เป็นการรีวิวจากสมาชิกเพจ New Camry 2018 Thailand นะครับ ไม่ใช่ของผมเองนะ
ขออนุญาตเจ้าของ Post แล้วครับ
โดยคุณ Thanadol Atthathammakorn
Thanadol Atthathammakorn
Rising Star · 1 hr
ผมขอใช้พื้นที่ในเพจหน่อยนะครับ
ผมอยากจะมาเล่าความรู้สึกจากการใช้รถToyota camry hybrid hv premium 2018 ในแบบจากการใช้งานของผมบนท้องถนนและการขับขี่แบบการใช้งานทั่วไปนะครับ ดังนั้นสิ่งที่จะได้อ่านต่อไปนี้มาจากความเห็นของผมส่วนตัวล้วนๆนะครับ ผมไม่ใช่นักรีวิวรถมืออาชีพอาจจะได้ลำดับเรื่องหรือเขียนได้ไม่ดีเท่าไหร่นะครับ ยาวหน่อยนะครับ
การเล่าเรื่องนี้มาจากทริปท่องเที่ยวปีใหม่ของผมนะครับ ออกเดินทางจากชลบุรี จุดหมาย แพร่ เชียงใหม่ เชียงราย ผู้โดยสาร4คนรวมคนขับ สัมภาระกระเป๋าเดินทาง4ใบและสัมภาระอื่นๆเต็มท้ายรถพอดี แบบไม่มีช่องให้ใส่อะไรได้อีก น้ำหนักเฉพาะผู้โดยสารนั่งหน้า125กิโลกรัม นั่งหลัง145กิโลกรัม รวม270กิโลกรัม สัมภาระกระเป๋าเดินทาง4ใบน่าจะอีก55-65กิโลครับ น้ำหนักบรรทุกรวมน่าจะ 335กิโลกรัม
- เริ่มจากเครื่องยนต์ไม่อธิบายสเปคนะครับ เพราะตัวเลขพวกนั้นหาดูได้ในเน็ททั่วไปครับ
กำลังของเครื่องยนต์ คันที่ผมใช้ เป็น hybrid การออกตัวจากหยุดนิ่งใช้ไฟฟ้าล้วนจะหน่วงๆหน่อยครับต้องกดคันเร่งลึกก็จะพุ่งไปอย่างรวดเร็ว พละกำลังมีให้เรียกใช้แบบเหลือเฟือ กดเป็นมา ดึงแบบนุ่มนวลต่อเนื่อง ไม่กระโชกโฮกฮาก จังหวะเร่งแซงรถแบบเลนสวนกัน ไม่มีความเครียดใดๆทั้งสิ้น แซงสบายๆในเวลาสั้นๆไม่ต้องมานั่งลุ้นกันทั้งคันรถแม้กระทั่งบรรทุกกันเต็มพิกัดหรือแม้กระทั่งเร่งแซงช่วงทางขึ้นเขาก็ทำได้ดี ช้ากว่าทางราบแต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะคันอื่นก็เร่งช้าขึ้นเหมือนกัน ทำให้แซงทุกคันได้แบบสบายๆ อัตราเร่งผมไม่ได้จับเวลานะครับ แต่รับรองว่าเพียงพอมากๆแล้ว กดแป๊บเดียว ได้เห็นความเร็ว17-18สบายๆ ตอนแรกก็กังวลเพราะใช้รถยุโรปเครื่องดีเซลอยู่เวลาเร่งแซงมันดีจริงๆ กลัวว่าHybridจะอืดกว่าเยอะ พอขับจริง ผมไม่ได้เห็นความแตกต่างในการขับขี่ใช้งานจริง ไม่แน่ใจว่าคันไหนจะแรงกว่ากันสำหรับการเร่งแซงในช่วงรถลอยตัวแล้ว เพราะอาการดึงของรถต่างกัน ดีเซลจะดึงหนักในช่วงรอบต้นแต่ช่วงรอบปลายอาการดึงแผ่วลง แต่ hybrid ดึงเรื่อยๆต้นจนปลาย ถ้าอยากทราบต้องจับเวลาวัดผลทางตัวเลขอาจจะมีความแตกต่างกันผมไม่ได้จับเวลาเทียบกันครับ จากการใช้งานรู้สึกว่าใกล้เคียงกันครับ (ไม่ได้เทียบจากรถหยุดนิ่งแล้วออกตัวนะครับ)
- ช่วงล่างความนุ่มนวลและการเกาะถนน ผมเติมลมหน้า35 หลัง37 เพิ่มลมหลังเพราะบรรทุกของเต็มพิกัด
เรื่องความนุ่มนวลทำได้ดีครับการซับแรงกระเทือนส่งมาในห้องโดยสารทำได้ดี มีกระเทือนมาแบบเบาๆ ไม่ขนาดว่านุ่มจนไม่รู้สึกสะเทือนอะไรเลย แต่ไม่ทำให้ความสบายหายไป ช่วงถนนเชียงใหม่เชียงรายมีการทำถนนใหม่ทางขรุขระมีหลุมบ่อรถมีการโยกและสะเทือนตามสภาพถนนแต่ก็ไม่รู้สึกกระแทกตึงตังช่วงล่างซับแรงกระแทกให้ความรู้สึกนุ่มๆ ขับทางไกลไม่เหนื่อยครับ สบายกว่ารถยุโรป D segmentอีกคันนึงครับ ผมติดใจเลยครับ นั่ง4บรรทุกเต็มท้ายรถก็ไม่มีอาการโช็คยันเวลาขึ้นลงคอสะพานตามถนนมอเตอร์เวย์ ผู้โดยสารทุกคนยืนยันว่านิ่มและนั่งสบายกว่า D segment เยอรมันอีกคันนึงของผมครับ
เรื่องการเกาะถนน ช่วงล่างผมใช้คำว่านุ่มหนึบครับ เป็นคำนิยามที่ผมให้ (ผมไม่ใช้คำว่านิ่มนะครับ เพราะรถส่วนใหญ่เวลานิ่มจะรู้สึกรถเบาๆลอยๆ) เวลาเข้าโค้งมั่นใจได้ครับ มีอาการโยนเล็กน้อยถ้าเข้าแรงหน่อย แต่อาการรถมันก็ทำให้รู้สึกมั่นใจว่าเอาอยู่ ทำความเร็วทางตรงไม่น่ากลัวอะไร ช่วงความเร็ว170-180 ก็นิ่งๆดีครับ
การเบรคทำได้ดี หน่วงความเร็วได้ดี จากลักษณะการขับขี่แบบทั่วไป นั่ง4คน น้ำหนักประมาณ สัมภาระเต็มท้ายรถ ไม่มีอาการเบรคแล้วรถไหล ไม่ต้องใช้แรงเบรคมากกว่าปกติ แต่ถ้าแบบขับเร็วเบรคหนักหมุดตลอดทางยังไม่เคยลอง ว่าจะเบรคเฟดเร็วไหมครับ แต่คงไม่ได้ลองครับเพราะไม่อยากทารุณรถครับ
- เรื่องการเก็บเสียง เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ใช้วิจารณญาณเองนะครับแต่อันนี้จากความเห็นของผมล้วนๆครับ เพราะดังเบาแต่ล่ะคนไม่เท่ากันครับ
ช่วงรับรถใหม่ๆก็รู้สึกว่าเสียงเข้ามาระดับนึงแบบสงสัยว่าเราคิดไปเองหรือเปล่า วิ่งในเมืองสั้นๆ มีเสียงแต่ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่เพราะวิ่งแป๊บๆ พอได้เดินทางไกล สรุปเลยว่า ไม่ได้คิดไปเองครับ เสียงจากพื้นถนนทุกย่านความเร็ว(ดังเพิ่มขึ้นตามความเร็ว)และเสียงลมที่ความเร็วสูงดังชัดเจนครับ ดังแบบที่ว่าพอถึงเชียงใหม่ไปเช่ารถ Nissan almera ป้ายแดงมาขับเที่ยวทุกคนในรถพูดเหมือนกันว่าเสียงเงียบกว่า toyota camry hybrid ที่ขับมาอีก แอบเศร้า เสียงที่ดังเข้ามามันทำให้บรรยากาศในรถราคาเกือบ2ล้าน มันเสียไป เพราะคนซื้อรถราคาแพงคาดหวังการเก็บเสียงดีกว่ารถรุ่นที่ถูกกว่าในยี่ห้อเดียวกันเองหรือต่างยี่ห้อ รถทุกยี่ห้อมีเสียงภายนอกเข้ามาทุกยี่ห้อทุกคัน ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนผมเข้าใจดี เพราะรถเยอรมัน D segmentที่ผมขับก็มีเสียงเข้ามา แต่อยู่ในระดับที่เราเข้าใจว่ามันคือธรรมชาติ ไม่มีทางทำให้เงียบแบบไม่มีเสียงเลยได้ แต่เสียงที่ดังเข้ามามากกว่า altis มันก็เสียความรู้สึกที่ยอมจ่ายเงินแพงเพราะต้องการรถที่ขับขี่ดี ออฟชั่นดี เก็บเสียงรบกวนได้ดี มันทำให้เราต้องเร่งเสียงวิทยุเพิ่มขึ้น คุยออกเสียงดังขึ้น เพราะมีเสียงรบกวน และขับทางไกลนานๆรู้สึกรำคาญ
แถมอีกอันครับคือเรื่องประตูเบามากปิดเบาๆก็สนิท แต่พอปิดแรงแบบปกติแล้วเสียงประตูมันดูไม่นุ่มแน่นเหมือนพวกvigo หรือเหมือนโตโยต้ารุ่นอื่นโดยเฉพาะเสียงปิดประตูหลังมันบอกไม่ถูกเสียงเวลาปิดรู้สึกมันยังไงก็ไม่รู้ครับมันไม่นุ่มแน่นไม่รู้จะอธิบายยังไงไปลองปิดเทียบดูที่ศูนย์ครับ ผมไปลองรถcamryคันอื่นที่ศูนย์ก็เหมือนๆกันครับ ไม่ใช่ปัญหาหรือข้อเสียอะไรแต่แค่รู้สึกเหมือนประตูมันไม่หนักแน่นครับ
- ระบบอำนวยความสะดวกในบางส่วนนะครับ
เริ่มจากระบบเครื่องเสียง jbl ทำได้ดีตามคำโฆษณาในโบชัวร์ ว่าเสียงใส นุ่มนวล ไม่ใช่เครื่องเสียงระดับประกวด แต่ที่ติดมาให้กับรถจากโรงงานถือว่าดีมากแล้วครับ เบสนุ่มๆ เสียงชัด ฟังนานๆไม่รู้สึกว่าล้าหู เหมือนคันอื่นๆ สำหรัยผมเพียงพอไม่มีความอยากเปลี่ยนเครื่องเสียง หูผมไม่ได้หูเทพขนาดแยกแยะความพริ้วไหวของตัวโน๊ตได้นะครับ
ระบบNaviนำทางพาไปทางแปลกๆครับ บอกทางไม่ตรงกับgoogle map (น่าจะเป็นเรื่องปกติที่ไม่ค่อยมียี่ห้อไหนตรง)ตอนไปไร่ชาฉุยฟง นำทางพาผมไปทางที่เค้าไม่ไปกัน การค้นหาเส้นทางยากไม่ค่อยเจอสถานที่ เลยต้องใช้แอป Navibridgeช่วยส่งพิกัดไปที่รถยนต์ทำให้หาได้ง่ายกว่าเดิมเยอะเลยครับ เจอสถานที่ที่ต้องการมากกว่าเดิมแต่ก็ไม่ครบเท่า google map เสียงรบกวนจากการเตือนความเร็วน่ารำคาญมากครับ บ่นตลอดทาง บ่นกว่าเมียก็ระบบนำทางเนี่ยแหล่ะ แต่ก็ไม่เหงาดีเวลาหลับกันทั้งรถ มีผมคุยกับเจ๊ระบบนำทางแค่2คน อีกอันที่ประหลาดใจคือเวลาบอกจุดเลี้ยวบางจุดจะอ้างอิงกับอาคารที่อยู่บริเวณแถวนั้น เช่นกรุณาเลี้ยวขวาหลังจากตึกสีฟ้าขาว ผมก็มองตึกอะไรฟ้าขาว เหลือบไปเจอร้านแว่น.... เลยร้องอ๋อ ขำกันทั้งรถ แยกจากลำปางที่เลี้ยวขวาเพื่อไปจังหวัดตาก ก็มีบอกว่าให้เลี้ยวขวาที่ตึกชื่ออะไรจำไม่ได้แต่มองไปเป็นโชว์รูม mazda พออ่านที่ป้ายโชว์รูมสรุปคือชื่อเดียวกับที่ระบบNaviของรถบอก อันนี้แปลกไม่เคยได้ยินระบบนำทางที่อ้างอิงจุดเลี้ยวลักษณะนี้
การใช้wifiจากตัวรถใช้ได้ดีเป็นบางพื้นที่ครับ ไม่รู้เค้าใช้สัญญาณจากเครือข่ายไหน สรุปใช้สัญญาณจากมือถือเองดีกว่า
ไฟหน้ารถ(เอามารวมที่หัวข้อนี้) ตลอดการเดินทางเปิดไฟสูงautoไม่เคยเห็นทำงานสักครั้งเดียว หรือทำแต่เราสังเกตไม่เห็นก็ไม่ทราบนะครับ ระดับไฟหน้าจากโรงงานตั้งมาต่ำมาก วิ่งในเมืองไม่เห็นปัญหาเพราะมีไฟถนนตลอดทาง พอออกต่างจังหวัดไม่มีไฟส่องทางมองเห็นแค่ช่วงหน้ารถตัวเองสั้นๆ มองทางไม่เห็นเลยว่าด้านหน้าถนนเป็นอย่างไร วิสัยทัศน์แย่มาก ไปให้ศูนย์ปรับก็ไม่ช่วยอะไรครับ บอกว่าปรับให้ได้ตามมาตรฐาน มาตรฐานอะไรก็ไม่รู้ครับ มองได้ใกล้มากหนักกว่าเก่า ผมเลยต้องปรับให้สูงขึ้นเองจากฝากระโปรงหน้ารถครับ พอปรับแล้วดีขึ้นเหมือนคนล่ะคันเลยครับ
- เรื่องการประหยัดน้ำมัน
ทริปนี้วิ่งไประยะทางทั้งหมด 2,302km
เส้นทางขาไปชลบุรี-นครสวรรค์-แพร่-เชียงใหม่-เชียงราย วิ่งบนเขาอุตรดิตส์ ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย ความเร็วบนเขา 80-100-120km/hr ความเร็วทางราบ 120+/- ตามความหนาแน่นของรถ.
เส้นทางขากลับขากลับวิ่งเส้นทาง เชียงราย-เชียงใหม่-ตาก-กำแพงเพชร-กทม-ชลบุรี มีขับผ่านบนเขาช่วงเชียงใหม่-ลำปาง-ตาก ขากลับเน้นวิ่งยาวๆและทำความเร็วบางช่วง แต่ยืนพื้นที่120km/hr เพราะมีรถบนถนนพอสมควร การประหยัดน้ำมันทำได้ 21.0 km/l(ตามมาตรวัด) ของจริงจากการคำนวนการเติมน้ำมันจริงทั้งหมด 117.842ลิตร อัตราการสิ้นเปลืองเท่ากับ 19.53km/l ถือว่าประหยัดมากครับ เทียบกับรถยุโรปเครื่องดีเซลที่ขึ้นชื่อเรื่องประหยัดอีกคันของผมถือว่า ทำได้ดีกว่านะครับในระดับใช้ความเร็วที่พอๆกันครับ
ค่าน้ำมันทั้งทริป 3,270บาท(ถังแรกV power 1,260บาท ถังสอง caltex โซฮอล95 1,040บาท ถังสุดท้ายเติมคืนให้เต็มถัง caltex โซฮอล95 970บาท) ก่อนเริ่มการเดินทางไปเติมเต็มถังก่อน(ยังไม่เอามาคำนวนครับ)ขากลับเติมคืนเต็มถังครับแล้วเอามาคำนวนค่าน้ำมันครับ
สรุป camry hybrid ตัวใหม่นี้ เรื่องสมรรถนะถือว่าดีคุ้มราคาครับ ประหยัดน้ำมัน ใช้ดีกว่าที่ผมคิดไว้อีกครับ ถ้าไม่ติดเรื่องเสียงลมและถนนที่เข้ามาในห้องโดยสารมากไปหน่อย(อันนี้ก็ดังกว่าที่ผมคิดเหมือนกันครับ) ผมว่าจะเป็นรถที่ดีสำหรับการใช้งานในทุกๆด้านคันนึงเลยครับ ถ้าToyota thailand จะใจดีดูแลลูกค้าล็อตแรกเรียกรถล็อตไปปรับปรุงเรื่องการเก็บเสียงให้ดีกว่านี้จะขอบพระคุณมากเลยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่อดทนอ่านจนจบนะครับ^^