ผู้เขียน หัวข้อ: "Climate Clock นาฬิกานับถอยหลังสู่หายนะโลกร้อน" นี่อาจทำให้รถ EV มาไวกว่าที่คิด?  (อ่าน 4931 ครั้ง)

ออฟไลน์ Level Zero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 756


https://climateclock.world/

Climate Clock นาฬิกานับถอยหลังสู่หายนะโลกร้อน เราเหลือเวลาแค่ 7 ปี! ในการช่วยโลกมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์ ไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 องศา ก่อนที่เราจะเผชิญหายนะโลกร้อน แบบไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม

ตอนนี้เริ่มมีการติดตั้งนาฬิกานับถอยหลังขนาดใหญ่ ใจกลางเมืองชื่อดังต่างๆของโลก ปีที่แล้วมีกรุงเบอร์ลิน เยอรมัน ปีนี้ที่ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และปีหน้าจะมีที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เพื่อนับเวลาที่โลกเหลืออยู่ก่อนที่อุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 1.5 องศา

ทุกท่านคิดว่านี่จะเป็นประเด็นสำคัญ ที่ประเทศต่างๆจะผลักดันให้มีการนำรถไฟฟ้ามาใช้เร็วขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ครับ

ส่วนตัวมองว่าถึงจะผลักดันไปใช้รถไฟฟ้าเร็วขึ้น แต่ถ้าแหล่งพลังงานที่นำมาชาร์จรถยนต์ยังไม่ใช่พลังงานสะอาดก็อาจจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ






เพราะโลกก็มีเดดไลน์และขีดจำกัด! ผุด Climate Clock นาฬิกานับถอยหลังสู่หายนะโลกร้อน เราเหลือเวลาแค่ 7 ปี! ในการช่วยโลกมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์ ไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 องศา ก่อนที่เราจะเผชิญหายนะโลกร้อน แบบไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม (หรือเวลาอาจจะน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเราทุกคน)
•
ขณะนี้โลกกำลังเผชิญอุณหภูมิที่สูงขึ้นเฉลี่ย 1.1 องศา (หากเปรียบเทียบกับระดับอุณหภูมิเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรม ปี 1850-1900)  ที่ทำให้เราเผชิญสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ร้อนหนัก แล้งหนัก ไฟป่า น้ำแข็งละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น การสูญพันธุ์ และอื่นๆที่คาดการณ์ไม่ได้
•
ทั่วโลกจึงมีข้อตกลงร่วมกันในความตกลงปารีสที่จะให้อุณหภูมิโลกไม่สูงกว่า 2 องศา และพยายามลิมิตไม่ให้เกิน 1.5 องศา
•
เพราะหากโลกร้อนเกิน 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้น เราอาจจะเผชิญวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศนั้นจะรุนแรงกว่านี้หลายเท่าตัว
•
ซึ่งสิ่งที่ทำให้อุณภูมิโลกสูงขึ้นก็คือก๊าซเรือนกระจก ก๊าซคาร์บอน ที่ถูกปล่อยออกมาอย่างมหาศาลจากกิจกรรมต่างๆของเรา ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกฝาชีครอบความร้อน
•
ทั่วโลกจึงมีความมุ่งมั่นในการลิมิตจำกัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อที่จะไม่ให้อุณหภูมิสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เราจึงมีปริมาณจำกัดของก๊าซเรือนกระจกที่สามารถปล่อยได้ เรียกว่า "Carbon Budget"
•
และหากเรายังปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่แบบนี้ เรามีเวลาเหลือเท่าไหร่กัน ก่อนที่เราจะใช้ Carbon Budget นี้หมด? (ปล่อยคาร์บอนเกิน) และทำให้อุณหภูมิสูงเกิน 1.5 องศา หรือ 2 องศา
•
จากรายงานในปี 2018 IPCC Special Report on Global Warming of 1.5°C เผยว่าเรามีลิมิตปริมาณคาร์บอนที่สามารถปล่อยได้ (Carbon budget) ไม่เกิน 420 gigatonnes (Gt CO2) ในการที่จะทำให้อุณหภูมิไม่สูงเกิน 1.5 องศา
และเรามีลิมิตปริมาณคาร์บอนที่สามารถปล่อยได้ (Carbon budget) ไม่เกิน 1170 Gt CO2ในการที่จะทำให้อุณหภูมิไม่สูงเกิน 2 องศา
•
โดยในปัจจุบันนี้โลกเราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซ์ประมาณ 42 Gt CO2 ในแต่ละปี และหากเรายังปล่อยอยู่แบบเดิม เราจะเหลือเวลาอีกนานเท่าไหร่ที่จะใช้ Carbon Budget หมดกันนะ?
•
และทั้งหมดนี้ก็คือที่มาของ Carbon Clock และ Climate Clock ซึ่งเป็นนาฬิกาที่นับถอยหลังนี้สู่วันที่เราจะใช้ Carbon budget หมดนั่นเอง โดยทำเพื่อที่จะตอกย้ำให้เรามุ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้น้อยที่สุด หรือจนกระทั่งเป็น 0
•
Carbon Clock และ Climate clock (แถบสีแดง) นาฬิกาที่นับถอยหลังนี้เผยให้เห็น Deadline ว่าตอนนี้ (วันที่ 26 กันยายน 63)
1. เราเหลือ Carbon Budget 305 Gt CO2 ที่สามารถปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศได้ โดยที่จะทำให้อุณหภูมิโลกไม่สูงเกิน 1.5 องศา ซึ่งหากเราปล่อยก๊าซคาร์บอนแบบในปัจจุบันนี้ ในอีก 7 ปี คาร์บอน Budget นี้จะหมด (เราเหลือเวลา 7 ปีในการมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์)
2. และเราเหลือ Carbon Budget 1055 Gt CO2 ที่สามารถปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศได้ โดยที่จะทำให้อุณหภูมิโลกไม่สูงเกิน 2 องศา ซึ่งหากเราปล่อยก๊าซคาร์บอนแบบในปัจจุบันนี้ ในอีก 25 ปี คาร์บอน Budget นี้จะหมด (เราเหลือเวลา 25 ปีในการมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์)
•
นอกจากนี้บน Climate Clock ยังมีตัวหนังสือสีเขียวที่แสดงถึงเปอร์เซ็นต์การเติบโตของการผลิตพลังงานจากแหล่งที่หมุนเวียน เรียกว่า Lifeline ที่ ณ วันนี้ คิดเป็น 27% โดยเราต้องทำให้ Lifeline หรือการผลิตพลังงานจากแหล่งหมุนเวียนให้เป็น 100% ก่อนที่ Deadline ของเราจะถึง 0 หรือ ก่อนวันที่ Carbon Budget หมดนั่นเอง
•
นาฬิกานับถอยหลังนี้คงเป็นสิ่งย้ำเตือนให้เราเร่งลงมือปฏิบัติในวันนี้ ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากกิจกรรมต่างๆในชีวิตของเรา เพื่อไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 หรือ 2 องศาที่จะทำให้เราเผชิญหายนะในอีก 7 ปี หรือ 25 ปีข้างหน้า
•
โดยนาฬิกานี้เปรียบเสมือนการนับถอยหลังสู่หายนะ ที่เราทุกคนจะต้องเผชิญเหมือนกัน หากไม่ลงมือทำอะไรเลย เพราะฉะนั้นเราทุกคน ทุกภาคส่วน จะต้องร่วมมือกันในการมุ่งสู่เป้าหมายปล่อยคาร์บอนศูนย์ เพื่อเราทุกคนเอง
•
ขณะนี้หลายๆเมืองที่ได้นำ Climate Clock นี้ไปติดตามตึกต่างๆ อย่างใน Berlin, New York, และ Paris เพื่อย้ำเตือนผู้คนถึงให้ตื่นละตระหนักถึงความเร่งด่วนในการลงมือ Take Action กับเรื่องสภาพภูมิอากาศ โดยทุกท่านเองก็สามารถมีนาฬิกาถอยหลังนี้ไว้ที่บ้าน มือถือ หรือเมืองของตัวเองได้ เพื่อย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาว่านี่คือเวลาที่เหลือที่เราจะช่วยโลกได้
•
และอย่าลืมว่าโลกก็มีเดดไลน์ และขีดจำกัดของมัน

ที่มา : https://www.facebook.com/environman.th/


ออฟไลน์ tyo00

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 303
โดนโควิดเข้าไปก็คงจะยืดไปได้อีกหลายปีละครับ

รถไฟฟ้าถ้ายังใช้งานไม่ได้เหมือนรถสันดาปกับทำงานราคาลงมาเท่าๆกัน คนที่จะซื้อส่วนมากก็ซื้อตามเทรนด์กับจำใจซื้อเพราะถูกบังคับมากกว่าครับ

ออฟไลน์ Level Zero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 756
โดนโควิดเข้าไปก็คงจะยืดไปได้อีกหลายปีละครับ

รถไฟฟ้าถ้ายังใช้งานไม่ได้เหมือนรถสันดาปกับทำงานราคาลงมาเท่าๆกัน คนที่จะซื้อส่วนมากก็ซื้อตามเทรนด์กับจำใจซื้อเพราะถูกบังคับมากกว่าครับ

บางทีก็แอบคิดเหมือนกันว่า โควิด คือการตอบโต้มนุษย์จากธรรมชาติครับ

ส่วนตัวอยากใช้รถ EV เหมือนกันครับ แต่ผมอยู่ภาคเหนือ ถ้าจะเดินทางไกลนี่วางแผนเดินทางไม่ถูกเลยว่าจะต้องแวะชาร์จไฟที่ไหน คงได้แค่คิดหละครับ

ออฟไลน์ I_AM_M

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 329
    • อีเมล์
ผมว่าไอ่พวกพ่นหมึกเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนเดิมไม่สนใจ

ออฟไลน์ boogie2020

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,041
    • อีเมล์
สั้นๆ  เลยนะ ผมไม่เชื่อ 
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ NoName__???

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,144
อเมริกานี่ตัวดีเลย ก่อนจะเตือนคนอื่น ตัวเองทำให้ได้ก่อน  ;D ;D ;D
https://themomentum.co/paris-climate-agreement-withdrawal-us-trump/


ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,618
ผมว่าไม่ต้องถึง 7 ปีหรอกคับ  ปลายปีนี้เข้าหน้าหนาวอากาศนิ่งๆเดี๋ยวปัญหา PM2.5 ก็มาแล้ว

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,418
เข้าใจทำนะครับ ทำให้คนตื่นตัวได้ดีเลย

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
ง่ายๆเลย   เปลี่ยนมาใช้รถเล็กลง ก็ช่วยได้

ออฟไลน์ Level Zero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 756
ผมว่า ถ้าใครไม่ได้ทำงานในห้องแอร์ น่าจะสังเกตุได้นะครับ ว่าอากาศมันร้อนมากขึ้นจริงๆ

ออฟไลน์ imvile

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 623
โดนโควิดเข้าไปก็คงจะยืดไปได้อีกหลายปีละครับ

รถไฟฟ้าถ้ายังใช้งานไม่ได้เหมือนรถสันดาปกับทำงานราคาลงมาเท่าๆกัน คนที่จะซื้อส่วนมากก็ซื้อตามเทรนด์กับจำใจซื้อเพราะถูกบังคับมากกว่าครับ

บางทีก็แอบคิดเหมือนกันว่า โควิด คือการตอบโต้มนุษย์จากธรรมชาติครับ

ส่วนตัวอยากใช้รถ EV เหมือนกันครับ แต่ผมอยู่ภาคเหนือ ถ้าจะเดินทางไกลนี่วางแผนเดินทางไม่ถูกเลยว่าจะต้องแวะชาร์จไฟที่ไหน คงได้แค่คิดหละครับ

ผมว่าโควิดอาจจะกลับเร่งนะครับ
สังเกตว่าสมัยก่อนมีกระแสงดใช้ plastic
หลังโควิด plastic single use ถูกใช้ขึ้นมามหาศาล

แต่หลังๆ รถหมึกเต็มบ้านเต็มเมืองจริงๆ โมโหนะ รถผมต้องเติม adblue ลิตรละ 100 กว่าบาท เจอพ่นหมึก 1 คันคือหายหมดเลยพี่พยายามกัน
J32 since 2011
F30 since 2014
W205 since 2019
ACV70 since 2021

ออฟไลน์ GOBBS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,033
ผมว่า covid จะเป็นตัวเร่งด้วยซ้ำ
คนเลี่ยงใช้รถสาธารณะ พลาสติกใช้เยอะขึ้นไปอีก แล้วพอหายแล้ว โลกจะเร่งการใช้พลังงานมากกว่าเดิมเยอะมาก(คนอั้นจากการเดินทาง อุตสหกรรมกลับมามากและหนักกว่าเดิม แต่พฤติกรรมกลัว covidยังอยู่ต่อ...)
....................
รถไฟฟ้าส่วนบุคคลไม่ตอบครับ ... ยิ่งถ้าการสร้างไฟฟ้าไม่มาจากพลังงานสะอาด และที่ลืมๆกันไป คือการสร้างรถ 1คัน แบตเตอรี ก็สร้างมลภาวะแล้ว
สิ่งที่ตอบมากกว่า คือ การไม่ใช้พลังงาน หรือใช้เท่าที่จำเป็นมากกว่า
อนาคตจริงๆ คือ ระบบโดยสารสาธารณะ การเดินทางแบบไม่ใช้พลังงาน(เดิน/จักรยาน) หรือการ work from home มากกว่าจะไปดันรถไฟฟ้า
ต่อให้เป็นรถไฟฟ้า ทุกคนใช้แล้วมาติดบนถนน เครื่องปรับอากาศในรถก็สร้างความร้อนให้โลกอยู่ดีละครับ...
.....2006 honda jazz idsi
.....2015 mazda2 skyD
..ใช้รถเท่าที่จำเป็นกันเถอะครับ...รถมันติด

ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,595
  • may the force lead your way ...
ผมว่าสิ่งที่เร่งการมาของ EV ใน 7 ปีนี้น่าจะเป็นโมเดลโลก
เข้าสู่ little ice age ตอน 2030 มากกว่าครับ  :P

อุตส่าห์เน้นไฟฟ้าแทบตาย ถ้าเมืองหนาวอากาศหนาวแบบติดลบ
เทคโนฯแบตตอนนี้คือแบตจะมีปัญหามากจนเห็นได้ชัด
เหมือนกล้องถ่ายรูปหรือมือถือที่อากาศหนาวจัดก็จะใช้ได้สั้นลง

ดันให้เกิดใน 7 ปี และ 3 ปีกอบโกยก่อนจะร่วง

ปล.ผมมั่วล้วนๆตามข่าวลือเอาสนุกครับ  ;D
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,858
ผมไม่หวังว่าจะมีใครมาช่วยได้

ผมไปส่งลูกแถบสมุทรสาคร เห็นโรงงานนรกแถวนั้นแล้วระเหี่ยใจ แอบปล่อยควันดำตอนกลางคืนถึงเช้ามืด แบบชนิดที่ถ้าเป็นคืนวันพระจันทร์​เต็ม​ดวงจะเห็นได้ไม่ยากเลย

แน่นอนครับ รมต.ไปตรวจ ตรวจยังไงก็ไม่เจอหรอก ผมกล้าท้าเลยว่าให้ท่านขึ้น ฮ.ไปกับผมช่วงเที่ยงคืน-ตี5 แล้วเอาสปอตไลต์​ส่อง เจอแน่

นี่แค่เขตเดียวนะ ไม่รวมถึงเมืองสมุทรอื่นๆ และแถบเขตอุตสาหกรรม​ และนี่ก็แค่ประเทศไทยนะครับ ยังไม่รวมทั่วโลกที่เจ้าหน้าที่​รัฐของพวกเค้าคอรัปชั่น

ยังไงภาวะโลก​ร้อน​เกิดขึ้นแน่ๆครับ ไม่ต้องห่วง
จะใช้รถน้ำมัน​หรือไฟฟ้า มันก็ต้องเกิดครับ

เดี๋ยววันที่เกิดจริงๆ เราคงนึกกันออกเองว่าควรแก้ไขอย่างไร เหมือนโควิดแหละ

ออฟไลน์ Level Zero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 756
ผมไม่หวังว่าจะมีใครมาช่วยได้

ผมไปส่งลูกแถบสมุทรสาคร เห็นโรงงานนรกแถวนั้นแล้วระเหี่ยใจ แอบปล่อยควันดำตอนกลางคืนถึงเช้ามืด แบบชนิดที่ถ้าเป็นคืนวันพระจันทร์​เต็ม​ดวงจะเห็นได้ไม่ยากเลย

แน่นอนครับ รมต.ไปตรวจ ตรวจยังไงก็ไม่เจอหรอก ผมกล้าท้าเลยว่าให้ท่านขึ้น ฮ.ไปกับผมช่วงเที่ยงคืน-ตี5 แล้วเอาสปอตไลต์​ส่อง เจอแน่

นี่แค่เขตเดียวนะ ไม่รวมถึงเมืองสมุทรอื่นๆ และแถบเขตอุตสาหกรรม​ และนี่ก็แค่ประเทศไทยนะครับ ยังไม่รวมทั่วโลกที่เจ้าหน้าที่​รัฐของพวกเค้าคอรัปชั่น

ยังไงภาวะโลก​ร้อน​เกิดขึ้นแน่ๆครับ ไม่ต้องห่วง
จะใช้รถน้ำมัน​หรือไฟฟ้า มันก็ต้องเกิดครับ

เดี๋ยววันที่เกิดจริงๆ เราคงนึกกันออกเองว่าควรแก้ไขอย่างไร เหมือนโควิดแหละ

ถึงจุดนั้นจริงๆแล้วกลัวจะไม่สามารถแก้ได้นะสิครับ

"เพราะหากโลกร้อนเกิน 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้น เราอาจจะเผชิญวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศนั้นจะรุนแรงกว่านี้หลายเท่าตัว"

ถ้าขึ้นอีก 2 องศา พายุก็จะรุนแรงมากขึ้น กรุงเทพคงโดนน้ำท่วมหนักทุกปีแน่
โชคดีผมอยู่ภาคเหนือ แต่จะดีจริงรึเปล่าไม่รู้ เพราะหน้าหนาวปีนี้หนาวสุดในรอบหลายสิบปี ไม่ต้องขึ้นภูก็เจอเลขตัวเดียวได้ นึกแล้วสงสารลูกขึ้นมาเลยครับ

ออฟไลน์ p.pooh

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 141
ผมไม่หวังว่าจะมีใครมาช่วยได้

ผมไปส่งลูกแถบสมุทรสาคร เห็นโรงงานนรกแถวนั้นแล้วระเหี่ยใจ แอบปล่อยควันดำตอนกลางคืนถึงเช้ามืด แบบชนิดที่ถ้าเป็นคืนวันพระจันทร์​เต็ม​ดวงจะเห็นได้ไม่ยากเลย

แน่นอนครับ รมต.ไปตรวจ ตรวจยังไงก็ไม่เจอหรอก ผมกล้าท้าเลยว่าให้ท่านขึ้น ฮ.ไปกับผมช่วงเที่ยงคืน-ตี5 แล้วเอาสปอตไลต์​ส่อง เจอแน่

นี่แค่เขตเดียวนะ ไม่รวมถึงเมืองสมุทรอื่นๆ และแถบเขตอุตสาหกรรม​ และนี่ก็แค่ประเทศไทยนะครับ ยังไม่รวมทั่วโลกที่เจ้าหน้าที่​รัฐของพวกเค้าคอรัปชั่น

ยังไงภาวะโลก​ร้อน​เกิดขึ้นแน่ๆครับ ไม่ต้องห่วง
จะใช้รถน้ำมัน​หรือไฟฟ้า มันก็ต้องเกิดครับ

เดี๋ยววันที่เกิดจริงๆ เราคงนึกกันออกเองว่าควรแก้ไขอย่างไร เหมือนโควิดแหละ

ถึงจุดนั้นจริงๆแล้วกลัวจะไม่สามารถแก้ได้นะสิครับ

"เพราะหากโลกร้อนเกิน 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้น เราอาจจะเผชิญวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศนั้นจะรุนแรงกว่านี้หลายเท่าตัว"

ถ้าขึ้นอีก 2 องศา พายุก็จะรุนแรงมากขึ้น กรุงเทพคงโดนน้ำท่วมหนักทุกปีแน่
โชคดีผมอยู่ภาคเหนือ แต่จะดีจริงรึเปล่าไม่รู้ เพราะหน้าหนาวปีนี้หนาวสุดในรอบหลายสิบปี ไม่ต้องขึ้นภูก็เจอเลขตัวเดียวได้ นึกแล้วสงสารลูกขึ้นมาเลยครับ

จะหนาวจริงหรือครับ ผมไม่เคยเจอหน้าหนาว ที่เป็นฤดูหนาวแบบสมัยสัก 30 ปีก่อนมานานมากแล้วทางภาคเหนือ แบบหนาวทั้งวันทั้งติด ติดๆกันสาม สี่เดือน ทุกวันนี้เจอแต่ วันที่หนาว เสียดายมาก เปิด google ดู พื้นที่สีเขียวภาคเหนือนี่โล่งมาก

ออฟไลน์ Devil13

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,996
ผมว่าไอ่พวกพ่นหมึกเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนเดิมไม่สนใจ

จริง จัดการพวกนี้ให้ได้ก่อน
รถไฟฟ้าเอาไว้ทีหลัง

ออฟไลน์ Level Zero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 756
จะหนาวจริงหรือครับ ผมไม่เคยเจอหน้าหนาว ที่เป็นฤดูหนาวแบบสมัยสัก 30 ปีก่อนมานานมากแล้วทางภาคเหนือ แบบหนาวทั้งวันทั้งติด ติดๆกันสาม สี่เดือน ทุกวันนี้เจอแต่ วันที่หนาว เสียดายมาก เปิด google ดู พื้นที่สีเขียวภาคเหนือนี่โล่งมาก

อันนี้ที่บ้านผมเองในตัวเมือง ธันวาปีที่แล้วครับ






ผมว่าไอ่พวกพ่นหมึกเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนเดิมไม่สนใจ

จริง จัดการพวกนี้ให้ได้ก่อน
รถไฟฟ้าเอาไว้ทีหลัง

เห็นด้วยครับ เกลียดมากเลยพวกนี้ บ้านผมอยู่ตรงสี่แยกไฟแดงพอดี รับควันเต็มๆเลยครับ
ตอนเย็นๆอุ้มลูกเดินเล่นนอกบ้านได้แปปเดียวก็ต้องเอาเข้าบ้าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 02, 2020, 15:57:13 โดย Bird Wuttipan »

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
จะหนาวจริงหรือครับ ผมไม่เคยเจอหน้าหนาว ที่เป็นฤดูหนาวแบบสมัยสัก 30 ปีก่อนมานานมากแล้วทางภาคเหนือ แบบหนาวทั้งวันทั้งติด ติดๆกันสาม สี่เดือน ทุกวันนี้เจอแต่ วันที่หนาว เสียดายมาก เปิด google ดู พื้นที่สีเขียวภาคเหนือนี่โล่งมาก

อันนี้ที่บ้านผมเองในตัวเมือง ธันวาปีที่แล้วครับ






ผมว่าไอ่พวกพ่นหมึกเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนเดิมไม่สนใจ

จริง จัดการพวกนี้ให้ได้ก่อน
รถไฟฟ้าเอาไว้ทีหลัง

เห็นด้วยครับ เกลียดมากเลยพวกนี้ บ้านผมอยู่ตรงสี่แยกไฟแดงพอดี รับควันเต็มๆเลยครับ
ตอนเย็นๆอุ้มลูกเดินเล่นนอกบ้านได้แปปเดียวก็ต้องเอาเข้าบ้าน
จริงครับ จัดการเด็ดขาดไม่ต้องให้ได้ใช้รถอีกต่อไปเลยครับ  ขับควันดำทำลายสิ่งแวดล้มมากๆ

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,469
    • อีเมล์
บ้านเรา บางคนคงไม่ค่อยมีคนสนใจเรื่องโลกร้อนสักเท่าไร
รถที่ใช้ E20 ได้ ก็ยังไม่อยากจะใช้กันเลย
เกษตรกร ก็เผากันทุกปีครับ


ปล.เดี๋ยวก็อาจจะมีคนมาบอกให้ลองไปปลูกอ้อย/ทำนาอีก

ออฟไลน์ Level Zero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 756
เมื่อวานเหม็นควันแสบจมูก เลยลองขึ้นไปดูบนดาดฟ้า ลองหมุนรอบตัวดู เผากันมากกว่า 10 จุดครับ ควันขโมงเห็นชัดเลย
ภาครัฐไม่เคยคิดจะทำำอะไรเลย ถ้าช่วงหน้าร้อนก็จะเห็นรถดับเพลิงวิ่งกันให้วุ่น