ผู้เขียน หัวข้อ: รถสปอร์ตกินน้ำมัน ในอนาคตจะถูกรถไฟฟ้ากินรวบหรือไม่ ในความคิดเห็นของท่าน  (อ่าน 14372 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sykes

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 286
เนื่องจากในปัจจุบัน ทั้งจากคลิปในยูทูปและความรู้สึกของเราเอง รถ ICE ไม่ได้เร็ว แรง เท่ารถไฟฟ้าอย่างแน่นอน
รถ SUV ครอบครัวไฟฟ้า อัตราเร่ง, ความเร็ว (ต่อให้ไม่นับสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน) เร่ง และแรงกว่า supercar (hyper car สูสี, sport car โดนทิ้งห่างไม่ต้องพูดถึง)
และยิ่งในช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นของรถไฟฟ้าเท่านั้น
รถน้ำมันพัฒนากันเป็นปีเพื่อลดน้ำหนักเพิ่มอัตราเร่งให้รถคันหนึ่งๆ (แต่ก็ได้มาไม่เท่าไหร่)
รถไฟฟ้า coding ไม่กี่นาที เพื่อเอาชนะรถ ICE นั้น

ส่วนตัวคิดว่า ในอนาคต, รถน้ำมัน ที่เป็นรถ sport, supercar, hypercar จะถูก categorized ให้เป็นรถที่ขับขี่เพื่อสุนทรียะแต่เพียงอย่างเดียว (ได้เสียง, ได้ความสั่น ฯลฯ)
แรงไม่เท่ารถไฟฟ้า
เร็วไม่เท่ารถไฟฟ้า
พูดง่ายๆคือถึงแม้ รถพวกนี้ ราคาสิบล้าน ยี่สิบล้าน แต่ถ้าถูกไล่หลังด้วยรถไฟฟ้าแบบครอบครัวที่นั่งกันมาเต็มคันก็ต้องหลบ, ติดไฟแดงข้างกันก็อย่าไปคิดไปแข่งเค้า
และที่เคยว่ารถกระบะดันรางเสียงดังแต่วิ่งไม่ถึงร้อย ตอนนี้จะโดนเสียเอง
เพราะรถไฟฟ้านั้นแทบไม่มีเสียง. ICE ได้แต่คำรามและยังคงอยู่แถว junction ส่วนรถไฟฟ้านั้นใกล้จะถึงที่หมายแล้ว

ในความคิดเห็นของคุณเป็นอย่างไรครับ?
"The things you own, end up owning you" - Tyler Durden

ออฟไลน์ kez

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,591

  รถไฟฟ้าจะกลายเป็นรถใช้ประจำกัน

 รถเครื่องยนต์จะกลายเป็น weekend drive

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,636
    • อีเมล์
ถ้ามองไกลขนาดนั้น เทคโนฯพัฒนาได้ดี อะไรก้อเกิดได้ครับ

แต่ถ้าแค่ประเทศเราผมว่าต้องมีอีก 15-20ปี เพราะเราเป็นคนซื้อเทคโนฯมาใช้ คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากใช้อะไร แต่คนผลิตเค้าเห็นควรว่าเมื่อไหร่มากกว่า

ที่เหลือก้อเดากันล้วนๆอยู่ดี

ถึงวันที่รถเป็นไฟฟ้าหมด คนอาจจะใช้รถน้อยลงด้วยซ้ำ เพราะรถไม่มีความจำเป็นมากแล้ว ทุกอย่างในโลกก้อคงต้องพัฒนาตามกันไปทุกด้าน เช่นกัน

ส่วนตัวตอนนี้ ขอได้ขับสปอร์ตดีๆซักคัน น้ำมันก้อได้ เอาหมดครับ 555

ออฟไลน์ EMITz

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 31
ตอนนี้รถไฟฟ้ามันเทพก็จริง แต่มันไม่ได้ขนาดนั้นนะครับ

ถ้ารถไฟฟ้าที่ชนะรถ Supercar ได้มันต้องเป็นรถไฟฟ้าที่เป็นสาย Performance( Model S P100D Ludicrous) ซึ่งมันไม่ใช่รถบ้านราคาถูกนะครับ แพงเด้อ

ลองไปดู Drag Race ของ Carwow ก็ได้ครับ Tesla ที่ไม่ใช่ตัว Performance มันไม่ได้ชนะตลอดเวลาขนาดนั้น แล้วมันแรงกว่าเพราะ Instant Torque ด้วยครับ ICE มันไล่ทันได้ถ้ามีถนนให้วิ่ง

ในอนาคตมันคือยุคของ EV แน่นอนครับ แต่ไม่ใช่ทุก EV จะทำมาเน้น Performance หรอก รถบ้าน EV ก็คึอรถบ้าน(Leaf, HS EV)รถที่เอามากินพวก Super car, High Performance car ก็ต้องเป็นรถไฟฟ้าที่ราคาระดับนึงแหละครับ

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,839
คงต้องรอวันที่แบตเตอรี่พร้อมเท่านั้นแหละครับ

ในทางปฏิบัติ มันไปไกลมากๆจนพวกเรานึกไม่ถึงกันเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากแบตแล้วก็คงเป็นอุปกรณ์ส่วนควบอื่นๆเช่นยาง เบรค และช่วงล่าง

ถ้าตอนนี้รถที่เร็วและแรงที่สุดอย่างเครื่อง w16 แค่มอเตอร์ตัวไม่ใหญ่มาก ก็แซงได้สบายๆแล้ว

ส่วนเรื่องแสง สี เสียง ก็คงมีแต่รุ่นเรา พี่เรา รุ่นน้องเราที่คงจะรู้จัก ลูกเรา หลานเรา อาจจะไม่รู้จักแล้วก็ได้ เหมือนกับที่พวกเค้าไม่รู้จักเทปคาสเส็ทแล้ว

ที่บ้านตจว.ผม มี atv และน้ำมันอย่างละคัน ลูกสาวผมมักจะเลือกตัวไฟฟ้าไปขี่เล่นประจำ เคยถามอยู่นะ เธอบอกว่ามันแรงและนิ่มนวลกว่า ผมนี่เห็นอนาคตของรถน้ำมันเลย

ส่วนผม อะไรก็ได้เลยครับ ที่ขับ ที่ขี่ได้ ผมสนุกหมดแหละ จะช้า จะเร็ว ผมก็ทำให้สนุกได้หมด ผมไม่ค่อยยึดติดกับประเภทรถเท่าไหร่ครับ

ส่วนเรื่องกินรวบมั๊ย ผมว่ารวบแน่ๆ ถ้าวันที่แบตเตอรี่พร้อมนะครับ ส่วนความพร้อมนั้น ผมมองว่าเป็นที่สมรรถนะ​กับราคาเลย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 10, 2020, 23:19:45 โดย kiwiwi »

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
รถที่ขับสนุก ไม่จำเป็นต้องเร็วแรงจัดเสมอไปนะครับ ความเร็วไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่ารถจะขับสนุกหรือไม่ มันมีหลายองค์ประกอบ

ถ้ารถไฟฟ้าจะมาแทนรถเครื่องน้ำมันในแง่ของความสนุก อารมณ์ในการขับขี่ ผมว่ายากครับ

ผมว่า Supercar ที่ใช้เครื่องน้ำมันยังคงมีให้เห็นกันอีกนานนนนนครับ

ออฟไลน์ The_Wizard

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 258
ส่วนตัวคิดว่าแม้แต่รถที่ใช้งานในชีวิตประจำวันเอง ก็คงจะไม่ได้เปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าได้ 100% ง่ายๆ
ทุกวันนี้ประเทศใหญ่โตที่ครอบครองน้ำมันดิบก็ต้องการขายน้ำมันอยู่
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ก็เล็งเห็นประเด็นตรงนี้ ว่ามันไม่ได้จะเปลี่ยนผ่านกันง่ายๆ ก็ยังคงลงทุนในการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปในรถบนต์นั่งทั่วไปอยู่
เอาแค่รถยนต์นั่งทั่วไป ผมว่าอย่างน้อยก็ 10 ปี ถึงจะพอปรับเปลี่ยนได้
ดังนั้นรถสปอร์ต Performance cars Super cars ต่างๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่ถ้าวันนั้นมาถึง ผมว่ารถพวกนี้ก็น่าจะอารมณ์แบบรถ classic cars นะ
หากข้อมูลผิดพลาดต้องขออภัยครับ

ออฟไลน์ InBkk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,112
ในอนาคต มันก็ต้องเป็นอย่างที่คุณพูดแน่นอนอยู่แล้ว เพราะกฎหมายสิ่งแวดล้อมมันบังคับให้เป็นแบบนั้น หลายประเทศมีการขีดเส้นตายในการเลิกผลิตรถน้ำมันตั้งแต่ตอนนี้แล้วด้วยซ้ำ

จริงอยู่ที่รถไฟฟ้าตระกูล Performance นั้น แรงมาก  แต่ก็ไม่ได้แรงจนชนะขาดลอย หรือชนะข้ามรุ่นได้ ยกตัวอย่างเช่น Model 3 Performance ที่มีอัตราเร่ง 0-100 ใน 3.2 วิ ก็ยังไม่สามารถเอาชนะรถ Supercar ได้ แม้กระทั่งกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง C63s ตอนออกตัว Model 3 อาจนำโด่งขึ้นมา แต่สุดท้ายก็โดนเก็บที่ความเร็วสูงอยู่ดี หรือต่อให้เอารุ่นใหญ่อย่าง Tesla Roadster มาเทียบ ก็เป็นเหมือนที่ผมว่า คือ สามารถชนะได้ในบางช่วงความเร็ว และไม่ได้ชนะขาดลอยถึงขนาดรถน้ำมันระดับเดียวกันต้องหลีกทางให้ตั้งแต่ตอนติดไฟแดง

เรื่องสุนทรียภาพในการขับขี่ แน่นอนว่ารถ ICE ชนะขาด โดยเฉพาะในหมู่รถสปอร์ต อย่าแว่แต่รถไฟฟ้าเลยครับ แค่การ Downsizing ยังโดนแฟนๆ บ่นเลย (ทั้งๆ ที่ Downsize แล้วทั้งแรงและประหยัดขึ้น)

และเรื่องใหญ่ที่สุดที่ทำให้รถไฟฟ้าเกิดยาก ก็ยังคงหนีไม่พ้นเรื่องการชาร์จอยู่ดี เพราะถึงแม้ว่ารถ EV หลายรุ่นจะวิ่งได้ไกลไม่แพ้รถน้ำมัน แต่จำนวนปั้มที่น้อยกว่า เวลาในการเติมพลังที่มากกว่า ต่อให้ด้อยกว่ากันแค่ 20-30% ก็ยังทำให้คนคิดหนักอยู่ดี

ออฟไลน์ Sykes

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 286
ผมชอบความเห็นของที่นี่มากๆเลย
แม้จะต่างกัน แต่มีมุมมอง ข้อมูลและประเด็นที่ชัดเจน

ในระยะยาวจริงๆ เรื่องรถสำหรับการพาณิชย์และใช้ในชีวิตประจำวัน (Commercial car) น่าจะเปลี่ยนผ่านยาก และใช้เวลานานๆ ตามที่หลายๆท่านว่า
ทีนี้ ที่ตั้งกระทู้มาหลักๆเรื่องรถสำหรับขับเพื่อความสนุก สุนทรียะ.
จริงอยู่ที่ว่ารถขับสนุก ไม่จำเป็นต้องแรง
แต่อย่างที่รถไฟฟ้าราคาเท่าๆกัน สามารถได้ความเร็ว แรงมากกว่า (เท่าที่เห็นกันได้ชัด) ดังนั้นการพัฒนา Handling คงเป็นไปได้ไม่ยาก
เทียบกันแบบสุดโต่งเลยคือ รถไฟฟ้าแรงกว่า entry level sport car ไปหลายขุมทั้งที่ราคาถูกกว่า
อนาคตเป็นไปได้ง่ายมากที่จะพัฒนาตัวที่ handling เทียบเท่าโดยที่ราคายังถูกกว่า

คราวนี้หากมองแบบสุดโต่งจริงๆ เลยมองไปถึงว่าในอนาคต รถไฟฟ้าจะเร็วกว่า แรงกว่า ในระดับ Handling เท่าๆกัน อีกทั้งราคายังถูกกว่ารถ ICE
ปลายทาง (ที่คิดไว้คือไม่เกิน 5ปี) รถ ICE แรงๆ จุดขายจะอยู่ที่แบรนด์, ตำนาน, เรื่องเล่า, ความสั่น, เสียงตอนเร่ง, rev ฯลฯ ที่ทั้งหมดคือเอกลักษณ์เฉพาะแบรนด์ล้วนๆ
เนื่องจากถ้าวัด Performance แล้วจะแพ้ EV แน่ๆ

ตลาดรถ High performance จะไปถึงจุดนั้นไหม?
สุดท้ายแล้วทุกแบรนด์ต้องมีเอี่ยว EV หรือเปล่า?
และถ้าในเมื่อแบรนด์รถสปอร์ต ซุปเปอร์คาร์ตระหนักแล้วว่า EV จะมาจริง. ถ้านำมาใช้คู่กับ Handling ที่สุดยอดอยู่แล้วของพวกเขาล่ะ, why not?

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 11, 2020, 00:32:58 โดย Sykes »
"The things you own, end up owning you" - Tyler Durden

ออฟไลน์ Devil13

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,985
รถน้ำมันจะหายไป แต่เมื่อไหร่ไม่รู้ครับ
เทคโลโลยีเก่าอย่างเครื่องเล่นแผ่นเสียง เทป ซีดี ตอนนี้เจอยูทูป Spotify tidal กินรวบหมดแล้ว
อาจจะมีอยู่ส่วนน้อยสำหรับนักสะสม แต่ไม่ใช่ตลาดMass เหมือนแผ่นเครื่องเสียงในตอนนี้
ณ วันที่รถไฟฟ้าทำราคาได้ไม่ต่างกับรถน้ำมัน และค่าดูแลเท่ากันหรือน้อยกว่า ในวันนั้นคนส่วนใหญ่คงจิ้มไปที่รถไฟฟ้าแน่นอนครับ
อนาคตรถไร้คนขับ หรืออโต้ไฟล๊อตมาแน่ๆ ทุกคนจะนั่งรถส่วนตัวแบบไม่ต้องขับได้

ออฟไลน์ 123ruj

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 195
    • อีเมล์
โดนแน่นอน
แต่จะอีกกี่ปีเท่านั้น
การพัฒนาจะมีไปเรื่อยๆเหมือนรถน้ำมันปัจจุบันที่รุ่นแรกๆวิ่ง 20-30 กม/ชม จนปัจจุบันวิ่ง 200-300 กม/ชม
รถไฟฟ้าอาจวิ่งได้ 500 กม/ชม ก็เป็นไปได้
ดูจากหนังที่เกี่ยวกับอนาคตแบบ starwars ไงครับ
วิ่งได้ บินได้ เลย
555

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Supercar อาจจะยัง
แต่ Super SUV & Super Big Sedan จะโดนก่อนเพื่อน

รถใหญ่ มันมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวมานาน
หันมามองรถไฟฟ้า รถไฟฟ้าแก้ปัญหาด้านน้ำหนักตัวด้วยแรงบิดที่รอบ 0
ดึงเร็ว ดึงนาน ดึงลึกสุดใจ ต้องใช้เครื่องใหญ่ขนาดไหนถึงจะลาก Super SUV ไหว

ในมุมรถสปอร์ต อาจจะกินเครื่องยนต์น้ำมันยาก ไหนจะเทอร์โบ ไหนจะรอบเครื่อง
อย่างน้อยๆ ผมว่า Hybrid จะตอบโจทย์เรื่องสมรรถนะมากกว่า Pure EV หรือ Pure engine

ออฟไลน์ boogie2020

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,037
    • อีเมล์
ของมันแน่นอนอยู่แล้วครับ

เพียงแต่ อีกกี่ปีแค่นั้นแหละครับ



เหมือนถาม cowboy ว่า  คิดว่าเจ้าเกวียนพวกนั้น มันจะมาแทนม้าได้เร้อ ?   

สุดท้ายรถสันดาปภายใน ก้จะเป็นของสะสม เอาออกมาขับโชว์  อารมณ์เดียวกับ ขี่ม้าโชว์แหละคับ   ธุรกิจรถ supercar  ก็จะเหลือเฉพาะที่ top ๆ  เป็น niche กันไป   แต่คงไม่สามารถสู้อะไรรถ sports ไฟฟ้าในยุคหน้า
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
รถสันดาปคงมีอยู่แหละครับ จะออกไปทางรถคลาสิก ที่สะสมกันไป แต่คงอีกหลายสิบปีครับ กว่าจะถึงตอนนั้น

ผมยังคิดว่า Fuel Cell น่าจะดีกว่า รถไฟฟ้า ในระยะยาว ทั้งการใช้งาน การดูแล สะดวกกว่าด้วย ไม่ต้องรอชาตไฟ

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,387
เอาอนาคตไกลแค่ไหนครับ เอาไกลๆหน่อยก็ไฟฟ้าล้วนๆทั้งรถบ้านทั้งรถสปอร์ตแน่นอนโดยเฉพาะรถสปอร์ตจะที่ใช้ในการแข่งขันเพราะเครื่องEVมันจูนให้แรงบิดมาเต็มตั้งแต่ช่วงรอบ0ได้เลย

ส่วนถ้าเอาอนาคตใกล้ๆตัว รถจำพวกPluginHybridจะพบเห็นได้ทั่วไป
ในรถยนตร์ส่วนตัว ส่วนตัวสาธารณะจะเหมือนอังกฤษคือเป็นรถEVล้วน
รถเมล์หรือแท๊กซี่ และในภาคขนส่งรถตู้รถพ่วงก็จะถูกบีบด้วยข้อกฎหมายภาษีมลพิษที่แพงสัสๆ จนผู้ให้บริการจะต้องเปลี่ยนเป็นEV

จะมีการแบ่งโซนตัวเมืองชั้นในชั้นนอก รถที่จะมีสติกเกอร์เข้าตัวเมืองชั้นในได้ต้องเสียภาษีคนละราคากับชั้นนอก กำหนดจุดจอดรถตามข้างถนนในเมืองแบบมีตู้คิดเงินตามเวลาที่จอด (ที่เส้นสี่เหลี่ยมให้จอดเลยแต่คิดเงินรายเดือนรายชั่วโมง)

รถยนตร์ที่เป็นเครื่องยนตร์จะกลายเป็นของแรร์ไอเทม
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ wa330

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,567
บางคนตัดสินใจซื้อรถsport supercar เพราะชอบ เสียงคำรามของรุ่นนั้น
มีเยอะครับ มันเหมือนเป็นเสน่ห์ บางทีดึงหนักพุ่งดี แต่ไปแบบเงียบๆ
มันไม่ได้อารมณ์ เหมือนรถ turbo CVT เวลาดีจริงแต่อารมณ์มันไม่ได้

ออฟไลน์ turbofever

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 563
    • อีเมล์
แทนน้ำมันไม่ได้ครับ เดี่๋ยว ptt top bcp ฯลฯ เจ๊ง   ไปละ ::)  เพฟี้ยววว

ออฟไลน์ XMSL

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 827
รถสปอร์ตก็เหมือนของเล่น..มีคนซื้อก็มีคนทำขาย ไหนจะของสะสมของคนมีตังค์แบบรถคลาสสิคสมัยนี้ อายุการใช้งานคงหลายสิบปี...น้ำมันลิตรละร้อยก็คงมีคนหาเติมวิ่งเล่นจนได้นะผมว่า

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
ผมเห็นด้วย และคิดว่าเป็นจริงตามที่  จขกท บอกทุกประการครับ
รถ EV ได้เปรียบ ICE หลายๆประการ
- motor ได้maximal torque ตั้งแต่ 0 rpm แค่ออกตัวก็กินขาดแล้ว taycan 0-100 2.5 วิ ถ้าจำไม่ผิด
- โครงสร้างแบบ skate board ทำให้ CG ต่ำ คล้ายๆรถเครืองบอกเซอร์ แต่ อันนี้ต่ำกว่า เพราะ ทำแบตได้บางกว่า
- มีมอเตอร์  4 ตัว เวลาออกจากโค้งสามารถให้คอมคำนวนได้เลยว่าแต่ละล้อจะเอาทอร์คเท่าไหร่เพื่อให้ได้ลิมิตสูงสุดที่ยางจะทนได้
 ทำให้น้ำหนักถึงแม้จะมากกว่าแต่เวลาในสนามก็ดีกว่ารถ ICE ที่ราคาใกล้ๆกัน


ส่วนรถEV ที่จูนให้ขับสนุกก็มีนะครับ อย่างporsche taycan เทียบกับรถ ICE, PHEV จากคลิปข้างล่างนี่ฝรั่งบอกว่าขับดี+ขับสนุกที่สุดครับ



อีกเรื่องที่น่าจะมาปิดจุดอ่อนของ EV ก็คือแบตเตอรี่semi solid stage ที่พัฒนาใกล้สำเร็จแล้ว จุดเด่นคือ เบา และ ชาร์จได้เร็ว
ถ้าเทคโนโลยีถูกใช้อย่างแพร่หลาย น้ำหนักรถ EV จะเบาขึ้นเยอะ ดังนั้นในแง่สมรรถนะ รถ ICE แทบจะสู้ไม่ได้เลย

อีก 5-10 ปี ถ้ามีตังค์ แล้วจะเลือกระหว่าง 911 กับ taycan นี่ น่าจะเลือกยากครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 11, 2020, 14:55:01 โดย koko86 »

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,143
  • SNK vs Playmore
คงไม่ใช่ในอนาคตอันใกล้นี้

เพราะงั้นซื้อ Supra เป็นคันสุดท้ายพอแล้วครับ  :)

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,183
    • อีเมล์
คิดว่าน่าจะทยอยมาด้วย hybrid ก่อนครับแนวทางแบบ Honda NSX
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ alpha14

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,109
ไม่หรอกครับ คนระดับนี้มีตังซื้อรถขนาดนั้น แค่กินน้ำมันไม่มีปัญหาหรอก อารมการขับขี่ก็แตกต่างกัน

เมื่อตอนปีประมาณ 2550 - 2552 ก็มีคนมาบอกผมประมาณว่า
รถน้ำมัน จะหมดยุคแล้ว จะแทนที่ด้วยรถไฟฟ้า
ช่วงนั้นเริ่มมีข่าวรถไฟฟ้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็นยานพาหนะแห่งอนาคต

ตอนนั้นผมเลยบอกไปว่า อีก 20-30 ปี คนไทยก็ยังเปลี่ยนผ่านไปใช้รถไฟฟ้าไม่ได้แน่นอน 100%
ไม่มีทางที่รถไฟฟ้าล้วนจะเกิดในประเทศไทยเร็วๆนี้แน่นอน

ผมโดนค่อนขอดมาตลอด ทุกครั้งที่มีรถไฟฟ้ามาขาย หรือ ข่าวการแบนเครื่องยนต์สันดาปในยุโรป

แต่ความเป็นจริงคือ ที่ยุโรปที่ผมเพิ่งไปมาปีสองปีนี้
ไอ้ประเทศที่บอกจะแบนรถน้ำมัน ยังงั้นยังงี้
รถวิ่งผ่าน 100 คัน ยังเป็นรถดีเซล 40-50 คันกันอยู่เลย ที่เหลือก็คละกันไปกับรถเครื่องเบนซิน ไฮบริดประเภทต่างๆ

ยิ่งไปเยอรมันมาล่าสุด รถทั่วไป รถไปรษณี รถส่งของ ยังคงเน้นไปที่รถเครื่องยนต์ดีเซลเสียด้วยซ้ำ

กลับมาที่หัวข้อรถสปอร์ตจะถูกรถไฟฟ้าในอนาคตกินรวบหรือไม่นั้น
ผมค่อนข้างมั่นใจว่ายากมาก
เพราะจุดประสงค์ของคนซื้อรถสปอร์ต - ซุปเปอร์คาร์นั้น
นอกจากความแรง ความเร็ว ที่จะได้แล้ว
สิ่งที่สำคัญที่ปัจจุบันยังหาไม่ได้จากรถไฟฟ้าก็คือ อรรถรสในการขับขี่
ซุ่มเสียงที่ไพเราะของเครื่องยนต์ การเล่นรอบเครื่องยนต์ การไล่เกียร์
ไม่ใช่ว่ากดคันเร่งแล้วรถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วกว่าคันอื่น แล้วคนที่จะซื้อรถสปอร์ต - ซุปเปอร์คาร์จะสนใจนะครับ

แล้วหันไปมองรถ mass ที่คิดว่าจะถูกแทนที่ด้วยรถไฟฟ้าบ้าง
รถไฟฟ้า แม้ว่าจะมีพัฒนาการที่รวดเร็ว ในทุกด้าน
แต่ข้อจำกัดของรถไฟฟ้า ก็ยังคาอยู่ที่เรื่องของแบตเตอรี่
ไม่ว่าจะเรื่องของระยะทางที่จะใช้ได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
หรือจะเรื่องของการชาร์จไฟ ว่าต้องใช้ระยะเวลาขนาดไหน

คนรอบตัวผมยังอยากใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันนะครับ
แต่ไม่ตอบโจทย์การเดินทางเลย
แค่จะไปหัวหิน ยังต้องคิดหนักเลย
ไม่ต้องคิดถึงการเดินทางขึ้นเหนือ หรือ ลงใต้เลยนะครับ

หลายๆคนเป็นเซลล์วิ่งต่างจังหวัด วันนึงใช้รถหลายร้อยกม.
บางวันวิ่งเกือบ 1,000 กม. ในขากลับกรุงเทพ
จะมานั่งรอชาร์จเป็นชั่วโมงๆ คงไม่ใช่เรื่อง

คงต้องรอให้พัฒนาต่อไป

ส่วนตัวผมว่าในไทย อีก 10-15 ปี ค่อยมาคุยกันใหม่เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับคนทั่วไป
ปัจจุบัน ให้เป็นรถเฉพาะกลุ่มการใช้งานที่เหมาะสมกันไปก่อนครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 11, 2020, 21:51:13 โดย BChill »

ออฟไลน์ basterias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,793
ผมเห็นรีวิว porsche taycan ในต่างประเทศเหมือนเวลาเร่งเครื่องก็มีเสียงมอเตอร์ไฟฟ้าแบบสังเคราะห์นะครับ ดูให้อารมณ์แบบอวกาศๆ แต่คนที่ชื่นชอบรถจริงๆคงไม่อยากได้เสียงแบบนี้ และฟิลลิ่งของรถที่ไม่มีเกียร์ ยังไงรถซุเปอร์คาร์เครื่องโตๆก็ยังขายได้อีกระยะนึงแหล่ะครับ ถึงเวลาอาจเหลือเจ้าที่ทำต่อไม่กี่เจ้าที่เป็นตำนานแบบ legendary ซื้อมาขับเท่ๆก็เป็นได้

ส่วนตัวผมชอบทั้งคู่ครับ เสียงเครื่อง ICE ก็ชอบ รถไฟฟ้าก็ดูไฮเทคดี ได้กันคนละฟีลลิ่ง
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)

ออฟไลน์ turbo lover

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 438
 ผมมอง แบบนี้ครับ
ถ้ารถไฟฟ้า
ราคาสักล้านกว่าบาท
แล้ว อัตราเร่ง 0-100สัก5-6วิ
Top speed 250 แบบนี้รถน้ำมัน กลายเป็นของสะสมแน่นอนครับ
ส่วนรถ ที่จขกท กล่าวถึง จะมีสักกี่คนที่เอื้อมถึงครับ ณ ปัจจุบัน รถไฟฟ้า สมรรถนะ สูง ยังแพงอยู่มากๆ ครับ
ราคาต้องจับต้องได้ สมรรถนะต้องดีกว่ารถน้ำมันเยอะ ถึงเวลาสูญพัธ์ ของรถน้ำมันแน่ แต่ถ้าทำไม่ได้
รถไฟฟ้า ก็เป็นของเล่น ของเศรษฐีเท่านั้นครับ

ออนไลน์ เนื้อน่องไม่หนัง

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,692
ยังไง รถน้ำมันก็ขายได้ครับ ผมว่าเกิน 10 ปีแน่ๆ
พวกรถสปอท สมรรถณะสูง อาจกลายร่างเป็น hybrid เพราะเครื่องยนต์เพียวๆ สู้คู่แข่งไม่ได้แล้ว
เหมือนกับ กลุ่มคนชอบ NA ที่ยอมจ่ายเอาครื่องใหญ่ หลายสูบ
เพราะส่วนนึงที่ลูกค้าชอบ คือเสียงเครื่องยน เสียงท่อไอเสีย
สำหรับคนกลุ่มนี้บางคนอาจไม่ได้ชอบรถที่แรงแบบกดแล้วหาย ทิ้งเป็นทุ่ง แต่ชอบรถได้สนุกกับการขับขี่ ลากรอบสูงๆ เปลี่ยนเกียร์ ซึ่งรถไฟฟ้า อาจให้ไม่ได้


ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,043
Sport car, supercar, hypercar จะเป็นกลุ่มท้ายๆที่ถูกกลืนโดย EV ... ทั้งในแง่ผู้ผลิตและผู้บริโภค

ผู้ผลิตอยากได้ scale ในการผลิต เลยค้องผลิตที่ขายคนจำนวนมากให้ได้ก่อน (ดู Tesla ก็ได้)

ผู้บริโภค ตลาดนี้มัน emotional มากกว่า rational .. ถามว่าถ้าเน้น performance ทำไม WRX CVT ขายไม่ดีเท่า WRX ทั้งๆที่ประหยัดกว่า ทำอัตราเร่งได้ดีกว่า

ออฟไลน์ ซวEจsิJลิJเปulnw

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 123
ผมเห็นต่างนะ
ในอนาคตคือ อีก 20-30 ปีข้างหน้า ผมคิดว่ากินรวบแน่นอน

อย่าลืมนะครับว่า คนในอนาคต ไม่ใช่คนยุคเราๆ แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลนี EV ตอนนี้แค่พึ่งเริ่มต้น แต่เครื่องยนต์ใกล้ถึงทางตันแล้ว
พลังของมอเตอร์จะโหดกว่านี้ ประหยัดกว่านี้

เด็กยุคใหม่ที่โตมา เกิดมากับ EV
อาจจะรำคาญกับเสียงดังๆ กับการสั่นๆ

สังเกตไหมครับว่า คนในยุคเราๆ ที่ขับรถมาก่อนที่กล้องถอยหลังรถยนต์จะแพร่หลาย
ทุกวันนี้เราก็ยังชินกับการมองกระจก ข้าง/หลัง เพราะมันมั่นใจกว่า ชอบมากกว่า

แต่ไปถามเด็กสมัยใหม่ ที่เริ่มขับรถไม่นาน คนคันแรกมีกล้องถอย
ถ้าให้เลือก เขาจะเลือก มองกล้องมากกว่า เพราะเขาชินกับสิ่งนั้น

คนในอนาคตอีก 20-30 ปี ไม่ใช่พวกเราแล้วครับ
คนเล่นรถเครื่องสันดาป จะเป็นกลุ่มเล็กๆ เหมือนกลุ่มคนเล่นรถคลาสิคเท่านััน

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,190
    • อีเมล์
ทุกประเภทละครับ ไม่ใช่เฉพาะรถสปอร์ต

หัวลาก ยังจะเป็น EV แล้วเลยครับ

แต่คงมี lineup ที่เป็นเครื่องยนต์ เพื่อเอาใจสาวกอยู่บ้าง เป็นเวอร์ชั่นพิเศษ หรือ เวอร์ชั่นอนุรักษ์นิยม คล้ายๆ ค่ายกบมีเวอร์ชั่นเกียร์ MT นั้นละครับ

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,839
ผมเห็นต่างนะ
ในอนาคตคือ อีก 20-30 ปีข้างหน้า ผมคิดว่ากินรวบแน่นอน

อย่าลืมนะครับว่า คนในอนาคต ไม่ใช่คนยุคเราๆ แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลนี EV ตอนนี้แค่พึ่งเริ่มต้น แต่เครื่องยนต์ใกล้ถึงทางตันแล้ว
พลังของมอเตอร์จะโหดกว่านี้ ประหยัดกว่านี้

เด็กยุคใหม่ที่โตมา เกิดมากับ EV
อาจจะรำคาญกับเสียงดังๆ กับการสั่นๆ

สังเกตไหมครับว่า คนในยุคเราๆ ที่ขับรถมาก่อนที่กล้องถอยหลังรถยนต์จะแพร่หลาย
ทุกวันนี้เราก็ยังชินกับการมองกระจก ข้าง/หลัง เพราะมันมั่นใจกว่า ชอบมากกว่า

แต่ไปถามเด็กสมัยใหม่ ที่เริ่มขับรถไม่นาน คนคันแรกมีกล้องถอย
ถ้าให้เลือก เขาจะเลือก มองกล้องมากกว่า เพราะเขาชินกับสิ่งนั้น

คนในอนาคตอีก 20-30 ปี ไม่ใช่พวกเราแล้วครับ
คนเล่นรถเครื่องสันดาป จะเป็นกลุ่มเล็กๆ เหมือนกลุ่มคนเล่นรถคลาสิคเท่านััน

ไม่ต้องเด็กหรอก
ไม่เอาตัวผมด้วย
พ่อผมนี่แหละ 60กว่าๆแล้ว ติดกล้องถอยหลังงอมแงมเลย 5555