ผู้เขียน หัวข้อ: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน  (อ่าน 10606 ครั้ง)

ออฟไลน์ tokyo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 632
สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 21:26:32 »
คือผมเคยคุยเล่นกับพ่อว่า
ทำไมนายกต้องเรียนเกี่ยวกับการปกครองหรือกฏหมายอะไรเทือกๆนั้น
แล้วทำไมวิศวะ-หมอถึงไม่เป็นนายก

แล้ววิศวะ-หมอไปไกลสุดได้แค่ใหน
แล้วตอนเราจะเข้าม.4กันเนี่ยไอคนเก่งๆเทพๆมันไปสายวิทย์กันหมดเลยใช่มั้ยครับ
แต่รองลงมาก็ศิลป์คำนวณ คิล์ปภาษา

แล้วทำไมคนที่ตอนเรียนมีความเก่งเป็นรองถึงได้เป็นผู้นำ
แล้วต่างประเทศเขาเป็นแบบเราหรือป่าวครับ
แล้วประเทศเราเคยมีนายกที่จบจากสายวิทย์มาบ้างมั้ยครับ
ปล.ผมไม่ได้เจาะจงนักการเมืองนะครับ เป็นแค่การสงสัยไร้สาระ
07 mazda 3

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 21:32:37 »
ก็ถ้าพวกหมอเห็นได้เป็นประมาณ ปลัด รัฐมนตรี ประมาณนั้นครับ

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 21:37:24 »
ผมจบรัฐศาสตร์การปกครองแต่ตอนม.ปลายผมก็เรียนสายวิทย์นะครับ ห้องที่ผมเรียนตอนม.ปลายก็เป็นห้องเด็กเก่งที่สุดในโรงเรียน แต่พอตอนเอนทรานซ์แล้ว มีพวกไม่ได้ไปทางวิทย์โดยตรงเยอะอยู่ครับ ห้องผมเกือบ10คนเหมือนกันนะที่มาติดทางสายศิลป์ 

ออฟไลน์ gauygeng

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 76
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 21:42:20 »
สายวิทย์ ได้เปรียบที่ สอบเข้าได้ทุกคณะ แต่สายศิลป์ทำไม่ได้ เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่ยังหาตัวตนยังไม่เจอยังไม่รู้จะเรียนคณะอะไรดีในมหาวิทยาลัย

methus zaa

  • บุคคลทั่วไป
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 21:56:13 »
ผมเรียนสายศิลป์-จีน อังกฤษ ครับ เหตุผลง่ายๆผมไม่มีพื้นฐานเลขเลย แล้วอีกอย่างผมชอบเรียนอะไรที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากกว่า

ออฟไลน์ Wisidsak

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,260
  • My life is HONDA
    • ICONacc
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 22:02:56 »
มันคนล่ะทางกันนะครับ

คือถ้านึกเอา มันก็จะเมคเซนต์ นะ

ความใหญ่ไม่ใหญ่ ถ้ามองด้าน อำนาจ เมืองไทย แน่นอน เรียนทาง บริหาร เป็นใหญ่เป็นโต ตามความเข้าใจของเราแน่นอน

แต่ถ้ามองในประเทศอย่าง อเมริกา อังกฤษ อำนาจที่เค้ามี มันไม่ได้เป็น อำนาจบาทใหญ่เหมือนบ้านเราครับ มันเป็นอำนาจหน้าที่

ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตน
  ปังปอนด์ป่วน...คร๊าบ

ออฟไลน์ SignifeR

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,953
  • Impreza Type GDG WRX
    • ร้านหนังสือผ้าสำหรับเด็ก IGGY BOOK
    • อีเมล์
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 22:13:36 »
ผมว่าเจ้าของกระทู้จะเข้าใจอะไรผิดๆหมดเลยนะ

คุณต้องดูปูมหลังว่า แล้วใหญ่กว่านายกคือใคร.........คำตอบเมียนายก แล้วค่อยดูว่า เมียน่ายกจบสายอะไร
แต่จะบอกว่าสายอะไรก็ช่างมันเหอะ วิธีคิดคุณผิด คุณจะคิดแบบนี้ไม่ได้

เพราะทุกสายอาชีพล้วนพึ่งพาซึ่งกันและกัน ถามจริงๆ นายกแล้วรู้ทุกเรื่องหรือเปล่าก็ไม่นะครับ นายกมีที่ปรึกษา ไอ้ที่ปรึกษานี่บางคนจบ ป.4 ก็มี
คุณอาผมเป็นที่ปรึกษา รมต.อยู่ก็ไม่ได้จบสูง แต่ความสามารถสูง และเล่นการเมือง....

การเมืองไม่ได้ชี้วัดความเจริญของประเทศ แต่ความเจริญของคนในประเทศตะหากเล่าที่จะชี้วัด นักการเมือง
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011

ออฟไลน์ traveller

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 22:21:15 »
ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ประเทศไหนครับ
จีน หูจิ่นเป่า จบวิศวโยธาเซี่ยงไฮ้มั๊ง
อินเดีย ประธานาธิบดีซิงก์ จบเอกเศรษฐศาสตร์ฮาร์วาร์ด และเป็นอาจารย์สอนฮาร์วาร์ดอยู่ก่อนด้วย
อเมริกา ประธานาธิบดีโอบามา จบกฎหมายฮาร์วาร์ด

คนเรียนหมอ จบแล้วมีงานทำทุกคนครับ
คนเรียนรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ จบแล้วตกงาน มากกว่ามีงานทำครับ และส่วนน้อยที่มีงานทำ จะได้เป็นเจ้านายหมอที่รับราชการ
แต่หมอเก่ง เขาก็ไม่ทนต่อระบบราชการ ลาออกไปอยู่เอกชน ดังนั้น อำนาจจึงเอื้อมไปสั่งอะไรยากขึ้น
ส่วนหมอที่เก่งที่สุด ไปอยู่และทำงานเมืองนอกนานแล้ว และ ไม่ต้องสนใจ ผู้มีอำนาจในไทยแม้แต่คนเดียว
แต่ผู้มีอำนาจในไทย เจ็บป่วย ต้องบินไปหาหมอ ถึงเมืองนอกครับ
อำนาจ กับ ความเจ็บป่วยใกล้ตาย มีน้ำหนักต่างกันเยอะครับ

อาจารย์หมอที่เก่งแนวหน้า ยังเหนือว่า คนเรียนรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ที่ได้อำนาจในมือ ครับ
ที่สำคัญ เวลา อาจรรย์หมอป่วย จะมีลูกศิษย์หมอ รุมเข้ามาช่วยเหลือ ทุ่มสุดตัวสุดใจสุดฝีมือ กันเลยครับ
แต่ กับ ผุ้มีอำนาจนั้น หมอเก่ง ก็รักษาไปตามจรรยาบรรณ เท่านั้นเอง
เพราะหมอพวกนี้ ฉลาดมากพอที่จะรุ้ว่า คนไข้คนนี้ ได้อำนาจมาอย่างไร นั่นเอง

เตียงผ่าตัด กว้างยาวไม่เท่าไร
เวลานอนให้หมอผ่าท้องผ่าไส้ผ่าหัวใจ
อำนาจวาสนาใดใด ก็ ช่วยให้รู้สึกดี ไม่ได้หรอกครับ
มีแต่ ความมั่นใจในความดี ที่จะส่งตนไปชาติหน้า ถึงสวรรค์ชั้นฟ้าเท่านั้น ที่พอจะเป็นที่ปลอบใจคนนอนรอมีดหมอได้
คนมีอำนาจ มีโอกาสทำดีจริงๆ น้อยมากครับ
ดังนั้น คนพวกนี้ นอนบนเตียงผ่าตัด ด้วยความกลัว มากกว่า คนส่วนใหญ่ที่ไม่มีอำนาจแน่นอนครับ

ออฟไลน์ Chris Evn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,155
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 22:22:51 »
เด็กเก่งๆ สายวิทย์ สอบเข้ามหาวิทยาลัยด้านการปกครองเยอะครับ

เพราะฉะนั้น มันไม่เกี่ยวหรอกว่าสายไหนใหญ่

ออนไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,145
  • I'm............................
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 22:51:56 »
ทั้งสองสายนี่มันมีความสำคัญเหมือนกันหมดคับ
อย่างที่คุณ SignifeR บอกหนะคับ มันก็มีความสำคัญเท่าๆ กัน
การที่จะพัฒนาประเทศไปได้ มันก็ต้องพึ่งพาอาศัย ทั้งสองสายช่วยในการทำงาน ขับเคลื่อนพัฒนาพาประเทศไปด้วยกัน


Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ Nuttie

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 989
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 22:55:04 »
ที่สำคัญคือ

จะเรียนสายไหนก็แล้วแต่ จะเข้าคณะใดก็ตาม

ถ้าจบออกมาแล้ว ผลคือ คุมโรงงานของพ่อ เข้างานบริษัทเดียวกับแม่ หรือกิจการ งานอะไรก็ตามที่พ่อ แม่ หรือตัวเรา หวังไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้วว่า

จบแล้วต้องทำงานนี้ งานนั้น พูดง่ายๆคือ จะจบอะไรมา ก็ต้องมาทำงานกับพ่อแม่ มาบริหารกิจการที่บ้าน


3ปีกับชีวิต ม ปลาย 4-6 ปี กับชีวิตในมหาลัย เลือกที่เราชอบ และอยากเรียนเถอะครับ

ถ้าเลือกอะไรที่เป็นเรา เราชอบ ระยะเวลา 7 - 9 ปี ขึ้นสวรรค์ไปแล้วครึ่งนึงครับ แต่ถ้าคิดว่า ฉันต้องเข้าสายวิทย์ เรียนหมอ วิศวะ

แต่ใจไม่ชอบเลย เลือกเพราะว่า เรียนแล้วมันยากที่สุด ดูเก่งที่สุด 7-9 ปี ในชีวิต ม ปลาย และมหาลัย สำหรับผม ตกนรกทั้งเป็นเลยนะครับ


สรุปคือ ถ้าจบมาแล้วไม่คิดจะทำงานตรงสายที่เรียน ก็เลือกเรียนที่ชอบเถอะครับ จะได้มีความสุขกับการเรียน ^^

ปล. ทำพูดดีไปงั้นแหละ ผมเองยังไม่รู้เลย จะเข้าคณะ/มหาลัยไหนดี 55- -"

ออฟไลน์ SignifeR

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,953
  • Impreza Type GDG WRX
    • ร้านหนังสือผ้าสำหรับเด็ก IGGY BOOK
    • อีเมล์
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 23:27:26 »
ที่สำคัญคือ

จะเรียนสายไหนก็แล้วแต่ จะเข้าคณะใดก็ตาม

ถ้าจบออกมาแล้ว ผลคือ คุมโรงงานของพ่อ เข้างานบริษัทเดียวกับแม่ หรือกิจการ งานอะไรก็ตามที่พ่อ แม่ หรือตัวเรา หวังไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้วว่า
จบแล้วต้องทำงานนี้ งานนั้น พูดง่ายๆคือ จะจบอะไรมา ก็ต้องมาทำงานกับพ่อแม่ มาบริหารกิจการที่บ้าน
3ปีกับชีวิต ม ปลาย 4-6 ปี กับชีวิตในมหาลัย เลือกที่เราชอบ และอยากเรียนเถอะครับ
ถ้าเลือกอะไรที่เป็นเรา เราชอบ ระยะเวลา 7 - 9 ปี ขึ้นสวรรค์ไปแล้วครึ่งนึงครับ แต่ถ้าคิดว่า ฉันต้องเข้าสายวิทย์ เรียนหมอ วิศวะ

แต่ใจไม่ชอบเลย เลือกเพราะว่า เรียนแล้วมันยากที่สุด ดูเก่งที่สุด 7-9 ปี ในชีวิต ม ปลาย และมหาลัย สำหรับผม ตกนรกทั้งเป็นเลยนะครับ
สรุปคือ ถ้าจบมาแล้วไม่คิดจะทำงานตรงสายที่เรียน ก็เลือกเรียนที่ชอบเถอะครับ จะได้มีความสุขกับการเรียน ^^

ปล. ทำพูดดีไปงั้นแหละ ผมเองยังไม่รู้เลย จะเข้าคณะ/มหาลัยไหนดี 55- -"

ลองอ่านคอมเม้นต์ผมดูครับ....
http://www.headlightmag.com/webboard/index.php/topic,7158.20.html

ผมยังไ่ม่แก่ แต่จากประสบการณ์พ่อตายตอนยี่สิบกว่าๆ มันสอนให้ผมต้องรีบแก่ครับ เพราะมีภาระรับผิดชอบอีกมากรออยู่
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 02:29:16 »
เมียนายก สอนแคลที่จุฬาคับ ก้มหน้าก้มตาสอน ไม่เคยพูดเรื่องการเมืองเลย เอิ๊ก

ส่วนเรื่องใครใหญ่ ก็คงสายศิลป์ใหญ่แหละครับ  เพราะมันใช้สมองคนละแบบ สายวิทย์มันเรียนเรื่องธรรมชาติ แต่สายศิลป์เกี่ยวกับมนุษย์(ซึ่งคือพวกสายวิทย์ด้วย) สายวิทย์ใช้เครื่องมือวิทย์ แต่สายศิลป์ใช้คนเป็นเครื่องมือทำมาหากินครับ เพราะงั้นก็เลยใหญ่กว่า แต่ผมก็ชอบสายวิทย์มากกว่าเพราะมันสนุกดี*-*

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 07:31:04 »
ผมเรียนวิทย์มาครับ

ติดวิศวะที่ลาดกระบัง แต่ตอนนี้มาBBA Accounting ที่เอแบค
เนื่องจากผมผ่าตัดปอด เลยไม่เหมาะที่จะไปทางวิศวะ(ซึ่งเสี่ยงต่อปอดผม)

ไม่ผิดหวังครับ(ฟลุ๊กจริงๆ) ความบังเอิญ เป็นความโชคดีจริงๆ
เรียกเงินเดือนได้สูง ทุกบริษัทต้องการนักบัญชี
มีภาษาเป็นอาวุธ มีความรู้ด้านบริหารเป็นตัวเสริม
มีอาจารย์ดีๆคอยสั่งสอน ได้ความรู้ได้คำสอนจากคนหลายๆชาติ
ที่สำคัญ ได้พบกับอนาคตภรรยาเนี้ยแหละครับ ^^

เรียนวิทย์ มาทำไม(ว่ะ) -*-
แต่ก็แอบเสียใจเล็กๆครับ
คือผมเป็นคนบ้ารถเหมือนกัน เลยไม่ได้ทำอะไรที่ชอบ



เรียนในสิ่งที่ชอบ และมีประโยชน์ต่ออนาคตเราเถอะครับ
แต่บางอย่างมันเลือกไม่ได้จริงๆ เราต้องทำใจและปรับตัวเข้ากับมัน(เลือกวิทย์ไปก่อน เซฟสุด กลับตัวทัน)

ผมคิดว่า เรียนในสิ่งที่ดีก่อน แล้วค่อยตามฝันก็ได้ครับ
สิ่งที่ชอบ บางอย่างมันยึดเป็นอาชีพไม่ได้ครับ ทำเป็นงานอดิเรกก็ได้
แต่จะดีมากๆ ถ้าได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน

ผมเลือกที่จะเรียนบัญชี(ที่ผมทำได้ดีและมีประโยชน์ต่อตัวผม)
แต่ผมก็บ้ารถ ถึงแม้จะไม่ได้เรียนวิศวะมาก็ตาม
...แค่นี้ ก็มีความสุขแล้วครับ...

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 10:11:20 »
คนที่เรียนสายวิทย์ ค่อนข้างจะได้เปรียบเรื่อง พวกพ้อง และการยอมรับซึ่งกันและกันครับ
แต่ถามว่าเก่งที่สุดมั๊ย ไม่ครับ คนที่เก่งที่สุดคือ คนที่สมองซีกซ้ายและซีกขวามีความฉลาด
มากพอๆ กัน หมายความว่า เก่งทั้งวิทย์ทั้งศิลป์ว่างั้นเถอะ คนที่มีความสามารถทั้งสองด้าน
คือคนเหนือคนครับ เป็นนายกก็ได้ เป็นใครก็ได้ทั้งนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเรียนจบ หรือไม่จบอะไร
เกี่ยวที่ว่า สมอง นั้นฉลาดแค่ไหน ต่อให้จบพละก็เป็นนายกได้ ถ้ามีความฉลาดขนาดนั้น ส่วน
วิศวะ หมอ ทนาย พ่อค้า นักเศรษฐศาสตร์ พอเป็นนายกแล้ว สามารถเลือกคนเหล่านั้นมาช่วย
งานต่างๆ ที่เหมาะสมได้เลย

เรื่องระบบการศึกษา บางคนเก่งมากๆ แต่ไม่สามารถเข้ากับระบบการศึกษาที่คนกลุ่มๆ นึง set
มาเป็น package แบบนี้ได้ บางคนคิดว่าตัวเองโง่ แต่ที่จริงนั้นเก่งมากๆ Einstein ก็อาจจะเข้า
กลุ่มนั้นได้ แต่ไม่รู้เค้าถนัดด้านวิทย์ด้านเดียวรึเปล่านะ แต่คนเรานั้น จะมีชีวิตที่ perfect สมบูรณ์
ได้ ไม่ว่าจะชีวิตครอบครัว ตำแหน่งหน้าที่ การงาน และฐานะได้ จะต้องมีสมองที่ดีทั้งสองด้าน
จะดีแค่ด้านใดด้านนึงอย่างเดียวไม่ได้ สำหรับผมเหมือนคนๆ นั้นเป็นคนพิการ อาชีพที่ควรมีลักษณะ
ครบทั้งสองด้าน คือ นายกรัฐมนตรี และ CEO ของบริษัทต่างๆ เพราะทั้งสองอาชีพต้องมีความ bright
ตามแบบขงเบ้ง ซึ่งผมคาดว่าขงเบ้งน่าจะมี iQ ของสมองที่ดีเท่าๆ กันทั้งสองซีกนะครับ

ดังนั้น สายวิทย์ สายศิลป์-คำนวณ สายศิลป์ ซึ่งเป็นการคัดคนตามความถนัดของคนแค่กลุ่มๆ นึงที่
set ระบบการ ศึกษาของประเทศขึ้นมา มันไม่ได้ช่วยบอกได้เลยว่าใครเก่งกว่าใคร เพราะบางคน
ไม่สามารถซึมซับวิธีการสอนของอาจารย์ในระบบโรงเรียนปกติเลย แต่พอไปเจออาจารย์ข้างนอกที่สอน
แบบคนฉลาดสอนคนฉลาดเป็น คนๆ นั้นก็สามารถแตกฉานขึ้นมาได้ บางคนเกลียดภาษาอังกฤษไปเลย
เพราะคิดว่าตัวเองโง่ด้านภาษา แต่จริงๆ แล้ว อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษอาจจะสอนเป็นแค่แบบมาตรฐาน
ให้นักเรียนที่มีลักษณะเรียนรู้ทางภาษาแบบมาตรฐาน รับการสอนแบบมาตรฐานได้ แต่คนที่ฉลาดอาจไม่
สามารถซึมซับวิธีการสอนแบบมาตรฐาน ตามธรรมดาๆ ได้ ทั้งๆ ที่เค้าอาจมีศักยภาพ ที่เก่งกว่าคนทุกๆ คน
แต่ระบบการศึกษาทั่วไปก็ทำให้เค้าเข้าใจว่า เค้าโง่ด้านภาษาไปแล้ว....

เพราะฉะนั้นกรณีการศึกษาหาความรู้ ควรเป็นลักษณะ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" เพราะบางครั้ง การเรียนใน
โรงเรียนที่ล้มเหลว อาจทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิด คิดว่าตัวเองไม่ฉลาด ห้ามคิดแบบนั้นเด็ดขาด ต้อง
ลองศึกษาหาความรู้ในสไตล์ของตัวเองก่อน หาความรู้ในห้องสมุด ใน internet ก่อน

สรุปคือ อย่าเอาการศึกษาตามระบบไปจำกัดความ ความสามารถของแต่ละคน ยกตัวอย่างเช่น สายการเรียน
วิทย์ ศิลป-คำนวณ ศิลป เพราะ ลึกๆ แล้ว ระบบนี่แหล่ะที่เป็นตัวถ่วงความสามารถที่แท้จริงของแต่ละคนไป
เด็กชาย Einstein อาจจะสอบตกเลขทุกปีตั้งแต่ป.1 ยันมัธยม ถ้าเค้าคิดว่าเค้าโง่เรื่องการคำนวณ แล้วหันไป
ทุ่มเทด้านศิลปะ แค่นี้ก็เป็นความผิดของระบบการศึกษามาตรฐานปัจจุบันที่เป็นอยู่ละ หลายคนหันไปทุ่มเท
ด้านศิลปะ วาดรูปเก่งขึ้นมาได้ก็จริง แต่ vision ด้านศิลปะที่ไม่สามารถเรียนรู้จากระบบการศึกษาปกติ แต่ต้อง
ใช้ sense ของตัวเอง นั้น ห่วยบรม ยิ่งกว่าคนที่จบสายวิทย์ สามารถตีความได้ว่า เค้าอาจจะโง่ทุกด้านจริงๆ หรือ
แท้จริงแล้วเค้าอาจจะเป็นคนถนัดด้านวิทยาศาสตร์ก็ได้

ออฟไลน์ CRO

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 843
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 11:05:30 »
ไม่มีใครใหญ่กว่าใครหรอกครับ ต้องไปด้วยและพึ่งพาอาศัยกันกันทั้งหมด อย่างคุณจบวิดวะ เวลาแก้ไขปัญหาของเครื่องจักรต้องใช้วิทย์ แต่เวลาลูกน้องคุณมีปัญหาในที่ทำงานหรือส่วนตัวคุณก็ต้องใช้ศิลปะแก้ไขข้อดังกล่าว

"แล้วทำไมคนที่ตอนเรียนมีความเก่งเป็นรองถึงได้เป็นผู้นำ
แล้วต่างประเทศเขาเป็นแบบเราหรือป่าวครับ
แล้วประเทศเราเคยมีนายกที่จบจากสายวิทย์มาบ้างมั้ยครับ
ปล.ผมไม่ได้เจาะจงนักการเมืองนะครับ เป็นแค่การสงสัยไร้สาระ"

อันนี้ดูบุชจู๋(จูเนียร์) สิตอนหนุ่มๆมันเกย์(เกเรไม่ได้เป็นเกย์?)จะตายไป สุดท้ายยังได้เป็นเปรดซิเด้น เพราะพื้นฐานบ้านรวยมากๆ+พ่อเคยเป็น และ อะไรอีกหลายๆอย่างงิงิ

ออฟไลน์ IncarRus

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,519
    • อีเมล์
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 15:18:01 »
"อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" สรรพสิ่งบนโลก ล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีสิ่งใด จีรัง ยั่งยืน

ความฉลาดในทางโลก ยิ่งพูด ก็ยิ่งยาว ไม่มีที่สิ้นสุดครับ

ผมว่ามันเป็นยุคๆ ไปมากกว่าครับ
บางประเทศ ในบางช่วงเวลา อาจจะต้องการทางศิลป์มากกว่า
แต่พอเวลาผ่านไป อาจจะต้องการทางวิทย์มากกว่า
ผลัดกันขึ้น ผลัดกันลง ควบคู่กันไป มากกว่ากระมังครับ

ดังพระพุทธองค์ ตรัสไว้ว่า
"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ท่านจงอย่าได้ยึดมั่นในธรรม" เพราะอะไร เพราะธรรมะ คือทุกสิ่งทุกอย่าง
....ควาทุกข์ก็ธรรมมะ ความสุขก็ธรรมมะ ความรักก็ธรรมมะ ความเกลี่ยดก็ธรรมมะ ความชอบก็ธรรมมะ ไม่ชอบก็ธรรมมะ
....ทุกสิ่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เมื่อพิจารณาได้ดังนี้แล้ว ก็ให้ปล่อยวางเสีย

ออฟไลน์ TDCI

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 397
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 15:44:27 »
วิทย์-ศิลป์ ไม่สำคัญครับ

อยู่ที่จังหวะของชีวิต

เพราะสุดท้ายความเก่งในห้องเรียน

จะแพ้ความเก่งกาจในการใช้ชีวิตจริง

ส่วนการยกตัวอย่างนายกฯยิ่งแล้วใหญ่

แค่จบปริญญาตรีก็เป็นได้ทุกคน แต่สำคัญสุด "บารมี+เงิน" ครับ

นายกฯชวน,นายกฯสมัคร,นายกฯสมชาย จบนิติ
นายกฯจิ๋ว,สุจินดา,จอมพลป.,จอมพลถนอม,จอมพลประภาส,จอมพลสฤษดิ์,พล.อ.เกรียงศักดิ์ ฯลฯ จบรร.นายร้อย
นายกฯอานันท์จบกฏหมายจากเคมบริดจ์
นายกฯทักษณ "แม้วตท.10"
ที่น่าสนใจ นายกฯบรรหาร มาจบนิติรามปี 29 (มาเรียนตอนแก่)
"พี่มาร์ค" จบเศรษฐศาสตร์ ,นิติ

ก็ถือว่าคนเป็นนายกฯ จบมาหลากหลายสาขา

ปล.ผมเรียนสายศิลป์ ยังมีลูกน้องเรียนสายวิทย์หลายคนเลย

สรุปมันวัดไม่ได้ครับ

ไม่ต้องเรียนให้เก่งก็ได้ แต่ต้องเรียนให้รู้ ใช้ชีวิตให้เป็น รับรองไปโลด

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 15:56:15 »
"อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" สรรพสิ่งบนโลก ล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีสิ่งใด จีรัง ยั่งยืน

ความฉลาดในทางโลก ยิ่งพูด ก็ยิ่งยาว ไม่มีที่สิ้นสุดครับ

ผมว่ามันเป็นยุคๆ ไปมากกว่าครับ
บางประเทศ ในบางช่วงเวลา อาจจะต้องการทางศิลป์มากกว่า
แต่พอเวลาผ่านไป อาจจะต้องการทางวิทย์มากกว่า
ผลัดกันขึ้น ผลัดกันลง ควบคู่กันไป มากกว่ากระมังครับ

ดังพระพุทธองค์ ตรัสไว้ว่า
"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ท่านจงอย่าได้ยึดมั่นในธรรม" เพราะอะไร เพราะธรรมะ คือทุกสิ่งทุกอย่าง
....ควาทุกข์ก็ธรรมมะ ความสุขก็ธรรมมะ ความรักก็ธรรมมะ ความเกลี่ยดก็ธรรมมะ ความชอบก็ธรรมมะ ไม่ชอบก็ธรรมมะ
....ทุกสิ่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เมื่อพิจารณาได้ดังนี้แล้ว ก็ให้ปล่อยวางเสีย

คำพูดแบบนี้ก็อาจจะเข้าเรื่องอาชีพอย่างเดียวนะครับ แต่ผมอยากจะอธิบายถึง
ความสามารถของสมองคนเรามากกว่า สำหรับด้านวิทย์ กับศิลป์ มันจะอยู่กันคนล่ะซีก
เลยซึ่งเราควรจะฝึกความถนัดทั้งสองทางให้ควบคู่กันไปครับ ทิ้งอย่างใดอย่างนึงไปไม่ได้
สมัยพุทธกาล สมัยเรเนอซองส์ และสมัยโบราณๆ คงทำได้ ที่ทั้งยุคมีแต่ศิลปิน ทั้งยุคมีแต่นักประดิษฐ์

วิศวกร ถ้าขาดอารมณ์แบบศิลปะ ก็จะสร้างอะไรที่แข็งๆ ออกมา นักวิทยาศาสตร์ถ้าไม่มี
ความคิดอ่านศิลปะ รู้จักอารมณ์ความรู้สึกของคนหมู่มาก ก็จะประดิษฐ์แต่ของไร้สาระที่
ไม่มีประโยชน์ต่อคนหมู่มากออกมา ผู้นำประเทศที่เก่งด้านวิทยาศาสตร์คิดด้วยเหตุและ
ผลมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกและอารมณ์ของประชาชนก็อาจถูกต่อต้านได้
คนที่ดีแต่ศิลปะ ศิลปินที่มีแต่อารมณ์มากเกินไป ก็จะสร้างผลงานที่เข้าถึงยากเกินไป
ออกมา หัวหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก แต่ขาดความคิดแบบมีเหตุมีผล ก็จะไม่สามารถ
ทำตามแผนของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ อธิบายลูกน้องด้วยเหตุด้วยผลไม่ได้

เคยดูหนังก็เห็นบ่อยๆ ใช่มั๊ยครับ วิศวกรงี่เง่า ไม่เข้าใจความรู้สึกอารมณ์ผู้อื่น  
ศิลปินปัญญาอ่อน คิดจากเหตุไปผลไม่เป็น พูดจาด้วยไม่รู้เรื่อง ถ้าสังคมมีแต่คนแบบนี้
สังคมมนุษย์เราคงสูญสลายไปนานแล้ว

Leonardo Davinci ก็เก่งทั้งด้านศิลปะ และด้านวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นนักประดิษฐ์
อย่าง J.K.Rowling หลายคนอาจจะคิดว่า Harry Potter ดังมากๆ เพราะจินตนาการและ
ความสามารถด้านศิลปะ ล้วนๆ แต่ความจริงผมว่าเธอต้องมีซีกด้านวิทย์ซ่อนอยู่มากพอๆ กัน
ที่จะสามารถเล่าเรื่องเป็นเหตุเป็นผลซับซ้อนได้เหนือกว่าคนอื่นๆ

ลองนึกถึงคนที่ยอดเยี่ยมแต่ละคนที่ผ่านมาในชีวิตของเราดีๆ สิครับ ไม่มีใครเป็นพวกวิทย์ล้วนๆ
หรือศิลป์ล้วนๆ หรอก ผมหมายถึงด้านความคิดนะครับ ไม่ต้องชัดเจนขนาดเป็นอาชีพ เช่นเป็นทั้งหมอ กับ
นักวาดการ์ตูนในคนๆ เดียวกัน ที่จริง Tezuka Osamu คนวาดเรื่อง เจ้าหนูปรมาณู ก็จบแพทย์เหมือนกัน
แต่มาวาดการ์ตูน จะเห็นได้ว่า คนที่ยอดเยี่ยม คนที่ร่ำรวย คนที่อัจฉริยะ ควรจะมีสมองทั้งซีกขวา ซีกซ้าย
เก่งพอๆ กัน ลองย้อนดูตัวเราเองด้วย ถ้าหากเราเก่งแต่คำนวณ เก่งแต่วิทยาศาสตร์ ก็ควรจะไปหัดเล่น
ดนตรี หัดวาดรูป ดูบ้างมั๊ย ถ้าเราถนัดด้านศิลปะ ด้านดนตรี เราควรจะเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี ด้าน
วิทยาศาสตร์ ด้านคำนวณดูบ้าง ดีกว่าให้สมองอีกซีกที่ไม่ถนัดของเราต้องเหี่ยวแห้ง ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์
ในเวปนี้ คนที่ใช้สมองทั้งสองซีกชัดๆ ก็มีหลายๆ คน แต่อย่างพี่ P_wut นี่คิดแบบสมองซีกซ้าย หรือวิทย์เป็นหลักเลย
นานๆ จะเห็นแกออกความเห็นจากสมองซีกขวามาซักที แต่ละคน คิดว่าตัวเองถนัดซีกไหนครับ หรือว่าถนัดทั้งสองซีก  ;D



ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 16:08:47 »
คือผมเคยคุยเล่นกับพ่อว่า
ทำไมนายกต้องเรียนเกี่ยวกับการปกครองหรือกฏหมายอะไรเทือกๆนั้น
แล้วทำไมวิศวะ-หมอถึงไม่เป็นนายก

แล้ววิศวะ-หมอไปไกลสุดได้แค่ใหน
แล้วตอนเราจะเข้าม.4กันเนี่ยไอคนเก่งๆเทพๆมันไปสายวิทย์กันหมดเลยใช่มั้ยครับ
แต่รองลงมาก็ศิลป์คำนวณ คิล์ปภาษา

แล้วทำไมคนที่ตอนเรียนมีความเก่งเป็นรองถึงได้เป็นผู้นำ
แล้วต่างประเทศเขาเป็นแบบเราหรือป่าวครับ
แล้วประเทศเราเคยมีนายกที่จบจากสายวิทย์มาบ้างมั้ยครับ
ปล.ผมไม่ได้เจาะจงนักการเมืองนะครับ เป็นแค่การสงสัยไร้สาระ

ลักษณะของคนที่จะเป็นนายกได้ และเป็นได้นาน ต้องเป็นคนที่มี
ความฉลาดของสมองทั้งสองซีกพอๆ กันครับ ส่วนใครจะได้เป็นหรือไม่
มันอยู่ที่ โอกาส ที่ บารมี บารมีในความหมายของการสั่งสมผลงานคุณความดี
แต่ถ้าเป็นบารมีที่แปลว่า มีพรรคมีพวก มีเงินมีทอง อันนี้ ก็ขึ้นเป็นนายกได้
แต่อาจอยู่ได้ไม่นาน เพราะไม่นาน ฝั่งตรงข้ามก็ต้องมาล้ม อยู่ที่ว่าใครชวน
ใครเป็นพรรค เป็นพวกได้มากกว่า อย่างกรณี เพื่อนเนวินไง
หากเป็นนายกด้วย อำนาจบารมีที่เล่นพรรคพวก บารมีแบบนี้มันอยู่ได้ไม่นาน
แต่ถ้าเป็นบารมีคุณความดี ที่มีแต่ทำความดีสั่งสมมานาน นายกแบบนี้ อยู่ได้
นาน และเป้นที่นับถือไปตลอด อย่างคุณอานันท์ ปันยารชุน เวลาบ้านเมืองมี
ปัญหา เอะอะอะไรก็จะเชิญท่านกลับมาเป็นนายก

คุณอานันท์เป็นคนที่สมองซีกซ้ายขวาทำงานได้ยอดเยี่ยมสุดยอด เพราะแกเคยเป็น
CEO ที่ยอดเยี่ยมของสหยูเนี่ยน คนจะเป็น CEO ได้ สมองสองซีกต้องทำงานได้
ระดับสุดยอดอยู่แล้ว แล้วพอได้มาเป็นนายก ฝีมือการบริหารก็ถือว่าดีมากเช่นกัน

สรุปว่า ถ้าคุณ tokyo ไม่ต้องสนใจ เรื่องเลือกสาย อะไรมากขนาดนั้นหรอกครับ
มันไม่เกี่ยวกันเลย มันอยู่ที่สมองของแต่ล่ะคนมากกว่า และควรถนัดทั้งสองซีกด้วย
และเมื่อเรียนจบระดับสูงๆ มาแล้ว สามารถนำความรู้มาใช้ได้สุดยอดขนาดไหน ถ้ายิ่งบริหารเป็น
หรือสามารถ คิดระดับ CEO ได้ จากนั้น หากมีเส้นทาง หรือมีโอกาส การเป็นนายกก็สามารถทำได้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2010, 16:13:16 โดย ned »

ออฟไลน์ tokyo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 632
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 16:23:36 »
เอ่อ คือว่าหลายคนกำลังเข้าใจผมผิด
ผมตั้งคำถามแค่อยากรู้เฉยๆครับ เพราะตอนนี้อยู่ม.6สายวิทย์ไปแล้ว แต่ที่จริงความคิดของผมตอนม.3คืออยากเรียนสายอาชีพ เพราะไม่อยากอยู่กับหนังสือ แต่พ่อ-แม่ให้เรียนสายวิทย์  ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่าผมไปถูกทางแล้วครับ

แต่ก็ยังมีอีกคำถามที่ค้างคาใจอยู่เหมือนกันว่าผมควรเรียนสาขาอะไรต่อ
เพราะรูแค่ว่าอยากอยู่กับรถ ชอบเวลาได้แกะรถ เปลี่ยนลูกสูบ เปลี่ยนแคม อะไรแนวๆนั้น
ยอมรับว่าเป็นเด็กแว็นซ์(หมายถึงโมรถแรงนิดนึง แต่เสียงไม่ดังคือรถผมนี่เสียงเดิมๆเลยและไม่เคยไปแข่งกับใครทั้งสิ้น) และที่สำคัญผมยังไม่ได้เรียนไฟฟ้าเล้ยย  >:( ผลมาจากการย้ายรร.ตามคุณพ่อตอนม.6
07 mazda 3

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 16:32:15 »
ยกตัวอย่าง Honda ก็ได้

Soichiro Honda คือนักประดิษฐ์อัจฉริยะแห่งยุค
แต่ Honda ไปไม่รอด และยิ่งใหญ่แบบทุกวันนี้แน่นอน หากขาดคู่หู
ซึ่งมีความเป็น CEO อย่างเปี่ยมล้น อย่าง Takeo Fujisawa
ผู้ซึ่งผมให้เครดิตว่าเป็นขงเบ้งประจำตัวของ Honda เลยแหล่ะ
Fujisawa เป็นคนที่มีความคิดมีเหตุมีผลดังนั้นจึงมีความสามารถ
ในการวิเคราะห์อย่างยอดเยี่ยมของสมองซีกซ้าย หรือด้านวิทย์
ส่วนด้านขวา หรือด้านศิลป์ Fujisawa เป็นคนเข้าใจจิตใจของผู้อื่น
จิตใจของวิศวกร จิตใจของพนักงานในบริษัท เจ้าหนี้ ลูกหนี้ และลูกค้า
และมีศิลปะด้านการพูดและการต่อรองที่ยอดเยี่ยม

คนที่มีสมองซีกซ้าย และซีกขวาทำงานร่วมกันได้ดี จึงเป็นเหมือนตัว
ผสานมวลมนุษยชาติ เพราะเค้าจะเป็นคนที่รู้ความคิดอ่านของคนที่มี
ความคิดแบบวิทย์สุดๆ กับคนที่มีความคิดแบบศิลป์สุดๆ ได้ ถึงแม้ความ
ฉลาดจะแค่ระดับปานกลาง แต่ถ้าทั้งสองซีกทำงานร่วมกันแบบพอๆ กัน
ก็จะเหนือกว่าคนที่เก่งแค่ซีกเดียวแบบสุดๆ ได้

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 16:46:06 »
เอ่อ คือว่าหลายคนกำลังเข้าใจผมผิด
ผมตั้งคำถามแค่อยากรู้เฉยๆครับ เพราะตอนนี้อยู่ม.6สายวิทย์ไปแล้ว แต่ที่จริงความคิดของผมตอนม.3คืออยากเรียนสายอาชีพ เพราะไม่อยากอยู่กับหนังสือ แต่พ่อ-แม่ให้เรียนสายวิทย์  ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่าผมไปถูกทางแล้วครับ

แต่ก็ยังมีอีกคำถามที่ค้างคาใจอยู่เหมือนกันว่าผมควรเรียนสาขาอะไรต่อ
เพราะรูแค่ว่าอยากอยู่กับรถ ชอบเวลาได้แกะรถ เปลี่ยนลูกสูบ เปลี่ยนแคม อะไรแนวๆนั้น
ยอมรับว่าเป็นเด็กแว็นซ์(หมายถึงโมรถแรงนิดนึง แต่เสียงไม่ดังคือรถผมนี่เสียงเดิมๆเลยและไม่เคยไปแข่งกับใครทั้งสิ้น) และที่สำคัญผมยังไม่ได้เรียนไฟฟ้าเล้ยย  >:( ผลมาจากการย้ายรร.ตามคุณพ่อตอนม.6

ตัดสินใจถูกแล้วครับ ที่ตอนนี้มาทาง ม.6 สายวิทย์แล้ว เรื่องรถพวกนั้นถ้าสนใจจริงๆ เรียนเอาเองก็ได้ครับ

สรุปเลือกเรียน วิศวะเครื่องกลครับ จบมา Toyota ชอบ หรือเปลี่ยนแนวเป็นแนว เศรษฐศาสตร์ อันนี้จบมา Toyota ก็ชอบครับ
ผมอยู่ Toyota มา สองสาขานี้ Toyota ชอบที่สุดแล้วครับ  ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2010, 16:52:14 โดย ned »

ออฟไลน์ tokyo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 632
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 17:37:04 »
พี่ครับแล้วถ้าจบเครื่องกลไปอยู่ในโตโยต้าแล้วเราจะเป็นคนทำหน้าที่อะไรเหรอครับ
07 mazda 3

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2010, 23:30:07 »
ผมจบสายศิลป์ อังกฤษ-ไทย-ญี่ปุ่น  เรียนมหาลัยเข้ารัฐประศาสนศาสตร์ แต่เป้าหมายหลังจบมหาลัยจะไปเรียนต่อสถาบันการบิน

พลเรือน  กลัวๆอยู่เหมือนกัน
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:43:48 »
พี่ครับแล้วถ้าจบเครื่องกลไปอยู่ในโตโยต้าแล้วเราจะเป็นคนทำหน้าที่อะไรเหรอครับ

จบนี่ก็ได้ครับ วิศวะยานยนต์จุฬาครับ แบบนี้ยิ่งดีเลย เพื่อนๆ จุฬาใน Toyota ก็เยอะครับ

จบแล้วเข้าไปอยู่ใน Toyota เค้าไม่สนว่าถนัดอะไรมาหรอกครับ
เข้าไปแล้วก็ต้องไปเรียนรู้อะไรต่างๆ ใหม่หมด เหมือนเป็นโรงเรียนชีวิต
บอกได้เลยว่าหลายๆ คนเข้าไปแล้ว จบวิศวะมา แต่ลงท้ายอาจลงไปทำงาน
เอกสาร ไม่ก็ทำงาน project ตามความคืบหน้าต่างๆ ตามงาน supplier ต่างๆ
ทำนองนี้ ถ้าผ่านเข้าไปแล้ว ก็บอกไปเลย ว่าอยากทำเกี่ยวกับ Product Development
ที่นั่นจะได้คลุกคลีกับ designer, ชิ้นส่วน, รถยนต์ทั้งคัน ใช้ความสามารถทางวิศวกรล้วนๆ

ออฟไลน์ tokyo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 632
Re: สาย วิทย์VSศิลป์ ใครใหญ่กว่ากัน
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 14:22:15 »
ขอบคุณมากครับพี่ แต่จุฬาสำหรับผมคงเป็นได้แค่ฝันจริงๆ
เพราะย้ายรร.ไปๆมาๆ เลยไม่ได้เรียนไฟฟ้า และ เดือนกรกฏาที่ผ่านมาก็ขาดเรียนทั้งเดือน
เนื่องจากผ่าตัดตามา แต่ยังไงก็จะพยายามดูครับ
07 mazda 3