่ากลับออกมาอีกครั้ง+ความชื้นที่เราหายใจออกมาด้วย ทำให้ภายในรถเต็มไปด้วยความชื้น ความชื้นก็จะไปจับกับกระจกที่เย็น ไม่ต้องอากาศเย็นก็สังเกตุได้ถ้าวันไหนฝนตก แล้วเราเปิดแอร์ในรถไว้ก่อนพอเรารู้สึกหนาวจากการเปียกฝนเข้ามา ถ้าเราปิด A/C และเปิดลมเปล่า ฝ้าก็จะขึ้นเกิดทันที กรณีแบบนี้รถที่มีฮีตเตอร์จะช่วยได้มากคับ

แนะนำว่าถ้าไม่ใช่แอร์ระบบออโต้ตั้งให้มันเป่าลงเท้าครับ ความร้อนตามธรรมชาติจะลอยขึ้นด้านบน ดังนั้นถึงแม้เราเป่าเท้าอย่างเดียวด้านบนก็จะอุ่นเพราะไอร้อนมันลอยขึ้น และโอกาสเป็นฝ้ายากเพราะแอร์ไม่ได้เป่าโดนกระจกครับ ส่วนแอร์ออโต้ถ้าข้างนอกอากาศเย็นมันก็จะเป่าเท้าอย่างเดียวเช่นกัน และถ้ามันเป่า2ทิศทาง ลมออกช่องด้านบนจะเย็นกว่าลมเป่าเท้าเพื่อป้องกันกระจกเป็นฝ้าด้วยครับ

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,705

พอจะเข้าใจถึงจุดที่วิตกกังวลครับ

อุปกรณ์รถยนต์ที่นำมาให้ผู้บริโภคใช้งาน จะผ่านการวิเคราะห์/การทดสอบมาดีระดับหนึ่ง
ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์คุ้มค่าปลอดภัยต่อการใช้งาน
ไม่ต้องกลัวเกินไปครับ ไม่เช่นนั้นประเทศเมืองหนาวอีกค่อนโลกคงต้องเสี่ยงเช่นกัน!!

แต่ความกังวลใจไม่เท่ากันเป็นเรื่องของความเข้าใจของแต่ละคนที่ต่างกัน ก็ย่อมเลือกจะใช้หรือไม่ใช่้อย่างไรก็ได้

แต่ปัญหาของผู้ใช้รถเรา ดั่งสาวๆที่ไม่รู้เรื่องรถตามตัวอย่างที่ยกมานั้น  มันไม่ใช่เรื่องอุปกรณ์มันไม่ปลอดภัย
เพราะผ่านการทดสอบมาแล้ว ประเด็นปัญหาคือผู้ขับรถใช้รถไม่มีความรู้ในการดูแลรถเบื้องต้น
ไม่ได้สังเกตุเข็มวัดความร้อนซึ่งเป็นตัวหนึ่งของระบบsafetyอันหนึ่ง
ที่ผู้ผลิตรถยนต์ใส่มาไว้เพื่อป้องกันก่อนเกิดปัญหาอีกขั้นหนึ่ง
(ยังไม่รวมถึงอีกหลายคนที่ยังไม่ตรวจเช็คระดับของเหลวต่างๆภายในห้องเครื่องยนต์ ตามหลักการดูแลรถเบื้องต้นในคู่มือผู้ใช้รถ )
ที่ถูกต้องต้องแก้ไขที่คนผู้ใช้อุปกรณ์นั้นๆ
เปรียบดั่งก่อนจะขับรถร่วมกับผู้อื่นได้ในท้องถนนสาธารณะ เบื้องต้นต้องเรียนรู้กฎจราจรก่อน

อีกประเด็นถ้ารู้ว่ารถโอเวอร์ฮีทแล้วต้องหยุดการใช้งานของรถ ต้องหาสาเหตุ ก่อนเกิดผลเสียหายแทรกซ้อนรุนแรง
ถ้ามีน้ำหล่อเย็นพร่องหายก็ต้องหาสาเหตุ ถ้าเกินความสามารถเรา
ก็ต้องเป็นผู้ดูแลโดยตรงตามอาชีพก็คือช่างซ่อมรถ ซึ่งไม่ยากเกินความสามารถของช่าง(ที่มีมาตรฐาน)
ถ้าถึงกับโอเวอร์ฮีท ไม่น่ายากด้วยครับ ปัญหาไม่ซับซ้อน ถึงขั้นนี้ถ้าหาไม่เจอก็ไม่สมควรเรียกว่าช่างครับ
ถ้าช่างหาไม่เจอก็เป็นปัญหาของคนอีกแล้วครับ

รถเกียร์ออโต้ที่มีท่อระบายความร้อนน้ำมันเกียร์วนเข้าไประบายความร้อนในหม้อน้ำรถยนต์
ซึงสามารถแตกรั่วได้ อาจเกิดความเสียหายค่าซ่อมแพงต่อระบบเกียร์ออโต้หรือเครื่องยนต์
แต่จะให้เราเลือกใช้รถเกียร์manualธรรมดาที่ไม่มีท่อoil coolerนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง...ก็คงไม่ใช่ทางเลือกเช่นนั้นครับ

เมื่อก่อนผมเคยคิดแบบพี่นะ  ว่าเรื่องการดูแลรถเบื้องต้นเนี่ยมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ควรหัดดูเองบ้าง
เดี๋ยวสอนให้  หรือบางเรื่องเราก็คิดว่าเรื่องพื้นฐานแค่นี้ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้

แต่บางเหตุการณ์มันทำให้ผมรู้ว่ามันไม่ใช่จริง ๆ

มีเรื่องขำ ๆ ปนเศร้าเล็ก ๆ มาเล่าให้พี่ฟังครับ

เรื่องที่ 1  "เข็นกระตุกสตาร์ทเครื่อง"
มีวันนึงที่พวกแก๊งค์ผม อาศัยรถเพื่อนออกไปกินข้าวกัน  แต่ขากลับรถเพื่อนแบตอ่อน สตาร์ทไม่ติดซะงั้น
แต่รถคันนี้เป็นเกียร์แมน่วล และพวกเราไปกันหลายคน ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ เดี๋ยวเข็นกระตุกเอาก็ได้
ก็ให้เจ้าของรถเป็นคนขับ บิดกุญแจไปที่ ON เหยียบครัชคาเกียร์ 2 ไว้ แล้วพวกเราก็เข็น พอได้ความเร็ว
ระดับนึงก็บอกให้เพื่อนสตาร์ท ...... แต่เข็นจนจะสุดทางอยู่แล้วรถก็ไม่กระตุกสตาร์ทซะที ทุกคนเลยหยุด
แล้วไปถามคนขับว่าเกิดอะไรขึ้น

พวกผม : เหย..เมิง ทำไมไม่สตาร์ทวะ รถเป็นไรเนี่ย
เจ้าของรถ : สตาร์ทแล้ว มันไม่ติดอ่ะ
พวกผม : เมิง สตาร์ทไงอ่ะ รถไม่เห็นกระตุกเลย
เจ้าของรถ : กรู ก็ทำตามที่เมิงบอกอ่ะ พอรถเริ่มไหล เมิงบอกให้สตาร์ท กรูก็บิดกุญแจเนี่ย ไม่เห็นมันติดเลย..
พวกผม :  กร้ากกก... โฮ.....T T แฮ่ก ๆ ๆ

เรืองที่ 2 "ตรวจ-เติมน้ำมันเครื่อง"
อันนี้ได้ยินเล่ามาอีกทีนะครับ จริงเท็จยังไงไม่ทราบได้ แต่ก็ฮา ปนเศร้า
เรื่องคือ สาว ๆ ที่ได้รับการเทรนให้ดูแลรถเบื้องต้น ตรวจ-เติมน้ำต่าง ๆ มาจนถึงน้ำมันเครื่อง
ทุกอย่างเป็นตามที่เพื่อน ๆ ติวมาครบ ชักก้านน้ำมัน วัดระดับ ถ้าไม่พอให้เปิดฝาน้ำมันเครื่องแล้วเติมให้เต็ม

นางโทรมา บอกว่าเมื่อเช้าตรวจรถแล้ว เติมน้ำหม้อพัก น้ำฉีดกระจกจนเต็มละ 
แต่น้ำมันเครื่องนี่สิ ดูก้านวัดแล้วมันขาดไปนิดนึง ก็เลยเปิดฝาข้างบนแล้วยกแกลลอนน้ำมันเครื่องเติมลงไป
แต่เติมไปตั้งเยอะแล้ว ทำไมมันไม่เต็มขึ้นมาเหมือนตอนเติมถังน้ำฉีดกระจกเลยอ่ะ.... T-T

ส่วนเรื่องสาว ๆ รอบตัวนี่ก็เหมือนกันนะฮะ ผมก็พยายามสอนให้ตรวจโน่นตรวจนี่เองบ้างแหละ
แต่บางคนก็ไม่เข้าหัวเลยจริง ๆ บางทีผมก็แบบ เหยย.. อะไรว้าาา เรื่องแค่นี้ทำไมไม่เข้าใจ
วิธีการมันก็ง่าย ๆ  ตรวจนั่น ดูนี่ ถ้ามันเป็นแบบนี้แสดงว่ามันเป็นยังงั้น ต้องทำอย่างโง้น...

ก็เลยโดนสวนมาว่า ....  นางไม่เข้าใจจริง ๆ  แล้วทุกคนต้องเข้าใจแบบนี้หมดป่ะ
ทำไมเรื่องศิลปะ รูปวาดต่าง ๆ ทำไมนางสอนผมกี่ที ๆ  ผมก็ดูไม่ออก ไม่ซาบซึ้งกับรูปวาดระดับโลก
รูปสีเลอะ ๆ สบัดไปสบัดมา ทำไมไม่เข้าใจ ทำไมดูแล้วบรรยายอารมณ์ไม่ออก

"ทำไมเวลากระดุมเสื้อหลุดแค่นี้ซ๋อมเองไม่ได้"

"ทำไมเวลากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านรสชาติไม่ได้เรื่อง แล้วทำไมปรุงเองไม่ได้ ตัวเองกินเองแท้ ๆ
ทำไมปรุงให้ถูกใจตัวเองไม่ได้ บอกไม่ถูกว่าขาดรสอะไร บ่นแต่ว่าไม่อร่อย ๆ"

เออ... จริงแฮะ  คนเรานี่มันบางเรื่องก็คลิกง่าย ๆ เข้าใจง่าย ๆ แต่บางเรื่องมันก็ไม่รับเข้าหัวจริง ๆ

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นเรื่องรถ ก็เลยพยายามแนะนำรถแบบใช้งานง่าย ๆ ให้พวกนางไป
ไอ่ประเภทขับสนุก สาดโค้งมัน พวงมาลัยคม โอเวอร์สเตียร์ อันเด้อสเตียร์ นี่ไม่ต้องเลยฮะ


ออฟไลน์ zipp

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 320
มีฮีทเตอร์ก็เหมือนมีหม้อน้ำลูกเล็กเพิ่มอีกจุดนึง(อยู่ในที่ลับตาด้วย) ต้องดูแลรักษาให้ดี มันตัน/ผุ/รั่วได้เหมือนหม้อน้ำ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2017, 23:04:17 โดย zipp »

ออฟไลน์ zipp

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 320

ของผมยี่ห้อนี้ครับ.  เลยตัด ปิดระบบไปนานแล้ว

ออฟไลน์ tarahlm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 920



เมื่อก่อนผมเคยคิดแบบพี่นะ  ว่าเรื่องการดูแลรถเบื้องต้นเนี่ยมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ควรหัดดูเองบ้าง
เดี๋ยวสอนให้  หรือบางเรื่องเราก็คิดว่าเรื่องพื้นฐานแค่นี้ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้

แต่บางเหตุการณ์มันทำให้ผมรู้ว่ามันไม่ใช่จริง ๆ

มีเรื่องขำ ๆ ปนเศร้าเล็ก ๆ มาเล่าให้พี่ฟังครับ

เรื่องที่ 1  "เข็นกระตุกสตาร์ทเครื่อง"
มีวันนึงที่พวกแก๊งค์ผม อาศัยรถเพื่อนออกไปกินข้าวกัน  แต่ขากลับรถเพื่อนแบตอ่อน สตาร์ทไม่ติดซะงั้น
แต่รถคันนี้เป็นเกียร์แมน่วล และพวกเราไปกันหลายคน ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ เดี๋ยวเข็นกระตุกเอาก็ได้
ก็ให้เจ้าของรถเป็นคนขับ บิดกุญแจไปที่ ON เหยียบครัชคาเกียร์ 2 ไว้ แล้วพวกเราก็เข็น พอได้ความเร็ว
ระดับนึงก็บอกให้เพื่อนสตาร์ท ...... แต่เข็นจนจะสุดทางอยู่แล้วรถก็ไม่กระตุกสตาร์ทซะที ทุกคนเลยหยุด
แล้วไปถามคนขับว่าเกิดอะไรขึ้น

พวกผม : เหย..เมิง ทำไมไม่สตาร์ทวะ รถเป็นไรเนี่ย
เจ้าของรถ : สตาร์ทแล้ว มันไม่ติดอ่ะ
พวกผม : เมิง สตาร์ทไงอ่ะ รถไม่เห็นกระตุกเลย
เจ้าของรถ : กรู ก็ทำตามที่เมิงบอกอ่ะ พอรถเริ่มไหล เมิงบอกให้สตาร์ท กรูก็บิดกุญแจเนี่ย ไม่เห็นมันติดเลย..
พวกผม :  กร้ากกก... โฮ.....T T แฮ่ก ๆ ๆ

เรืองที่ 2 "ตรวจ-เติมน้ำมันเครื่อง"
อันนี้ได้ยินเล่ามาอีกทีนะครับ จริงเท็จยังไงไม่ทราบได้ แต่ก็ฮา ปนเศร้า
เรื่องคือ สาว ๆ ที่ได้รับการเทรนให้ดูแลรถเบื้องต้น ตรวจ-เติมน้ำต่าง ๆ มาจนถึงน้ำมันเครื่อง
ทุกอย่างเป็นตามที่เพื่อน ๆ ติวมาครบ ชักก้านน้ำมัน วัดระดับ ถ้าไม่พอให้เปิดฝาน้ำมันเครื่องแล้วเติมให้เต็ม

นางโทรมา บอกว่าเมื่อเช้าตรวจรถแล้ว เติมน้ำหม้อพัก น้ำฉีดกระจกจนเต็มละ 
แต่น้ำมันเครื่องนี่สิ ดูก้านวัดแล้วมันขาดไปนิดนึง ก็เลยเปิดฝาข้างบนแล้วยกแกลลอนน้ำมันเครื่องเติมลงไป
แต่เติมไปตั้งเยอะแล้ว ทำไมมันไม่เต็มขึ้นมาเหมือนตอนเติมถังน้ำฉีดกระจกเลยอ่ะ.... T-T

ส่วนเรื่องสาว ๆ รอบตัวนี่ก็เหมือนกันนะฮะ ผมก็พยายามสอนให้ตรวจโน่นตรวจนี่เองบ้างแหละ
แต่บางคนก็ไม่เข้าหัวเลยจริง ๆ บางทีผมก็แบบ เหยย.. อะไรว้าาา เรื่องแค่นี้ทำไมไม่เข้าใจ
วิธีการมันก็ง่าย ๆ  ตรวจนั่น ดูนี่ ถ้ามันเป็นแบบนี้แสดงว่ามันเป็นยังงั้น ต้องทำอย่างโง้น...

ก็เลยโดนสวนมาว่า ....  นางไม่เข้าใจจริง ๆ  แล้วทุกคนต้องเข้าใจแบบนี้หมดป่ะ
ทำไมเรื่องศิลปะ รูปวาดต่าง ๆ ทำไมนางสอนผมกี่ที ๆ  ผมก็ดูไม่ออก ไม่ซาบซึ้งกับรูปวาดระดับโลก
รูปสีเลอะ ๆ สบัดไปสบัดมา ทำไมไม่เข้าใจ ทำไมดูแล้วบรรยายอารมณ์ไม่ออก

"ทำไมเวลากระดุมเสื้อหลุดแค่นี้ซ๋อมเองไม่ได้"

"ทำไมเวลากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านรสชาติไม่ได้เรื่อง แล้วทำไมปรุงเองไม่ได้ ตัวเองกินเองแท้ ๆ
ทำไมปรุงให้ถูกใจตัวเองไม่ได้ บอกไม่ถูกว่าขาดรสอะไร บ่นแต่ว่าไม่อร่อย ๆ"

เออ... จริงแฮะ  คนเรานี่มันบางเรื่องก็คลิกง่าย ๆ เข้าใจง่าย ๆ แต่บางเรื่องมันก็ไม่รับเข้าหัวจริง ๆ

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นเรื่องรถ ก็เลยพยายามแนะนำรถแบบใช้งานง่าย ๆ ให้พวกนางไป
ไอ่ประเภทขับสนุก สาดโค้งมัน พวงมาลัยคม โอเวอร์สเตียร์ อันเด้อสเตียร์ นี่ไม่ต้องเลยฮะ

ใช่เลยครับ บางทีก็สอนยากเย็น

สำหรับผู้หญิงไทย ส่วนใหญ่ไม่ได้มีค่านิยมชอบการดูแลพวกเครื่องยนต์กลไก หรือรถยนต์
ดูเหมือนเป็นหน้าที่ของผู้ชาย

ส่วนใหญ่จึงไม่สนใจ ใส่ใจที่จะเรียนรู้ ยิ่งไม่ค่อยมีใครมาเน้นสอนให้จริงจัง

ถ้าจะสอนการดูแลง่ายๆคนที่ไม่ใส่ใจจริงๆ ขอแค่ให้ทราบวิธีดูระดับของเหลวต่างๆเป็น ดูตาแมวแบตฯ ระดับลมยาง
ไฟเตือนเกจ์หน้าปัทม์ที่ผิดปกติสว่างติดค้างขึ้น

เคยใช้Mondeo เปิดฝากระโปรงรถขึ้นมา อะไรที่ทำเป็นสัญลักษณ์สีเหลือง มีอยู่สามสี่อย่างแค่นั้น
เจ้าของรถผู้ไม่สนใจเรื่องรถ ให้ตรวจเช็คตรงจุดนั้นกับแบตฯอีกอย่างก็คงพอแล้วสำหรับในห้องเครื่อง ก็ง่ายดี
อย่างอื่นรออาการหรือเสียงผิดปกติ  ;D ;D ;D

ออฟไลน์ NoName__???

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,145
เราเป็นผู้หญิงใช้รถที่มีฮีทเตอร์ และเคยขับรถที่ไม่มีฮีทเตอร์ ส่วนตัวชอบรถที่มีฮีทเตอร์มากกว่า ปรับอุณห๓ูมิได้แม่นยำกว่าเยอะ ไม่ได้เกี่ยวกับขี้ร้อนไม่ขี้ร้อน

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,632
เราเป็นผู้หญิงใช้รถที่มีฮีทเตอร์ และเคยขับรถที่ไม่มีฮีทเตอร์ ส่วนตัวชอบรถที่มีฮีทเตอร์มากกว่า ปรับอุณห๓ูมิได้แม่นยำกว่าเยอะ ไม่ได้เกี่ยวกับขี้ร้อนไม่ขี้ร้อน
   ถ้าอยากรู้ว่าดีไม่ดีแตกต่างกันยังไง  ลองเทียบ

  1. Alphard    รถที่ใช้น้ำร้อนเข้ามาควบคุมอุณหภูมิ     เทียบกับรถตู้ คอมมิวเตอร์  เวลานั่งในห้องโดยสารแอร์ต่างกันชัดเจน
  2. รถคัมรี่     ไม่รู้มีตัวเทียบกับรุ่นใกล้เคียงที่ไม่มี Heater อะไรนะ        แต่ให้เทียบกับรถยี่ห้อเดียวกันอย่างอัลติส  วีออส    ความสบายของแอร์ต่างกันชัดเจน
  3.เพิ่มเติม  All new Fortuner  มี Heater  กับ Fortuner  รุ่นเดิมไม่มี Heater     พอดีผมมีรถทั้ง 2 รุ่นในครอบครอง เลยเปรียบเทียบได้ชัดเจน     เพราะเซนเซอร์   แอร์ ดิจิตอลของฟอจูนเนอร์รุ่นเก่า เปิด 25 องศาลมแอร์ก็ออกเบอร์ 1  แล้วแอร์ไม่มีความสบายเอาเลย      ตรงนี้โดนลูกค้าคอมเม้นมาตลอดจนมาแก้ไขในรุ่นปัจจุบัน     ปรับเซนเซอร์ใหม่ใหทำงานไวขึ้นและเพิ่ม Heater เข้าไป

    จริง ๆ รถสมัยนี้ควรมี Heater เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เข้ามาคุมอุณหภูมิให้ห้องโดยสารสบายมากขึ้น     เพราะราคารถก็ขยับตลอดอ๊อพชั่นรถก็มากขึ้น รถก็หรูหรามากขึ้นแล้ว              เพราะว่าส่วนใหญ่รถบ้านเราเป็นรุ่นส่งออกก็มี Heater  ขนาดส่งไปออสเตรเลีย ตะวันออกกลางประเทศในกลุ่มทะเลแคริบเบี้ยนก็มี Heater เป็นอุปรกรณ์มาตรฐาน   มันเหมือนกับรุ่นส่งออกของ Vigo Fortuner  ก่อนหน้านี้ไม่มีบังโคลนหน้ามาให้ในรุ่นที่ขายในประเทศไทย      แต่รุ่นส่งออกมีหมดทุกรุ่น  ผมก็ไม่รู้ว่าประเทศไทยมีดีกว่าประเทศอื่นตรงไหน          ทำไมจึงไม่จำเป็นต้องมี จึงได้ตัดอ๊อพชั่นออกไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 20, 2017, 13:12:29 โดย Auto »

ออฟไลน์ tarahlm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 920
รถที่มีระบบแอร์ปรับอากาศอัตโนมัติ นอกจากมีเซนเซอร์วัดอุณหภูมิในห้องโดยสารแล้ว

ยังมีเซนเซอร์วัดระดับความชื้น(Humidity)ภายในด้วย เพื่อปรับให้สบายขึ้น

แต่ไม่ทราบหลักการปรับการทำงาน ว่าทำอย่างไร

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 680
    • อีเมล์
รถที่มีระบบแอร์ปรับอากาศอัตโนมัติ นอกจากมีเซนเซอร์วัดอุณหภูมิในห้องโดยสารแล้ว

ยังมีเซนเซอร์วัดระดับความชื้น(Humidity)ภายในด้วย เพื่อปรับให้สบายขึ้น

แต่ไม่ทราบหลักการปรับการทำงาน ว่าทำอย่างไร
ถ้าอากาศเย็นแล้ว แต่ความชื้นยังสูง แอร์จะยังทำงานต่อ (เพื่อให้ความชื้นไปจับที่แผงแอร์ แล้วหยดออกไปนอกรถ)

แต่หลังผ่านแอร์มาแล้วจะผ่านฮีตเตอร์อีกรอบเพื่อฆ่าแอร์ให้ได้อากาศที่อุ่นและแห้งครับ

แอร์ออกแบบไม่มีฮีตเตอร์ จะทำแบบนั้นไม่ได้ คือถ้าอากาศเย็นแล้ว คอมแอร์ก็ต้องหยุด ทำให้ห้องชื้นเหนียวกว่าแอร์ที่มีฮีตเตอร์ครับ

.

นั่นไม่แย่เท่าไหร่ หนักสุดคือแอร์ที่ถูกออกแบบให้มีฮีตเตอร์ แต่ถูกตัดออกไปดื้อๆ ในสเปกไทย โดยไม่โปรแกรมใหม่ด้วย

(ส่วนมากคือพวกแอร์ Auto) พอห้องเย็นแล้วโปรแกรมมันก็ยังสั่งให้แอร์ทำงานต่อ แต่สั่งให้ฮีตเตอร์ทำงานฆ่าแอร์ไปด้วย

แต่ในเมื่อรถจริงๆ ไม่มีฮีตเตอร์ ห้องก็เย็นกว่าอุณหภูมิที่ตั้งไว้ จนห้องเย็นกว่าที่ตั้งไว้มากๆ คอมแอร์ถึงจะหยุด

ผมมีรถที่ใช้แอร์แบบนี้ ผมเปิดแอร์ 28 ในตอนกลางคืนหรือฝนตกกันเป็นเรื่องปกติ (แต่กลางวันจะ 24-25) เพราะต้องตั้งให้ร้อนๆ ชดเชยไว้

เพื่อให้ได้อุณหภูมิจริงๆ ที่ผมสบาย ซึ่งแอร์ในรถที่ไม่ได้ถูกออกแบบให้มีฮีตเตอร์แต่แรกจะไม่มีปัญหานี้ เพราะตัวควบคุม

มันควบคุมด้วยการตัด/ต่อแอร์อยู่แล้ว ไม่ใช่ควบคุมด้วยการเปิดฮีตเตอร์ (ที่ไม่มีอยู่ในรถจริง)

แต่บางคนขี้หนาว เปิดร้อนสุด 28 อุณหภูมิจริง 24 (โดยความรู้สึก) ก็ยังหนาว เขาก็เลยบ่น ปัญหาที่บ่นๆ กันนี้

ผมว่าถ้าผู้ผลิตทำซอฟต์แวร์แก้ไขการทำงานของแอร์ (หรือถ้าไม่แก้ ก็ขยายให้ตั้งอุณหภูมิถึง 29-30 ได้ก็พอครับ ทุกวันนี้อุ่นสุดได้แค่ 28)

เสียงบ่นจะหายไปเยอะครับ ถึงสุดท้ายแล้วจะสบายสู้แอร์มีฮีตเตอร์ไม่ได้ก็ตาม

ออฟไลน์ tarahlm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 920
ขอบคุณมาก สำหรับคำอธิบายครับ

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,632
รถที่มีระบบแอร์ปรับอากาศอัตโนมัติ นอกจากมีเซนเซอร์วัดอุณหภูมิในห้องโดยสารแล้ว

ยังมีเซนเซอร์วัดระดับความชื้น(Humidity)ภายในด้วย เพื่อปรับให้สบายขึ้น

แต่ไม่ทราบหลักการปรับการทำงาน ว่าทำอย่างไร
ถ้าอากาศเย็นแล้ว แต่ความชื้นยังสูง แอร์จะยังทำงานต่อ (เพื่อให้ความชื้นไปจับที่แผงแอร์ แล้วหยดออกไปนอกรถ)

แต่หลังผ่านแอร์มาแล้วจะผ่านฮีตเตอร์อีกรอบเพื่อฆ่าแอร์ให้ได้อากาศที่อุ่นและแห้งครับ

แอร์ออกแบบไม่มีฮีตเตอร์ จะทำแบบนั้นไม่ได้ คือถ้าอากาศเย็นแล้ว คอมแอร์ก็ต้องหยุด ทำให้ห้องชื้นเหนียวกว่าแอร์ที่มีฮีตเตอร์ครับ

.

นั่นไม่แย่เท่าไหร่ หนักสุดคือแอร์ที่ถูกออกแบบให้มีฮีตเตอร์ แต่ถูกตัดออกไปดื้อๆ ในสเปกไทย โดยไม่โปรแกรมใหม่ด้วย

(ส่วนมากคือพวกแอร์ Auto) พอห้องเย็นแล้วโปรแกรมมันก็ยังสั่งให้แอร์ทำงานต่อ แต่สั่งให้ฮีตเตอร์ทำงานฆ่าแอร์ไปด้วย

แต่ในเมื่อรถจริงๆ ไม่มีฮีตเตอร์ ห้องก็เย็นกว่าอุณหภูมิที่ตั้งไว้ จนห้องเย็นกว่าที่ตั้งไว้มากๆ คอมแอร์ถึงจะหยุด

ผมมีรถที่ใช้แอร์แบบนี้ ผมเปิดแอร์ 28 ในตอนกลางคืนหรือฝนตกกันเป็นเรื่องปกติ (แต่กลางวันจะ 24-25) เพราะต้องตั้งให้ร้อนๆ ชดเชยไว้

เพื่อให้ได้อุณหภูมิจริงๆ ที่ผมสบาย ซึ่งแอร์ในรถที่ไม่ได้ถูกออกแบบให้มีฮีตเตอร์แต่แรกจะไม่มีปัญหานี้ เพราะตัวควบคุม

มันควบคุมด้วยการตัด/ต่อแอร์อยู่แล้ว ไม่ใช่ควบคุมด้วยการเปิดฮีตเตอร์ (ที่ไม่มีอยู่ในรถจริง)

แต่บางคนขี้หนาว เปิดร้อนสุด 28 อุณหภูมิจริง 24 (โดยความรู้สึก) ก็ยังหนาว เขาก็เลยบ่น ปัญหาที่บ่นๆ กันนี้

ผมว่าถ้าผู้ผลิตทำซอฟต์แวร์แก้ไขการทำงานของแอร์ (หรือถ้าไม่แก้ ก็ขยายให้ตั้งอุณหภูมิถึง 29-30 ได้ก็พอครับ ทุกวันนี้อุ่นสุดได้แค่ 28)

เสียงบ่นจะหายไปเยอะครับ ถึงสุดท้ายแล้วจะสบายสู้แอร์มีฮีตเตอร์ไม่ได้ก็ตาม
  ขอบคุณครับสำหรับคำอธิบาย   กระจ่างแล้วว่าทำไมแอร์มันจึงมีความแตกต่างกัน ส่วนนึงน่าจะมาจากโปรแกรมที่ไม่ไ่ด้แก้ไขแต่มีการตัด Heater  ออกไปดื้อ ๆ นี้เอง                 แล้วทำให้เข้าใจว่า ทำไมแอร์ที่มี Heater จึงสบายกว่ารถที่ไม่มี Heater
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 20, 2017, 13:12:05 โดย Auto »

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
ฮีตเตอร์ไม่ได้ใช้งานเฉพาะตอนหนาวจัดๆอย่างเดียวนะครับเข้าใจผิดกันไปไกลแล้ว  :( ระบบทำความเย็นกับฮีตเตอร์มันมาคู่กันเพราะว่าเวลาที่แอร์ทำความเย็นจนถึงอุณภูมิที่เหมาะสมที่ตั้งไว้เช่น25องศา ลิ้นตัดต่ออากาศก็จะรับความร้อนจากฮีตเตอร์เข้ามาผสมให้เหมาะสมอยู่ในระดับของ25องศาก่อนปล่อยออกช่องแอร์ แต่ถ้าไม่มีฮีตเตอร์แอร์ก็จะปล่อยออกมาแต่ลมเย็นอย่างเดียวเพราะมันไม่มีการรับความร้อนมาปรับแต่งให้เหมาะสม จะปรับที่25หรือ28ความเย็นก็จะต่ำลงไปเรื่อยๆจน21 20 19และต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึงขีดสุดที่แอร์จะทำได้  :-\  เรื่องนี้โดนมองข้ามไปเพราะว่าประเทศไทยมีแต่มลพิษจนอากาศร้อนเกินความเป็นจริงคนไทยเลยไม่รู้สึกเพราะโดนแดดและความร้อนในรถช่วยตัดต่อลดความเย็นลงประมาณนึง แต่มันจะมีปัญหาตอนกลางคืนที่ไม่มีแดดที่ผู้โดยสารจะได้รับแต่ความเย็นอย่างเดียวจนเกินพอดีไปแล้ว ถ้านึกไม่ออกลองไปขึ้นรถที่มีฮีตเตอร์ตัดต่ออากาศดูจะเข้าใจว่าต่างกันยังไง ไม่หนาวจนเกินไปและไม่ตัดการทำงานของระบบทำความเย็นดื้อๆแทนที่จะตัดต่ออุณภูมิจนเกิดเป็นคำพูดว่า"แอร์หนาวๆร้อนๆ"ขึ้นมา  :-X ไอ้ที่ไม่ใส่มาให้ไม่ใช่ว่าไม่จำเป็นนะครับ มันเป็นสิ่งจำเป็นแต่ค่ายรถตัดออกเพื่อลดต้นทุน มันไม่ได้หวังดีกับเราหรอกนะ  :(     
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ aun

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 382
    • อีเมล์
ใช้ Fiesta มา 6 ปีได้ใช้ฮีทเตอร์ในกทมครั้งนี้ครั้งแรกเลยครับ (เคยครั้งนึงแถวบ้านฝนตกหนักมากกอากาศเย็น แต่เป็นพี่สาวไปเอารถให้ โทรมาถามตกใจทำไมอยู่ๆแอร์ไม่เย็นเพราะมันดันปรับเป็นฮีทเตอร์  ;D) ปกติจะมีโอกาสได้ใช้ก็ตอนไปเที่ยวเหนือหน้าหนาวแค่นั้นเองครับ  ::)

ออฟไลน์ vellcap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,984
ขอถามหน่อยครับไม่เคยใช้รถแบบมีฮีทเตอร์  ถ้าอากาศข้างในอุ่นกว่าข้างนอกมากๆมันไม่ฝ้าที่กระจกหรอครับ

ไม่เคยเจอฝ้าครับขึ้นนะครับ  ไม่ว่าจะฝนตก หรือ อากาศเย็น(เลขตัวเดียว)
ฝนตกนี่คุมความชื้นภายในรถได้ดีมากๆด้วยครับ
แต่รถที่ไม่มี Heater แบบ Corolla Altis 1.8S นี่ ฝ้าขึ้นทั้งคันครับ ปรับอุณหภูมิขึ้นลงยังไงก็ไม่ช่วยอะไรครับ
ปัจจุบันถ้ารถคันไหนไม่มี Heater ผมจะเลี่ยงๆครับ มันช่วยผมได้เยอะครับ
อันนี้ผมก็ยัง งงๆ กับ Toyota นะครับ Revo มี Heater ให้ แต่ Corolla Altis ดันไม่มี
ส่วน Camry มีทุกรุ่นที่ขายในไทยครับ

ออฟไลน์ Sacrifice

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 591
ถ้าราคารถเพิ่มขึ้นมา 1 หมื่นผมก็ไม่ติดนะครับ   ฮีเตอร์อะ

ผมชอบแอร์ ทนๆ  เย็นๆ  ไม่ต้องทำความร้อนได้มากกว่า

เคยใช้ Mazda3 ปรับร้อนได้ แอร์เสียทุก 3 - 5 ปี  อันนี้รับไม่ได้สุดๆ

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
    • อีเมล์
ไอ้มี หรือไม่มี ยังพอทน มีก็ต้องดูแลกันไปครับ

แต่ไอ้ที่ตัดออก แต่ดั๊นนนน ไม่ปรับโปรแกรมควบคุมอุณหภูมิ หรือปรับอุปกรณ์ให้มันเหมาะด้วยนี่สิครับ หนาวเกิ้นนนน  ;D