ผู้เขียน หัวข้อ: รถใหม่ๆยังจำเป็นต้องปิดปุ่ม A/C เร่งพัดลมแรงๆเพื่อไม่ให้แอร์เหม็นอับอยู่มั้ยครับ  (อ่าน 6005 ครั้ง)

ออนไลน์ The Mechanics of Emotions

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,682
ไม่ได้ปิด a/c เพื่อไล่ความชื้น แต่ผมปิดแอร์เลยก่อนดับเครื่อง เพราะเวลา start มันจะไม่กินแรงเครื่องยนต์ ไม่กระชากครับ แต่แอร์ตอนเปิดมีกลิ่นอยู่ประมาณ 2 วิแรกที่เป่าลมออก หลังจากนั้นแอร์ปกติครับ
2010 BMW 325i M Sport
2016 Mazda CX-5 2.0S

ออฟไลน์ headcutterz

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 347
    • อีเมล์
ผมใช้วิธีปรับอุณหภูมิสูงขึ้น (heater) ใช้เวลาไล่ความชื้นน้อยกว่า

ออฟไลน์ Jewpc

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว  8) 8)

เมื่อก่อนใช้ดีแมกโฉมแรก ปิดคอมแอร์ก่อนถึงที่หมายตลอด กลิ่นอับชื้นเหม็นเปรี้ยวไม่เคยมี
พอเปลี่ยนมาเป็นวีโก้แชมป์ ก็ติดนิสัยเดิม คือปิดคอมแอร์ก่อนถึงที่หมาย ผลลัพท์กลับตรงกันข้าม  :'( :'(

จากรถที่ไม่เหม็นเลย ก็เริ่มเหม็นบางๆ หนักขึ้นๆ จนทนไม่ไหว และสังเกตุท่อน้ำทิ้งแอร์เวลาจอด
น้ำหยดลงพื้นน้อยลงมาก หรือบางครั้งจอดก็ไม่หยดเลยก็มี

จอดตากแดด เปิดกระจกก็แล้ว จอดดับเครื่องเร่งพัดลมเป็นชั่วโมงก็แล้ว ไม่นานก็เหม็นเหมือนเดิม
กรองแอร์เปลี่ยนบ่อยมาก แท้ เทียบ เทียม แบบคาร์บอน เนื้อHEPA ลองสารพัด ไม่หาย

ตอนหลังเลยไม่ปิดคอมแอร์เลยครับ แถมเร่งคอมเพิ่มให้สูงกว่าเดิมเล็กน้อยด้วย น้ำทิ้งออกดีกว่าเดิม
กลิ่นตอนใช้รถ รอบต่อไปลดลงมาก แถมไม่ต้องปิดคอมแอร์ ทนเหม็นก่อนถึงบ้านด้วย

และสุดท้ายผมมาสังเกตที่จอดรถหน้าบ้าน ซึ่งบ้านผมมันเป็นตึกแถวมีเนินด้านหน้า
เมื่อก่อนเวลาจอด ก็จะแทงหน้ารถ เชิดบนเนินจอด ปล่อยท้ายรถลาดลง
เลยเปลี่ยนเป็นถอยท้ายขึ้นเนิน แล้วหันหน้ารถทิ้งลง...เฮ้ย เวริคว่ะ กลิ่นมันหายแล้ว  :-*

เลยสรุปเอาเองว่า ทางเดินท่อน้ำทิ้งแต่ละรุ่นหรือยี่ห้อ มันน่าจะออกแบบไม่เหมือนกัน

ตอนนี้ที่ทำ คือ เลิกปิดคอมแอร์ก่อนถึงที่หมาย เร่งคอมแอร์เยอะกว่าปกตินิดหน่อย พยายามจอดรถทางราบ
ถ้าเป็นเนินก็จะเอาหน้าทิ่มลงเนินครับ   8) 8)

ใครใช้วีโก้หรือฟอร์จูนเนอร์โฉมก่อน ก็ลองทำดูครับ ส่วนรุ่นอื่น ยี่ห้ออื่น ไม่ทราบจริงๆครับ



ออฟไลน์ XyteBlaster

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,292
    • อีเมล์
ไม่เคยทำเลยครับ แฟนผมชอบกดปิดก่อนเข้าบ้านเหมือนกัน มันร้อน ๆ เหนียว ๆ น่ารำคาญมากครับ

รถที่ผมใช้เอง คันเก่า ๆ วิ่งเกิน แสน ก็ไม่ได้เหม็นนะครับ เปลี่ยนกรองแอร์ hepa ตอนฝุ่นเยอะ ๆ เท่านั้น
แล้วก็ 3 4 ปีล้างแอร์ทีนึงครับ ทำพร้อมเชคระยะ

ถ้ารถลุยฝน ชื้นๆ อับๆ มาก็อบ ozone ทีนึงครับ ซื้อเครื่องมาอบเองเลย แค่ครั้งสองครั้งก็คุ้มค่าเครื่องแล้วครับ

ออฟไลน์ rtong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,173
    • อีเมล์
ใช้รถมา 3 คัน ทำทุกคันครับ   ทุกคันวิ่งเกิน 2 แสนโล  ไม่เคยเหม็น 

ออฟไลน์ PabU

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 120
เมื่อก่อนใช้ Honda city หน้ากบ ผมไม่ทำครับ รถมีกลิ่นอับ มีเพื่อนๆแนะนำให้ลองปิด AC ก่อนถึงบ้านสัก5-10 นาที แรกๆที่ปิด AC เหม็นมากครับต้องเปิดกระจกขับเลย ผมทำไปสัก 2-3 อาทิตย์ กลิ่นหายเลยครับ หลังจากนั้นทำทุกคันที่ใช้ครับ ไม่ว่ารถเก่าหรือใหม่ ไม่เคยมีกลิ่นอับอีกเลยครับ
1992 Toyota Corrola EE90( 4A-FE) -Passed
2004 Honda City Vtec -Passed
2005 Subaru Impreza WRX GDA -Present
2007 Toyota Fortuner 3.0 MT -Passed
2009 Nissan Teana 250XV -Present
2011 Toyota Altis 1.8G -Passed
2017 Ford Ranger Cab 2.2 MT -Passed

ออฟไลน์ gun007

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 73
ผมปิดตลอดก่อนถึงบ้านครับ ตอนคลานๆเข้าหมู่บ้าน ซัก 1-2 นาที ใช้วิธีเปิดพัดลมเบอร์แรงสุด ไล่ความชื้นให้มากที่สุด สังเกตุตอนเปิดประตูบ้าน น้ำจะหยดลงพื้นเยอะมาก ทำแบบนี้มา 5 ปีแล้วครับ รถไม่เคยเหม็นอับอีกเลย ลองกันดูครับ เทคนิคคือพัดลมเบอร์แรงสุด 1-2 นาทีก็เพียงพอ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
กลิ่นเกิดจากแบคทีเรียและเชื้อรา

มีกลิ่นก็พาไปล้างตู้ ล้างภายในครับ

ไม่เคยมานั่งปิดAC

แก้ปัญหาต้นเหต

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,418
ทำนะครับ เพราะทำมานานจนชินแล้ว ยกเว้นลืมจริงๆ