หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะทำ รีวิว Mazda3 ตัวนี้มาลงดีหรือไม่ เพราะว่า โฉมนี้คุณ JIMMY ยังไม่ได้รีวิว (แม้มันจะไม่ได้ต่างอะไรเลยกับที่คุณ JIMMY ทำไว้ในรุ่นก่อน)
รถคันนี้ผมได้มาเื่มื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2553 ใช้งานไปได้ตอนนี้ 800โล มีเวลาสังเกตุรถ ดูรอบๆรถทำให้คิดว่า รีวิวดีกว่า แต่จะ รีวิวเฉพาะที่คุณ JIMMY ไม่ได้ลงไว้(บางอัน) และความรู้สึกต่อผลิตภัณฑ์น่าจะดีกว่า .....
ดังนั้นเริ่มกันเลยครับ
ต้องบอกก่อนว่า ก่อนที่ผมจะเลือกคันนี้นั้น ได้มีรุ่นอื่นๆวิ่งเข้ามาในหัวเยอะมาก ...แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง หวยเลยมาออกที่คันนี้ครับ เรามาดูความต่างที่จุดแรกเลยดีกว่า
Thanks: ฝากรูปใช้ครับมันมี สเกิร์ตหน้าเพิ่มเข้ามา ... ซึ่งมันเหมือนกับตัวรุ่นพิเศษ S-MOVE นั้่นเอง มันเลยทำให้ผมไม่ต้องไปหาสำนักแต่งหรือหาชิ้นส่วนอื่นมาแต่งเพิ่มเลย
Thanks: ฝากรูปสิ่งที่ประทับใจอีกอย่างครับคือห้องเครื่อง .... ครั้งแรกที่เปิดมา ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรครับ ... เพราะไม่ได้สังเกตุ แต่พอเปิดบ่อยๆ ชักรู้สึกไม่คุ้นตาเหมือนเปิดฝากระโปรงรถคันอื่น ..... ใช่ครับ แบตเตอร์รี่ มันอยู่ไหน
??
ทีแรกผมมองว่า เจ้ากล่อง นูนหนาๆด้านขวาคือกรองอากาศ และท่อที่ต่อลงมาคือช่องทางเดินสำหรับกรองอากาศ .... แต่จริงๆแล้วมันเป็นแค่กล่องเก็บแบตเตอร์รี่ และท่ออากาศสำหรับแบตเตอร์รี่ ...เล่นเอา งง เลย ... แล้วท่ออากาศแบตเตอร์รี่มันมีไว้ทำไม ใครรู้บอกผมทีครับ ..... ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกจุดนึงที่ผมรู้สึก "ชอบ" เพราะมันดูเรียบร้อยกว่าคันอื่นๆในระดับราคาเดียวกัน ที่เปิดฝากระโปรงมาเจอแบตเตอร์รี่เลย มันทำให้รู้สึกแปลกและสวยงามดีครับ
และอีกปัจจัยที่ทำให้ผมเลือก Mazda3 ก็เพราะ ถุงลมครับ มันเยอะจริงๆ ..... พูดง่ายๆเลยคือ มันอยู่รอบตัวเราครับ ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง แถมมีม่านถุงลมให้กับผู้โดยสารด้านหลังด้วย
Thanks: ฝากรูปThanks: ฝากรูปอีกจุดนึงที่ไม่พูดถึงไม่ไ้ด้คือ ซันรูฟ นั่นเองครับ ..บอกตรงๆ นี่คือสาเหตุหลักที่ผมเลือก Mazda3 เลยล่ะครับ ข้อดีของมันที่สัมผัสได้คือ เวลารถติดๆ อยู่ใจกลางเมือง การที่เราเปิดแผงบังแดดออก เราก็จะเห็นยอดตึกต่างๆ ในมุมที่ต่างออกไป มันทำให้แปลกตาแปลกอารมณ์ไปอีกแบบ (อันนี้เป็นมุมหลังคาที่จอดรถที่บ้าน วิวอาจไม่สวยเหมือนแหงนมองในเมืองครับ)
Thanks: ฝากรูปจาก Review ที่คุณ JIMMY ทำไว้ในส่วนของไฟหน้าปัด มีให้ดูเฉพาะตอนเปิดไฟหน้า เท่านั้น ผมเลยเอามาให้ดูอีกทีว่า มันมี 2 สี เวลากลางวัน กับกลางคืนครับ
Thanks: ฝากรูปรูปแรกคือเวลาไม่เปิดไฟหน้าครับ หน้าปัดส่วนตัวเลขจะเป็นสีแดง เข็มสีขาว ....
Thanks: ฝากรูปส่วนอันนี้คือเวลาเปิดไฟหน้ารถแล้ว จะมีสีน้ำเงินออกม่วงๆแซมออกมา ... ทำให้รู้สึกเหมือนว่ามีหน้าปัด 2 สีเลย ...
...
ทีนี้เรามาดูที่ผมรู้สึก"แหม่งๆ"กันดีกว่าครับ .... อันแรกเลย ......
จุดแรก ใบปัดนำฝน ด้านคนขับครับ(รูปอาจไม่ชัดนิดนึงนะครับ)
Thanks: ฝากรูปอีกรูปด้านคนนั่งครับ
Thanks: ฝากรูปคุณเชื่อไหมครับว่ามันยี่ห้อ .......
Thanks: ฝากรูปทีแรกผมคิดว่าเป็นที่รถผมคันเดียว ประมาณว่าผมอาจจะโดนเซลมักง่าย เปลี่ยนของดีไปแล้วเอายางแบบเปลี่ยนตามคลองถมมาใส่ให้ผมแทน ... แต่พอไปติดต่อที่ศูนย์ ทางเซลบอกว่าเป็นทุกคันครับ .. ซึ่งผมก็เดินไปดูที่รถคันอื่นที่จอดโชว์อยู่ ทุกคันใบปัดน้ำฝนเป็นแบบนี้หมด ...... มันเกิดอะไรขึ้นกับ Bosch ครับ หรือทาง มาสด้าซื้อใบปัดน้ำฝนตก QC มาประกอบขายให้ลูกค้ากันล่ะเนี่ย ......
และอีกจุดที่ผมว่า ....อืมมมม ... รถปี 2010 แน่ป่าวฟะ .....
Thanks: ฝากรูปยางรถปี 2009 OK ล่ะ ยางปีเก่าไม่ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป ... แต่ว่าถ้าให้ดี ขอใหม่กว่านี้ได้ปะ ....
มุมนี้คือมุมที่ผมชอบที่สุดใน Mazda3 ครับ
Thanks: ฝากรูปปิดท้ายด้วยความรู้สึกจากการขับขี่
ช่วงล่าง : ที่คุณ JIMMY ได้บอกไว้ว่า มันคือ Japanesse BMW 3-Series ซึ่งโดยส่วนตัวไม่เคยนั่งเลย BMW แต่จากความรู้สึก ก็ Ok มันออกแน่นๆ ระยะให้ตัวมันสั้นๆ เวลาลงหลุม ทำให้รู้สึกหนึบๆ นิ่งๆดีครับ (หลาย น.หน่อย)
คันเร่งไฟฟ้า: จากที่ขับคันเร่งสายอยู่ มันทำให้รู้สึกแหม่งๆ ต้องคอยเกร็งข้อเท้าตลอด เพราะบางที กดลงไปแล้วไม่เร่ง ถ้าจะเร่งก็พุ่งไปเลย ต้องคอยยกเท้าออกตลอด แต่อาจจะเป็นที่ผมไม่คุ้นก็ได้ครับ ...
เครื่องยนต์: ถ้าเทียบกับ 2JZ ที่ตอนนี้ประจำการอยู่ในกระบะ D-max ของผมแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่า ช่วงต้น mazda3 ออกตัวดีกว่าครับในช่วงสั้นๆ เช่นช่วงออกตัว จังหวะมุดต่างๆ แต่ถ้าเอาแบบดึงยาวๆ ล่ะก็ 2JZ ดึงลึกกว่า ได้อารมณ์คนละแบบดีครับ ....
จบแล้วล่ะครับ(ขอจบฮ่วนๆแบบนี้ละกันครับ เพราะไม่รู้จะพิมพ์ปิดท้ายว่าไงดี อิอิ )