ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมสมัยนี้ไม่นิยมน้ำมันเครื่องเบอร์ 40 กันแล้วครับ  (อ่าน 8448 ครั้ง)

ออฟไลน์ final

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 581
    • อีเมล์
ตั้งแต่มีน้ำมันเครื่องเบอร์ 20 เข้ามา ก็ไม่ค่อยเห็นใครใช้เบอร์ 40 เลย ทั้งที่ส่วนมากน้ำมันเครื่องตัวท็อปของยี่ห้อมักจะเป็นเบอร์ 40 เพราะอะไรครับ

ออฟไลน์ kez

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,585

 เทคโนโลยีการประกอบเครื่อง  วัสดุการผลิต

 ลดการกินน้ำมัน   

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,292
    • อีเมล์
เบอร์มาตรฐานติดรถมา แค่ 20 เองครับ บางค่ายลงไปถึงเบอร์ 16 ด้วยซ้ำ

เต็มที่ ขยับมาเป็น 30 ก็พอแล้ว

เบอร์ 40 ถ้าเคยลอง แล้วจับความรู้สึกเก่งๆ จะทราบว่า มันวิ่งไม่ออก ต้องรอเครื่องร้อนก่อนถึงวิ่งดี ไม่รวมเรื่องกินน้ำมันอีก

ก็เลยไม่รู้จะไปใส่เพื่ออะไร ยกเว้น กลุ่มที่ยังมีความเชื่อเก่าๆว่า รถเกินแสนกม. ต้องขยับเบอร์น้ำมันเครื่องให้หนืดขึ้น

ออฟไลน์ Dubee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,503
ก็ในเมื่อ
1. เกรดสังเคราะห์เหมือนกัน
2. คู่มือแนะนำให้ใช้เบอร์ 20
3. เบอร์ 20 ถูกกว่าเบอร์ 40 ราคาถูกกว่าเท่าครึ่ง-สองเท่า

สามเหตุผลนี้ผมจึงใช้เบอร์ 20 ยาวๆ ครับ

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,952
สำหรับผมๆดูเป็นคันๆไปครับ ลักษณะการใช้งานและเงื่อนไขของแต่ล่ะคันที่บ้านผม ไม่เหมือนกัน ลักษณะการ

ขับขี่ ระยะเวลาการใช้รถ รูปแบบเครื่องยนต์มีผลหมดครับ ผมเล่าให้ฟังของผม ส่วนของคนอื่นแต่ล่ะคนคิดไม่

เหมือนกันก้แล้วแต่คนคับ ผมเชื่อว่าทุกคนอยากรักษารถตัวเองกันไม่น้อย

Accord G10 1.5t: ผมใช้คันนี้ประจำผมใช้ 0w-40 mobil1 มา3 รอบแล้วครับ รถผมคันนี้remap ขับเร็วค่อนข้างบ่อยครับ 160-200+ และแช่นานก้พอมีบนทางด่วน ผมมั่นใจใช้น้ำมันเครื่องเบอร์นี้เพราะ ผมเคยรื้อเครื่องออกมาดูกับเพื่อนครับ รถที่ขับความเร็วสูงบ่อยๆ รอบสูงนานๆ น้ำมันเครื่องเบอร์20 ไม่ไหวครับใช้ไปนานๆ รอยขีดข่วนและการสึกหรอของเครื่องยนต์เยอะกว่าชัดเจน ส่วนเบอร์30 นั้นทำมาให้กำลังดีครับใช้งาน มีซัดบ้างพอได้แต่ก้ยังไม่สามารถคุมอุณหภูมิน้ำมันเครื่องและลดการสึกหรอได้ดีเท่า40 สำหรับผมรถเทอร์โบและใช้ความเร็วอย่างน้อยๆต้อง 30 ถ้าให้ดี40 ครับ

CHR HV: คันนี้ผมใช้ เบอร์30 ตลอด mobil1 บ้าง valvoline บ้าง รถไฮบริดไม่ได้ซีเรียสมากครับและที่บ้านใช้ขับไม่ได้เร็วอะไรครับ นานๆถึงมีขับเกิน 130+ ที

Accord G10 hv: คันนี้รถที่บ้านใช้ 3 ปีก้เปลี่ยนรถครับ ไม่ได้อะไรมากเข้าศูนย์ตามระยะ ใช้น้ำมันเครื่องศูนย์ รู้สึกจะเบอร์ 20 ครับ

Colorado 2.5 highcountry: คันนี้ผมเห็นผลชัดมากครับ ตอนซื้อมาน้ำมันเครื่องที่มากับรถคุมอุณหภูมิในเครื่องและหม้อน้ำแย่ครับ ขับเร็วหน่อยยาวๆ อุณหภูมิขึ้นค่อนข้างน่ากลัวและลงช้าครับ ผมเข้าเช็คระยะครั้งแรกเปลี่ยนเป็น 0w-40 shell helix ultra diesel คุมอุณหภูมิได้ดีกว่าเดิมนิดหน่อยแต่ที่เห็นชัดคือพอขับช้าลง อุณหภูมิเครื่องเย็นลงเร็วกว่าเดิมเยอะครับ

ประมาณนี้ครับในความคิดผมถ้าเป็นรถที่ใช้ 3-4 ปีเปลี่ยนไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ใช้อะไรก้ได้ของศูนย์ไปสบายๆครับ มันไม่พังหรือสึกหรอหนักๆในช่วงนี้แน่ๆ แต่ถ้าเป็นคันที่ผมใช้บ่อย ผมใช้รถ 5-7 ปีครับผมดูแลมันดีๆหน่อย แล้วถ้าเกิดตอนนั้นอาจไม่สะดวกเปลี่ยนรถขึ้นมาอาจจะต้องใช้ต่ออีกครับ

อีกเรื่องที่เป็นปัจจัยมากๆคือลักษณะการขับครับ ถ้าขับเรื่อยๆไม่อะไรใช้ 20-30 ได้สบายครับ แต่ถ้าขับเร็วบ่อยและแช่นาน 30 ต้องอย่างน้อย 40-50 กำลังโอเคครับ ผมลองมากับรถหลายคันพอสมควร

*สำหรับผมถ้าเป็นคันที่ใช้เอง 30-50 เท่านั้นครับและผมลองมา อัตรากินน้ำมันเชื้อเพลิงที่เค้าบอกว่าจะกินมากกว่าถ้าใช้น้ำมันเครื่องหนืดกว่า ผมเคยจับเทียบเบอร์ 30 & 40 รถAccord G9 ผมไม่เห็นการกินที่ต่างกันเลยครับ ไม่แน่นะถ้า 20 คงต่างมั้งครับ ผมไม่ได้สนับสนุนให้ใช้น้ำมันเครื่องแบบใดแบบหนึ่งหรือจำเป็นต้องแพงเสมอไปนะครับ รถใครรถมันครับ 5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 09, 2020, 23:26:15 โดย AkE »

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
มันแบ่งเป็นความเชื่อ กับความรู้คนละเรื่องกันครับ

อ่านเหตผลของคนทำวิจัยในโตโยต้าว่าทำไมเขาถึงเริ่มใช้เบอร์ 20 ดูครับ

https://www.tytlabs.com/english/review/rev324epdf/e324ab_tohyama.html

หรือถ้าเป็นแฟนฮอนด้าก็

https://www.hondarandd.jp/point.php?pid=72&lang=en

เทคโนโลยีสารเติมแต่ง ช่วยลดการสึกหรอได้ดีระดับนึงเลยครับ ทำให้เบอร์บางๆ ใช้งานเบาๆ เกิดการสึกหรอต่ำลง แต่ถ้าเทียบกับเบอร์ 40 สมัยนี้ก็ยังสู้ไม่ได้เหมือนกัน แต่อีกที มันก็เหมือนเบอร์ 40 สมัยก่อนแล้วครับ และการใช้Additiveพวกนี้มันก็อายุสั้น บวกกับบริษัทรถสนใจแค่ให้มันพ้นระยะประกันได้เท่านั้นเอง เคยไปดูรถมือสองที่่เข้าศูนย์ตลอด เสียงเครื่องไม่เพราะเลย อย่างรถHonda Jazz GK นี่ชัดเลยครับ

เรื่องการประหยัด+อัตราเร่ง คุณจะมองเห็นมันก็ต้องต่ำว่า 20 องศา เทียบเบอร์ 40 ก็ ประมาณ 1-2% ยังไม่มีบริษัทน้ำมันเครื่องมาตรฐานโลกยี่ห้อไหนกล้าเคลมมากกว่านี้นะครับ นอกจากพวกบริษัทx อะไรนั่น


คู่มือรถบางยี่ห้อเขาเขียนละเอียดอยู่ว่าควรใช้เบอร์ไหนที่อุณหภูมิเท่าไหร่ครับ
https://www.uppic.org/image/A6OY3



ที่เหลือก็ความเชื่อ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2020, 14:17:26 โดย Jæ »

ออฟไลน์ flybigbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,501
เครื่องดีเซล ถ้ารถใหม่ๆๆ ไม่ค่อยใช้ แต่รถเก่าๆๆเกิน 10ปี+++ ทั้งรถยนต์ รถบรรทุก รถไถ รถเครื่องจักรหนัก ใช้ SEA40 กันเยอะอยู่

ออฟไลน์ panjap

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,243
ดูเสปคเป็นสำคัญ อย่าง benz ใช้แต่ 40 ถ้าเป็น ดีเซล เป็น 30   ถ้าเสปคมันเป็นแบบนี้ จะไปใช้ 20 ก็มีหวังเครื่องพัง

ออฟไลน์ a@s

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 337


Colorado 2.5 highcountry: คันนี้ผมเห็นผลชัดมากครับ ตอนซื้อมาน้ำมันเครื่องที่มากับรถคุมอุณหภูมิในเครื่องและหม้อน้ำแย่ครับ ขับเร็วหน่อยยาวๆ อุณหภูมิขึ้นค่อนข้างน่ากลัวและลงช้าครับ ผมเข้าเช็คระยะครั้งแรกเปลี่ยนเป็น 0w-40 shell helix ultra diesel คุมอุณหภูมิได้ดีกว่าเดิมนิดหน่อยแต่ที่เห็นชัดคือพอขับช้าลง อุณหภูมิเครื่องเย็นลงเร็วกว่าเดิมเยอะครับ

ประมาณนี้ครับในความคิดผมถ้าเป็นรถที่ใช้ 3-4 ปีเปลี่ยนไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ใช้อะไรก้ได้ของศูนย์ไปสบายๆครับ มันไม่พังหรือสึกหรอหนักๆในช่วงนี้แน่ๆ แต่ถ้าเป็นคันที่ผมใช้บ่อย ผมใช้รถ 5-7 ปีครับผมดูแลมันดีๆหน่อย แล้วถ้าเกิดตอนนั้นอาจไม่สะดวกเปลี่ยนรถขึ้นมาอาจจะต้องใช้ต่ออีกครับ

อีกเรื่องที่เป็นปัจจัยมากๆคือลักษณะการขับครับ ถ้าขับเรื่อยๆไม่อะไรใช้ 20-30 ได้สบายครับ แต่ถ้าขับเร็วบ่อยและแช่นาน 30 ต้องอย่างน้อย 40-50 กำลังโอเคครับ ผมลองมากับรถหลายคันพอสมควร

*สำหรับผมถ้าเป็นคันที่ใช้เอง 30-50 เท่านั้นครับและผมลองมา อัตรากินน้ำมันเชื้อเพลิงที่เค้าบอกว่าจะกินมากกว่าถ้าใช้น้ำมันเครื่องหนืดกว่า ผมเคยจับเทียบเบอร์ 30 & 40 รถAccord G9 ผมไม่เห็นการกินที่ต่างกันเลยครับ ไม่แน่นะถ้า 20 คงต่างมั้งครับ ผมไม่ได้สนับสนุนให้ใช้น้ำมันเครื่องแบบใดแบบหนึ่งหรือจำเป็นต้องแพงเสมอไปนะครับ รถใครรถมันครับ 5555

กระบะผมเลิกใช้เบอร์ 30 ตั้งแต่สามหมื่นโลครับ ออกต่างจังหวัดแช่นานใส่เบอร์40 รู้เรื่องเลยหน้าร้อนเมืองไทยด้วย 30 รุ้สึกว่าเหลวเป็นน้ำเลย เรื่องกินน้ำมันผมว่าเทียบไม่ต่างกัน แต่ใครถ้าขับใกล้ๆ ในเมืองก็ใช้เบอร์บางน่าจะเหมาะกว่า

ออฟไลน์ TCP

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 687
ก็จะมีซักกี่คนที่ ขับรถใช้งานหนักหนาสาหัสสากรรจ์สุดๆ แบบนั้นบ้าง ?

แล้วในเมื่อ หลายๆ คน เค้าใช้งานปานกลาง เค้าจะเลือกน้ำมันเครื่องเบอร์หนืดๆ มาให้กินน้ำมันทำไม ?

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,280
    • อีเมล์
ไม่เกี่ยวกับหรอกครับ

แต่โดยปกติแล้ว เดี๋ยวนี้รถยนต์มี seg ที่เป็น eco มา เบอร์ 20 ก็เลยนิยม

พอเบอร์ 20 มันมีผลชัดในเรื่องการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง แล้ว ยังรักษาและปกป้องเครื่องยนต์รถยนต์ ที่ใช้งานบ้านๆ ได้อยู่

มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เบอร์ 30 หรือ 40 ครับ
 
ไม่ใช่รถเทอร์โบ 90 หรือรถซิ่ง ที่ต้องเป็นเบอร์ 40 หรือ 50 อย่างเมื่อก่อนแล้ว

รถผมเทอร์โบ 2 ลูก ยังใช้เบอร์ 30 เลย

ออฟไลน์ final

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 581
    • อีเมล์
ผมว่ารถยนต์เมืองไทยถือว่าใช้งานหนักนะครับ รถติดสุดๆแถมอากาศร้อน แต่ดันใช้น้ำมันเครื่องเบอร์เดียวกับเมืองหนาว แต่ก็นะสมัยนี้เปลี่ยนรถกันเร็วขึ้น

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,595
เบอร์ 40 ก็ยังใช้กันปกติคับ อย่างพวกกระบะก็ยังใช้เบอร์ 40 50 กันอยู่เลย

ออฟไลน์ belkw202

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 417
รถญี่ปุ่นเบนซิน (รถบ้าน) ใช้เบอร์ 40 แล้วอืดครับ แล้วอีกอย่างความร้อนสะสมไม่ได้เยอะขนาดนั้น เบอร์ 20 หรือ 30 ก็ปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีพอแล้ว
ส่วน benz bmw ผมเห็นใช้กันอย่างน้อย 30 แต่ส่วนใหญ่ตามอู่ ใช้ 40 กันหมดเลยนะครับ เครื่องมันน่าจะต้องการการปกป้องมากกว่าจากความร้อนที่เยอะกว่า
Tesla Model 3 Highland LR
G08 iX3 M Sport
Cx5 2.5s
Mazda 2 1.3 S
w202 c36 AMG
w212 e63 AMG
w204 c250 AMG Sport Plus
w207 e350 4matic
e90 325i

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,148
ตัวท๊อปสังเคราะห์ล้วน ของแต่ละค่ายเป็น40เพราะเข้าแนะนำให้ใช้ในรถเทอร์โบสมรรถนะ สูงป็นหลักเคลือบลื่นภายในเครื่องยนตร์ดีกว่าครับ รถบ้านๆอย่างเก่งตัวท๊อปหนืด30ก็เริ่มเร่งอืดออกอาการแล้วแรงม้าแรงบิดไม่ได้เยอะ  8)
ปล.แต่ถ้าเป็นบิ๊กไบค์600ccคู่มือบอก30จะใช้40ก็ได้นะ เสียงดีขึ้นบิดเร่งนุ่มขึ้น 8)
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ ChangNoyRacing

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 89
    • อีเมล์
ที่จริง รถยนต์รุ่นใหม่ๆ เบอร์มาตรฐานจากโรงงาน ก็เบอร์ 20 ครับ หรือรถที่เลขไมล์ ไม่ค่อยส่วนจะใช้กัน

ส่วน เบอร์ 30 รถที่เลขไมล์ 1xx,xxx+ จะนิยมกัน เพราะมันจะเพิ่มการปกป้องอุปกรณ์ภายในเครื่องยนต์
ที่มีการลึกหรอแล้ว แถมราคาก็ไม่หนีกับ เบอร์ 20 เท่าไหร่ครับ 

ส่วน 40  จะเหมาะสำหรับรถยนต์ ที่ อายุเท่า เกิน 6 - 10 ขึ้นปี เพราะมีการสึกหรอของเครื่องยนต์มาก
เลยต้องใช้ค่าความหนึดเยอะขึ้น  ค่า SAE 40  เช่น 5w-40  ราคาไม่หนีการเท่าไหร่

50  จะเหมาะกับรถยนต์ ที่มีการพร่องของเครื่องมากๆ (กินน้ำมันเครื่อง) เช่น เครื่องหลวม เป็นเหตุทำให้น้ำมันเครื่องหายไปใน ปรืมาณที่เยอะๆ เบอร์  15w-50 20w-50 ราคาจะถูกกว่าครับ 

เบอร์ 60 ส่วนใหญ่ที่เห็นจะใช้ลง แข่งขันสนาม พวกแข่งทางตรง 402 ม. และ 201 ม. เพราะเครื่องยนต์มีการทำงานที่หนักเกินขีดจำกัดที่ลูกสูบจะรับไหว
เลยต้องเลือก ค่าSAE สูงๆ ครับ

แต่โดยส่วนตัวผม ผมรถมันเกิน 10 ปี ผมจะเลือกใช้ 5W-40 ของ ปตท. ครับ เพราะราคาไม่สูงมากจนเกินไป
(ทั้งหมดเป็นความเข้าใจส่วนตัวของผมครับถ้าผิดประการใดก็ชี้แนะได้เลย)
 

ออฟไลน์ Winmax

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 210
จะเบอร์ไหนเปลี่ยนในศูนย์ ก็แพงอยู่ดีครับ
เปลี่ยนเอง เบอร์ไหนอย่าคิดมากครับ
เด่น ด้อย ต่างกันไป
เงินในกระเป๋าต่างกันไป
อย่างเก่ง ห้าพันโลก็ถ่ายทิ้ง

ออฟไลน์ Darkart

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,058
    • อีเมล์
ถ้าขับเร็ว เท้าขาหนัก ขับทางไกล เบอร์ 40
ขับเรื่อยๆ เร็วบ้าง ช้าบ้าง เบอร์30 เพียงพอแล้วครับ
 
ผู้ไม่มีแผลเป็น คือ ผู้ไม่มีประสบการณ์

ออฟไลน์ Carnival911

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 82
ที่จริง รถยนต์รุ่นใหม่ๆ เบอร์มาตรฐานจากโรงงาน ก็เบอร์ 20 ครับ หรือรถที่เลขไมล์ ไม่ค่อยส่วนจะใช้กัน

ส่วน เบอร์ 30 รถที่เลขไมล์ 1xx,xxx+ จะนิยมกัน เพราะมันจะเพิ่มการปกป้องอุปกรณ์ภายในเครื่องยนต์
ที่มีการลึกหรอแล้ว แถมราคาก็ไม่หนีกับ เบอร์ 20 เท่าไหร่ครับ 

ส่วน 40  จะเหมาะสำหรับรถยนต์ ที่ อายุเท่า เกิน 6 - 10 ขึ้นปี เพราะมีการสึกหรอของเครื่องยนต์มาก
เลยต้องใช้ค่าความหนึดเยอะขึ้น  ค่า SAE 40  เช่น 5w-40  ราคาไม่หนีการเท่าไหร่

50  จะเหมาะกับรถยนต์ ที่มีการพร่องของเครื่องมากๆ (กินน้ำมันเครื่อง) เช่น เครื่องหลวม เป็นเหตุทำให้น้ำมันเครื่องหายไปใน ปรืมาณที่เยอะๆ เบอร์  15w-50 20w-50 ราคาจะถูกกว่าครับ 

เบอร์ 60 ส่วนใหญ่ที่เห็นจะใช้ลง แข่งขันสนาม พวกแข่งทางตรง 402 ม. และ 201 ม. เพราะเครื่องยนต์มีการทำงานที่หนักเกินขีดจำกัดที่ลูกสูบจะรับไหว
เลยต้องเลือก ค่าSAE สูงๆ ครับ

แต่โดยส่วนตัวผม ผมรถมันเกิน 10 ปี ผมจะเลือกใช้ 5W-40 ของ ปตท. ครับ เพราะราคาไม่สูงมากจนเกินไป
(ทั้งหมดเป็นความเข้าใจส่วนตัวของผมครับถ้าผิดประการใดก็ชี้แนะได้เลย)

คุณคืออีก 1 คนที่เข้าใจผิดๆเกี่ยวกับน้ำมันเครื่องครับ
ถ้าเครื่องหลวม ต้องซ่อม เปลี่ยนอะไหล่ ฟิตเครื่องครับ ไม่ใช่ไปเพิ่มเบอร์น้ำมันเครื่อง เข้าใจกันผิดแทบทั้งประเทศ

ออฟไลน์ โบตั๋น

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 485
ส่วนตัวเข้าใจว่ารถรุ่นใหม่ๆใช้เกียร์ cvt กันหมด วิ่ง 100 นึงรอบไม่ถึง 2000 รอบ ไม่เหมือนเกียร์ at รุ่นก่อนๆที่วิ่งเกิน 2000 รอบกันหมด