ถ้าเปรียบโตโยต้าเป็นเด็กนักเรียนคนนึงในห้องเรียน โตโยต้าเป็นเด็กหัวกะทิของห้อง แต่มีนิสัยคือเป็นเด็กขี้เกียจ ทำงานส่งครูแค่พอผ่าน สอบแค่พอผ่าน
แต่แล้ววันนึงด.ช.โตโยต้า ก็เริ่มรู้สึกตัวว่าโดนเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันกำลังแซงหน้า ทิ้งห่างไปเรื่อยๆ จึงเกิดฮึดสู้และตั้งใจเรียนตั้งใจทำงานส่งครูมากขึ้น จึงเป็นที่มาของรถคันนี้ Toyota CHR
" ถ้าจะทำดี toyotaก็ทำได้ "
รูปลักษณ์ภายนอกฉีกกฎเกณฑ์อนุรักษ์นิยมเฉิ่มๆเชยๆไปโดยสิ้นเชิงครับ รูปทรงเป็นแบบ coupe sport crossoverยกสูง หลังคาลาด เส้นสายฉวัดเฉวียน แต่ดูลื่นไหลชวนมอง
ไฟหน้าแบบfull led ไฟเลี้ยวกระพริบแบบลากยาวจากในโคมสู่ด้านนอกหรูหราหมาเห่า ไฟหน้าเปิดปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบไฟสูงอัตโนมัติเมื่อไม่มีรถสวน
ไฟท้ายก็full ledเช่นกันและเป็นledแบบเส้น พร้อมรมดำมาจากโรงงานให้อารมณ์พรีเมียมกว่าตัว1.8ชัดเจน
ภายในเหมือนจะสวยแต่ยังไม่สุด(เมื่อเทียบกับmazda)
หน้าปัดแบบ เข็มanalogไม่มีมาตรวัดรอบเครื่อง ด้านซ้ายเป็นแถบแสดงรูปแบบการขับขี่ charge/eco/power
ตรงกลางเป็นหน้าจอแสดงinformationของรถ trip meter อัตราการกินน้ำมัน ระบบหมุนเวียนพลังงานของระบบhybrid ระยะทางน้ำมันที่เหลือที่วิ่งได้ ความเร็วเฉลี่ย และG metorแสดงแรงเหวี่ยงของรถ กดเลื่อนมาเมนูทางซ้ายเป็นจอแสดงระบบadaptive cruise,lane keep assist เมูถัดมาอีกจะเป็นmessageและsetting
ส่วนวงด้านขวาจะเป็นมาตรวัดความเร็ว
ส่วนคอนโซลกลางด้านบนสุดก็เป็นจอเครื่องเสียงพร้อมระบบนำทาง ตรงกลางคือช่องแอร์ และใต้ลงมาคือแอร์autoแบบปรับอุณหภูมิแยกอิศระ2ฝั่ง
โดยรวมคือใช้งานง่ายสไตล์โตโยต้ามีระบบฟอกอากาศ nano-eมาให้สบายปอด
จอเครื่องเสียงinterfaceน่าจะทำได้ดีกว่านี้ อันนี้ดูเหมือนแทปเลตเด็กเล่นไปหน่อย
เครื่องเสียง.. ยังคงทำผลงานไม่ดีนัก เสียงไม่ใส ออกแนวอั้นๆอู้ๆ มันก็พอฟังได้อยู่ไม่ถึงกับแย่ แต่แค่มันไม่สมราคารถเอานะสิครับ พยายามปรับทุกวิถีทางแล้ว เครื่องเสียงfiestaฟังแล้วดีกว่า
ด้านล่างสุดก็เป็นเกียร์แบบคันโยกปกติ เข้าเกียร์ว่างเวลาจอดได้ เบรคมือไฟฟ้า และมีbrake hold เวลารถติดก็กด ตอนรถหยุดนิ่งรถจะเข้าเบรคมือให้ เราก็ไม่ต้องเหยียบเบรคให้เมื่อยขาและเมื่อเราเหยียบคันเร่ง รถก็จะปลดเบรคให้เอง เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าเราจะกดปุ่มปิดระบบ ช่วยลดความเมื่อยขาไปได้เยอะ และระบบนี้มีในchrทุกรุ่น ปรบมือๆๆ
เบาะนั่งด้านหน้าดีไซน์สปอต ปรับมือแต่มีดันหลังไฟฟ้า พนักพิงรับกับแผ่นหลังดี ตัวเบาะเฟริม ไม่นุ่มยวบ และไม่ได้แข็งเป็นไม้กระดาน นั่งสบาย ส่วนตัวชอบดีไซน์เบาะแบบนี้มาก หมอนรองหัวส่วนตัวรู้สึกเฉยๆไม่ได้ดันหัวแบบที่หลายคนเป็น เบาะรองนั่งความยาวปานกลาง ถ้ายาวกว่านี้อีกนิดนึงจะperfect นั่งนานๆไม่ปวดหลัง นานขนาดใหนก็แค่นั่งขับต่อเนื่องติดต่อกัน5ชั่วโมงเอง (เรื่องเบาะแล้วแต่สรีระบุคคล แต่ละคนไม่เหมือนกัน)
เบาะหลังมืดและทึบจริง น่าจะมาจากสองส่วนคือกรอบกระจกที่เล็ก นึกว่านั่งอยู่บนเครื่องบิน กับอีกอย่างคือเบาะหน้าที่ใหญ่บังทัศนะวิสัยของคนนั่งหลังจนมิด ชวนให้อึดอัดแม้พื้นที่ที่มีอยู่จริงก็นั่งได้แบบสบายๆ ที่วางขาเหลือๆ(ผมสูง174cm) และหัวไม่ติดเพดาน ถ้าซื้อมาขับ1-2คน มีคนนั่งหลังนานๆทีก็ตัดปัญหานี้ไปได้เลย เบาะนั่งหลังก็ถือว่ามาตรฐานไม่ถึงกับดีสุดละก็ไม่ได้แย่ แต่ถ้านั้งกัน4คนบ่อยๆก็อย่าลืมพาสมาชิกมาทดลองนั่งดูก่อนว่าไหวไหมกับความทึบแบบนี้
และอีกอย่าง พื้นที่ผู้โดยสารเบาะหลังฝั่งคนนั่งด้านซ้าย จะน้อยกว่าฝั่งคนขับนิดนึง เพราะอะไรนะเหรอ เพราะว่าคอลโซลหน้าซ้ายมันยื่นมาหาคนนั่งหน้าเยอะจนต้องถอยเบาะหน้าร่นมาข้างหลัง ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังฝั่งซ้ายมีพื้นที่น้อยไปโดยปริยาย
เครื่องยนต์hybridเครื่องยนต์ 1.8ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ทำงานเงียบราบเรียบ ตอนแรกๆอาจยังไม่ชินกับการสตาร์ทแล้วรถเงียบเหมือนไม่ได้สตาร์ท
ตอนรถจอดหรือออกตัวเครื่องยนต์จะไม่ติดแต่ใช้มอเตอร์แทนรถจึงเงียบกริบ ตอนออกตัวจะมีเสียงวื้ดๆของมอเตอร์ให้อารมณ์เหมือนเราขับรถไฟฟ้า ซึ่งเราก็ขับแบบมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่นั่นแหละ ชอบฟีลลิ่งแบบนี้มากดูsci-fi ดูล้ำอนาคต
ถ้าใครเคยขับโตโยต้ามาก่อน คันเร่งของโตโยต้าจะมีเอกลักษณ์คือแตะแล้วพุ่ง แต่กลับกัน1.8hvคันนี้แตะแล้วรถจะค่อยๆวิ่งไปข้างหน้าแบบนุ่มๆเนือยๆ
จะว่าอืดก็ใช่เพราะต้องกดคันเร่งลึกกว่าปกติที่เคยกดมา เสียงเครื่องคำรามแล้วรถก็ยังไปแบบเนิบๆ แต่พอลอยลำแล้วกดแซงก็ไปได้ไวอยู่
ต้องปรับตัวให้ชินกับคันเร่งลึกๆแบบนี้สักพัก พอชินแล้วการแซงก็ไม่เป็นปัญหา ไม่อืดไม่หน่วงแต่ก็ไม่แรง
ทั้งนี้ทั้งนั้น อัตราเร่งจะขึ้นอยู่กับปริมาณไฟในแบตด้วย เพราะถ้าไฟเกือบเต็ม จะมีอัตราเร่งที่ดีกว่าแบตเหลือน้อย
อันนี้ต้องลองสังเกตุดู แต่เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับผม อยากเร่งไวก็กดคันเร่งลึกๆทดแทนเพราะยังไงกดไปก็ประหยัดน้ำมันอยู่ดี
และในหน้าจอsettingสามารถเลือกโหมดการขับขี่3โหมด ได้แก่
eco - คันเร่งเนือยและลึก อัตราเร่งอืดแต่ประหยัด
normal - จะเป็นdefaultจากโรงงาน คันเร่งเซทแบบกลางๆ (ที่รีวิวคือโหมดนี้)
sport - คันเร่งจะตื้น ตอบสนองไว กดนิดเดียวก็เร่งเครื่องมากกว่าโหมดอื่น แต่ถ้าดับเครื่องสตาร์ทใหม่รถจะกลับเข้าโหมดnormal ต้องมาเซทsportใหม่ทุกครั้งที่สตาร์ท
แต่คุณงามความดีของการเซทรถแบบนี้คืออัตราการกินน้ำมัน ประหยัดจนeco carต้องร้องให้ ขับทางไกล100-120แบบเร่งบ้างแซงบ้าง หน้าจอขึ้นว่า23km/l ขนลุกเลยฮะคุณผู้ชม (แต่ไม่รู้ว่าเพี้ยนไปเท่าไหร่เพราะไม่ได้วัดจากการเติมน้ำมันจริง) เวลาขับในเมืองส่วนใหญ่รถก็จะใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรรี่ ถ้าเพิ่มความเร็วต้องการอัตราเร่ง หรือไฟแบตไม่พอเครื่องยนต์ก็จะติดมาช่วยกันขับ ส่วนใครที่คิดว่าเวลาใช้มอเตอร์ขับจะได้แค่ความเร็วต่ำเท่านั้น ถือว่าคิดผิด ลองเลี้ยงความเร็วไปถึง80แล้วปล่อยคันเร่งให้เครื่องตัด จากนั้นกดคันเร่งเลี้ยงกลับไปเบาๆ รถก็กลับมาใช้มอเตอร์ขับสักพัก เครื่องจึงติดขึ้นมาช่วยเจ๋งดีเหมือนกัน ทำให้การขับรถไม่น่าเบื่อดูการไหลของพลังงานจากหน้าปัดท์เพลินๆ
และท่านที่ยึดติดความคิดที่ว่าใช้hybridประหยัดแค่ตอนรถติดในเมือง ต้องขอบอกว่าhybridประหยัดกว่าในทุกย่านความเร็วครับ ยืนยันนอนยันนั่งยันตรงนี้เลย
ช่วงล่างจากแต่ก่อนที่โตโยต้าทำรถมาเพื่อให้ไปจากจุดaไปจุดbได้โดยไม่ดับไม่เสียกลางทางได้แค่นั้น ไม่มีความสนุกและไร้รสชาติ มาวันนี้เค้าปรุงรสชาติมาใหม่แบบกลมกล่อมมาดผู้ดี ด้วยแพลตฟอร์มTNGAอิศระ4ล้อ ช่วงล่างซับแรงสะเทือนได้เกินคาด ฝาท่อ รางรถไฟ หลุมบ่อ ที่คิดว่าจะต้องตึงตังหรือหัวสั่นหัวคลอน คันนี้เก็บได้นิ่งมาก แรงสะเทือนเข้ามารถน้อยมาก พวงมาลัยคมน้ำหนักกำลังดี ไม่ไวจนเกินไป เวลาเลี้ยวเปลี่ยนเลน หรือเข้าโค้งก็มั่นใจแต่จะให้ตัวมากกว่าเก๋งเตี้ยๆนิดนึง แต่มันก็ไปอย่างนิ่งๆ ไม่หวาดเสียว ไปได้ตามสั่ง คนที่ชอบขับรถจะชอบช่วงล่างแบบนี้ บู้ได้ ซิ่งได้ แต่ก็นุ่มด้วย กลมกล่อม แต่มีจุดสังเกตุนิดนึงน้ำหนักหน่วงกลางพวงมาลัยของchrเหมือนจะเบากว่าfiestaนิดนึง
ระบบความปลอดภัย (รุ่นท้อป HV Hi)
เอาอันที่ได้ใช้บ่อยๆจากมากไปน้อย
BSM blind spot monitoring พูดง่ายๆคือจะมีไฟเตือนที่กระจกมองข้าง เวลามีรถอยู่ข้างๆหรืออยู่ข้างหลัง ซึ่งบางทีเป็นจุดบอดที่ตามองไม่เห็นแต่รถใช้sensorช่วยdetect ทำให้เรามีความระมัดระวังในการเปลี่ยนเลนมากขึ้น แต่มันแค่กระพริบเตือนนะไม่ได้มีเสียงบิ้บๆแบบpajero sport ผมว่ามีเสียงเตือนด้วยจะเวริคกว่านี้
Lane keep assist
ระบบนี้ทำคนนิสัยไม่ค่อยดีเหวออยู่บ่อยๆ ระบบนี้จะรักษารถให้ไม่ออกนอกเลน ถ้าระบบdetectว่ารถเริ่มออกนอกเลนโดยไม่มีการเปิดไฟเลี้ยว รถจะดึงพวงมาลัยกลับเข้าเลนให้อัติโนมัติ ดังนั้นถ้าคุณขับรถเพลินๆแล้วคุณจะเปลี่ยนเลนไม่เปิดไฟเลี้ยว พวงมาลัยจะมีอาการขืนดึงกลับเล็กน้อย ต้องออกแรงหมุนมากขึ้นเพื่อเปลี่ยนเลน ดังนั้นจะเปลี่ยนเลนควรเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งครับ ^^
Adaptive cruise control
ระบบนี้ได้ใช้บ่อยตามทางวิ่งทางต่างจังหวัด motorway เซทความเร็วที่ต้องการจากนั้นก็ถอนเท้าออกมาไม่ต้องเหยียบอะไร รถจะประคองความเร็วให้อัตโนมัติ เมื่อคันหน้าวิ่งช้ากว่าความเร็วที่เราตั้งมันก็จะลดความเร็วช้าตามคันหน้า เรียกได้เราแค่ประคองพวงมาลัย ที่เหลือให้รถเร่งและเบรคเอง (แต่เราก็ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ มอไซ หมาตัดหน้า หรือของที่หล่อนกีดขวางถนน เจอก็ต้องหลบเองนะครับคุณ ไม่ใช่ว่ามีระบบนี้ละหยิบมือถือมาเล่นสบายใจนะ ตีตายเลย!!) ระบบนี้จำกัดความเร็วที่40km/hขึ้นไป ต่ำกว่า40ระบบจะตัดละต้องเบรคเอง เน้นย้ำว่าใช้ระบบนี้ก็ยังต้องมีสติ!!!
auto highbeam ระบบเปิดไฟสูงอัตโนมัติเมื่อทางข้างหน้าไม่มีรถสวน เมื่อมีรถสวนหรือมีรถขับอยู่ข้างหน้าจะลดไฟต่ำให้เอง ทำให้การขับรถกลางคืนปลอดภัยมากขึ้น
ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมเบรคอัตโนมัติ เมื่อมีเหตุไม่คาดฝัน เช่นคันหน้าเบรคกระทันหันแล้วคุณเหวอเหยียบเบรคไม่ทัน รถจะช่วยเบรคแทนคุณแบบเต็มแรง เบรคหัวทิ่ม แต่ระบบนี้ก็ไม่ได้การันตีว่ารถคุณจะไม่ชนคันหน้านะ มันก็มีlimitของมัน ระบบนี้ยังไม่เคยใช้เพราะเบรคเองก่อนตลอด
ถุงลม7ใบ อันนี้ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะได้ใช้เหมือนกัน และขอไม่ใช้จะดีกว่า
นอกนั้นก็ระบบทั่วไปที่รถสมัยนี้มีหมดแล้ว เบรคabs ระบบช่วยการทรงตัวvsc ...
สรุปเลยดีกว่าข้อดี-ดีไซน์หน้าตาที่โดดเด่นสะดุดตา เหมือนเอารถconcepมาวิ่งบนถนนจริง ขับไปใหนมีแต่คนมอง ขับแล้วรู้สึกพราว เพราะรถเท่
-ช่วงล่างที่โตโยต้าจะเซทมาได้ดีเหลือเชื่อ เกาะถนน นิ่งแน่นนุ่ม เข้าโค้งมั่นใจ ทางตรงความเร็วสูงไม่วอกแวก
-ระบบไฮบริดทำงานได้ราบเรียบไร้ที่ติ ตัดต่อกำลังเครื่องยนต์และมอเตอร์ได้แบบแนบเนียน ไม่กระตุก
-ความประหยัดน้ำมันที่ไม่น้อยหน้าeco carในทุกย่านความเร็ว ขับแบบคนปกติดีๆทั่วไปยังไงก็ได้มากกว่า20km/l
-optionความปลอดภัยที่เทียบเท่าcamryตัวtop ระบบช่วยเหลือต่างๆทำงานได้ดีและแม่นยำ adaptive cruise control, blind spot monitoring, lane keep assist,auto highbeam หลักๆ4อย่างนี้ได้ใช้บ่อยมาก
-เบาะหน้านั่งสบาย นั่งนานๆไม่ปวดหลัง (สำหรับผมพนักพิงศรีษะกำลังดี ไม่ดัน)
ข้อเสีย-อัตราเร่งที่เนิบเกินไป แต่ก็เข้าใจว่าทำดีที่สุดแล้วกับเครื่องบล้อกนี้กับภาษีco2 คงต้องรอเครื่องใหม่dynamic forceน่าจะทำได้ดีขึ้น
-การเก็บเสียงจากพื้นถนน ทำได้ไม่สมราคารถ เสียงยางเสียงถนนดังมากตั้งแต่ความเร็วแค่60 ยิ่งทางลาดยางแต่เนื้อถนนเป็นหินหยาบยิ่งชัด หวังว่าmodel yearถัดไปจะใส่วัสดุซับเสียงมามากขึ้น
-ชุดเครื่องเสียงuser interfaceไม่สวย เสียบusbที่บนชุดเครื่องเสียงโด่ๆเลย ไม่มีช่องเสียบusbซ่อนที่ใต้คอนโซล เสียงที่ออกมาก็แค่พอฟังได้ เสียงไม่ใส เบสค่อนข้างบวม
- คอนโซลหน้าซ้ายฝั่งผู้โดยสารยื่นล้ำออกมาค่อนข้างเยอะ ทำให้พื้นที่ฝั่งซ้ายน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
-เบาะหลังทึบมาก ถ้าให้sun roofมาอาจจะพอช่วยให้บรรยากาศดูโปร่งขึ้น หรืออาจมีตัวเลือกสีเบาะเป็นโทนเบจสว่างก็ดีต่อลูกค้าที่ไม่ชอบสีดำ
-ไม่มีตะขอแขวนผ้าที่เบาะหลัง เหตุจากจะขวางถุงลมรอบคัน
คำถามซื้อรุ่น1.8หรือรุ่นhvดีคำถามคาใจใครหลายๆคน ต้องบอกก่อนว่าถ้าใช้รถในระยะ10ปีสำหรับโตโยต้าไม่มีอะไรน่ากังวลในทั้ง2รุ่น โตโยต้าขึ้นชื่อเรื่องความทนและรถไฮบริดหลายๆรุ่นของโตโยต้าก็พิสูจน์มาแล้วว่ามันไม่จุกจิกอย่างที่หลายๆคนกลัว และตอนนี้โตโยต้ารับประกับตัวรถ5ปีในchrทุกรุ่น และรับประกันแบตเตอรี่hybrid 10ปีเต็ม แต่ถ้าหลัง10ปีขึ้นไปผมมองว่าตัว1.8จะได้เปรียบกว่า อะไหล่พวกอิเลกโทรนิกน้อยกว่า ช่างอู่นอกซ่อมง่ายและอะไหล่มีให้มากกว่าเพราะใช้เครื่องและเกียร์ร่วมกับaltis และที่สำคัญราคาขายต่อมือสอง1.8จะได้ราคากว่า
ต้องถามตัวเองก่อนว่าเป็นคนบ้ารถแรงๆหรือไม่ ใช้รถนานหรือไม่ อยากเอาไปติดแก้สทีหลังหรือไม่ แคร์ราคาขายต่อหรือไม่ ถ้าใช่ไป1.8ได้เลยตอบโจทย์ แต่แลกมาด้วยoptionบางส่วนที่หายไป
ส่วนถ้าใครสายชิล รับกับอัตราเร่งหนืดๆของคันนี้ได้ ใช้งานในเมืองรถติดหนักๆ นั่งชิลเงียบๆแอร์เย็นๆในรถโดยที่เครื่องยนต์ไม่ติดมากวนใจ ได้ความประหยัดน้ำมันที่มากกว่าหรือเท่ากับeco car ไฟหน้าไฟท้ายที่หล่อกว่าเบนซิน ชอบoptionความปลอดภัยที่มากกว่าและใช้งานได้จริง ไปhvแล้วจะไม่ผิดหวังครับ
*รถคันนี้เป็นรถทดลองขับทางtoyotaให้มาใช้7วันนะครับ ผู้เขียนไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใด รีวิวจากประสบการณ์ใช้งานจริงที่เจอ
**รูปทั้งหมดถ่ายจากโทรศัพท์มือถือถ้าไม่ชัดขออภัย