ผู้เขียน หัวข้อ: : : Review Bilstein B6 : : นุ่มแน่นแบบรถยุโรป ในราคาที่คุณเอื้อมได้  (อ่าน 102404 ครั้ง)

ออฟไลน์ zapdos191

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 661
สวัสดีครับเพื่อนๆ HLM ทุกท่าน

ไม่ได้มาแวะห้องนี้นานมากๆแล้ว 5555+ รอบแล้วรีวิวรถ รอบนี้ขออนุญาติรีวิวของชิ้นนึง ที่ในรถทุกคันมี (แหงแหละ ไม่มีจะมารีวิวได้ไงหวา...) และทุกคนก็จะมีคำถามบ่อยๆ นั่นก็คือ "โช้คอัพ" ครับผม ซึ่งวันนี้ โช้คอัพที่ผมจะมารีวิวนั่นก็คือ Bilstein รุ่น B6 นั่นเองครับผม  :)

***ถ้าขี้เกียจอ่าน Version ยาว รูดลงไปด้านล่างเลยครับ มีสรุปแบบสั้นๆให้ฟังครับ***

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักโช้คยี่ห้อ Bilstein โดยคร่าวๆกันก่อนดีกว่าครับ

Bilstein เป็นบริษัทเก่าแก่ของเยอรมัน อายุตอนนี้ก็น่าจะประมาณ 143 ปีแล้วครับ โดยมร. ออกุส บิลสไตน์ ได้ก่อตั้งบริษัทครั้งแรกในปี คศ. 1873 แรกเริ่มก็ผลิตพวกชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆ และในที่สุดปี คศ. 1957 ทางบริษัท ได้เริ่มผลิตช็อคอัพระบบแรงดันแก็สให้กับบริษัท Mercedes-Benz AG เป็นครั้งแรกครับผม

หลังจากนั้น Bilstein ก็พัฒนาโช้คอัพมาเรื่อยไปครับ โดยพัฒนาให้กับบริษัทรถทั้งหลายมากมาย เช่น Mitsubishi, Nissan, Porsche, Subaru เป็นต้น
***ขอบคุณข้อมูลและรูปบางส่วนจากเวปไซต์ www.bilsteinthailand.com ด้วยครับ***
นอกจากผลิตให้รถโรงงานแล้ว ก็ยังพัฒนาโช้คให้กับวงการ Motorsport ด้วยครับ ดังจะเห็นอยู่ในรถแข่งรายการดังๆเช่น 24Hrs Nurburgring เป็นต้น


มีอะไรให้เลือกบ้าง???
จริงๆ Line up สิ้นค้าของ Bilstein มันมีเยอะมากกกกกกครับ แต่ผมจะขออนุญาติคัดตัวที่มีขายในบ้านเรา และในรถยนต์นั่งที่ไม่ใช่กระบะนะครับ

Bilstein B4


เริ่มจาก B4 ครับ เอาง่ายๆว่า B4 เป็นโช้คอัพสำหรับใส่ของเดิมโรงงาน สเปคการวาล์วมาเท่ากับโรงงาน พูดง่ายๆคือของโรงงานนั่นแหละครับ ใส่แล้วก็ได้ฟีลเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงครับ มีทั้งโช้คที่เป็นแบบธรรมดา และ Upside down ครับผม ซึ่งแล้วแต่รุ่นกันไป

Bilstein B6


ตัวนี้ครับ พระเอกของเรา B6 ขอเรียกสั้นๆแบบนี้นะครับ ตัวนี้จุดประสงค์หลักคือ ทำมาเพื่อให้ฟีลลิ่งการขับที่ดีกว่าโช้คเดิม โดยที่ไม่เสียความนุ่มนวลไป พูดง่ายๆคือให้หนึบกว่าเดิม เกาะถนนและปลอดภัยมากกว่าเดิม ซึ่งในทฤษฎีจริงๆเป็นไปได้ยากพอสมควรอยู่นะครับ 5555+ เวปไซต์ฝรั่งเค้าก็โฆษณาไว้ว่าแบบนั้น  ก็เดี๋ยวค่อยไปดูกันต่อครับว่าจะจริงแบบที่เค้าว่าหรือไม่ หน้าตาโช้คก็จะเป็นลักษณะเหมือนของโรงงานครับใส่แล้วความสูงรถก็ยังคงเท่าเดิมระยะ Stroke ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งโช้คอัพตัวนี้ใช้กับสปริงเดิมนะครับ ****ย้ำ**** สปริงเดิม ซึ่งเป็นจุดตายของหลายๆคนที่ไม่รู้จะเรียกพลาดได้ไหม เพราะก่อนซื้อผมพยายามอ่านรีวิวแทบจะพลิกแผ่นดิน Google ก็หารีวิวแบบที่ถูกต้องตามที่โรงงานอยากจะให้เป็นยากเหลือเกินครับ พบว่าคนส่วนใหญ่มักจะเอา B6 ไปจับกับ สปริงโหลด ซึ่งเกิดอะไรขึ้น??? ทำให้ระยะยุบที่ควรจะเริ่มจาก 0 มันไม่เป็นไปตามนั้น พอระยะยุบเปลี่ยน อาการรถจะเปลี่ยนซึ่งส่วนใหญ่จะกระด้างกว่าเดิม และผลต่อมาคือ "พัง" ครับ เพราะเหมือนเรากดให้โช้คมันยุบเยอะๆอยู่ตลอดเวลาจากสปริงที่มันโหลดลงมานั่นแหละ ดังนั้นใครจะเอารุ่นนี้ไปใช้ กรุณาใช้กับสปริงโรงงานนะครับ ซึ่งทั้งหมดนี้ คู่แข่งชนตรงตัวเลยก็คือ KYB New SR กระบอกฟ้าๆนั่นแหละครับ

Bilstein B8


จากข้อที่แล้ว... ที่ผมบอกว่า B6 ใช้กับสปริงโหลดไม่ได้ใช่ไหมครับ... นี่ครับ โช้คอัพสำหรับสปริงโหลด Bilstein เค้าก็ทำมาให้ชื่อรุ่น B8 ครับผม สังเกตุได้ว่า แกนโช้คจะสั้นกว่าตัวบน ใช้สำหรับสปริงโหลดครับ ซึ่งข้อมูลที่ผมพยายามหาพบว่า การ Valving ของ B6 และ B8 เหมือนกันเป๊ะๆ เพียงแต่ B6 ใช้กับสปริงเดิม B8 ใช้กับ สปริงโหลด เลือกใช้กันให้ถูกนะครับ เพราะกระบอกมันสีเหลืองมันกันเป๊ะๆ ถ้าไม่เอามาวางเทียบกันจะค่อนข้างตอบลำบากเลยทีเดียวครับ

Bilstein B12


ตัวนี้คืออะไร??? มันคือโช้คอัพ B8 นั่นแหละครับ ไม่มีอะไร ผมเคยค้นแล้วสรุปว่า Part มันตรง B8 เป๊ะๆ เพียงแต่ Bilstein เค้าเลือกสปริงมาจับคู่ให้เรียบร้อย ซึ่งปัจจุบันเค้าเลือกยี่ห้อ Eibach มาให้ครับ ฉะนั้นการทำงานระหว่างสปริงโหลดกับโช้คอัพ ก็น่าจะเข้ากันมากขึ้นในความคิดผมนะ เพราะไม่เคยลอง 555+

Bilstein B14


ตั้งแต่ B14 เป็นต้นไปจะเป็น Coilover ละครับ คือ เป็นโช้คอัพที่มาพร้อมกับสปริงหลอด ปรับค่า Preload ได้ ปรับความสูงได้ แต่ปรับความหนืดไม่ได้ เค้าเซทมาให้แล้ว

Bilstein B16


อันนี้หน้าตาเหมือน B14 ครับ ทำได้เหมือนกัน แต่ที่ต่างคือสามารถปรับความหนืดได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีคำว่า "PSS" ตามหลังและตามด้วยเลขอีกทีครับ เท่าที่เคยเห็นมีสองแบบคือ PSS9 และ PSS10 คือปรับความหนืดได้ 9 และ 10 ระดับตามลำดับครับ

Credit : www.bilstein.com/en

ทำไมต้องเอา B6???
รถที่ผมใช้เป็น Subaru WRX STi ปี 2015 ด้วยบุคลิครถแล้ว ถ้าเจ้าของ(คนอื่น)จะซื้อโช้คทั้งที ส่วนใหญ่หวยก็น่าจะออกที่ Coilover นะครับ เช่น Ohlins DFV , KW V3,Tein Monosport หรือ แม้แต่ Bilstein B16 เองก็ตาม แล้วทำไมผมมาเอาโช้คระดับกลางแบบนี้ล่ะ... เหตุผลแจกเป็นข้อๆคงประมาณนี้ครับ
1. รถผมนิสัยโช้คเดิมๆเป็นอะไรที่แข็ง และเด้งมากๆ คือความแข็งนี้ผมรับได้ครับ ไม่งั้นคงไม่ซื้อคันนี้ แต่ที่รับไม่ได้คือ "เด้ง" คือเหมือนโช้คมันจับสปริงไม่อยู่ ขา Rebound มันเลยพุ่งพรวดขึ้นมา ทำให้ขับแล้วไม่สบายในบางจังหวะครับโดยเฉพาะข้างหลังนี่อาการหนักสุด คนนั่งหลังพูดเป็นเสียงเดียวกันครับ และภรรยาก็เริ่มบ่นว่ามันไม่สบาย 555+
2. จากข้อแรก ผมเลยไปเจ็บกับ Ohlins DFV ตัวใหม่ล่าสุด ซึ่งแรกๆก็ดีครับ ขับสบาย และคมกว่าเดิมมากๆ แต่ปัญหาคือ "อายุสั้น"ครับ ด้วยถนนเมืองไทยเป็นแบบที่ทุกท่านทราบกันดี ตัว Pillowball mount ด้านบนโช้ค มันลาโลกตั้งแต่ยังไม่ถึง 10,000 กิโลฯครับ ผมเลยต้องเสี่ยงทางไปกับโช้คตัวอื่นต่อ ซึ่ง Ohlins ไม่ขอพูดถึงในที่นี้ครับ
3. ผมต้องการความสูงรถเท่าเดิม ไม่ต้องการโหลดใดๆทั้งสิ้น
4. ผมต้องการโช้คที่อายุเป็นโช้คปกติซักหน่อย คือไม่สั้นเป็นข้อ 2 เป็นอันโอเคมากๆละครับ
5. ผมเป็นคนขับรถไม่ได้เร็วอะไรมาก ที่ซื้อคันนี้เพราะสนุกกับอัตราเร่งมันที่สุดแล้ว ดังนั้น โช้คอัพที่บอกว่าเคยใช้ Ohlins มันเลยดูเกินความจำเป็นสำหรับผมไปอยู่โขเลย และจากข้อ 1-4 เลยต้องการ Back to the basic ลองดูเลยมาจบที่ B6 ครับ

ฟีลลิ่งเป็นยังไงบ้าง???
ไม่พูดถึงก่อนช่วงที่รันอินนะครับ คือ ผมไม่แน่ใจว่าต้องรันอินเท่าไหร่ แต่ตอนนี้วิ่งไปประมาณ 7-8 ร้อยกิโลแล้ว สภาพโช้คน่าจะพร้อมรบประมาณนึงแล้วแหละ จะขออนุญาติแจกแจงเป็นช่วงความเร็วนะครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายและนึกภาพออกมากที่สุด




0-40 กม./ชม. ผมว่าใกล้เคียงโช้คเดิมนะครับ มีบางจังหวะที่แข็งกว่าบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกถนนที่มีรอยต่อคมๆ เช่น ฝาท่อระบายน้ำที่ไม่เสมอกับพื้น รอยต่อคอนกรีตที่บวมๆจากระดับพื้นมาหน่อย แต่โดยรวมถือว่าทำได้ดีครับ จากรีวิวที่อ่านส่วนใหญ่คือจะบอกว่า แข็งไส้แตกมากๆ 555+ เอาเข้าจริงผมกลับไม่เห็นด้วยนะ ดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะพอสมควรเลย
40-70 กม./ชม. ถึงตรงนี้ผมว่า จุดต่างจากโช้คเดิมจะเริ่มเห็นผลครับ คือความแข็งมันเท่าเดิม แต่การคุมสปริงไม่ให้มันดีดกลับแรงๆตอนขา Rebound ผมว่าทำได้ดีกว่าโช้คเดิมมากๆ ขับได้ค่อนข้างสุนทรีย์ยิ่งขึ้น การมุดในช่วงความเร็วประมาณนี้ยังทำได้ดีเหมือนเดิมไม่ต่างจากโช้คเดิมครับ
70-110 กม./ชม. ความเร็วประมาณนี้คือออกถนนทางหลวงแล้วถูกไหมครับ พวกที่เป็นลอนถนนป้านๆ บัมพ์หรืออะไรพวกนี้ B6 เก็บเรียบครับ คือมันรู้สึกดีกว่าโช้คเดิมมากๆ ส่วนเรื่องการสาดโค้งในความเร็วแถวๆนี้ผมว่าก็ยังคงดีกว่าโช้คเดิมนะ แต่อาจจะไม่ได้ชัดเจนขนาด คือมันยังมีจังหวะโยนแต่น้อยมากๆแล้วครับ มั่นใจกว่าเดิมอยู่บ้างแหละ ถ้าเทียบกับ Ohlins ที่เคยใช้ ผมว่ายังห่างกัน แต่ด้วยค่าตัวที่ถูกกว่ากันเอาราคา Ohlins หาร 3 เนี่ย ผมว่ารับได้มากๆแล้ว ไม่นึกด้วยซ้ำว่าโช้คราคาประมาณนี้จะทำได้เท่านี้
110 กม./ชม.+ โช้คตัวนี้ผมยังไม่ได้ซัดอะไรเยอะครับ มากสุดก็ประมาณ 140 ยังถือว่านิ่ง และแน่นกว่าโช้คเดิมอยู่ ขับได้สบายกว่าเดิม เหมาะสำหรับเดินทางไกลดังที่ผมตั้งใจเอาไว้อยู่ครับ เวลามุดเปลี่ยนเลนบนนทางหลวงที่ความเร็วสูงๆก็ไม่มีย้วย คุมรถได้คมกว่าเดิมพอสมควรเลยครับ

สรุปฟีลลิ่งโดยรวมมันลักษณะเหมือนรถยุโรปที่เซทมาแข็งๆหน่อยครับ แต่กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นก็ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง 555+ ถ้าเอาตามประสบการณ์ที่เคยขับรถยุโรปมา คิดว่าแข็งประมาณ VW Golf GTi กับ A250 AMG ครับ อยู่ระหว่างนี้

ข้อควรระวังในการอ่านรีวิวนี้...
คือพอดีรถผมมีการเปลี่ยนของช่วงล่างเยอะพอสมควรในเวลาใกล้ๆกันเลยครับ คือ
1. แม็ก - ซึ่งของเดิมหนักวงละ 10.9 กิโลกรัม เหลือวงละ 8.3 กิโลกรัม  - ซึ่งแน่นอนครับ ด้วย Unsrung weight ที่ลดลงมหาศาลขนาดนั้น ส่งผลต่อทั้งการขับขี่ และความสะเทือนที่ส่งมาห้องโดยสารพอสมควรครับ
2. ยาง - ของเดิม Dunlop SP Sport MAXX RT ระยะ 45000 โลซึ่งแก้มยางแข็งและดอกเริ่มหายไปบางส่วนแล้ว เปลี่ยนเป็น Michelin Pilot Sport 4 ขนาดยางเท่าเดิม
3. B6
ซึ่งทั้งสามอย่างนี้ มันเปลี่ยนพร้อมกัน ทำให้ยากต่อการจับว่าตกลงจริงๆแล้วมันเป็นผลงานของใคร แต่ผมก็ยังเชื่อว่าเป็นผลงานของโช้คอัพอยู่ไม่น้อยกว่าครึ่งนึงแน่นอนครับ

Conclusion
อ่ะ สรุปครับ...

โช้คตัวนี้จริงๆเหมาะสำหรับคนที่คิดว่า โช้คอัพรถเดิมมันเอาตัวคนขับไม่อยู่แล้ว อยากได้อะไรที่หนึบกว่าโช้คเดิมในราคาที่ไม่แพงมาก (ค่าเสียหาย 38,800 บาท สำหรับรุ่นผมนะ) ไม่อยากได้สตรัทปรับเกลียว ไม่อยากจุกจิกระวังว่าหัวบอลจะเสียจะพังจะเสียงดังอะไรไหม อยากได้โช้คที่ใช้งานนานๆหน่อย เสียก็เปลี่ยนต้นไปเลย ไม่ต้องเสียดายส่งร้านไปซ่อมไป overhaul ใหม่ โดยที่ไม่ได้แคร์ว่ารถตนเอง จะแข็งขึ้นมาอีกประมาณนึง รับได้กับแรงสะเทือนที่อาจจะสัมผัสขึ้นมาได้มากกว่าประมาณนึง

ถ้าตอบใช่หมดทุกข้อตามที่ผมเขียนเอาไว้ Bilstein B6 ก็เป็น 1 ในตัวเลือกที่ดีครับผม

สวัสดีครับ
ปล. มีข้อสงสัยอะไรถามไว้ด้านล่างครับผม ถ้าตอบได้จะพยายามมาตอบให้ครับผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 10, 2017, 22:50:12 โดย zapdos191 »
-------- Toyota Vios 2003 --------
-------- Subaru WRX STi 2015 --------
-------- Honda Jazz GK5 --------
-------- BMW G20 330i --------
-------- Subaru Impreza WRX STi 2008 (GRF) --------
-------- Subaru Forester XT (SJG) MC --------

ออฟไลน์ mr_jub

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 227
เคยรื้อช่วงล่าง รถ โตโยต้า MR2 SW20 เป็นรถโรงงานเดิมๆ
เป็นรถที่ใส่ Bilstein ติดรถออกมาจากโรงงาน
เชื่อมั้ย  โช้คเกือบสามสิบปี  ถอกออกมายังแก๊สไม่รั่วเลย อืม  เยี่ยม จริงๆๆ
และนั่นเป็นโช้คที่ผลิดจาก เยอรมัน

ปัจจุบัน สตรัทยุ่น ผ่านมือผมมาหลายร้อยชุด
วัสดุ ความปราณีต ความคงทนและเสถียร
ยังหาตัวมาเทียบรุ่นตัวๆกับ บิลส หลายๆรุ่น ยากส์

จขกท.ครับ  -ลูกปืนตาเหลือก หรือลูกปืนจ๊อย ถอดเปลี่ยนลูกใหม่ก็หายดังครับ
                -B6 ผลิดจากไหนครับ ได้เก็บเป็นความรู้บ้าง

ผมขี่แต่รถตัวเมีย

ออฟไลน์ ABUSEz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 604
    • อีเมล์
ขออนุญาตถามแบบคนไม่มีความรู้แล้วกันนะครับ

เห็นบอกว่า B6 ตัวนี้เป็นโช้คแต่งที่ใช้จับกับสปริงเดิม
จริงๆแล้วมันเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ kayaba new sr รึเปล่าครับ

ออฟไลน์ zapdos191

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 661
เคยรื้อช่วงล่าง รถ โตโยต้า MR2 SW20 เป็นรถโรงงานเดิมๆ
เป็นรถที่ใส่ Bilstein ติดรถออกมาจากโรงงาน
เชื่อมั้ย  โช้คเกือบสามสิบปี  ถอกออกมายังแก๊สไม่รั่วเลย อืม  เยี่ยม จริงๆๆ
และนั่นเป็นโช้คที่ผลิดจาก เยอรมัน

ปัจจุบัน สตรัทยุ่น ผ่านมือผมมาหลายร้อยชุด
วัสดุ ความปราณีต ความคงทนและเสถียร
ยังหาตัวมาเทียบรุ่นตัวๆกับ บิลส หลายๆรุ่น ยากส์

จขกท.ครับ  -ลูกปืนตาเหลือก หรือลูกปืนจ๊อย ถอดเปลี่ยนลูกใหม่ก็หายดังครับ
                -B6 ผลิดจากไหนครับ ได้เก็บเป็นความรู้บ้าง

1.ทราบว่าเปลี่ยนก็หายครับ แต่อายุมันสั้นมากๆ และจริงๆผมมีปัญหากับ Ohlins มากกว่าที่พิมพ์เอาไว้เยอะครับ 555+
2.B6 ของผมปั้มมาชัดเจนว่า Made in Germany ครับ

ขออนุญาตถามแบบคนไม่มีความรู้แล้วกันนะครับ

เห็นบอกว่า B6 ตัวนี้เป็นโช้คแต่งที่ใช้จับกับสปริงเดิม
จริงๆแล้วมันเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ kayaba new sr รึเปล่าครับ

ใช่ครับ จริงๆเป็นคู่แข่งตรงตัว New SR เพราะทั้งคู่เป็นโช้คที่ให้ฟีลหนึบกว่าเดิมโดยที่ต้องใช้สปริงเดิมทั้งสองตัวครับ
-------- Toyota Vios 2003 --------
-------- Subaru WRX STi 2015 --------
-------- Honda Jazz GK5 --------
-------- BMW G20 330i --------
-------- Subaru Impreza WRX STi 2008 (GRF) --------
-------- Subaru Forester XT (SJG) MC --------

ออฟไลน์ mksuki

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 8
ขอบคุณครับ สำหรับ รีวิว ดีๆ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 22,814
ขอบคุณครับ

ไม่รู้ตอนนี้คุณหมอแต่งอะไรเข้าไปให้เจ้า WRX บ้างครับ

ออฟไลน์ zapdos191

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 661
ขอบคุณครับ

ไม่รู้ตอนนี้คุณหมอแต่งอะไรเข้าไปให้เจ้า WRX บ้างครับ

เปลี่ยนโช้ค กรอง BMC แล้วก็ล้อ BBS RI-A ยางใหม่ มีแค่นี้เลยครับ 5555+
-------- Toyota Vios 2003 --------
-------- Subaru WRX STi 2015 --------
-------- Honda Jazz GK5 --------
-------- BMW G20 330i --------
-------- Subaru Impreza WRX STi 2008 (GRF) --------
-------- Subaru Forester XT (SJG) MC --------

ออฟไลน์ superest

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 258
พอจะ อธิบายเทียบกับ  kyb new sr ได้บ้างไหมครับ  รบกวนด้วยครับ?

ออฟไลน์ zapdos191

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 661
พอจะ อธิบายเทียบกับ  kyb new sr ได้บ้างไหมครับ  รบกวนด้วยครับ?
ผมไม่เคยใช้และนั่งรถที่ใส่ KYB New SR เลยครับ แต่ความคิดเห็นส่วนตัว ผมเลือก B6 จากยี่ห้อนะครับ ย้ำว่าส่วนตัว 5555+
-------- Toyota Vios 2003 --------
-------- Subaru WRX STi 2015 --------
-------- Honda Jazz GK5 --------
-------- BMW G20 330i --------
-------- Subaru Impreza WRX STi 2008 (GRF) --------
-------- Subaru Forester XT (SJG) MC --------

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ผมไม่เคยใช้Bil กับรถญี่ปุ่นเลย ฟังเขามาสะส่วนมาก

ใช้เองB6 ใน E46 E39 w211 w203 c207 สปริงเดิมทุกคัน แข็งกว่าโช๊คเดิมหมด

เรื่องหนึบขึ้นผมว่าบนสปริงเดิมๆนี่แทบไม่รู้สึกเลยครับ แต่เลี้ยวแล้วยวบน้อยลงเห็นๆ

แพงกว่าของเดิมอีกด้วยสิ เลยไม่คิดจะซื้ออีกเลย พลาดซื้อไปเพราะโฆษณาว่านิ่มเหมือนเดิม..ซึ่งมันไม่จริง เหมือนตอนซื้อ KYB SR สีฟ้าใส่แคมรี่ รู้เลยว่าเสียค่าโง่จริงๆ สปริงอะไรก็ไม่นิ่มแล้ว

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ได้มุมมองของคนใช้กับรถญี่ปุ่นนี่อีกอารมณ์เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 15, 2017, 13:03:02 โดย Jae »

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
ผมไม่เคยใช้Bil กับรถญี่ปุ่นเลย ฟังเขามาสะส่วนมาก

ใช้เองB6 ใน E46 E39 w211 w203 c207 สปริงเดิมทุกคัน แข็งกว่าโช๊คเดิมหมด

เรื่องหนึบขึ้นผมว่าบนสปริงเดิมๆนี่แทบไม่รู้สึกเลยครับ แต่เลี้ยวแล้วยวบน้อยลงเห็นๆ

แพงกว่าของเดิมอีกด้วยสิ เลยไม่คิดจะซื้ออีกเลย พลาดซื้อไปเพราะโฆษณาว่านิ่มเหมือนเดิม..ซึ่งมันไม่จริง เหมือนตอนซื้อ KYB SR สีฟ้าใส่แคมรี่ รู้เลยว่าเสียค่าโง่จริงๆ สปริงอะไรก็ไม่นิ่มแล้ว

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ได้มุมมองของคนใช้กับรถญี่ปุ่นนี่อีกอารมณ์เลย

ประสบการณ์เดียวกับผมเลยครับ

ตอนได้ Audi A6 มารู้สึกช่วงล่างแข็งมาก สะเทือนแรง พอเอาไปเชคดูเจ้าของเดิมใส่ B6 ผมเลยจับเปลี่ยนเอาของ Sach Super Touring ลง นิ่มลงกว่าเดิมเยอะมากครับ ขับสบายขึ้นเยอะ

หลังจากนั้นไม่เข็ดอีก ตอนได้ E39 มา ด้วยความคันไปเปลี่ยน B6 เพราะโช้คเดิม น่าจะ B4 กระบอกดำมันแตก จบเลยครับ จากรถนิ่มหนึบขับสบาย แปลงร่างคล้ายจะเป็นเกวียน ใส่ได้ 2 เดือนถอดขายกลับไปหาของเดิมเลยครับ

ออฟไลน์ shikima

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 269
    • CMDEVHUB
เป็นแนวทางที่ดี wrx ผม เด้งแต่ละที หลังแทบหัก

อยากทราบค่าเสียหายกับความรู้สึกหลังเปลี่ยนด้วย ว่าคุ้มหรือเปล่าคับ
2010 - Mazda2 hatchback (DE 3rd Gen) - sold
2013 - Subaru XV - sold
2014 - Nissan Sylphy SV - sold
2016 - Subaru WRX (VA)
2016 - Subaru Forester (SJ) 2.0ip
2019 - Hyundai H1

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 20,771
  • *** HLM.COM ***
เว็ปของBilstein Thailandบอกชัดเจนเลยครับว่าB6ใช้กับสปริงเดิมเท่านั้น ไม่รู้ว่าจขกท.ได้ไปลองหาแต่แรกหรือเปล่า
เห็นมาสด้าสามไปใส่กันเยอะมากครับสำหรับB6 หรือB8กับไอบัค
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ผมไม่เคยใช้Bil กับรถญี่ปุ่นเลย ฟังเขามาสะส่วนมาก

ใช้เองB6 ใน E46 E39 w211 w203 c207 สปริงเดิมทุกคัน แข็งกว่าโช๊คเดิมหมด

เรื่องหนึบขึ้นผมว่าบนสปริงเดิมๆนี่แทบไม่รู้สึกเลยครับ แต่เลี้ยวแล้วยวบน้อยลงเห็นๆ

แพงกว่าของเดิมอีกด้วยสิ เลยไม่คิดจะซื้ออีกเลย พลาดซื้อไปเพราะโฆษณาว่านิ่มเหมือนเดิม..ซึ่งมันไม่จริง เหมือนตอนซื้อ KYB SR สีฟ้าใส่แคมรี่ รู้เลยว่าเสียค่าโง่จริงๆ สปริงอะไรก็ไม่นิ่มแล้ว

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ได้มุมมองของคนใช้กับรถญี่ปุ่นนี่อีกอารมณ์เลย

ประสบการณ์เดียวกับผมเลยครับ

ตอนได้ Audi A6 มารู้สึกช่วงล่างแข็งมาก สะเทือนแรง พอเอาไปเชคดูเจ้าของเดิมใส่ B6 ผมเลยจับเปลี่ยนเอาของ Sach Super Touring ลง นิ่มลงกว่าเดิมเยอะมากครับ ขับสบายขึ้นเยอะ

หลังจากนั้นไม่เข็ดอีก ตอนได้ E39 มา ด้วยความคันไปเปลี่ยน B6 เพราะโช้คเดิม น่าจะ B4 กระบอกดำมันแตก จบเลยครับ จากรถนิ่มหนึบขับสบาย แปลงร่างคล้ายจะเป็นเกวียน ใส่ได้ 2 เดือนถอดขายกลับไปหาของเดิมเลยครับ

ผู้ร่วมชะตากรรมเหมือนกัน 555 ผมลองตั้งหลายทีกว่าจะเข็ด คุณโดนแค่สองคันเองนะ ฮาาาา 😁

ออฟไลน์ zapdos191

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 661
ผมไม่เคยใช้Bil กับรถญี่ปุ่นเลย ฟังเขามาสะส่วนมาก

ใช้เองB6 ใน E46 E39 w211 w203 c207 สปริงเดิมทุกคัน แข็งกว่าโช๊คเดิมหมด

เรื่องหนึบขึ้นผมว่าบนสปริงเดิมๆนี่แทบไม่รู้สึกเลยครับ แต่เลี้ยวแล้วยวบน้อยลงเห็นๆ

แพงกว่าของเดิมอีกด้วยสิ เลยไม่คิดจะซื้ออีกเลย พลาดซื้อไปเพราะโฆษณาว่านิ่มเหมือนเดิม..ซึ่งมันไม่จริง เหมือนตอนซื้อ KYB SR สีฟ้าใส่แคมรี่ รู้เลยว่าเสียค่าโง่จริงๆ สปริงอะไรก็ไม่นิ่มแล้ว

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ได้มุมมองของคนใช้กับรถญี่ปุ่นนี่อีกอารมณ์เลย

ประสบการณ์เดียวกับผมเลยครับ

ตอนได้ Audi A6 มารู้สึกช่วงล่างแข็งมาก สะเทือนแรง พอเอาไปเชคดูเจ้าของเดิมใส่ B6 ผมเลยจับเปลี่ยนเอาของ Sach Super Touring ลง นิ่มลงกว่าเดิมเยอะมากครับ ขับสบายขึ้นเยอะ

หลังจากนั้นไม่เข็ดอีก ตอนได้ E39 มา ด้วยความคันไปเปลี่ยน B6 เพราะโช้คเดิม น่าจะ B4 กระบอกดำมันแตก จบเลยครับ จากรถนิ่มหนึบขับสบาย แปลงร่างคล้ายจะเป็นเกวียน ใส่ได้ 2 เดือนถอดขายกลับไปหาของเดิมเลยครับ
ผมไม่เคยใช้Bil กับรถญี่ปุ่นเลย ฟังเขามาสะส่วนมาก

ใช้เองB6 ใน E46 E39 w211 w203 c207 สปริงเดิมทุกคัน แข็งกว่าโช๊คเดิมหมด

เรื่องหนึบขึ้นผมว่าบนสปริงเดิมๆนี่แทบไม่รู้สึกเลยครับ แต่เลี้ยวแล้วยวบน้อยลงเห็นๆ

แพงกว่าของเดิมอีกด้วยสิ เลยไม่คิดจะซื้ออีกเลย พลาดซื้อไปเพราะโฆษณาว่านิ่มเหมือนเดิม..ซึ่งมันไม่จริง เหมือนตอนซื้อ KYB SR สีฟ้าใส่แคมรี่ รู้เลยว่าเสียค่าโง่จริงๆ สปริงอะไรก็ไม่นิ่มแล้ว

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ได้มุมมองของคนใช้กับรถญี่ปุ่นนี่อีกอารมณ์เลย

ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ คือผมว่าจริงๆจุดเริ่มต้นเราอาจจะต่างกัน ของผมเริ่มจากรถที่มันแข็งอันดับต้นๆของรถที่ขายในเมืองไทยอยู่แล้ว พูดง่ายๆว่า ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว 55555555+ ผลการทดสอบคือในความเห็นผมคิดว่า มันแข็งกว่าโช้คเดิมในช่วงความเร็วต่ำๆ ส่วนช่วงอื่นๆมันแข็งเท่าโช้คเดิมแต่ที่ได้คือการคุม Rebound ของสปริงได้ดีกว่าค่อนข้างชัดเจน ส่วนเรื่องการคุมอาการรถ ผมว่าก็ดีขึ้นแต่อาจจะไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น

ส่วนของท่านทั้งสองเริ่มจากรถที่มันนุ่มสบาย มาเจอ B6 ผมก็พอจะคาดเดาได้ว่ามันไม่น่าจะนุ่มกว่าเดิมแน่นอน เดี๋ยวถ้ามีโอกาส จะลองไปหานั่งรถที่ใส่ B6 กับรถอื่นๆดูบ้างครับ

ขอบคุณที่แลกเปลี่ยนข้อมูลครับผม  :) :)

เว็ปของBilstein Thailandบอกชัดเจนเลยครับว่าB6ใช้กับสปริงเดิมเท่านั้น ไม่รู้ว่าจขกท.ได้ไปลองหาแต่แรกหรือเปล่า
เห็นมาสด้าสามไปใส่กันเยอะมากครับสำหรับB6 หรือB8กับไอบัค
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
ผมก็ใส่กับสปริงเดิมนะครับ ตามที่เวปไซต์แนะนำเลยครับ
-------- Toyota Vios 2003 --------
-------- Subaru WRX STi 2015 --------
-------- Honda Jazz GK5 --------
-------- BMW G20 330i --------
-------- Subaru Impreza WRX STi 2008 (GRF) --------
-------- Subaru Forester XT (SJG) MC --------

ออฟไลน์ zapdos191

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 661
เป็นแนวทางที่ดี wrx ผม เด้งแต่ละที หลังแทบหัก

อยากทราบค่าเสียหายกับความรู้สึกหลังเปลี่ยนด้วย ว่าคุ้มหรือเปล่าคับ
ส่วนตัวผมว่าคุ้มนะด้วยราคา 38xxx บาท กับสิ่งที่ได้
-------- Toyota Vios 2003 --------
-------- Subaru WRX STi 2015 --------
-------- Honda Jazz GK5 --------
-------- BMW G20 330i --------
-------- Subaru Impreza WRX STi 2008 (GRF) --------
-------- Subaru Forester XT (SJG) MC --------

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,268
    • อีเมล์
แจมรีวิว ด้วยแล้วกัน B6 เหมือนกัน

ผมใช้ B6 อยู่ครับ ใส่กับ CRV G3 คันแรกในไทยเลยล่ะ เพราะเป็นคนค้น part no. แล้วสั่งให้บริษัทตัวแทน นำเข้ามาขายครับ รอของอยู่ 3 - 4 เดือนได้มังครับ ตอนเปลี่ยน รถผมวิ่งได้สัก 8 หมื่นกม. ผมเปลี่ยนยกเซ็ททั้งหมด ยางเบ้า / ยางรอง ทุกตัว ยกเว้น สปริง ใช้ของเดิมติดรถ ครับ อ้อ มีล้อขอบ 18 นิ้ว ที่เปลี่ยนพร้อมกันด้วย (ของเดิม 17)

เหตุผลที่เลือก B6

1. ต้องการความสูงเท่าเดิม (ก็ออก SUV มา จะเอามาโหลดเหรอ คงโดนด่าแน่)
2. เบื่อ New SR ละ ... ไม่ใช่มันไม่ดีนะ แต่ เพราะใส่ใน Jazz GE  และ Mazda 2 ละ มันก็โอเค อยากลองของแปลกมั่ง

ฟิลลิ่ง

ช่วง 10,000 กม.แรก ... แข็งครับ แข็งมาก คือ ถ้า ขับช้า วิ่งใน กทม.นะ กระแทกจนปวดเมื่อยเลยล่ะ แต่ข้อดีของมันคือ ตอนใช้ความเร็วสูง ระดับ 100 ขึ้นไป จะโดดสะพาน จะรูดรอยปุปะ ทำไปเถอะ แทบไม่รู้สึก เก็บอาการได้เรียบเลย

การทรงตัวบนทางเรียบ ที่ความเร็วสูง ดีขึ้นในระดับหนึ่ง ไม่มากมายนัก (ปกติ รถผมเดิมๆมันก็แช่ 180 ได้แบบไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว เจ้านี่ก็ดีขึ้นอีกสัก 10 -15 % ครับ นิ่งขึ้นอีกนิด)

การทรงตัวบนทางโค้ง อันนี้ชอบครับ รถยังเอียงเหมือนเดิม เพราะสปริงเดิม แต่มันนิ่ง มันเข้าได้เร็วกว่าเดิมแยะเลยล่ะ


พ้น 10,000 กม.ไป (เวลาก็ราวๆ 1 ปี)

วิ่งใน กทม. ก็นิ่มขึ้นระดับหนึ่ง นิ่มจน เช็คลมยางว่า เอ ยางอ่อนป่าวหว่า ? ... ไม่ได้นิ่มแบบ std ติดรถนะครับ แต่นิ่มจากตอนแรกแยะ ... ถ้าให้เทียบ ก็นิ่มกว่า Jazz GE ใส่ New SR + Dobinson อยู่หน่อยนึงครับ (ขนาดนี้ พ่อมานั่ง ยังโดนแซวว่า รถคันละล้าน ทำไมมันนิ่มได้เท่า Jazz พ่อเลยวะ)

อาการวิ่งทางเรียบๆ แล้วรถเต้น เหมือนคุมสปริงไม่อยู่ (คนที่ลองรถบอกผมอย่างนี้) หายไป เพราะเพิ่งเปลี่ยนบู๊ชปีกนก กับ ลูกหมากคอม้า มาใหม่ (ดีนะ ไม่บ้าจี้ เปลี่ยนโช้คทิ้ง เพราะเค้าบอกว่า โช้คไม่ดี ความถี่มันไม่แมทช์กับสปริง ... เอิ่มมม ระดับ Bil B6 เอาสปริงติดรถไม่อยู่ ไม่ใช่ม้างงงง ... จนมาเจอว่า บู๊ชปีกนกขาดนี่หว่า)

การทรงตัว ผมเปลี่ยนกันโคลงหน้าหลัง ขนาด 23 มม. แทนของเดิม 17 มม. เข้าไปด้วย ... ผมชอบอาการ ณ ปัจจุบันมากๆ

ทางตรง ... รถมันแน่นๆ ฟิลลิ่งรถยุโรป ไม่สะเทือนมาก (ยกเว้น เจอปุปะในกทม. ก็กระแทกแรงหน่อย)
ทางโค้ง ... มั่นใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิมพอสมควร สาดไปเถอะ รถเอียงน้อยลงเยอะมาก เข้าได้แรงขึ้น เร็วขึ้น (ของเดิม รถเอียง แต่เรารู้ว่า มันยังไปได้อีก ยังไม่สุดลิมิตของช่วงล่าง แต่ไม่กล้า เพราะรถเอียง)

......................

สรุปว่า ถ้ารถญี่ปุ่นบ้านๆนะ ... อยากได้อารมณ์ยุโรป แน่นๆ ปึ้กๆ แข็งหน่อย ก็ Bil B6 แต่ถ้าอยากได้ นิ่มแทบไม่ต่างจากติดรถ แต่เกาะถนนดีขึ้น ไป New SR ครับ (ก่อนเปลี่ยน B6 คนขาย เค้าเตือนแล้ว เตือนอีกว่า แข็งนะ ... กลัวผมรับไม่ได้ ... แต่ผมบอกว่า FD คันเก่า ผมใส่ Tein SS มานะ ผมรับได้ ผมต้องการฟิลแน่นๆ)

ออฟไลน์ zapdos191

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 661
^
^
^
จะมาบอกว่า ที่ผมกล้าออก Bil B6 เพราะรีวิวท่านนะครับ อ่านทั้ง HLM และเวปต้องห้าม เป็นแรงบันดาลใจเลยทีเดียว 555+
-------- Toyota Vios 2003 --------
-------- Subaru WRX STi 2015 --------
-------- Honda Jazz GK5 --------
-------- BMW G20 330i --------
-------- Subaru Impreza WRX STi 2008 (GRF) --------
-------- Subaru Forester XT (SJG) MC --------

ออฟไลน์ Trafalgar

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 722
เว็บต้องห้ามคือเว็บอะไรครับ
- 1994 Toyota Corolla AE101 1.6 4A-FE MT
- 1995 Honda Civic EG 1.5 D15Z7 MT
- 1996 Mitsubishi Lancer Evolution IV 2.0 4G63T MT
- 2005 Toyota Hilux Vigo Cab 2.5G 2KD-FTV MT
- 2005 Toyota Fortuner 3.0V 1KD-FTV AT
- 2005 Toyota Fortuner 3.0G 1KD-FTV MT
- 2013 Honda City 1.5 L15A7 AT

ออฟไลน์ Arm

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 931
เว็บต้องห้ามคือเว็บอะไรครับ

เว็บ 1000ติป
88' Accord CA 2.0 EX A/T
88' Accord CA 2.0 LX M/T
09' Corolla Altis 2.0 V Navi
15' Commuter 3.0 A/T
18' Pajero Sport 2.4 GT-Premium Limited Edition

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,487
   ขอบคุณสำหรับรีวิว

  ผมใช้ sach  ติดรถอยู่มันนุ่มกว่า  แต่เคยนั่ง b6 การดึงสปริงให้หยุดทำได้ดีมากกว่า เวลาวิ่งต่ำกว่าหกสิบ มันตึงตังมากกว่าหน่อย  สรุปว่าผมชอบนะ ประมาณนั้น

  อยากได้เหมือนกัน  แต่มันแพงสำหรับผม  4 ต้นเบ็ดเสร็จพร้อมเบ้า ไม่หลุดห้าหมื่น ...ทำใจไม่ได้ครับ 

ออฟไลน์ jojow

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 932
B6 เป็นโช็คที่ดีมากๆ
เคยใส่ E60
แต่ตัวลักษณะของโช็ค เป็นโช็คแกนกลับ
ใช้ไป ประมาณ 40,000 กม. เสีย เวลาเลี้ยวจะมีเสียง กึกๆๆตลอดคับ

ยอมรับว่าดีจริงๆ ครับ
2002 BENZ W220 S280 ,2002 PEUGEOT 406 D9
2004 BMW E60 525ISE ,2011 NISSAN 370Z
2011 BMW F10 525d ,2012 BMW F10 520i
2012 MAZDA BT-50PRO DBL 2.2 ,2015 TOYOTA ALPHARD SC PACKAGE
2015 PORSCHE CAYENNE S E-HYBRID ,2017 PORSCHE 718 CAYMAN S
2017 VOLVO S90D4 POLESTAR
2020 TOYOTA CROSS
2021 TESLA MODEL3

ออฟไลน์ popdemonic

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 190
  • I'm Back!
เคยใช้ทั้ง B6 B8 B14
รถคันเดียวกัน ครั้งแรกใช้B6 กับสปริงโหลด เพราะตัวแทน ไม่เอาB8 มาขาย ตอนหลังสั่งB8 เข้ามาเอง ส่วนตัวผมไม่ได้ประทับใจมากครับ เดิมๆBilstein
เอง มันเซ็ตRebound มาน้อยเกินไปครับ จริงๆ ถ้าอยู่เมืองนอก จะดีมากๆ เพราะทางศูนย์Bilstein จะมีการRevalve service  ให้ลูกค้าตามต้องการ
ซึ่งจะสมบูรณ์แบบมาก แต่ถ้าโช้คเดิมๆ ผมยังไม่ได้ประทับใจมากครับ แต่คอนเฟิร์มว่า แข็ง ทุกคันที่ใส่ทั้งรถนั่ง รถสปอร์ต เกวียนชัดๆ แต่ข้อดีคือ
โช้คBilstein ค่อนข้างทนทาน เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างKoni ของฮอลันดา Koni จะรั่วง่ายหน่อย ไม่ค่อยเหมาะสมบุกสมบัน Koni ถ้าเจอตกหลุมแรงๆ
แล้วโช้ค bottom out ทีเดียว น้ำมันปลิ้นทันที

ออฟไลน์ Trafalgar

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 722
เว็บต้องห้ามคือเว็บอะไรครับ

ครับผม

เว็บ 1000ติป
- 1994 Toyota Corolla AE101 1.6 4A-FE MT
- 1995 Honda Civic EG 1.5 D15Z7 MT
- 1996 Mitsubishi Lancer Evolution IV 2.0 4G63T MT
- 2005 Toyota Hilux Vigo Cab 2.5G 2KD-FTV MT
- 2005 Toyota Fortuner 3.0V 1KD-FTV AT
- 2005 Toyota Fortuner 3.0G 1KD-FTV MT
- 2013 Honda City 1.5 L15A7 AT

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,881
  • SNK vs Playmore
รีวิวดี อ่านง่าย สนุก มีมุขตลกด้วย ผมชอบมากครับ

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ tom46

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,839
แฟน Bilstein เหมือนกันครับ

ในส่วนของ B6 

ของผมใช้ B6 กับรถเดิมๆของที่บ้านเป็นรถ วอลโว่ รุ่น S80 โดยรวมดีครับ ทนมาก ถ้าใช้กับรถเดิม 7 ปีแล้วผมก็ยังใช้ได้อยู่ แต่คันนี้ไม่ค่อยได้วิ่งเท่าไรนะครับหลังจากพ่อผมเสียไป หนักไปทางจอดมากกว่า

สามารถเปลี่ยนความรู้สึกของวอลโว่รุ่นนี้ที่ออกยวบยาบให้มีความรู้สึกว่า มั่นคงมั่นใจ เวลาที่ใช้ความเร็วได้ครับ โดยรวมถ้าสำหรับรถที่ไม่ได้โหลดผมว่าก็ถือว่าใช้ได้เลย ใช้งานดี ทน คุุ้มราคา

ส่วนอีกคันผมใช้ B8

อีกคันที่ใช้ B8 ให้ร่วมกับสปริงโหลด bilstein b12 ที่เป็นสีฟ้า แต่สปริงเป็นของมือสอง ล้อขอบ 18 ยาง 225/40/18 กับ 255/35/18 บูชที่สามารถเปลี่ยนไปก็จะเป็น ยูรีเทน ของ powerflex กับ super pro ผสมกันอยู่ อันนี้การขับขี่ทำได้ดีในระดับนึง ถ้าเรื่องความเร็ว top speed จะโอเคอยู่ แต่เรื่องเปลี่ยนเลนแบบกระทันหัน กับทางโค้งตามไหล่เขาที่เดี๋ยวซ้าย เดี๋ยวขวา ยังไม่ดีเท่าที่ควร คิดว่าต้องมีเหล็กกันโคลงเพิ่มอีกชุด

เรื่องความทนทานจะสู้อีกคันไม่ได้ แต่คันนี้ผมวิ่งเยอะมาก ปีนึงมี 4 - 5 หมื่นโล แต่อันนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะ สปริงมือสอง ที่ใส่ไปด้วยหรือเปล่าเลยทำให้จังหวะการทำงานโช้คมันผิดไปเลยทำให้ไม่ทน

ตัว B8 ผมใช้มาตั้งแต่ตัวแทนกล้วยน้ำไทย มาตัวแทนทางรามอินทรา ทางตัวแทนนี้ซื้อบ่อยเดี๋ยวหน้าบ้าง หลังบ้าง วนกันไป แต่ล่าสุดที่ผมเจอของ B8 ที่หนักหนาสาหัสมากที่สุดตั้งแต่ใช้มา คือ ผมไม่แน่ใจเรื่องสปริงผมที่ได้มาเพราะมีความรู้สึกว่ารถวิ่งแปลกๆ เลยตัดสินใจเปลี่ยน สปริงใหม่ มาใช้เป็น eibach pro kit ตอนใส่อาทิตย์แรกก็ปกติดี เลยลองเอาไปวิ่งไกลๆดู นั่งกัน 4 คนเต็มบ้าน มีบางจังหวะที่ต้องตกหลุมกับบั้มเนินบ้างตามสภาพการจราจรที่บางจังหวะมันก็เลี่ยงไม่ได้ กลับมาบ้านก็ไม่รู้สึกอะไร พออีกวันขับแล้วรู้สึกอาการรถเปลี่ยนไปมา เลยลองมาก้มดูสรุปน้ำมันกระจายเต็มซุ้มล้อ

เลยลองเปลี่ยนใหม่คราวนี้มาเป็นร้านทางฝั่งสนามเป้าบ้าง พอตอนถอดออกมาดูปรากฎว่า โช้คคู่หน้าอายุ 1 ปี 2 เดือน (เสียดายเลยประกันมา 2 เดือน เศร้าเลย)  มันไม่ใช่แค่ แตกรั่ว แบบปกติที่เคยเป็นแต่รอบนี้มัน ขาด ออกจากกันเลย ซึ่งตั้งแต่ผมใช้ B8 มาก็หลายชุดอยู่ ก็ยังไม่เคยเจอแบบนี้เหมือนกัน เลยเข้าใจคำที่สมัยก่อนเขาเรียก bilstein กันว่า บินกระจาย

รอบนี้เลยเห็นว่าไหนๆ สปริง ก็เพิ่งเปลี่ยนไปไม่ถึงเดืิอน เลยสั่งเปลี่ยนไปใหม่ทั้ง 4 ตัวหน้าหลังพร้อมกันเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ทั้งโช้ค สปริง ตัวสปริง pro kit รอบนี้ที่ใส่ด้านหน้าจะสูงกว่าของ bilstein ที่เคยใส่อยู่เยอะอยู่ ตัวรถสูงขึ้นมานิดนึง เดี๋ยวรอบนี้จะลองดูว่าจะเป็นแบบที่ผมคิดหรือเปล่า เดี๋ยวจะกลับมารายงานผลอีกทีครับ

M52TUB30 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

Cube

  • บุคคลทั่วไป
สอบถาม
KYB new SR เป็น twin tube
ส่วน Bilstein B6 เป็น inverted-monotube(บางรุ่นเป็นtwin-tube)
ผมเข้าใจถูกไหมครับ

แล้ว inverted-monotube ดีกว่า monotube ยังไงครับ