ผู้เขียน หัวข้อ: ค่าบำรุงรักษาระหว่างกระบะกับ 1.5 / Eco car ต่างกันมากไหมครับ  (อ่าน 6721 ครั้ง)

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
ผมมีข้อสงสัยครับ

ว่า ค่าบำรุงรักษารถกระบะ (ดีเซล) ทั้งตัวยกสูงและตัวปกติ
สูงกว่า (หรือต่ำกว่า บางรายการ) เมื่อเทียบกับ Eco car และ 1.5 (MPV/B-SUV)

อยากให้ช่วยแชร์กันหน่อยครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
รถญี่ปุ่นตั้งแต่ผมเข้า0มา Ecocar PPV Dsegment
ถ้าเป็นการเข้า0เช็คระยะปกติ ไม่ได้มีชิ้นส่วนใหญ่เสียหาย
ราคาไล่ๆกันครับ ต่างก็พวกเครื่องใหญ่ใช้น้ำมันเครื่องเยอะกว่าแพงกว่า

ยกเว้นพวกเช็คใหญ่ทุกๆ40K PPV/กระบะ 4WDจะมีพวกน้ำมันทรานเฟอร์ เฟืองท้ายหน้า/หลัง เข้ามาพิ่ม
กรองอากาศ กรองแอร์ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค คลูแล้น พวกนี้ราคาไล่ๆกันอาจจะต่างกันหลักสิบบาท แล้วก็ค่าแรงอาจจะต่างกันหลักร้อยแต่รถใหม่ส่วนใหญ่ฟรีค่าแรงอยู่แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2018, 19:08:26 โดย Slipknot` »

ออฟไลน์ whoami

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,171
    • อีเมล์
เช็คระยะทั่วไปพอๆกันครับ ต่างแค่ค่าน้ำมันเครื่องที่รถกระบะใช้เยอะกว่า

ออฟไลน์ off_033

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,259
    • อีเมล์
ตารางบำรุงรักษาขอที่ศูนย์ได้เลยมีแบ่งเป็นระยะให้อยู่แล้วครับ

กระบะจะใช้น้ำมันเครื่องมากกว่า  ถ้าเป็น 4X4 ก็มีค่าบำรุงรักษาเพิ่มมาอีกนิด

แต่บางชิ้นก็ไม่ได้ถูกนะ  ถ้าโดนชิ้นสำคัญๆหลายตังส์อยู่ครับ

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,466
    • อีเมล์
ค่าบำรุงรักษา อีโค่ถูกกว่ากระบะ
- นมค.ใช้น้อยกว่า
- แบตลูกเล็กกว่า ราคาถูกกว่า
- ราคายางเส้นละแค่ 1,xxx บาท

ประมาณนี้ครับ

ออฟไลน์ SP

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,745
ขออนุญาติถามต่อครับ จะได้ไม่ต้องตั้งกระทู้ใหม่ แหะๆ :D

ถ้าเป็นพวก D-seg เทียบกับรถกระบะแล้ว ค่าบำรุงรักษาต่างกันมั้ยครับ ผมแอบมองๆ D-seg มือสองเทียบกับรถกระบะ 4 ประตูอยู่เหมือนกันครับ

ออฟไลน์ -Brian

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,079
อีโค่คาร์ถูกกว่าจมเลยครับ แค่เปลี่ยนยางทีก็เห็นผลแล้วครับ แล้วก็พวกน้ำมันเครื่อง กระบะจะใช้มากกว่าครับ

ออนไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,195
    • อีเมล์
มองยังไงดีล่ะ

eco car ได้เปรียบตรง ราคาอะไหล่ถูก ของเหลวต่างๆก็ใช้น้อย ยางก็ถูก แต่ปัญหาของ eco car หลายๆรุ่นคือ มันไม่ทน อะไหล่บางตัว ลดต้นทุนซะน่าเกลียด ทำให้ แป้บๆ แสนกม. อ้าวว ปีกนกไปละ / อ้าว คอมแอร์ไปละ ตู้แอร์ไปละ อะไรแบบนี้

กระบะ จะเปลืองตรงน้ำมันเครื่องนี่แหละ ใช้สังเคราะห์ เปลี่ยนทีแทบจะ 2 เท่าของ eco car แต่มันได้ทน ไม่ค่อยจุกจิก วิ่งไปเถอะ 2 แสนกม.ค่อยมาคุยกัน โดยเฉพาะยี่ห้อตลาด 2 แบรนด์หลัก หายห่วง

D-Segment คงต้องว่าเป็นแบรนด์ไป อย่าง CRV G3 ที่ใช้ (แอบมโนว่า เป็น D ละกัน เครื่องก็ตัวเดียวกับ Accord) ก็ไม่มีอะไร ถูกกว่ารถเล็กกว่าบางค่ายด้วยซ้ำ เช่น น้ำมันเกียร์แค่ 500 กว่าบาทเอง ก็เปลี่ยนไปสิ ทุก 2 หมื่นกม. จัดไป

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
แสดงว่า ถ้าเราไม่ได้ขับรถใช้งานหนัก วิ่งทางไกล ออกต่างจังหวัด ไม่ได้บรรทุก

เวลาน้ำท่วมก็ไม่ต้องลุยน้ำรอการระบาย

เราซื้อ รถ Eco car ดีกว่า ถูกกว่า ประหยัดกว่า ใช่ไหมครับ

มองยังไงดีล่ะ

eco car ได้เปรียบตรง ราคาอะไหล่ถูก ของเหลวต่างๆก็ใช้น้อย ยางก็ถูก แต่ปัญหาของ eco car หลายๆรุ่นคือ มันไม่ทน อะไหล่บางตัว ลดต้นทุนซะน่าเกลียด ทำให้ แป้บๆ แสนกม. อ้าวว ปีกนกไปละ / อ้าว คอมแอร์ไปละ ตู้แอร์ไปละ อะไรแบบนี้

กระบะ จะเปลืองตรงน้ำมันเครื่องนี่แหละ ใช้สังเคราะห์ เปลี่ยนทีแทบจะ 2 เท่าของ eco car แต่มันได้ทน ไม่ค่อยจุกจิก วิ่งไปเถอะ 2 แสนกม.ค่อยมาคุยกัน โดยเฉพาะยี่ห้อตลาด 2 แบรนด์หลัก หายห่วง

D-Segment คงต้องว่าเป็นแบรนด์ไป อย่าง CRV G3 ที่ใช้ (แอบมโนว่า เป็น D ละกัน เครื่องก็ตัวเดียวกับ Accord) ก็ไม่มีอะไร ถูกกว่ารถเล็กกว่าบางค่ายด้วยซ้ำ เช่น น้ำมันเกียร์แค่ 500 กว่าบาทเอง ก็เปลี่ยนไปสิ ทุก 2 หมื่นกม. จัดไป

ตอนนี้ผมมาใช้เจ้าตลาด Eco car (Yaris Ativ) ผมว่ารถน่าจะทนดีนะครับ เพราะอะไหล่ใช้กับ Vios ดูแข็งแรงพอสมควร เมื่อเทียบกับ March

ตอน March นี่แม่งงงงงง...พังจุกจิกๆ มาก ถึงถูกก็ตามแต่ทำผมกินข้าวลิงไป 2 ครั้ง อันนี้แย่มากครับ ผมละไม่ชอบเลย

เคยสนใจกระบะครับ ระหว่าง Revo / D-max แต่ไม่ชอบตรง มันขาดๆ เกินๆ ทั้งคู่

ถ้า D-max เอาพวงมาลัยของ Revo มาใส่ และมีตัวเตี้ยเกียร์ออโต้ ผมว่าจะจบเลยครับ เพราะ D-max มี ESP

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
กระบะเปลืองกว่าครับ น้ำมันเครื่อง,น้ำมันเกียร์,น้ำมันเฟืองท้ายใช้เยอะกว่าอีโคคาร์ กระบะค่าใช้จ่ายจะหนักทุก 40,000 โล เพราะถ่ายของเหลวแทบจะทั้งคัน ถ้าเข้าศูนย์ก็ประมาณ 4,000-5,000 บาท แบตเตอร์รี่ก็ใช้ลูกใหญ่รวมเทิร์นแล้วก็เกิน 2,000 บาท นอกนั้นชิ้นส่วนโดยรวมถึกทน ช่วงล่างถ้าไม่ใช่สมบุกสมบันทนกว่าอีโคคาร์มากๆ 200,000 โลไม่ต้องยุ่งอะไรด้วยเลย ดูแค่ปีกนกก็รู้แล้วขนาดมันผิดกันเลย ลูกหมากก็ตัวใหญ่กว่าเยอะ

แสดงว่า ถ้าเราไม่ได้ขับรถใช้งานหนัก วิ่งทางไกล ออกต่างจังหวัด ไม่ได้บรรทุก

เวลาน้ำท่วมก็ไม่ต้องลุยน้ำรอการระบาย

เราซื้อ รถ Eco car ดีกว่า ถูกกว่า ประหยัดกว่า ใช่ไหมครับ

มองยังไงดีล่ะ

eco car ได้เปรียบตรง ราคาอะไหล่ถูก ของเหลวต่างๆก็ใช้น้อย ยางก็ถูก แต่ปัญหาของ eco car หลายๆรุ่นคือ มันไม่ทน อะไหล่บางตัว ลดต้นทุนซะน่าเกลียด ทำให้ แป้บๆ แสนกม. อ้าวว ปีกนกไปละ / อ้าว คอมแอร์ไปละ ตู้แอร์ไปละ อะไรแบบนี้

กระบะ จะเปลืองตรงน้ำมันเครื่องนี่แหละ ใช้สังเคราะห์ เปลี่ยนทีแทบจะ 2 เท่าของ eco car แต่มันได้ทน ไม่ค่อยจุกจิก วิ่งไปเถอะ 2 แสนกม.ค่อยมาคุยกัน โดยเฉพาะยี่ห้อตลาด 2 แบรนด์หลัก หายห่วง

D-Segment คงต้องว่าเป็นแบรนด์ไป อย่าง CRV G3 ที่ใช้ (แอบมโนว่า เป็น D ละกัน เครื่องก็ตัวเดียวกับ Accord) ก็ไม่มีอะไร ถูกกว่ารถเล็กกว่าบางค่ายด้วยซ้ำ เช่น น้ำมันเกียร์แค่ 500 กว่าบาทเอง ก็เปลี่ยนไปสิ ทุก 2 หมื่นกม. จัดไป

ตอนนี้ผมมาใช้เจ้าตลาด Eco car (Yaris Ativ) ผมว่ารถน่าจะทนดีนะครับ เพราะอะไหล่ใช้กับ Vios ดูแข็งแรงพอสมควร เมื่อเทียบกับ March

ตอน March นี่แม่งงงงงง...พังจุกจิกๆ มาก ถึงถูกก็ตามแต่ทำผมกินข้าวลิงไป 2 ครั้ง อันนี้แย่มากครับ ผมละไม่ชอบเลย

เคยสนใจกระบะครับ ระหว่าง Revo / D-max แต่ไม่ชอบตรง มันขาดๆ เกินๆ ทั้งคู่

ถ้า D-max เอาพวงมาลัยของ Revo มาใส่ และมีตัวเตี้ยเกียร์ออโต้ ผมว่าจะจบเลยครับ เพราะ D-max มี ESP
Yaris ถ้ามันพังผมเตือนไว้ก่อนนะเปลี่ยนทีนึงจุกกว่ามาร์ชเยอะ อะไหล่แท้โตโยต้าสมัยนี้ไม่ถูกนะครับ ส่วนอะไหล่เทียบตาดีได้ตาร้ายเสีย

ออฟไลน์ tnp_super

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,927
    • อีเมล์
เทียบกระบะแค๊ป อีซูซุเครื่อง 2500 กับ โตโยต้าวีออส เครื่อง 1500
-ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนถ่ายของเหลวระยะหมื่นโล กระบะแพงกว่า 300
- เปลี่ยนยาง เก๋งเล็กถูกกว่า 5 พัน
- ภาษีเก๋งแพงกว่า 600
- ค่าน้ำมันต่อระยะทางวิ่ง กระบะแพงกว่า 50 สตางค์ต่อ กม.(ดีเซลเทียบกับ อี20)
 สรุปที่ใช้อยู่ค่าใช้จ่ายกระบะ 2.5 จะเยอะกว่าเก๋งเครื่อง 1.5 อยู่นิดหน่อย

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
กระบะเปลืองกว่าครับ น้ำมันเครื่อง,น้ำมันเกียร์,น้ำมันเฟืองท้ายใช้เยอะกว่าอีโคคาร์ กระบะค่าใช้จ่ายจะหนักทุก 40,000 โล เพราะถ่ายของเหลวแทบจะทั้งคัน ถ้าเข้าศูนย์ก็ประมาณ 4,000-5,000 บาท แบตเตอร์รี่ก็ใช้ลูกใหญ่รวมเทิร์นแล้วก็เกิน 2,000 บาท นอกนั้นชิ้นส่วนโดยรวมถึกทน ช่วงล่างถ้าไม่ใช่สมบุกสมบันทนกว่าอีโคคาร์มากๆ 200,000 โลไม่ต้องยุ่งอะไรด้วยเลย ดูแค่ปีกนกก็รู้แล้วขนาดมันผิดกันเลย ลูกหมากก็ตัวใหญ่กว่าเยอะ

แสดงว่า ถ้าเราไม่ได้ขับรถใช้งานหนัก วิ่งทางไกล ออกต่างจังหวัด ไม่ได้บรรทุก

เวลาน้ำท่วมก็ไม่ต้องลุยน้ำรอการระบาย

เราซื้อ รถ Eco car ดีกว่า ถูกกว่า ประหยัดกว่า ใช่ไหมครับ

มองยังไงดีล่ะ

eco car ได้เปรียบตรง ราคาอะไหล่ถูก ของเหลวต่างๆก็ใช้น้อย ยางก็ถูก แต่ปัญหาของ eco car หลายๆรุ่นคือ มันไม่ทน อะไหล่บางตัว ลดต้นทุนซะน่าเกลียด ทำให้ แป้บๆ แสนกม. อ้าวว ปีกนกไปละ / อ้าว คอมแอร์ไปละ ตู้แอร์ไปละ อะไรแบบนี้

กระบะ จะเปลืองตรงน้ำมันเครื่องนี่แหละ ใช้สังเคราะห์ เปลี่ยนทีแทบจะ 2 เท่าของ eco car แต่มันได้ทน ไม่ค่อยจุกจิก วิ่งไปเถอะ 2 แสนกม.ค่อยมาคุยกัน โดยเฉพาะยี่ห้อตลาด 2 แบรนด์หลัก หายห่วง

D-Segment คงต้องว่าเป็นแบรนด์ไป อย่าง CRV G3 ที่ใช้ (แอบมโนว่า เป็น D ละกัน เครื่องก็ตัวเดียวกับ Accord) ก็ไม่มีอะไร ถูกกว่ารถเล็กกว่าบางค่ายด้วยซ้ำ เช่น น้ำมันเกียร์แค่ 500 กว่าบาทเอง ก็เปลี่ยนไปสิ ทุก 2 หมื่นกม. จัดไป

ตอนนี้ผมมาใช้เจ้าตลาด Eco car (Yaris Ativ) ผมว่ารถน่าจะทนดีนะครับ เพราะอะไหล่ใช้กับ Vios ดูแข็งแรงพอสมควร เมื่อเทียบกับ March

ตอน March นี่แม่งงงงงง...พังจุกจิกๆ มาก ถึงถูกก็ตามแต่ทำผมกินข้าวลิงไป 2 ครั้ง อันนี้แย่มากครับ ผมละไม่ชอบเลย

เคยสนใจกระบะครับ ระหว่าง Revo / D-max แต่ไม่ชอบตรง มันขาดๆ เกินๆ ทั้งคู่

ถ้า D-max เอาพวงมาลัยของ Revo มาใส่ และมีตัวเตี้ยเกียร์ออโต้ ผมว่าจะจบเลยครับ เพราะ D-max มี ESP
Yaris ถ้ามันพังผมเตือนไว้ก่อนนะเปลี่ยนทีนึงจุกกว่ามาร์ชเยอะ อะไหล่แท้โตโยต้าสมัยนี้ไม่ถูกนะครับ ส่วนอะไหล่เทียบตาดีได้ตาร้ายเสีย

ครับ พอทราบครับ จำได้เคยเจอ Altis เข้าไป อะไหล่อย่างพวก เป้าโช๊คหน้ากับแท่นเครื่อง แพงมากครับ

March ปัญหาราคาอะไหล่ไม่สำคัญเท่า มันเสียบ่อยครับ เสียจนน่ารำคาญ

ออฟไลน์ turbo lover

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 438
ผมใช้กะบะยกสูงมา2คันแล้วคับ คือ เชฟ กะ นาวาร่า
กะบะยกสูง แพงกว่าeco carแทบทุกอย่างหล่ะคับ
นมคพวกไส้กรอง
ยาง เบรค แบตเตอรี่ พวกนี้ กะบะแพงกว่าหมดคับ
เปรียบข้ามไปอีกหน่อยก็ได้คับ
ตอนนั้น เปลี่ยนแบตเตอรี่ไล่เลี่ยกัน เปลี่ยนแบตศูนย์ทั้งคู่นะคับ
ของaccord g8 2พันกว่าบาท
เชฟ 4พันกว่าบาท แพงกว่าเยอะเลย

ออฟไลน์ w_th

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 329
ขออนุญาติถามต่อครับ จะได้ไม่ต้องตั้งกระทู้ใหม่ แหะๆ :D

ถ้าเป็นพวก D-seg เทียบกับรถกระบะแล้ว ค่าบำรุงรักษาต่างกันมั้ยครับ ผมแอบมองๆ D-seg มือสองเทียบกับรถกระบะ 4 ประตูอยู่เหมือนกันครับ
ผมใช้กระบะขับสองยกสูง ค่ายอินดีที่ไม่ขายแรปเตอร์
กับ D seg. ค่ายอินดี้เช่นกัน
-ค่า service ตามระยะ กระบะแพงกว่านิดหน่อย
-ค่าซ่อม ยังไม่ทราบ เพราะทั้งคู่ยังไม่ต้องซ่อม
-อะไหล่สิ้นเปลืองบางตัวที่เคยเปลี่ยน กระบะอินดี้ แพงกว่า D seg
-ความสิ้นเปลืองในเมือง ทั้งคู่ใกล้เคียงกัน
ส่วนทางไกล กระบะผมเทียบ D seg 2.0 ไม่ติดเลยครับ

ออฟไลน์ mrpich

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,197
  • เฮ้อ...อยากจะเหมาทั้งวง
ค่าบำรุงรักษากระบะแพงกว่า
แต่ความทนทาน กระบะ ทนกว่า
สรุปผมว่าพอๆกัน เลือกตามการใช้งานดีกว่าครับ
ถูกใจฮโยยอน-ปลื้มซูยอง-ชื่นชมเจสสิก้า-คิดถึงยูริ-แอบปิ๊งยูนอา-ชอบซอฮยอน-ใฝ่ฝันซันนี่-หลงไหลแทยอน-สุดรักทิฟฟานี่

ออฟไลน์ vellcap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,984
ถ้าใช้อะไหล่แท้ทุกชิ้น กระบะแพงกว่า B-Segment พอสมควรครับ

เทียบคู่นี้ละกัน Vigo 3.0 Auto กับ Camry 2.4 ใช้งานทางเรียบระยะทางประมาณ 350,000 km
Vigo ทนสู้ Camry ไม่ได้ครับ Vigo หมดค่าอะไหล่ + ค่า Service มากกว่าครับ

ออฟไลน์ SETTHASART

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,306
  • รักชาติ ไม่คลั่งชาติ
ค่ายางครับ พวกกระบะยกสูงเส้นละ 5-8 พัน เก๋งเล็กเส้นละ 1.5-2.5 พัน

ออฟไลน์ NoBiReacto

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 763
    • อีเมล์
กระบะยกสูงรู้สึกค่าบำรุงรักษาจะแพงกว่ารถเก๋งนะครับ ที่บ้านมีกระบะ4ประตูยกสูง ค่าบำรุงไม่แพงแต่ภาษี+ค่าเปลี่ยนยางนี่แพงมากๆ เปลี่ยนยางทีหมด2หมื่นกว่าเลยครับ

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,466
    • อีเมล์
เพิ่มเติม อีซูซุ น้ำยาหม้อน้ำทุกๆ 40,000 กม.
จารบีล้อหน้าทุกๆ 30,000 กม. ค่าแรง 1,500 บาท ไม่รวมจารบี ไม่รวม vat
น้ำมันเฟืองท้ายทุกๆ 30,000 กม.
ตั้งวาล์วทุกๆ 40,000 กม.

มาสด้า 2 น้ำยาหม้อน้ำเปลี่ยนตอนครบ 120,000 กม. ตามคู่มือนะครับ

ออฟไลน์ wa330

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,567
อายุแบต กระบะ4-5ปี  เก๋งเล็กเบนซิล 2-3ปี
กระบะแบตใหญ่แพงกว่าแต่ใช้นานกว่าจะเสีย

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
เพิ่มเติม อีซูซุ น้ำยาหม้อน้ำทุกๆ 40,000 กม.
จารบีล้อหน้าทุกๆ 30,000 กม. ค่าแรง 1,500 บาท ไม่รวมจารบี ไม่รวม vat
น้ำมันเฟืองท้ายทุกๆ 30,000 กม.
ตั้งวาล์วทุกๆ 40,000 กม.

มาสด้า 2 น้ำยาหม้อน้ำเปลี่ยนตอนครบ 120,000 กม. ตามคู่มือนะครับ
โอ้ว ยี่ห้อที่สนใจเลย แพงจังครับ

อายุแบต กระบะ4-5ปี  เก๋งเล็กเบนซิล 2-3ปี
กระบะแบตใหญ่แพงกว่าแต่ใช้นานกว่าจะเสีย

เห็นรุ่นใหม่ๆ กระบะมีระบบ I-stop ด้วย จะเป็นยังไงครับ

ออฟไลน์ coolcarrera

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 518
จาก vios ผมลองมาใช้ fortuner (ตีว่าค่าดูแลเช็คระยะเท่ากับ revo 2.8 4x4 auto ละกัน)

ถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งละ 2-3000 บาท ขึ้นกับเลือกเกรดน้ำมัน เอาถูกกว่านั้น ถ่ายที 7.5 ลิตรราคาหลักร้อยก็มีแต่ยอมรับว่าใจยังไม่ถึงที่จะไปลองใช้น้ำมันเครื่องพวกนั้นครับ
อะไหล่สิ้นเปลืองบางตัว ถูกจนงง กรองน้ำมันเครื่องจำได้ว่า vios แพงกว่านี้
กรองอากาศ กรองแอร์ในรถ กรองดีเซล พวกนี้ดูเหมือนจะได้อานิสงค์จากกระบะ เพราะผมดูแล้วราคาไม่ได้หนักหนาอะไรเลย
กรองดีเซลราคาถูกแบบเปลี่ยนทุกหมื่นโลยังไม่เสียดายตัง
สรุปรวมๆ ค่าใช้จ่ายไม่ได้รู้สึกว่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับรถเล็กครับ เดี๋ยวขอดูตอนหมดฟรีค่าแรงอีกที

จะแพงหน่อยตรงเวลาเปลี่ยนยาง ล้อ 18" เส้นนึงก็ราว 6-7 พัน
และตอนเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ลูกละประมาณ 3 พันต้นๆ 85Ah (ISS)
และทุก 4 หมื่นโลที่จะเจอถ่ายของเหลวรอบคัน (transfer เพืองท้าย เฟืองหน้า)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2018, 10:02:23 โดย coolcarrera »
E3, D15 Carb, 2E
F22B VTEC, J30A VTEC
1TR, 1NZ
D4CB
1GD, R18

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,999
ผมเทียบค่ายเดียวกันนะครับ มิตซู ระหว่าง Triton 4 ประตู ขับ 4 และ mirage  ผมใช้บริการศูนย์ ตลอดนะครับ ใช้ของศูนย์ทุกอย่าง ยกเว้นยางและแบต ครับ ถ้าเข้าปกติ ผมไม่เอาพวกของแถมนะครับ น้ำยาทั้งหลายทั้งปวง mirage ไม่เกิน 1500 Triton ไม่เกิน 2500 ยกเว้นบางครั้งที่มีรอบต้องเปลี่ยนเยอะครับ mirage เป็นคันที่โชคดีมากๆครับ เกือบ 6 ปี ไม่มีซ่อมอะไรเลย เปลี่ยนแบต ยาง 2 ครั้ง ประกยัดน้ำมันสุดๆ ค่าใช้จ่ายน้ำมัน ครึ่งเดียวของ triton ราคายาง 12000 กับ 24000 แต่ขับ ไกล triton เหนื่อยน้อยกว่าเยอะครับ เครียดน้อยกว่าเวลาอยู่บนถนน ต้องดุความต้องการครับ