ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าbattery รถไฟฟ้าราคาราว6แสนราคารถ1.2 ล้านบาท พอ 5 ปีผ่านไปมือสองเท่าไหร่ครับ ?  (อ่าน 12323 ครั้ง)

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
คิดราคาอ้างอิงเลขกลม ๆ ครับ

ออฟไลน์ Amnaj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 511
ต้องลองถามตัวเองครับ ว่าเป็นเรายินดีซื้อที่กี่แสน หลายๆคนเข้า ก็จะเป็นราคาตลาด

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
Re: ถ้าbattery รถไฟฟ้าราคาราว6แสนราคารถ1.2
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2019, 12:48:30 »
        แบตเตอรี่รถไฟฟ้าประกันเกิน 5 ปี เพราะฉะนั้นรถไฟฟ้าอายุ 5 ปี ค่าเสื่อมราคาแบตเตอรี่ยังไม่มี  หักค่าเสื่อมราคารถอย่างเดียว  อุปกรณ์ชิ้นส่วนระบบขับเคลื่อนมีน้อย  ค่าเสื่อมราคาคงไม่มาก  น่าจะลดไปสักสองสามแสนมั๊ง

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,641
    • อีเมล์
ผมว่าราคามือสองของรถในยุค ev จะตกมากกว่ายุคนี้อีกเยอะพอควร คล้ายมือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆที่พออายุเยอะ เทคโนฯพัฒนาเร็ว สินค้ามือสองหมดความคุ้มค่าที่จะซื้อหามาใช้

นี่คงเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ผลิตยังชะลอดูทิศทางกัน คหสต ผมก้อประมาณนี้ครับ

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
Re: ถ้าbattery รถไฟฟ้าราคาราว6แสนราคารถ1.2 ล้า
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2019, 13:02:59 »
พิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อ MG ZS EV 1,000 คันแรก รับโปรโมชั่นดังนี้
•รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
•ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
•ฟรี MG Home Charger มูลค่า 45,000 บาท
•ฟรี ค่าติดตั้ง 20,000 บาท
http://www.headlightmag.com/official-price-mg-zs-ev-thailand/

ออฟไลน์ zipp

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 320
ดูตลาดรถEVมือสองในจีนเค้าเป็นตัวอย่างได้มั้ย ว่าเป็นไงบ้าง

ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,595
  • may the force lead your way ...
คิดตัวเลขง่ายๆครับ 1.2 ล้าน คาดหวังใช้ 8 ปี
ตกปีละ 150,000 บาท

คิดว่าหลัง 5 ปี(750,000) = 450,000 บาทครับ  :o
อันนี้คือคิดว่าราคาดีแล้วด้วยนะครับ

----------

Q:ทำไมเหมือนคิดทื่อๆ
A:หลัง 8 ปี มีใครประกันว่าจะไม่มีอะไรเสียบ้าง
ถ้าแบตเสียหลัง 8 ปีมูลค่ายิ่งไม่น่าเหลือเข้าไปอีก

ทั้งจากเทคโนฯแบตที่เก่า
จากอินเวอร์ทเตอร์ที่ใช้มานานด้วย
ยังมีมอเตอร์ที่เริ่มเก่าแล้ว และตัวรุ่นใหม่น่าจะแรงกว่าประหยัดกว่า

ประเด็นคือบอดี้ ลักษณะการใช้งาน มันคลาสสิคจนน่าซ่อมแค่ไหนต้องรอดูกันอีกหน่อยครับ
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ bongo

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 118
    • อีเมล์
มีหลายปัจจัยที่ต้องมาคิดนะครับ
1. ถ้าวันนี้แบตเตอรี่ราคาหกแสน อีกห้าปีก็จะมีแนวโน้มลดลงไปอีกและอาจจะได้แบตเตอรี่สูตรใหม่ที่เก็บพลังงานได้มากกว่าเดิมอีก เช่นตอนนี้ MG ZS EV ใช้แบตเตอรี่ Lithium Nickel Cobalt Manganese แบบ NCM 523 ที่สามารถเก็บพลังงานได้ 44.5 kWh แต่ช่วงปลายปีนี้ผู้ผลิตแบตเตอรี่จะเริ่มผลิตแบตเตอรี่แบบ NCM 811 ซึ่งถ้า MG ZS EV เอามาใช้ก็น่าจะได้แบตเตอรี่ขนาด 51 kWh ระยะวิ่งก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก
    ดังนั้นอีก 5 ปี แนวโน้มราคาแบตเตอรี่น่าจะถูกลงและได้แบตเตอรี่ที่เก็บพลังงานได้เยอะขึ้นด้วย
2. แบตเตอรี่ NCM 523 จะมี life cycle เหลือ 80% ที่ประมาณ 1800 cycles หรือ 1400 cycles ถ้าเวลาใช้งานแล้วแบตเตอรี่มีอุณหภูมิ 45C
อันนี้เนื่องจาก MG ZS EV มีระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ด้วยน้ำ ให้ตีว่า life cycle ที่จะหล่นลงมาอยู่ที่ 80% อาจจะอยู่ที่ 1600 (ตีเป็นค่ากลางๆละกัน)
ใน 1 cycle รถจะสามารถวิ่งได้ที่ 260km (รอดูมาตรฐาน WLPT อยู่ แต่คิดว่าน่าจะอยู่ราวๆนี้) แต่เนื่องจากมันจะค่อยๆลดลงเมื่อใช้ไปเรื่อยๆ ดังนั้นช่วง 80-100% คิดว่าค่าเฉลี่ยของระยะทาง/cycle น่าจะหล่นไปอยู่ที่ 234km ดังนั้น แบตเตอรี่น่าจะลงมาอยู่ที่ 80% เมื่อใช้งานไปประมาณ 234*1600 = 374400km ซึ่งช่วงนั้นชาร์จครั้งนึงจะวิ่งได้ประมาณ 208km
   อันนี้ต้องดูเรื่องว่ามือสองคันนั้นวิ่งไปแล้วเท่าไร รถมี TMS (Thermal Management system) แบบไหน คืออย่าง Nissan leaf รุ่นปัจจุบันเนี่ย มันเป็น Passive cooling อันนี้จะถือว่ามีความเสี่ยงที่แบตเตอรี่จะเสื่อมก่อนชาวบ้าน ส่วน MG ZS EV, Hyundai Kona electric เป็น Active cooling อันนี้น่าจะเสื่อมช้ากว่า (ทั้ง Leaf และ ZS EV ใช้ NCM 523 ส่วน Hyundai จะมีใช้ทั้งแบบ NCM 523, 622)


ออฟไลน์ harvard

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 100
ใช้ hybrid อยู่ 5 ปีผ่านไป ราคาเหลือ 25% นี่แค่แบตราคา 8 หมื่น ยังอยู่ในประกัน 10 ปีนะครับ
รถไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึง ถ้าให้เดาราคาน่าจะเหลือ 15%

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
เป็นคำถามที่น่าสนใจ  ผมก็เคยลองคิดๆๆๆ  คิดไม่ออกเลยครับ

ออฟไลน์ CJ.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,946
เป็นคำถามที่น่าคิดนะครับ ผมเคยขาย G9 hybrid tech ก่อน mc ได้ 9 แสนเองครับ
ถ้าเป็น EV น่าคิดจริงๆ เพราะถ้ามองแล้วรถ EV มือสอง ไม่น่าซื้อสำหรับผมเลยครับ
2005 Jaguar XJ Super V8
2005 Mercedes-Benz C230 Kom. Sports Coupe
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Honda CR-V 2.4S
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Lexus IS300h Luxury
2021 Mercedes-Benz GLE 350de 4MATIC Exclusive
2021 Porsche 911 Carrera S

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
Re: ถ้าbattery รถไฟฟ้าราคาราว6แสนราคารถ1.2
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2019, 15:31:36 »
ใช้ hybrid อยู่ 5 ปีผ่านไป ราคาเหลือ 25% นี่แค่แบตราคา 8 หมื่น ยังอยู่ในประกัน 10 ปีนะครับ
รถไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึง ถ้าให้เดาราคาน่าจะเหลือ 15%

     ไฮบริดราคาตกกว่ารถไฟฟ้าแท้ๆครับ  รถไฮบริดมีชิ้นส่วนที่ต้องบำรุงรักษาเยอะเหมือนรถยนต์ทั่วๆไป  แต่เพิ่มระบบไฮบริดกับแบตเตอรี่เข้ามา ถ้าระบบใดระบบหนึ่งเสีย  รถยนต์ใช้ไม่ได้เลย  ค่าบำรุงรักษาจึงสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วๆไป  คนที่ซื้อรถมือสองส่วนใหญ่เงินน้อย  ต้องการรถที่ค่าบำรุงรักษาต่ำจึงหลีกเลี่ยงรถไฮบริด  รถไฮบริดมือสองจึงราคาตกเยอะ  แต่รถไฟฟ้าแท้ๆ  ไม่มีเครื่องยนต์  ไม่มีเกียร์  ไม่มีระบบระบายความร้อน  ไม่มีระบบระบายไอเสีย  ไม่มีเพลา  ชิ้นส่วนที่จะต้องซ่อมบำรุงต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เยอะ  มอเตอร์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวน้อยกว่าเครื่องยนต์เยอะ  โอกาสเสียยากกว่า  ทนกว่า 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 13, 2019, 15:33:08 โดย Smith686 »

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,953
    • อีเมล์
Re: ถ้าbattery รถไฟฟ้าราคาราว6แสนราคารถ1.2
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2019, 15:40:30 »
มีหลายปัจจัยที่ต้องมาคิดนะครับ
1. ถ้าวันนี้แบตเตอรี่ราคาหกแสน อีกห้าปีก็จะมีแนวโน้มลดลงไปอีกและอาจจะได้แบตเตอรี่สูตรใหม่ที่เก็บพลังงานได้มากกว่าเดิมอีก เช่นตอนนี้ MG ZS EV ใช้แบตเตอรี่ Lithium Nickel Cobalt Manganese แบบ NCM 523 ที่สามารถเก็บพลังงานได้ 44.5 kWh แต่ช่วงปลายปีนี้ผู้ผลิตแบตเตอรี่จะเริ่มผลิตแบตเตอรี่แบบ NCM 811 ซึ่งถ้า MG ZS EV เอามาใช้ก็น่าจะได้แบตเตอรี่ขนาด 51 kWh ระยะวิ่งก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก
    ดังนั้นอีก 5 ปี แนวโน้มราคาแบตเตอรี่น่าจะถูกลงและได้แบตเตอรี่ที่เก็บพลังงานได้เยอะขึ้นด้วย
2. แบตเตอรี่ NCM 523 จะมี life cycle เหลือ 80% ที่ประมาณ 1800 cycles หรือ 1400 cycles ถ้าเวลาใช้งานแล้วแบตเตอรี่มีอุณหภูมิ 45C
อันนี้เนื่องจาก MG ZS EV มีระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ด้วยน้ำ ให้ตีว่า life cycle ที่จะหล่นลงมาอยู่ที่ 80% อาจจะอยู่ที่ 1600 (ตีเป็นค่ากลางๆละกัน)
ใน 1 cycle รถจะสามารถวิ่งได้ที่ 260km (รอดูมาตรฐาน WLPT อยู่ แต่คิดว่าน่าจะอยู่ราวๆนี้) แต่เนื่องจากมันจะค่อยๆลดลงเมื่อใช้ไปเรื่อยๆ ดังนั้นช่วง 80-100% คิดว่าค่าเฉลี่ยของระยะทาง/cycle น่าจะหล่นไปอยู่ที่ 234km ดังนั้น แบตเตอรี่น่าจะลงมาอยู่ที่ 80% เมื่อใช้งานไปประมาณ 234*1600 = 374400km ซึ่งช่วงนั้นชาร์จครั้งนึงจะวิ่งได้ประมาณ 208km
   อันนี้ต้องดูเรื่องว่ามือสองคันนั้นวิ่งไปแล้วเท่าไร รถมี TMS (Thermal Management system) แบบไหน คืออย่าง Nissan leaf รุ่นปัจจุบันเนี่ย มันเป็น Passive cooling อันนี้จะถือว่ามีความเสี่ยงที่แบตเตอรี่จะเสื่อมก่อนชาวบ้าน ส่วน MG ZS EV, Hyundai Kona electric เป็น Active cooling อันนี้น่าจะเสื่อมช้ากว่า (ทั้ง Leaf และ ZS EV ใช้ NCM 523 ส่วน Hyundai จะมีใช้ทั้งแบบ NCM 523, 622)



    ผมยังคิดว่ารถไฟฟ้าน่าจะอัพเกรดได้ง่ายกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์นะ  รถที่ใช้เครื่องยนต์ถ้าเราจะเปลี่ยนเครื่องให้แรงขึ้น  เราต้องดูว่าเกียร์จะรับแรงเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นได้หรือเปล่า  ต้องเปลี่ยนท่อไอเสียด้วย  เปลี่ยนเฟืองท้าย ระบบระบายความร้อนอีกล่ะ  หรือถ้าเครื่องแรงขึ้นเยอะ  ขนาดเครื่องใหญ่ขึ้น  หนักขึ้น ช่วงล่างด้านหน้า  อย่างสปริงกับโช้กต้องเปลี่ยนด้วย  ส่วนรถไฟฟ้าเปลี่ยนมอเตอร์อย่างเดียวใช่หรือเปล่า  แบตเตอรี่ติดรถจุไฟฟ้าได้ไม่มาก  เราเปลี่ยนแบตรุ่นใหม่ที่จุไฟฟ้าได้มากกว่าได้เลยใช่หรือเปล่า  แบตรุ่นใหม่น่าจะราคาถูกลง จุไฟฟ้าได้มากขึ้นด้วยนะ  หรือถ้าเสียดายแบตเก่า  เอาแบตใหม่มาต่อพ่วงเลยได้มั๊ย  ผมว่าการอัพเกรดรถไฟฟ้าน่าจะง่ายกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แท้ๆนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 13, 2019, 15:42:43 โดย Smith686 »

ออฟไลน์ Mp4_007

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 787
Re: ถ้าbattery รถไฟฟ้าราคาราว6แสนราคารถ1.2
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2019, 16:53:50 »
ใช้ hybrid อยู่ 5 ปีผ่านไป ราคาเหลือ 25% นี่แค่แบตราคา 8 หมื่น ยังอยู่ในประกัน 10 ปีนะครับ
รถไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึง ถ้าให้เดาราคาน่าจะเหลือ 15%

     ไฮบริดราคาตกกว่ารถไฟฟ้าแท้ๆครับ  รถไฮบริดมีชิ้นส่วนที่ต้องบำรุงรักษาเยอะเหมือนรถยนต์ทั่วๆไป  แต่เพิ่มระบบไฮบริดกับแบตเตอรี่เข้ามา ถ้าระบบใดระบบหนึ่งเสีย  รถยนต์ใช้ไม่ได้เลย  ค่าบำรุงรักษาจึงสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วๆไป  คนที่ซื้อรถมือสองส่วนใหญ่เงินน้อย  ต้องการรถที่ค่าบำรุงรักษาต่ำจึงหลีกเลี่ยงรถไฮบริด  รถไฮบริดมือสองจึงราคาตกเยอะ  แต่รถไฟฟ้าแท้ๆ  ไม่มีเครื่องยนต์  ไม่มีเกียร์  ไม่มีระบบระบายความร้อน  ไม่มีระบบระบายไอเสีย  ไม่มีเพลา  ชิ้นส่วนที่จะต้องซ่อมบำรุงต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เยอะ  มอเตอร์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวน้อยกว่าเครื่องยนต์เยอะ  โอกาสเสียยากกว่า  ทนกว่า
แต่เวลารถไฟฟ้ามันเสียอะไหล่จะแพงกว่ารถไฮบริดครับ เพราะมันมีน้อยชิ้นนั้นแหละ แต่ราคาไม่น้อยตาม
ยกตัวอย่าง แบต รถไฮบริด 60000  รถ EV ถ้า หลัง 8ปี เปลี่ยนแบต 600000 ละ ไหนจะ อินเวอร์เตอร์อีก คอม แอร์ ปั้ม abs อะไหล่พวกนี้ถึงไม่ค่อยเสียแต่ถ้าเสียมาทีนึงแพงโหดเลยละ  นี้แหละคือสาเหตุที่ทำให้ราคามือสองมันตก
ต่อให้จะบอกว่าราคาอะไหล่มันลดลงเรื่อยๆก็เถอะ ผมยังเชื่อว่ามันก็ยังอยู่ในระดับแพงมากอยู่ดี เหมือนแบตรถไฮบริด เมื่อก่อนเป็นแสน ตอนนี้60000 มันก็ยังเรียกว่าแพงอยู่ดี
รถมือสองคนซื้อจะกังวลเรื่องราคาอะไหล่มากที่สุด ทำให้ราคามือ2ตก

ออฟไลน์ kabokaboh

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 321
เท่าที่สังเกตุ ราคาขายต่อรถมือสอง มักจะคิดจาก

สภาพรถ

รูปลักษณ์

ความทนทาน

จำนวน และ ราคาอะไหล่ 

อู่ซ่อม

เพราะคนซื้อต่อไปใช้ เค้าต้องมั่นใจว่าเค้าต้องใช้รถได้ ซ่อมได้ ไม่แพง

สำหรับรถไฟฟ้าล้วน ช่วงเริ่มต้น ไม่น่าจะมี อะไรเข้าใกล้หัวข้อเหล่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป ห้าปี

สภาพรถ อาจจะดี แต่ อุปกรณ์ต่างๆเริ่มเสีย คงข้ามไปอะใหล่ มีมั๊ย

รูปลักษณ์ อีกห้าปี ยังคงว้าว อยู่หรือเปล่า คงไม่ใช่


ความทนทาน อันนี้ยังไม่ได้พิสูจน์ ถึงเวลาผ่านไปห้าปียังวิ่งได้ แต่คนที่จะซื้อต่อ คงคิดเยอะว่าจะเหลือให้วิ่งอีกเท่าไหร่ มันคาดคะเนได้ลำบาก

จำนวน และ ราคาอะใหล่  ต้องขายไตซ่อมหรือเปล่า อันนี้ยังบอกไม่ได้


อู่ซ่อม ยังไม่มี หรือมีน้อย 0 เองก็จะเชี่ยวชาญหรือเปล่าก็ไม่รู้


สำหรับรุ่นแรกๆ ห้าปีผ่านไป ผมให้ไม่เกิน 30% แบบแย่กว่าพวก hybrid ด้วยซ้ำไป

หรืออาจจะติดมือขายไม่ได้เลย เพราะเสียดายอ่ะนะ



ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,705
ราคามือสองจะตกลงไปมาก ๆ ครับ อาจจะไม่เหลือมูลค่าเลยก็ได้

จากหลาย ๆ ความเห็นข้างบน ที่ว่า ในอนาคต แบตจะดีขึ้น จะถูกลง, EV จะถูกลง
เอาล่ะ เราจะเชื่อตามนี้ละกันครับว่าถูกลง

ดังนั้น ก็เพราะว่าถูกลง ทั้งแบต ทั้งรถ EV รุ่นใหม่ ๆ ที่ทั้งถูก ทั้งชาร์จเร็ว ทั้งวิ่งได้ไกล
อ้าว.... แล้ว EV ที่ซื้อกันวันนี้ รุ่นเก่า แบตเก่า ชาร์จนาน วิ่งได้น้อย จะขายได้ซักกี่ตังค์
ถ้าราคาดี ราคาไม่ตก ใกล้เคียงรถใหม่      งั้นซื้อ EV รุ่นใหม่ดีกว่ามั้ยฮะ

แล้วแบตรุ่นใหม่ เจนใหม่ ก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับ EV รุ่นเก่า (ถ้าไม่ดัดแปลง)
และแบตที่เป็น new technology ที่คิดค้นมาใหม่ เพิ่งออกใหม่ก็ต้องย่อมแพงเป็นธรรมดา
พี่ ๆ ที่เป็นนักเล่น gadget จะเข้าใจดีใช่มั้ยฮะ

ก็เหมือนโทรศัพท์ ที่พวกพี่ ๆ ชอบยกตัวอย่างว่าต่อไปราคา EV จะถูกลงแบบโทรศัพท์น่ะ
แล้วราคาโทรศัพท์เก่ามือสองเป็นไง  ราคา EV มือสองก็คงจะตามนั้นใช่มั้ยฮะ


ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ขอถามก่อนว่าใช้รถแล้วเปลี่ยนทุก 5 ปีเพราะอะไร
สำหรับผมกะใช้รถยาวๆ เลยไม่เข้าใจเท่าไหร่ ต่างกับคนรอบตัวที่เค้าจะเปลี่ยนรถกันบ่อย ด้วยเหตุผลว่าพอเลย 5 ปี ค่าบำรุงรักษาจะมากขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น กลัวราคาขายต่อจะตกมาก... เลยต้องรีบขาย ซึ่งผมก็เคยมานั่งคิดนะว่าใช้รถ 5 ปี 10 ปี หรือ 15 ปี แบบไหนคุ้มกว่า ตกปีนึงค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ บางคนกะใช้ยาวแต่มีเหตุให้เปลี่ยนก็มี บางคนกะใช้ไม่นานแต่ไปๆมาๆก็ใช้ยาวก็มี ค่ายรถส่วนใหญ่ก็มักมีโปรฟรีค่าดูแลรักษา 5 ปีแรก แล้วก็มีโปรสำหรับลูกค้าเก่าที่จะเปลี่ยนรถใหม่ค่ายเดิม คนก็เลยนิยมเปลี่ยนกัน

กลับมาที่คำถาม ตอนนี้คนใช้รถไฟฟ้ายังน้อยมาก มือหนึ่งยังขายกันยาก โอกาสราคาตกก็ย่อมมากกว่า ยิ่งเป็นช่วงที่เทคโนโลยีก้าวไปเร็ว รถออกใหม่น่าสนใจกว่า เหมือนมือถือ ทีวี ที่รุ่นใหม่มาทีจะขายแพงเว่อๆเพื่อโกยกำไรเพราะไม่นานก็ออกตัวใหม่ทำให้ตัวเก่าราคาตกลงมาก ถ้าคุณเป็นพวกชอบเทคโนโลยี ต้องมีของใหม่ตลอด แบบนี้ลำบากแน่ แต่สำหรับคนที่กะใช้ยาวๆผมว่าคุ้มนะ เพราะข้อดีของรถไฟฟ้าคือการดูแลรักษาน้อย ซึ่งมักต้องเทียบระยะยาวเป็น 10 ปีถึงจะคุ้มกว่ารถน้ำมัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 13, 2019, 18:59:44 โดย Jacob »

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
ผมว่าราคาน่าจะลงเยอะกว่ารถสันดาปครับ แบตราคา 6 แสนมันมีค่าเสื่อมเยอะอยู่ คิดซะว่าใช้อีก 3 ปี ก็มีโอกาสจ่ายค่าซ่อมราคา 6 แสนละ

และก็ขึ้นกับ Demand ของตลาดมือสองด้วยว่าคนต้องการซื้อเยอะมั้ย ดีเฟคอื่นมีหรือไม่

คำนวณไม่เป็น เดาล้วนๆว่า 3 - 4 แสนครับ

เออ แจ็คพอตโดนค่าแบตก็เกือบราคารถใหม่ละ  :'(

ถ้าเปลี่ยนเฉพาะจุดที่เสื่อมได้ก็น่าจะดีกว่าเยอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 13, 2019, 19:09:59 โดย Nonlamer »

ออฟไลน์ Gordon Freeman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,206
ผมว่าลงเท่า Prius นั่นแหละ
2011 Kawasaki Ninja 650 (Sold)
2012 Ford Fiesta 1.6 Sport Ultimate (Sold)
2013 Suzuki Swift Eco GLX 1.25 (Sold)
2015 Honda Civic 1.8 (Sold)
2017 Toyota Fortuner 2.4 (Sold)
2019 Honda Jazz S MT (Sold)
2020 Nissan Almera VL 1.0T
2022 Isuzu D-Max Cab 4 1.9 AT
2023 Neta V

ออนไลน์ mochalatte

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 357
Re: ถ้าbattery รถไฟฟ้าราคาราว6แสนราคารถ1.2 ล้า
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2019, 19:41:15 »
พิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อ MG ZS EV 1,000 คันแรก รับโปรโมชั่นดังนี้
?รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
?ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
?ฟรี MG Home Charger มูลค่า 45,000 บาท
?ฟรี ค่าติดตั้ง 20,000 บาท
http://www.headlightmag.com/official-price-mg-zs-ev-thailand/
โปรนี้น่าลองสำหรับ คนที่คิดจะขับGrab SUV นะครับ ถ้าสถานี charge กระจายทั่วเมือง ต้นทุนพลังงานโลละบาท ได้ภาพลักษณ์ EV 100%

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ถ้าเราเปลี่ยนแบตได้ในราคาถูกๆจะยังใช้รถ 5 ปีเปลี่ยนทีกันมั้ย
ปล. ว่าแต่ น้องคนนี้ตอนนี้เค้าเป็นไงมั่ง (เข้าไปดูในเฟสแม้แต่รถมอเตอร์ไซค์ยังสวยเลย เก่งจริง มีดัดแปลงพริอุสให้ใช้ไฟฟ้าได้นานขึ้น พัฒนารถพลังงานแสงอาทิตย์ด้วย)


เห็นว่ากำลังทำตัวใหม่ วิ่งได้ 240 กม. ต้นทุน 7-8 แสน
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9600000044194
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 13, 2019, 21:27:05 โดย Jacob »

ออฟไลน์ seeker

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,528
ถ้าการขายรถ ev เป็นแบบมือถือ เทคโนโลยีเปลี่ยนไว
อีก 5 ปีข้างหน้า อาจจะวิ่งได้ไกลขึ้น แบตลูกใหญ่ขึ้น เร็วขึ้น เร่งดีขึ้น

ออนไลน์ mochalatte

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 357
ถ้าการขายรถ ev เป็นแบบมือถือ เทคโนโลยีเปลี่ยนไว
อีก 5 ปีข้างหน้า อาจจะวิ่งได้ไกลขึ้น แบตลูกใหญ่ขึ้น เร็วขึ้น เร่งดีขึ้น
เราก้อคงต้องรอ technology ไปเลื่อยฯ
iphone x และ iphone 11?
สำหรับผม iphone 4 กับ iphone xs ก้อใช้ได้ดีพอฯกัน
น่าจะเป็น evolution มากกว่า revolution
ถ้าต้องรอจนสมบูรณ์แบบ  iphone ก้อยังไม่มีเลย

ออฟไลน์ XyteBlaster

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,292
    • อีเมล์
ราคาตกมหาโหดแน่นอนครับ

ที่แน่ ๆ อีก 5 ปีข้างหน้า จะมีรถไฟฟ้า ยุคใหม่ ชาร์ตเร็ว วิ่งไกล ราคาไม่แพงมาก ออกมาขายใหม่เรื่อย ๆ   เรื่องอะไรคนจะมาซื้อรถเก่า ชาร์ตนาน วิ่งใกล้ละครับ

ทำยังไงจะขายได้ .. ก็ต้องลดราคา  ลดแล้ว ลดอีก จนมันเริ่มจะเห็นความคุ้มค่าขึ้นมาบ้าง นั่นแหละครับ

อันนี้ยังไม่นับว่า 5 ปีมันจะพังจะเสื่อมนะครับ รับประกันแต่แบต แล้วส่วนควบอะครับ ..

ออฟไลน์ Blur

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 529
    • อีเมล์
ลองเอาผลต่างค่าน้ำมันมาคิดดู
ไฟฟ้ากิโลละ 1 บาท
น้ำมัน 10 โล 1 ลิตร = โลละ 3 บาท
ผลต่าง 2 บาทกลมๆ
ขับปีละ 50000 โล ประหยัดค่าน้ำมันไป 100000 บาท
5 ปี ประหยัดไป 500000 บาท
ขายรถได้ 400000 บาท
รวม 900000 บาท จาก 1.2 ล้าน
ค่าบำรุงรักษาถูกกว่าแต่คงหลักหมื่น ช่างมันไป

คิดแล้วมันก็ไม่แย่ แต่ก็ไม่คุ้มค่าที่จะเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าเท่าไหร่
ขับน้ำมันก็ได้เงินคืนมาเยอะกว่าตอนขายต่อ สรุปก็พอๆกัน

อ่อ แต่ถ้ายิ่งขับมาก น่าจะยิ่งคุ้ม คุ้มค่าประหยัดน้ำมัน ถ้าใช้น้อยนี่ไม่ควรใช้เลย

คำนวนผิดยังไงขออภัยด้วยครับ

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
^^ต้องคิดเรื่องมลพิษเมืองใหญ่++

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
"อัปเกรดแบตเตอรี่...และอื่นได้"........ผู้ผลิตอีวี ต้องออกแบบและเน้นประชาสัมพันธ์ จุดนี้.........อีวีมือ2ยังไงก็ต้องไม่เหมือนมือถือมือ2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 14, 2019, 07:43:25 โดย lay »

ออฟไลน์ Jae_156JR

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 242
เซฟกระทู้นี้ไว้ครับอีก 10 ปีมาอ่าน

ออฟไลน์ flybigbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,564
ราคาแบตโหดมาก


ถ้าชาร์จครั้งหนึ่งวิ่งทางจริงทดสอบจริงในไทย ความเร็ว90-110กม/h วิ่งได้ระยะทางรวม 600กม หรือ 7-8 ชั่วโมง ก็น่าลอง

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ต้องรอให้มีการผลิตแบตในไทยนั่นล่ะครับ รัฐถึงได้มีมาตรการให้มาลงทุนในไทย
ตอนนี้รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าก็มีแล้ว ถึงจะยังน้อยแต่เป็นการเริ่มต้นที่ดี (นาทีที่ 4.56)

ปล. คนไทยเก่งๆมีเยอะ เมื่อวานนั่งดูคลิปที่เค้าผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยกังหันลมแบบใช้น้ำหมุนเวียน มีหลายคนคิดเอง ทำเอง ลงทุนเอง เยี่ยมเลย
จริงๆพวก free wheel ที่ใช้แค่แรงโน้มถ่วงกับหลักโมเมนตัมยังมีอีกหลายแบบ ไม่ต้องใช้น้ำก็มี แต่ไม่รู้จะเอามาต่อยอดสร้างเป็นตัวผลิตกระแสไฟฟ้าได้แค่ไหน ถ้าเมื่อไหร่ที่ไม่ต้องจ่ายค่าไฟ เราจะเห็นคุณค่าของรถไฟฟ้ากัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 14, 2019, 11:00:25 โดย Jacob »