ผู้เขียน หัวข้อ: การเข้ามาของรถไฟฟ้าถ้ายอดขายมันเพิ่มขึ้นจากนี้ โรงไฟฟ้าบ้านเรามันจะพอได้ยังไง  (อ่าน 6177 ครั้ง)

ออฟไลน์ seeker

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,525
ที่บอกเหลือๆ ลองเอามาคำนวนดูก็ได้ ว่าเหลือเท่าไหร่
แล้วรถไฟฟ้า 1 คันใช้ไฟเท่าไหร่
ปัจจุบันมีรถกี่คัน และถ้ามีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นกี่ % จะเพียงพอหรือไม่

ผมเดาว่าถ้ารถทั้งหมดในบ้านเราเป็น ev 100% โรงไฟฟ้าไม่พอครับ

ปล
ตอนแรกก็สนใจแผง solar cell กบบไม่มีห้องแบต เพราะไม่อยากซ่อมบำรุงและคอยเปลี่ยน ทำให้ผลิตไฟได้ตอนกลางวัน
แต่กลางวันก็ไม่อยู่บ้านเลยทำให้ไม่ได้ติดครับ

ออฟไลน์ rvsmart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 672
เมื่อก่อนแก๊สหุงต้มราคาถูกเพราะใช้ทำอาหาร ต่อมาโรงงานเริ่มใช้แทนน้ำมัน
พอรถติดตั้งแอลพีจีแทนน้ำมัน ตัวแก๊สเลยราคาขึ้นพรวดพราด สุดท้ายคนใช้แก๊สหุงต้มรับเคราะห์ไป
ก็หวังว่าคนใช้ไฟบ้านทั่วไปจะไม่ต้องมารับภาระแบบนั้นด้วย

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
Solar cell และ พลังงานลม  ไม่ต้องเอามาคิดรวมครับ  มันไม่ได้ผลิตได้ตลอดและหน่วยราคามันสูงมาก
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

AquaFlash

  • บุคคลทั่วไป
รถ EV ใช้ไฟน้อยมาก เมื่อเทียบกับปริมาณการผลิต

โรงงานอุตสาหกรรม ใช้เยอะกว่ามากครับ รองลงมาก็โรงแรม ออฟฟิศ
ต่อให้เปิดไฟทั้งวันทั้งคืน ตัวโรงงาน โรงแรงเองก็ติดโซล่าห์ของตัวเองได้
ไฟที่จะใช้ก็ลดลงอีกเพราะผลิตเองใช้เอง

ต่อให้มี EV อีกเป็นหมื่นๆคัน ก็ไม่สะเทือนครับ

ปัญหาของระบบไฟบ้านเรา คือมันไม่ไปตามตำบลเล็กๆ สายไฟอันจิ๋ว จ่ายไฟไม่พอ
แต่ตัวไฟเอง มีมากมายเหลือล้น
บางตำบลผลิตโซล่าห์ฟาร์มเองแท้ๆ แต่ตัวหมู่บ้านไฟติดๆดับๆบ่อยๆ


ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
เมื่อก่อนแก๊สหุงต้มราคาถูกเพราะใช้ทำอาหาร ต่อมาโรงงานเริ่มใช้แทนน้ำมัน
พอรถติดตั้งแอลพีจีแทนน้ำมัน ตัวแก๊สเลยราคาขึ้นพรวดพราด สุดท้ายคนใช้แก๊สหุงต้มรับเคราะห์ไป
ก็หวังว่าคนใช้ไฟบ้านทั่วไปจะไม่ต้องมารับภาระแบบนั้นด้วย
นั่นสินะ พอแก๊สขึ้นราคาไม่โวยวาย แต่รถไฟฟ้ายังไม่ทันมากลับโวยวายซะละ  8)

ออฟไลน์ S6

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,134
ตอนนี้เราก็ใช้ไฟฟ้าจากเอกชนเกินครึ่งของรัฐวิสาหกิจนะ เกินกว่าครึ่งไปเยอะด้วย
ถ้าความต้องการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เอกชนก็ลงทุนเพิ่ม

ออฟไลน์ XMSL

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 830
รถยนต์ไฟฟ้าเสียบปลั๊กชาร์จช้าที่บ้าน ตั้งเวลาให้เริ่มชาร์จตอน off-peak น่าจะมีสำรองอยู่อีกเยอะนะ รัฐสนับสนุนเปลี่ยนมิเตอร์ TOU ช่วยสักหน่อย น่ากลัวกว่ากำลังการผลิตสำรองคือ ยุทธการปล้นตังค์ไทยภาคสองนะ...

ออฟไลน์ Odd_yim

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 439
    • อีเมล์
เป็นกระทู้ที่ผมต้องเข้ามาตอบในคอมเลย เป็นคำถามที่ตอนแรกผมก็คิดเหมือน จขกท แต่พอได้ศึกษาเรื่องราวมากขึ้น ก็ทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไป ต้องบอกว่าต่อจากนี้ไป รูปแบบของอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก แนวโน้มกำลังการผลิตไฟฟ้าจะล้นแบบนี้ไปอีกนานครับ ต่อให้มีรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นล้านคัน ซึ่งผมเคยลองคำนวณไว้คร่าวๆ ว่า กำลังผลิตจะต้องเพิ่มอีกสัก 10,000 MW กำลังการผลิตสำรองก็ยังเพียงพออยู่ครับ ต้องขอเล่าเป็นข้อ ๆ ดังนี้ครับ

1. ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้ายังใช้รูปแบบ Single Buyer คือ กฟผ. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชน และขายต่อให้ กฟน กฟภ มายังผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ แต่แนวโน้มในอนาคต ผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อย ๆ จะเพิ่มมากขึ้น เช่น โรงไฟฟ้าชุมชน, อาคารหรือที่อยู่อาศัยที่ติด Solar ซึ่งก็จะกลายเป็น Prosumer คือ ทั้งซี้อไฟและผลิตไฟรวมถึงขายไฟ ตามการใช้งานของตนเองด้วย จะทำให้การผลิตไฟฟ้าจะกลายเป็นตลาดเสรีมากขึ้น จะมีการทำสัญญาซื้อขายไฟ โดยไม่ผ่านการไฟฟ้ามากขึ้น แถมยังมีแนวคิดที่จะให้ รถ EV สามารถขายไฟกลับเข้าในระบบ ในลักษณะเป็น Energy Storage ได้อีกด้วยครับ

2. ระบบสายส่ง จะมีการพัฒนาโครงข่าย Smart Grid รวมถึงจะมีการกำหนดให้มีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศได้ ซึ่งเป็นการเสริมความมั่นคงได้กรณีกำลังผลิตไฟฟ้าในประเทศไม่เพียงพอครับ และยังรองรับการซื้อขายไฟกันเองระหว่างกลุ่ม เช่น บ้านแต่ละหลังซื้อขายไฟกันเอง โดยต้องเสียค่าส่งไฟฟ้าผ่านสายส่ง ของการไฟฟ้า แต่ลักษณะนี้ น่าจะต้องทดลองเป็นบางพื้นที่ก่อนครับ

3. อัตราค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก โดยอัตราค่าไฟฟ้า ตามหลักการแล้วราคาที่เหมาะสมที่สุด คือ ราคาที่เท่ากับ Marginal Cost ของการผลิตไฟฟ้าพอดี แต่ในทางปฏิบัติแล้วจะทำได้ยาก เพราะต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับประเภทของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าด้วย ซึ่งก็จะมาจากแผน PDP นั่นเอง ในช่วงนี้ที่การใช้ไฟฟ้าลดลงมากทำให้ต้นทุนคงที่ ที่คิดเฉลี่ยต่อหน่วยไฟฟ้าไว้แล้วมีความผิดพลาด คือ หน่วยไฟฟ้าที่มาหารลดลงทำให้มีโอกาสที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น  และตอนนี้มีผู้ใช้ไฟฟ้าบางส่วนที่ไปซื้อไฟนอกรูปแบบ Single Buyer เช่น โรงงานที่ซื้อไฟจากผู้ผลิตไฟฟ้าที่มาลงทุนติดตั้ง Solar บนหลังคาโรงงาน เพราะได้ราคาถูกกว่าซื้อจากการไฟฟ้า ซึ่งก็ถูกกว่าจริง ๆ ครับ แต่ต้องบอกว่าอาจจะเข้าข่ายเลี่ยงกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงานนะ โดยปกติแล้วโรงไฟฟ้าจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มส่วนหนึ่งตามมาตรา 97 เพื่อลดผลกระทบให้กับชุมชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้า ตรงนี้พอ กฟผ. รับซื้อไฟมาก็ต้องบวกต้นทุนส่วนนี้ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในระบบทั้งหมดด้วย รวมถึง ต้นทุนเพิ่มจากนโยบายรัฐ เช่น ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วย, ไฟฟ้าถนนทางหลวง, ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่รัฐบาลรับซื้อ ฯลฯ ก็จะถูกรวมอยู่ในค่าไฟฟ้าด้วย ฉะนั้นต่อไป อัตราค่าไฟฟ้าคงต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมมากขึ้นครับ

ออฟไลน์ Level Zero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 755
เป็นกระทู้ที่ผมต้องเข้ามาตอบในคอมเลย เป็นคำถามที่ตอนแรกผมก็คิดเหมือน จขกท แต่พอได้ศึกษาเรื่องราวมากขึ้น ก็ทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไป ต้องบอกว่าต่อจากนี้ไป รูปแบบของอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก แนวโน้มกำลังการผลิตไฟฟ้าจะล้นแบบนี้ไปอีกนานครับ ต่อให้มีรถ EV เพิ่มขึ้นเป็นล้านคัน ซึ่งผมเคยลองคำนวณไว้คร่าวๆ ว่า กำลังผลิตจะต้องเพิ่มอีกสัก 10,000 MW กำลังการผลิตสำรองก็ยังเพียงพออยู่ครับ ต้องขอเล่าเป็นข้อ ๆ ดังนี้ครับ

1. ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้ายังใช้รูปแบบ Single Buyer คือ กฟผ. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชน และขายต่อให้ กฟน กฟภ มายังผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ แต่แนวโน้มในอนาคต ผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อย ๆ จะเพิ่มมากขึ้น เช่น โรงไฟฟ้าชุมชน, อาคารหรือที่อยู่อาศัยที่ติด Solar ซึ่งก็จะกลายเป็น Prosumer คือ ทั้งซี้อไฟและผลิตไฟรวมถึงขายไฟ ตามการใช้งานของตนเองด้วย จะทำให้การผลิตไฟฟ้าจะกลายเป็นตลาดเสรีมากขึ้น จะมีการทำสัญญาซื้อขายไฟ โดยไม่ผ่านการไฟฟ้ามากขึ้น แถมยังมีแนวคิดที่จะให้ รถ EV สามารถขายไฟกลับเข้าในระบบ ในลักษณะเป็น Energy Storage ได้อีกด้วยครับ

2. ระบบสายส่ง จะมีการพัฒนาโครงข่าย Smart Grid รวมถึงจะมีการกำหนดให้มีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศได้ ซึ่งเป็นการเสริมความมั่นคงได้กรณีกำลังผลิตไฟฟ้าในประเทศไม่เพียงพอครับ และยังรองรับการซื้อขายไฟกันเองระหว่างกลุ่ม เช่น บ้านแต่ละหลังซื้อขายไฟกันเอง โดยต้องเสียค่าส่งไฟฟ้าผ่านสายส่ง ของการไฟฟ้า แต่ลักษณะนี้ น่าจะต้องทดลองเป็นบางพื้นที่ก่อนครับ

3. อัตราค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก โดยอัตราค่าไฟฟ้า ตามหลักการแล้วราคาที่เหมาะสมที่สุด คือ ราคาที่เท่ากับ Marginal Cost ของการผลิตไฟฟ้าพอดี แต่ในทางปฏิบัติแล้วจะทำได้ยาก เพราะต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับประเภทของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าด้วย ซึ่งก็จะมาจากแผน PDP นั่นเอง ในช่วงนี้ที่การใช้ไฟฟ้าลดลงมากทำให้ต้นทุนคงที่ ที่คิดเฉลี่ยต่อหน่วยไฟฟ้าไว้แล้วมีความผิดพลาด คือ หน่วยไฟฟ้าที่มาหารลดลงทำให้มีโอกาสที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น  และตอนนี้มีผู้ใช้ไฟฟ้าบางส่วนที่ไปซื้อไฟนอกรูปแบบ Single Buyer เช่น โรงงานที่ซื้อไฟจากผู้ผลิตไฟฟ้าที่มาลงทุนติดตั้ง Solar บนหลังคาโรงงาน เพราะได้ราคาถูกกว่าซื้อจากการไฟฟ้า ซึ่งก็ถูกกว่าจริง ๆ ครับ แต่ต้องบอกว่าอาจจะเข้าข่ายเลี่ยงกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงานนะ โดยปกติแล้วโรงไฟฟ้าจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มส่วนหนึ่งตามมาตรา 97 เพื่อลดผลกระทบให้กับชุมชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้า ตรงนี้พอ กฟผ. รับซื้อไฟมาก็ต้องบวกต้นทุนส่วนนี้ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในระบบทั้งหมดด้วย รวมถึง ต้นทุนเพิ่มจากนโยบายรัฐ เช่น ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วย, ไฟฟ้าถนนทางหลวง, ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่รัฐบาลรับซื้อ ฯลฯ ก็จะถูกรวมอยู่ในค่าไฟฟ้าด้วย ฉะนั้นต่อไป อัตราค่าไฟฟ้าคงต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมมากขึ้นครับ

เป็นความรู้ที่ดีมากเลยครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,629
ขอบคุณทุกคำตอบครับ  ช่วยให้กระจ่างขึ้นอีกเยอะ

ออฟไลน์ HHHsung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,385
ไม่ต้องกังวลครับ การทีรถไฟฟ้าจะเกิดได้ ปัจจัยหลักตอนนี้คือแบตเตอรี่  ราคา คุณภาพ ยังไม่อยู่ในจุดสมดุลย์

แต่หากเมื่อถึงจุดนั้นแบตเตอรี่จะไม่ได้ใช้แค่ในรถไฟฟ้าอย่างเดียว มันจะถูกใช้ในการบาลานซ์ระบบผลิตและการใช้พลังงานไฟฟ้า ด้วย

เสมือนการเกลี่ยพื้นที่การผลิตไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลาให้อยู่ในระนาบเดียวกัน

ปล. เช่น การชาร์จเข้าแบตของระบบไฟฟ้าในช่วงการใช้ไฟฟ้าต่ำ (ดึกๆ - รุ่งเช้า) และ ดิจชาร์จจากแบตเข้าระบบไฟฟ้า

ในช่วงเวลาที่เหลือที่มีความต้องการๆ ใช้พลังงาน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 08, 2020, 13:22:34 โดย HHHsung »