ปกติกรอง HEPA ทำให้ลม pressure drop สูงกว่า
พัดลมจะส่งลมได้น้อยลง ถ้าใช้พัดลมขนาดเดิม หมุนเร็วเท่าเดิม
ปกติกรองทั่วๆไป => 10-35 Pa ที่ลม 2.5 m/s (ยิ่งตัน, ยิ่ง Pa drop สูง)
HEPA ทั่วๆไป => 100-500 Pa ที่ลใ 2.5 m/s (ยิ่งตัน, ยิ่ง Pa drop สูง)
(อ้างอิง brand: camfil, AAF)
ถ้าอยากให้พัดลมส่งลมให้ได้เท่าเดิม จำเป็นจะต้องเร่งเบอร์ขึ้น ก็จะเสียงดัง ลมแรงเกิน ตีหน้า ไม่สบาย คุมความชื้นได้ไม่ดี (ถ้า assume ว่า พัดลมยังสามารถเป่าลมชนะ 500 Pa ได้อยู่, แต่พวก centrifugal fan อันเล็กๆๆๆ มักจะทำได้ ประมาณ 400-500 Pa ไม่รวม Pressure Drop ที่เกิดจาก คอยล์เย็น หรือ grille ด้วยอีกสัก 100-200 Pa)
<ถ้าอยากรุ้ต้องเอา Fan Performance Curve มาดู แต่ผมไม่รุ้หาข้อมูลพวกนี้จากไหน พวกที่อยู่ในรถ 55)
***และปกติ ไม่มีใครเขาใช้ HEPA ชั้นเดียว, ต้องมีกรองปกติอีกชั้นนึงด้วย ไม่งั้น HEPA จะตันเร็วมากๆๆ เพราะ มันจะจับฝุ่นทุกชนิด ทุกขนาดเลย (เอากรองธรรมดามาช่วยกรองฝุ่นใหญ่ๆก่อน)
***ถ้าจะกรอง pm 2.5, ใช้พวก MERV-11 ก็พอนะครับ, HEPA ระดับใช้ในห้องผ่าตัดแล้ว (แทบจะกรอง virus ได้ละ)