ผู้เขียน หัวข้อ: ปัจจุบันเราสามารถทำลายแบตเตอรี่ที่เสื่อมจนใช้การไม่ได้ ได้แล้วหรือยัง?  (อ่าน 2621 ครั้ง)

ออฟไลน์ love street

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 183
  • Thailand international automotive
    • อีเมล์
จากการที่รถยนต์จะผันเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าล้วนน่ะครับ(ไม่นับการรีไซเคิลของ vw นะเพราะยังไงท้ายของท้ายที่สุดมันก็ต้องเหลือขยะพิษอยู่ดี) ส่วนตัวกำลังคิดว่าถ้ารถเปลี่ยนเป็น ev ในอนาคตก็อาจจะมีพื้นที่ทิ้งขยะที่ทิ้งของพวกนี้ทำให้ดินบริเวณรอบๆเป็นพิษจนไม่มีพืชขึ้นหรือสัตว์อาศัยอยู่ได้ครับและอีกอย่างในขั้นตอนการผลิตแบตต้องมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซน์อยู่พอสมควรถึงจะชดเชยด้วยการปล่อยคาร์บอนไดออกไซน์ในระยะยาวที่น้อยกว่าได้แต่จะคุ้มกับขยะพิษที่เกิดขึ้นไหมครับ.....ส่วนตัวคิดว่าเทคโนโลยีนี้ควรใช้กับเฉพาะรถบรรทุกต่างๆ รถบริการสาธารนะ รถ suv ppv ที่คันใหญ่น้ำหนักเยอะ รถหุ้มเกราะของบรรดาผู้ร่ำรวยทั้งหลายมากกว่า รถทั่วๆไปหรือรถสปอร์ตน่าจะใช้เครื่องยนต์สันดาปน่าจะดีกว่าโดยพัฒนาเรื่องการลดน้ำหนักเครื่องและตัวรถ แรงเสียดทานในระบบ การจัดการอุณภูมิเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมให้ได้มากที่สุด(เช่น water injection)น่าจะดีกว่าไหมครับ พี่ๆในนี้คิดเห็นกันอย่างไรบ้างครับ

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
เอาตรงๆนะครับ เราไม่ใช่ผู้ผลิตเราไม่ต้องไปคิดครับ

รัฐ + ผู้ผลิตต้องเห็นตรงกัน
เรามีหน้าที่แค่ซื้อไม่ซื้อครับ
โจทย์มันอยู่ที่ราคา

ผมไม่ติดใจอะไรในเครื่องสันดาป ที่อยากให้มันดำรงอยู่ต่อไป
ก็ทำรถไฟฟ้าให้เบาขึ้น วิ่งไกลขึ้นไม่ดีกว่าเหรอครับ

ออฟไลน์ NNIICCKK

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 130
ผมว่าการมาคุยกันว่ารถไฟฟ้าควรมา-ไม่ควรมา ควรใช้-ไม่ควรใช้ มันเป็น topic ที่ตกยุคมากเกินไปแล้วนะครับ

ประเทศฝั่งตะวันตกเปลี่ยนหมดแล้ว ญี่ปุ่นก็เปลี่ยนแน่นอนแล้ว แล้วเรายังจะมานั่งถกกันอยู่เลย

ที่สำคัญคือทำยังไงให้เราพร้อมเร็วกว่านี้จะดีกว่าครับ มองอนาคต ไม่ใช่กลัวมัน

ผมเถียงกับคนในนี้หลายครั้งจนแอบนึกว่า ที่มาสนับสนุนรถน้ำมันกันเยอะๆเนี่ยคือโตโยตาส่งมาใช่ไหมเนี่ย เพราะปัญหาของเราตอนนี้คือเราจะตามเค้าไม่ทัน ไม่ใช่เรื่องควรตามหรือไม่ควรตาม

ถ้าไม่ขยับ ก็ตกยุคอยู่ที่เดียวแหละครับ ส่งออกรถน้ำมันจะไปได้อีกกี่ปี

ออฟไลน์ yodmanoot

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 333
หากเอาไปเทิร์นได้เหมือนแบตรถ น่าจะหมดปัญหาได้ส่วนหนึ่ง
ถ้าทิ้งถูกสถานที่ที่มีการบริหารการกำจัด คงไม่น่ามีปัญหา
ผมละกลัวเอาไปโยนทิ้งข้างทางหรือทิ้งลงแม่น้ำ อันนั้นคงเป็นแบบที่ จขท.ว่ามา
ปัจจุบันถ่านไฟฉายหรือเพาเวอร์แบงค์ คนประเทศเรายังทิ้งขยะรวมๆไปเลย
2013 - 2021 : Toyota Collora EE101 ปี 1993 1,300cc AT
2020 - Present  : Chevrolet Colorado 4wd ปี 2005 3,000 MT
2021 - Present  : Toyota Sienta V mc ปี 2019 1,500 CVT

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,620
ถ้าเรื่องกำจัดแบตเตอรี่รถไฟฟ้า     มันต้องส่งไปกำจัดใน ตปท   จำไม่ได้ว่าประเทศไหน  ประมาณเบลเยี่ยม  แต่อยู่ในโซนยุโรปนี่ละ     โดยผู้ผลิตรถไฟฟ้ามักจะคิดราคารถยนต์ รวมกับราคาในการกำจัดซากแบตเตอรี่ในการส่งกลับไปกำจัดอยู่แล้วครับ

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,620
ผมว่าการมาคุยกันว่ารถไฟฟ้าควรมา-ไม่ควรมา ควรใช้-ไม่ควรใช้ มันเป็น topic ที่ตกยุคมากเกินไปแล้วนะครับ

ประเทศฝั่งตะวันตกเปลี่ยนหมดแล้ว ญี่ปุ่นก็เปลี่ยนแน่นอนแล้ว แล้วเรายังจะมานั่งถกกันอยู่เลย

ที่สำคัญคือทำยังไงให้เราพร้อมเร็วกว่านี้จะดีกว่าครับ มองอนาคต ไม่ใช่กลัวมัน

ผมเถียงกับคนในนี้หลายครั้งจนแอบนึกว่า ที่มาสนับสนุนรถน้ำมันกันเยอะๆเนี่ยคือโตโยตาส่งมาใช่ไหมเนี่ย เพราะปัญหาของเราตอนนี้คือเราจะตามเค้าไม่ทัน ไม่ใช่เรื่องควรตามหรือไม่ควรตาม

ถ้าไม่ขยับ ก็ตกยุคอยู่ที่เดียวแหละครับ ส่งออกรถน้ำมันจะไปได้อีกกี่ปี
    คงอีกนานอย่างต่ำมีเกิน 10 ปีขึ้นไปแน่  ๆ       รถยนต์บ้านเราส่งออกไปตะวันออกกลางเยอะมาก   แล้วก็ประเทศในแถบทะเลคาริบเบียน และโซนอเมริกาใต้  แอฟริกา   ในเอเชีย อินโด ฟิลิปปินส์   พวกนี้ยังใช้เครื่องยนต์ยุคเก่ากันอยู่เลย ไม่ต้องมีระบบไอเสียซับซ้อนเหมือนยุโรป  ไม่เคร่งครัดมลพิษเหมือนโซนยุโรป           แล้วประเทศในโซนตะวันออกกลางหรือบางโซนราคาน้ำมันก็ไม่ได้แพง     รถไฟฟ้าคือเทรนด์มากกว่า   ยังไงรถสันดาปก็ยังจำเป็น

ออฟไลน์ Underseven

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 231
เรามีการจัดการนำส่ง recycle มานานแล้วครับ แบตฯมือถือ โน๊ตบุ๊ค กล้อง ฯลฯ ส่งออกไปโรงรีฯประเทศฟินแลนด์หลักๆเลย

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มีวิธีจัดการไหม
ปัญหาอยู่ที่คนส่วนใหญ่จะมักง่ายไหมมากกว่าครับ

ออฟไลน์ Sazabi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330
ผมว่าการมาคุยกันว่ารถไฟฟ้าควรมา-ไม่ควรมา ควรใช้-ไม่ควรใช้ มันเป็น topic ที่ตกยุคมากเกินไปแล้วนะครับ

ประเทศฝั่งตะวันตกเปลี่ยนหมดแล้ว ญี่ปุ่นก็เปลี่ยนแน่นอนแล้ว แล้วเรายังจะมานั่งถกกันอยู่เลย

ที่สำคัญคือทำยังไงให้เราพร้อมเร็วกว่านี้จะดีกว่าครับ มองอนาคต ไม่ใช่กลัวมัน

ผมเถียงกับคนในนี้หลายครั้งจนแอบนึกว่า ที่มาสนับสนุนรถน้ำมันกันเยอะๆเนี่ยคือโตโยตาส่งมาใช่ไหมเนี่ย เพราะปัญหาของเราตอนนี้คือเราจะตามเค้าไม่ทัน ไม่ใช่เรื่องควรตามหรือไม่ควรตาม

ถ้าไม่ขยับ ก็ตกยุคอยู่ที่เดียวแหละครับ ส่งออกรถน้ำมันจะไปได้อีกกี่ปี

ก่อนที่คุณจะมาถามว่า ส่งออกรถน้ำมันจะไปได้อีกกี่ปี

คุณรู้หรือยังว่าโรงงานรถยนต์ในประเทศไทยส่งออกรถยนต์ไปขายยังภูมิภาคไหนบ้างประเทศไหนบ้าง และประเทศเหล่านั้นตื่นตัวแค่ไหนกับการเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ถ้าคุณยังไม่รู้เรื่องพื้นฐานแค่นี้ แล้วคุณจะรู้มั้ยว่าสิ่งที่คุณคิดมันถูกต้องหรือเปล่า

กลับกันบริษัทรถยนต์ทั้งหลายเค้ามีข้อมูลครับว่าโรงงานในไทยผลิตส่งออกไปประเทศไหนบ้าง และประเทศเหล่านั้นพร้อมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแค่ไหน บริษัทรถยนต์ไม่ได้ทำงานโดยอาศัยข้อมูลจากพวกเว็บหรือเพจเด็กเนิร์ดในเน็ตอย่างแน่นอน

ประเทศไทย รัฐบาลไทย รวมทั้งบริษัทรถยนต์ในไทยไม่เคยกลัวการเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าครับ โดยเฉพาะพวก Mega Supplier ที่นับวันรอให้เปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเร็วๆเพื่อจะได้ชิงความได้เปรียบจากการความก้าวหน้าของผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากในปัจจุบันที่โดนตีตลาดด้วยชิ้นส่วนราคาถูก ประเทศไทยที่ถูกจัดเป็น Mature Market ใน ASEAN ไปแล้วเพราะตลาดไม่โตขึ้นอีกจะกลับมาขายดิบขายดีก็ต่อเมื่อเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้านั่นแหละ เหมือนยุโรปที่เคยถูกมองว่าเป็นตลาด Mature Market ที่แทบจะไม่เติบโตอีกต่อไปตอนนี้เริ่มกลับมาคึกคักเพราะการเปลี่ยนสู่รถยนต์ไฟฟ้ามันเหมือนกับการได้ตลาดใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเลย

แต่สิ่งที่ทำให้เมืองไทยมันไม่สามารถเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วคือมันไม่มีความพร้อมของตลาด ดูจากยอดขาย MG ก็ได้ทำไมทำได้ปีละแค่พันคันสำหรับ BEV เมื่อมองไปถึงตลาดที่โรงงานรถยนต์ในไทยผลิตเพื่อส่งออกไปขายยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ละประเทศส่วนใหญ่ความพร้อมต่ำกว่าประเทศไทยอีก ขนาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ยังถือว่าช้ามากสำหรับประเทศพัฒนาแล้ว

ในเมื่อผลิตรถยนต์ ICE, HEV แล้วมันยังขายดีอยู่และจากแผนงานของลูกค้าแต่ละประเทศแล้วมันยังอีกนานกว่าจะเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แล้วมีเหตุผลอะไรที่บริษัทรถยนต์มันจะต้องรีบลงทุนมหาศาลเปลี่ยนโรงงานในไทยไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ Demand ต่ำกว่ามากมายครับ สู้เอาเงินลงทุนนั้นไปลงทุนกับโรงงานในประเทศที่ลูกค้ามีความพร้อมไม่ดีกว่าเรอะ

สำหรับเรื่อง Recycle Battery หากต้องการให้มันยั่งยืน ประเทศไทยควรกำหนดให้โรงงานรถยนต์ที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต้องลงทุนสร้างโรงงาน Recycle Battery ด้วยจึงจะเหมาะสม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2021, 09:24:32 โดย Sazabi »

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,190
    • อีเมล์
ผมเคยพูดในโพสต์อื่นว่า

ทุกคน ทุกค่าย ทุกผู้ผลิต พูดถึง HEV PHEV หรือ BEV แต่ไม่เคยพูดว่า จุดจบสุดท้ายของ ฺBattery มันจะไป ยังไง ต่อ

ผมว่า ทุกคน ทุกค่าย ทุกผู้ลิตตั้งแต่ซัพไพล์ รายเล็กๆ ไปจนเจ้าใหญ่ ไม่มีใครกลัว หรือ ปิดกััน BEV แม้แต่น้อย

แต่มันอยู่ที่เวลา ความเหมาะสม ทั้งในด้านความเชื่อมั่นของผู้บริการ และ ระบบซัพพอร์ตต่างๆ มากกว่า

ท่านบนบอกดูยอด MG ซิ ผมว่า MG ที่ขายไม่ได้ไม่เยอะ ไม่ใช่ว่าเพราะกลัวรถ BEV หรอกครับ เพราะคนไม่มั่นในแบรนด์นั้นๆ มากกว่า

ท่านบอกอีกว่า ที่แอนตี้ หรือ ไม่รับเทคโลโยลี BEV แล้วยังมาดันรถสันดาบ รถน้ำมัน เพราะโตโยต้า หรือป่าว ผมว่า ลองไปดูโตโยต้าญี่ปุ่นดูครับ เขาพร้อมทำ BEV มากกว่าค่ายอื่นซะด้วยซ้ำ แต่เขาคงมองแล้วว่า ความพร้อมหรือตลาด มันยังไม่ถึงจุดที่ต้องปล่อยของ เพราะเอาจริงๆ เรื่อง Battery เอง โตโยต้า เขาก็เป็นเจ้าหลัก เจ้าแรกทำรถ HEV ขายในเมืองไทยด้วยซ้ำ เขาจะกลัวมาทำไม ไม่มีหรอก

ผมสมมุติง่ายๆ ถ้าเปลี่ยนรถ BEV ของ MG เปลี่ยนเป็น โตโยต้า ขายในราคาเท่าๆ กัน ยอดขายมันไม่ใช่แบบนี้แน่นอนครับ มากกว่านี้เยอะ บอกเลย

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
ผมว่าการมาคุยกันว่ารถไฟฟ้าควรมา-ไม่ควรมา ควรใช้-ไม่ควรใช้ มันเป็น topic ที่ตกยุคมากเกินไปแล้วนะครับ

ประเทศฝั่งตะวันตกเปลี่ยนหมดแล้ว ญี่ปุ่นก็เปลี่ยนแน่นอนแล้ว แล้วเรายังจะมานั่งถกกันอยู่เลย

ที่สำคัญคือทำยังไงให้เราพร้อมเร็วกว่านี้จะดีกว่าครับ มองอนาคต ไม่ใช่กลัวมัน

ผมเถียงกับคนในนี้หลายครั้งจนแอบนึกว่า ที่มาสนับสนุนรถน้ำมันกันเยอะๆเนี่ยคือโตโยตาส่งมาใช่ไหมเนี่ย เพราะปัญหาของเราตอนนี้คือเราจะตามเค้าไม่ทัน ไม่ใช่เรื่องควรตามหรือไม่ควรตาม

ถ้าไม่ขยับ ก็ตกยุคอยู่ที่เดียวแหละครับ ส่งออกรถน้ำมันจะไปได้อีกกี่ปี
เอาให้ ชาร์จเร็วใกล้เคียงเติมแก๊ส ชาร์จ1ครั้งวิ่งได้จริงเกิน600 กม. และราคาคนทั่วไป มนุษยเงินเดือนจับต้องให้ได้ก่อนเถอะ มันไม่เกี่ยวกับโตโยต้า  โตโยต้าเค้าก็มีวิจัยรถไฟฟ้าอยู่ตลอด วิจัยแบตเตอรี่  มีรุ่นอีวีขายอยู่เหมือนกัน แต่รถไฟฟ้ายังทำอะไรทดแทนรถน้ำมันไม่ได้  ดูภาคขนส่งระยะไกลสิก็เห็นยังใช้รถบรรทุก คอนเทรนเนอร์เครื่องน้ำมันกันอยู่เลยว่าแต่ไปซื้อหุ้นเทสล่ามาเท่าไหร่ถึงอวยรถไฟฟ้าว่าจำเป็นในขณะนี้

ผมเคยพูดในโพสต์อื่นว่า

ทุกคน ทุกค่าย ทุกผู้ผลิต พูดถึง HEV PHEV หรือ BEV แต่ไม่เคยพูดว่า จุดจบสุดท้ายของ ฺBattery มันจะไป ยังไง ต่อ

ผมว่า ทุกคน ทุกค่าย ทุกผู้ลิตตั้งแต่ซัพไพล์ รายเล็กๆ ไปจนเจ้าใหญ่ ไม่มีใครกลัว หรือ ปิดกััน BEV แม้แต่น้อย

แต่มันอยู่ที่เวลา ความเหมาะสม ทั้งในด้านความเชื่อมั่นของผู้บริการ และ ระบบซัพพอร์ตต่างๆ มากกว่า

ท่านบนบอกดูยอด MG ซิ ผมว่า MG ที่ขายไม่ได้ไม่เยอะ ไม่ใช่ว่าเพราะกลัวรถ BEV หรอกครับ เพราะคนไม่มั่นในแบรนด์นั้นๆ มากกว่า

ท่านบอกอีกว่า ที่แอนตี้ หรือ ไม่รับเทคโลโยลี BEV แล้วยังมาดันรถสันดาบ รถน้ำมัน เพราะโตโยต้า หรือป่าว ผมว่า ลองไปดูโตโยต้าญี่ปุ่นดูครับ เขาพร้อมทำ BEV มากกว่าค่ายอื่นซะด้วยซ้ำ แต่เขาคงมองแล้วว่า ความพร้อมหรือตลาด มันยังไม่ถึงจุดที่ต้องปล่อยของ เพราะเอาจริงๆ เรื่อง Battery เอง โตโยต้า เขาก็เป็นเจ้าหลัก เจ้าแรกทำรถ HEV ขายในเมืองไทยด้วยซ้ำ เขาจะกลัวมาทำไม ไม่มีหรอก

ผมสมมุติง่ายๆ ถ้าเปลี่ยนรถ BEV ของ MG เปลี่ยนเป็น โตโยต้า ขายในราคาเท่าๆ กัน ยอดขายมันไม่ใช่แบบนี้แน่นอนครับ มากกว่านี้เยอะ บอกเลย
เอาจริงๆแบตเตอรี่ตอนนี้มันยังไม่พร้อมนะครับ  เห็นข่าวเมื่อไม่กี่วันกระแทรกกับเสาไฟฟ้าฟ้าไฟลุกเลย  กับเรื่องรีไซเคิลแบตนี่คือมันจะเหลือกากสารพิษเหลือไว้มั้ยครับ ส่วนรถไฟฟ้ายี่ห้อปั่นหุ้นที่ว่าจะผลิตรถบรรทุกไฟฟ้า  เห็นว่าจะผลิตออกมาขายแต่ยังไม่เห็นข่าวคราวว่ามีใครใช้ด้วยซ้ำครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2021, 10:15:17 โดย deertesla »

ออฟไลน์ DapKnihtHD

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 173
ิbev บ้านเรา รถยุโรปคงค่อย ๆ โตเพราะที่โน่นเค้าไปกันหมดละ 

มองเล่น ๆ ว่าวันที่ เจ้าตลาดทำ bev city car ขายแทน city , yaris , civic , cross  มันคงจะอีกนานมาก ๆ เลย
แต่ในขณะเดียวกัน hev ของเจ้าตลาดพวกนี้เค้าเดี๋ยวเค้าคงทำขายกันครบ 

มันต้องอาศัยผู้เล่นหน้าใหม่มาช่วยกระตุ้นนะผมว่า

ออฟไลน์ REX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,015
รถยนต์ไฟฟ้าคือ สุดทางของ ยานพาหนะ แล้วหละ
ยังไง ก็ต้องมาทางนี้  ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
เพราะภาวะโลกร้อนกำลังจะทำลายล้างหลายชีวิตในโลกนี้

มนุษย์ต้องการวิ่งให้เร็วกว่ากล้ามเนื้อขา 2ข้างตัวเอง
จึงต้องสิ่งมีชืวิต 4 ขา ช้างม้าวัวควาย  ซึ่งก็ไม่ได้สร้างมลภาวะอะไร
จนกระทั่ง ความปรารถนาเราที่พัฒนาความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เครื่องจักรไอน้ำ ก็เผาทั้งฟืนจากต้นไม้ ถ่านหิน ซึ่งมีหลายคันไม่ได้ ป่าหมดแน่
แล้วก็มีเครื่องสันดาปภายใน  มาแก้ปัญหา
รถน้ำมัน ปัจจุบันมันไม่ได้มีปัญหาเรื่อง พลังงาน หมดนะ
แต่ต้องมาถึงทางตัน เพราะอัตราอากาศที่เราเผา มันเกินโลกจะรับไหว

มันเหมือน เราเปิดร้านค้า และร้านจะเจ้ง
เพราะไม่รู้จัก ทำบัญชี ทุนเดิมเรามีเท่าไร หาได้วันละเท่าไหร่ จะใช้ได้วันละเท่าไหร่
เช่นเดียวกัน
โลกที่มีทรัพยากร มีศักยภาพในการฟื้นฟูตัวเอง จะใช้รถได้เท่าไร กี่คัน บนโลก? เราไม่รู้เลย
และเมื่อเครื่องยนต์สันดาปถึงทางตัน  การแก้ปัญหานี้ ก็ส่งไม้มายัง รถไฟฟ้า

และก็วน loop แบบเดียวกัน
ข้อจำกัดแร่ธาตุ ในการสร้างรถ มีแค่ไหน 
พลังงานไฟฟ้า แต่ละประเทศสามารถรองรับ ได้เท่าไร
การกำจัดแผงโซล่าเซล การกำจัดแบตเตอรี่ ไหวสุดขนาดไหน ?
ถ้าต้องการความยั่งยืน แผนพวกนี้ ต้องคิดคร่าวๆมาก่อน

บริโภคอย่างมีขีดจำกัด โลกไม่ได้มีทรัพยากรเหลือเฟือ
ใช้เท่าที่มี  ถึงจะอยู่ได้และไม่ถึงทางตัน

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,699
ผมว่าการมาคุยกันว่ารถไฟฟ้าควรมา-ไม่ควรมา ควรใช้-ไม่ควรใช้ มันเป็น topic ที่ตกยุคมากเกินไปแล้วนะครับ

ประเทศฝั่งตะวันตกเปลี่ยนหมดแล้ว ญี่ปุ่นก็เปลี่ยนแน่นอนแล้ว แล้วเรายังจะมานั่งถกกันอยู่เลย

ที่สำคัญคือทำยังไงให้เราพร้อมเร็วกว่านี้จะดีกว่าครับ มองอนาคต ไม่ใช่กลัวมัน

ผมเถียงกับคนในนี้หลายครั้งจนแอบนึกว่า ที่มาสนับสนุนรถน้ำมันกันเยอะๆเนี่ยคือโตโยตาส่งมาใช่ไหมเนี่ย เพราะปัญหาของเราตอนนี้คือเราจะตามเค้าไม่ทัน ไม่ใช่เรื่องควรตามหรือไม่ควรตาม

ถ้าไม่ขยับ ก็ตกยุคอยู่ที่เดียวแหละครับ ส่งออกรถน้ำมันจะไปได้อีกกี่ปี

พี่ตกยุคแล้วล่ะครับที่คิดว่าโตโยต้าเค้าไม่ไป EV 555+

ส่วนกระเด็นอื่นคือเห็นด้วยครับ ชีวิตคือการพัฒนา แก้ปัญหา
กันไป

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,839
คนมีกระตังค์ เค้าก็ไม่ค่อยคิดเรื่องนี้หรอก แต่เอาจริงๆนะ คนไทยตอนนี้เป็นมะเร็งแปลกๆเยอะขึ้นเรื่อยๆ

เอาง่ายๆเลยครับ ไม่ต้องคิดอะไรมาก โทรศัพท์มือถือเอย คอมพิวเตอร์เอย กระป๋อง DDT ยาฆ่าแมลง ก็ทิ้งรวมกันอยู่ที่จุดทิ้งขยะแหละ
ตรงถนนสาย 347  กองขยะโตเท่าภูเขา เวลาฝนตกก็ชะล้างสารพิษลงสู่น้ำใต้ดิน

ข้าวในนา เวลาหน้าแร้งก็สูบน้ำที่ปนเปื้อนสารก่อมะเร็งมารด แล้วก็วนกลับมาให้เราได้กินกันอิ่มหนำสำราญ
คนรวยก็ทำงานหาเงินรักษาตัวเองกันไป ส่วนคนมีรายได้น้อยก็ได้เงินรักษาจากภาษีของคนมีรายได้สูง

รถน้ำมันก็เช่นกันครับ ปล่อยของเสียออกสู่อากาศ วนกลับมาให้คนสูดเข้าปอดเพื่อรักษาโรคปอดอักเสบกันไป

พร้อมไม่พร้อมผมไม่รู้นะครับ สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่สำคัญ
สำคัญที่สุดคือการ "สร้างสำนึก" ให้กับคนทั้งประเทศครับ

ผมยังไม่ได้พูดถึงผลเสียที่เกิดกับคนทั้งโลกเลยนะครับ ซึ่งผมว่าน่าจะอีกไม่นานนี้แล้วล่ะ วันที่รถน้ำมันหยุดใช้ น้ำทะเลจะสูงขึ้นอีกเท่าไหร่ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า แบตเตอรี่รถไฟฟ้าจะไม่มีส่วนผิด
การถลุงแร่ การละลายแร่ การทำรายแร่ ล้วนแต่ใช้ความร้อยอันสูงสุดทั้งนั้น ถ้าจะคิดว่าการใช้รถไฟฟ้ามีส่วนช่วยโลก รักษ์โลก ลองคิดมุมนี้บ้างก็ได้นะครับ
การแพร่ความร้อนเป็นวงกว้าง กับให้มันไปรวมกันอยู่ที่กระจุกเดียว... โอโซนมันก็ถูกทำลายเท่าๆกันแหละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2021, 11:25:53 โดย kiwiwi »

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,190
    • อีเมล์
ผมเคยพูดในโพสต์อื่นว่า

ทุกคน ทุกค่าย ทุกผู้ผลิต พูดถึง HEV PHEV หรือ BEV แต่ไม่เคยพูดว่า จุดจบสุดท้ายของ ฺBattery มันจะไป ยังไง ต่อ

ผมว่า ทุกคน ทุกค่าย ทุกผู้ลิตตั้งแต่ซัพไพล์ รายเล็กๆ ไปจนเจ้าใหญ่ ไม่มีใครกลัว หรือ ปิดกััน BEV แม้แต่น้อย

แต่มันอยู่ที่เวลา ความเหมาะสม ทั้งในด้านความเชื่อมั่นของผู้บริการ และ ระบบซัพพอร์ตต่างๆ มากกว่า

ท่านบนบอกดูยอด MG ซิ ผมว่า MG ที่ขายไม่ได้ไม่เยอะ ไม่ใช่ว่าเพราะกลัวรถ BEV หรอกครับ เพราะคนไม่มั่นในแบรนด์นั้นๆ มากกว่า

ท่านบอกอีกว่า ที่แอนตี้ หรือ ไม่รับเทคโลโยลี BEV แล้วยังมาดันรถสันดาบ รถน้ำมัน เพราะโตโยต้า หรือป่าว ผมว่า ลองไปดูโตโยต้าญี่ปุ่นดูครับ เขาพร้อมทำ BEV มากกว่าค่ายอื่นซะด้วยซ้ำ แต่เขาคงมองแล้วว่า ความพร้อมหรือตลาด มันยังไม่ถึงจุดที่ต้องปล่อยของ เพราะเอาจริงๆ เรื่อง Battery เอง โตโยต้า เขาก็เป็นเจ้าหลัก เจ้าแรกทำรถ HEV ขายในเมืองไทยด้วยซ้ำ เขาจะกลัวมาทำไม ไม่มีหรอก

ผมสมมุติง่ายๆ ถ้าเปลี่ยนรถ BEV ของ MG เปลี่ยนเป็น โตโยต้า ขายในราคาเท่าๆ กัน ยอดขายมันไม่ใช่แบบนี้แน่นอนครับ มากกว่านี้เยอะ บอกเลย
เอาจริงๆแบตเตอรี่ตอนนี้มันยังไม่พร้อมนะครับ  เห็นข่าวเมื่อไม่กี่วันกระแทรกกับเสาไฟฟ้าฟ้าไฟลุกเลย  กับเรื่องรีไซเคิลแบตนี่คือมันจะเหลือกากสารพิษเหลือไว้มั้ยครับ ส่วนรถไฟฟ้ายี่ห้อปั่นหุ้นที่ว่าจะผลิตรถบรรทุกไฟฟ้า  เห็นว่าจะผลิตออกมาขายแต่ยังไม่เห็นข่าวคราวว่ามีใครใช้ด้วยซ้ำครับ

เรื่องเซลล์ หรือ วัถตุดิบ ผมว่าเราผลิตเองไม่ได้(หรือได้แต่คงไม่พอ) ก็คงต้องนำเข้า อันนี้ผมว่าไม่น่าใช่ปัญหา แต่มันจะมีผลเรื่องราคามากกว่า

เรื่องรีไซเคิล ก็อย่างที่บอกละครับ ผมก็คอมเมนต์หลายๆ โพสต์ว่า กระบวนการจัดการ หรือ กำจัด หรือ รีไซเคิล แบตเตอรี่ ยังไม่เคยเห็นใครมาพูดแบบชัดเจนเลยว่า พอหมดอายุของมันแล้วจะไปไหน ยังไง ป่นเปื้อนไหม ทิ้งไหม หรือ รีไซเคิลได้ 100% เลย หรือ ยังไงพวกนี้ ผมไม่ได้อยู่วงการนี้ อาจจะไม่รู้ว่า แบตเตอรี่ 1 ลูก life cycle มันเป็นยังไงบ้าง

ส่วนรถ BEV อย่างที่บอกแหละครับ ผมว่าในทางวิศวกรรมมันทำได้ ทำง่ายกว่า รถสันดาบด้วยซ้ำ (มองภาพรถบังคับ RC หรือ รถ Tamiya เข้าไว้) แต่มันเป็นเรื่องความเชื่อมั่นมากกว่าครับ ถ้าคนมันเชื่อมัน มี demand จริง ทำไม supply เขาจะไม่ทำขายละครับ ถูกไหม แถวๆ คอนโดผมรถ BUS EV วิ่งตลอดนะ ส่วนรถบรรทุกไรนั้น ผมว่า มันยังไม่ชัดเจนเลย แค่ปล่อยของออกมาเรียกแขก ความชัดเจนไม่มีเลย

ออฟไลน์ adsajan

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 112
แบตรุ่นใหม่ๆที่จะออกมาปีสองปีนี้ ใช้ได้ยันลูกบวช ใช้จนรถเป็นซากแล้วยังไม่เสื่อมเลย
รถเก่าจนเป็นซากแล้ว ยังถอดเอามาใช้เป็นแบตสำรองโซล่าเซลได้อีก กว่าจะเสื่อมจนเป็นขยะ นู่น อีก30-40ปี
ตอนนี้ควรห่วง น้ำมันที่เอามาเผาๆกันปัจจุบันนี้มากกว่า น้ำมันเครื่อง ที่ถ่ายๆกัน ใช้แค่ไม่กี่พันกิโล พวกนี้คือปัจจุบัน
รับได้ ไม่ต้องเป็นห่วงหรือ?

ออฟไลน์ Nismo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 267
    • อีเมล์
ไม่รีบร้อน กะจะ ซื้อ อีก 10 ปี ข้างหน้า ครับ เหมือน โทรศัพท์ มือถือ ได้ของดี กว่า ยุคเริ่มต้น  :) :) :) ราคา จะต้องได้
เหมือน ซัมซุง ที่มี รุ่น ล่างๆ ประมาณ 3,500 ถึง 6,500 บาท ทำออกมาสู้ กับ เสี่ยวมี่ ,Realme ประมาณนี้ครับ
1NZ-FE(เครื่อง) หรือ U340E(เกียร์) ใครจะทนกว่ากัน หนอ!!!

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าจะเอาเหตุผลแค่ ไทยไม่มีสกิลกำจัดแบตเสื่อมแล้วมาเพื่ออ้างว่าคนไทยไม่ควรใช้อีวี ผมว่ามันกลวงๆนะ

ทุกวันนี้แบตลิเทียมจาก consumer electronics และอื่นๆเราไม่มีสกิล ความสามารถในการกำจัดอยุ่แล้วนิคับ ต้องส่งไปยุโรป เช่นเบลเยี่ยม

ถ้าเอาตรรกะนั่นมาใช้ หมายความว่าก็ไม่ควรใช้ มือถือ, true wireless in-ear, etc...  :'(

ยังทั้งนอนยันและยืนยันว่า คนไทยโชคดีที่มี FTA 0% (ไม่ต้องโทษใครอื่น เพราะมันเป็นผลงานคำแนะนำการลดภาษีจากภาคเอกชนให้กับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศในช่วง 2003-2008)

จริงๆแล้วภาษีนำเข้า EV 0% นี้ออกแบบมาเพื่อคนไทยโดยคนไทยบางกลุ่มที่รับโบนัส 8 เดือน++ 

ออฟไลน์ BN`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,073
ผมมองว่ารถยนต์ EV เป็นแค่การเปลี่ยนผ่านจากการใช้น้ำมัน มาใช้ไฟฟ้ามากกว่าครับ จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นหรอกครับ

ประเด็นสำคัญคือ จะทำยังไงให้แบตเตอรี่มีอายุมากกว่าปัจจุบัน เพราะถ้ายิ่งใช้ได้นาน แปลว่าก็สามารถลดการปล่อยทิ้งแบตเตอรี่เก่าได้ด้วย

ส่วนแบตเตอรี่เก่าที่เสื่อมสภาพแล้ว ก็ควรจะนำมา Recycle ใช้ใหม่ เพื่อเป็นการลดปริมาณการขุดแร่เพื่อมาสร้างแบตเตอรี่ลูกใหม่

และที่สำคัญอีกอย่างนึงเลยก็คือ ควรจะทำระบบขนส่งสาธารณะให้มันครอบคลุม เพราะมันจะช่วยลดปริมาณรถยนต์บนถนนได้เยอะ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
วิธีการจัดการแบตเตอรี่ที่ดี ผมว่ามีนะ ไม่ว่าจะทำเอง หรือส่งออกไปให้ประเทศอื่นทำ

ที่เป็นห่วงคือ การจัดการขยะของบ้านเรามากกว่า ทุกวันนี้คนไทยกี่% ที่แยกขยะกันอย่างจริงจัง ซึ่งผมว่าตรงนี้มันเป็นพื้นฐานของเรื่องนี้นะ