DPFมีไว้สำหรับดักเขม่าจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ครับ ดังนั้นถ้าเติมน้ำมันดีเซลPremiumอย่าง PTT Hyforceหรือบางจาก Premium Diesel S ที่มีกำมะถันไม่เกิน10ppmตามมาตรฐานEuro 5 เมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซลทั่วไปในบ้านที่ไม่เกิน50ppmตามมาตรฐานEuro 4 จะช่วยได้มากเพราะกำมะถันจะทำให้DPFตันครับ ส่วนAd Blueในรถยุโรปเอาไว้สำหรับดักจับก๊าซพิษNOxครับ สรุปคือDPFเอาไว้ดักฝุ่นละออง Ad Blueไว้ดักก๊าซอันตรายครับ คนละวัตถุประสงค์กัน
ถามเป็นความรู้หน่อยครับ แล้วดีเซลยุโรปที่ใช้ DPF กันมานานแล้วที่ขายอยู่ในเมืองไทย
มันมีปัญหาขนาด Mazda ไหมครับ เรื่องน้ำดัน เขม่าตัน หรือปัญหาอื่นๆ
1.มันเป็นเพราะว่าเป็นรถพรีเมียมคนเลยเต็มแต่ ไฮดีเซลอยู่แล้ว ปัญหาเลยน้อยหรือไม่มี
2.หรือศูนย์รู้อยู่แล้ว เวลามีการนำรถตรวจcheck ระยะ ต้องมีการทำเรื่องพวกนี้เพิ่มสำหรับดีเซล เช่นล้างDPF ก่อนจะตัน,ตรวจระบบ DPF อะไรพวกนี้
3.รถรุ่นหลังเพิ่งติด DPF มาขายเมืองไทย รุ่นก่อนๆหน้านี้ไม่มี เลยยังไม่ค่อยเจอปัญหาใช้กันยาวๆได้
4.เดี๋ยวนี้นิยมขายแต่เครื่องเบนซิลหรือ PEHV เพราะรู้อยู่แล้วว่าดีเซล Maintenance ยุ่งยากกว่า และอาจจะมีปัญหาในระยะยาวได้
ตอนนี้เลยอยากขอดูเครื่องดีเซลของ CRV ว่ามันจะมีปัญหาพวกนี้เหมือนกันหรือเปล่า(ไม่รู้ว่าพวกที่ออกรถกันมาวิ่งถึง6-7หมื่นโลกันบ้างหรือยัง) ถ้ามันไม่มีปัญหาเลย แสดงว่าเครื่องของ MAZDA ไม่ได้คิดถึงเรื่องการ Maintenanceในระยะยาวเลย และอ่านจากขัางบนก็จุกจิกมาก ต้องให้ผู้ใช้ปรับตัวมากมาย เลิกขายดีเซลแล้วเอาตัว 2.5 มาขายแทนไปเลยดีกว่านะ ถ้ามันจะเรื่องมากขนาดนี้