ผู้เขียน หัวข้อ: ความทนทาน รหว่าง CVT jacto VS CVT Honda  (อ่าน 12640 ครั้ง)

ออฟไลน์ LapisLazuli

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 285
    • อีเมล์
Re: ความทนทาน รหว่าง CVT jacto VS CVT Honda
« ตอบกลับ #60 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2021, 14:39:16 »
ข้อดีของออยล์คูเลอร์เกียร์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
-ให้อุณหภูมิคงที่ เพราะแปรผันตามอุณหภูมิน้ำในหม้อน้ำ
-เมื่อออยล์ถูกฝังอยู่กับหม้อน้ำ การวอร์มเครื่องก็เท่ากับได้วอร์มเกียร์ให้น้ำมันมีอุณหภูมิพร้อมใช้ด้วยเช่นกัน

ข้อเสีย
-หากรถมีปัญหาความร้อนสูงหรือฮีต ก็จะส่งผลให้น้ำมันเกียร์มีอุณหภูมิสูงขึ้น จนบั่นทอนชิ้นส่วนภายใน
-เมื่อหม้อน้ำเริ่มเก่า ออยล์เกียร์ที่ถูกฝังไว้ภายในมีโอกาสผุกร่อน และรั่วในที่สุด น้ำก็จะผสมกับน้ำมันเกียร์ หากปล่อยทิ้งไว้ เกียร์ของท่านก็จะกลับบ้านเก่าในไม่ช้า

ข้อดีของออยล์คูเลอร์เกียร์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ
-ระบายความร้อนได้ดีกว่า เพราะไม่มีน้ำร้อนในหม้อน้ำมาเป็นตัวแปร โดยอุณหภูมิลดลงได้ 10-15 เปอร์เซ็นต์
-เมื่ออุณหภูมิของน้ำมันเกียร์ต่ำลง ก็สามารถช่วยถนอนแผ่นคลัชต์ ซีล โอริง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในเกียร์ แต่อย่างไรก็ตามอุญหภูมิที่ต่ำลงนั้นก็ยังร้อนพอ ที่จะให้เกียร์ทำงานได้สมบูรณ์


ข้อเสีย
-เนื่องจากไม่มีน้ำร้อนคอยช่วยอุ่น ดังนั้นเมื่อเครื่องเย็น เช่นจอดรถค้างคืนควรวอร์มเกียร์ ด้วยการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ก่อน 3 นาทีก่อนเข้าเกียร์
-อุณหภูมิ ของน้ำมันเกียร์ อาจมีความผันผวนมากกว่าออยล์คูเลอร์เกียร์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองร้อน อุณภูมิน้ำมันเกียร์ที่ผันผวนก็ยังอยู่ในค่ามาตรฐานที่นำมันเกียร์สามารถรองรับได้
ผมมองว่าเมืองไทยมี 3 ฤดู คือ ร้อน ร้อนมาก  และร้อนมากๆๆ ผมมองว่าการที่เอาน้ำร้อนมาอุ่นไม่จำเป็นเลย หากกลัวน้ำมันเกียร์เย็นไปก็สตาร์ทรถทิ้งไว้สัก 2-3นาทีก็น่าจะอุ่นแล้วครับ ซึ่งผมถอดวอร์มเมอร์ออก ไม่ได้อุ่นเครื่องก็ไม่ได้รู้สึกว่าน้ำมันเกียร์หนืดอะไร เพราะแค่เดินออกไปข้างนอกตอน 8 โมงกว่าๆโดยเท้าเปล่าเท้าแทบจะพองแล้วครับ ผิวหน้าไหม้ได้แล้วครับ  การที่มีแต่น้ำร้อนไประบายความร้อนผมมองว่าไม่จำเป็น  และเป็นแค่การลดต้นทุนเท่า ประกอบกับเหมือนระเบิดเวลาดีให้เกียร์พังง่ายเพราะความร้อนในเกียร์ที่สูงหือน้ำรั่วเข้าระบบเกียร์  จะได้ขายเกียร์ทั้งลูกคระบ

อันนี้คำถามครับ สงสัยเฉยๆ ไม่เกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย ของ Air-cooled vs Water-cooled

ถ้าไม่มี Warmer แล้วควรจอดทิ้งไว้ 2-3 นาทีก่อนเข้าเกียร์

แล้ว 2-3 นาทีนี้ ความร้อนมันมาจากไหนหรอครับ ในเมื่อไม่ได้เข้าเกียร์เลยด้วยซ้ำ ไม่มีชิ้นส่วนใดเคลื่อนไหว และไม่มี Warmer ด้วย
อุณหภูมิอาจจะถ่ายเท มาจากเครื่องยนต์หรอครับ เเต่ผมว่าไม่น่ามากพอ หรือความร้อนถ่ายเททางแกนเพลา Torque Converter?

ผมเข้าใจว่า เข้าเกียร์ไปได้ เเต่ไปแบบช้าๆ รอน้ำมันเกียร์ค่อยๆอุ่น เหมือนที่พวกเราทำกันปกติอยุ่เเล้ว ในการรอเครื่องยนต์อุ่น รึเปล่าครับ
(ไม่ได้หมายถึงสตาร์ทปุ๊ป ออกรถปั๊ป, หมายถึงใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไป สตาร์ทเครื่อง รอรอบตกมาอยุ่ที่รอบเดินเบา แล้วค่อยๆขับไปช้าๆ จนกว่าเครื่องจะอุ่น ตามที่ม่านวัดบอก)
ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นครับ  กังวลกับกการคุมเท้าเราไม่ให้ขับกระชากหรือเหยียบหนักเกินไปดีกว่าครับ  ตรงนี้เป็นสิ้งที่ทำร้ายเกียร์cvt จนสายพานเหล็กขาดกระจุยกันเยอะครับ  เพราะอากาศเมืองไทยร้อนมากอยู่แล้วครับ แถมห้องเครื่องก็เตาอบดีๆนี่เองครับ สตาร์ทไม่กี่นาทีก็อุณหภูมิเกิน50องศาเซลเซียสแล้วครับไม่ต้องไปกังวลหรอกครับ เมื่อสตาร์ทรถก็เกิดการวิ่งของน้ำมันเกียร์ในระบบ ในระบบเกียร์ก้ทำงานจนเกิดความร้อนแล้วครับ  ส่วนวอร์มเมอร์ยนั่นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลยครับสำหรับประเทศไทย หิมะไม่เคยมีมีแต่ร้อนกับร้อนมากครับ ที่จริงควรใส่ออยแยกมาให้เลย สงสัยกลัวจะไม่ได้ขายเกียร์เลยมีไม่กี่่ายติดตั้งมาให้ วอร์มเมอร์ใช้ไปนานๆก็รั่ว แถมราคาจากศูนย์ยังแพงราคาเกือบหมื่นอีกต่างหาก และน้ำร้อนที่เอามาระบายความร้อนก็มากกว่า80องศาอยู่แล้วครับร้อนไปชิ้นส่วนพังเร็ว ยิ่งร้อนมากน้ำมันเกียร์หมดสภาพการปกป้อง



ขอบคุณ สำหรับข้อมูล ครับ