ผู้เขียน หัวข้อ: คิดค่าไฟที่ต้องใช้ใน EV vs. ค่าน้ำมัน ICE เล่นๆครับ  (อ่าน 5796 ครั้ง)

Gunther

  • บุคคลทั่วไป
Re: คิดค่าไฟที่ต้องใช้ใน EV vs. ค่าน้ำมัน ICE เล่นๆครับ
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2021, 18:06:17 »
ORA Good Cat ค่าใช้จ่ายในภาพรวมทั้งหมด ถูกที่สุด

ถ้าใช้งานถึง 10 ปี ค่าไฟจากการชาร์จทั้งหมด ประมาณ 75,000-80,000 บาทครับ

ถูกกว่าค่าเติมน้ำมันของรถ Eco Cars ที่ใช้งานไปแล้ว 10 ปี ถึง 2 เท่า

มันติดที่ค่าตัวน่ะสิครับ

ถ้าเอา Goodcat 500KM สมมติ 1.00 ล้าน

ชนกันตรงๆ ขนาดพอๆกัน Almera 1.0T หรือ City 1.0T ราคา 6.5-6.7 แสน Save ค่าตัวไปก่อนเลย 4.5 แสน

ได้รถมาสิ่งที่ Goodcat น่าจะต้องเสียเงินก่อนเลย คือยางแถม Giti มาให้ คันล่ะล้านนึง ถ้าไม่ไว้ใจก็หมื่นต้นๆเปลี่ยนยางใหม่

แล้วลืมเรื่อง 10ปี ไปเลยครับ ระยะเวลาไม่เกี่ยว เกี่ยวที่ระยะทาง ต้องใช้ Goodcat ถึง 3-400,000 โล ถึงจะคุ้มส่วนต่างค่าตัวกับค่าน้ำมัน ต่อให้หักค่าบำรุงรักษาด้วย (ตามตัวเลขคร่าวๆด้านบน 200,000 โล ส่วนต่าง ประมาณ 200,000 บาท) หารมาถ้าใช้ 10 ปี ตกปีล่ะ 30,000 โล ประมาณๆ หรือต้องวิ่งทุกวัน วันล่ะ 80KM ชึ้นไป ตามที่ผมโพสไว้ด้านบน

ถ้าจะเอาให้สุดผ่านไป 300,000 โล ราคาขายต่อ Goodcat จะเหลือเท่าไหร่ Almera City จะเหลือเท่าไหร่อีกนะครับ ถ้ามองง่ายสินค้าอิเลคโทรนิก อย่างมือถือ 10 ปีที่แล้วจะขายมือสองตอนนี้อย่าว่าแต่จะขายได้เท่าไหร่เลยครับ จะมีคนซื้อหรือเปล่า เพราะถึงตอนนั้นรถ BEV จะพัฒนาไปขนาดไหนแล้ว

ถ้าดูแต่ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา มันก็ใช่ครับถูกกว่าแน่ๆ แต่ค่าตัวพอมาดูจริงๆแล้วกับ Goodcat ขนาดเล็กๆแบบนี้ที่ราคา 1 ล้าน ผมไม่มั่นใจถ้าจะบอกว่าคุ้มซักเท่าไหร่

ปล คำนวนตรงไหนผิดโควทเลยนะครับ ผมก็อยากได้ แต่ใช้รถน้อยมากๆ ทำตัวเลขส่ง ผบ ไม่ผ่านเลยครับ

ในชั่วโมงนี้ Eco Cars น่าจะตอบโจทย์ได้อยู่ในตอนนี้

Forty Five

  • บุคคลทั่วไป
Re: คิดค่าไฟที่ต้องใช้ใน EV vs. ค่าน้ำมัน ICE เล่นๆครับ
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2021, 19:03:37 »
ORA Good Cat ค่าใช้จ่ายในภาพรวมทั้งหมด ถูกที่สุด

ถ้าใช้งานถึง 10 ปี ค่าไฟจากการชาร์จทั้งหมด ประมาณ 75,000-80,000 บาทครับ

ถูกกว่าค่าเติมน้ำมันของรถ Eco Cars ที่ใช้งานไปแล้ว 10 ปี ถึง 2 เท่า

ต่อให้ค่าบำรุงรักษา รถยนต์ไฟฟ้า Good Cat ถูกกว่ารถยนต์ Eco Cars
แต่ราคารถยนต์ไฟฟ้า Ora Good Cat แพงกว่ารถยนต์ Eco Cars อยู่ดี
สรุปคือ ยังไงก็ลงเอยไปที่รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ดี เพราะไม่ปล่อยมลพิษเลย เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม สามารถชาร์จไฟที่บ้านได้ การบำรุงรักษาง่าย ไม่จุกจิกเหมือนรถ Eco Cars
ใครว่าไม่ปล่อยมลพิษกันครับ แต่มลพิษตอนวิ่งไปอยู่กับท่อโรงไฟฟ้าและการจัดการกับแบตเตอรี่ที่ไม่รู้ว่าจัรีไซเคิลได้ทั้งหมดมั้ย. กับขั้นตอนกาขุดเหมืองลิเที่ยมที่ทำลายธรรมชาติแและจ้างแรงงานมาถูกๆ อยากรักษ์โลกก็ต้องไปจักรยานและขนส่งสาธารณะครับ

อย่าลืมคิดค่าเสียเวลา รอชาร์จ เป็นชั่วโมงๆด้วยนะคับ ICE 5 นาทีต่อรอบ ส่วนEV ต่อให้ชาร์จแบบ DC ก็ต้องมี 30 นาที up บางทีอาจจะคุ้ม บางทีอาจจะไม่

อันนี้เห็นด้วยนะครับว่าสำคัญมากๆ

สมมุติว่าทุก 500 km ต้องเสียเวลารอชาร์จ 1 ชม. ถึงสองแสนโลมันเสียเวลาชีวิตเราไปตั้ง 400 ชม. เลย

ต่อให้มีจุดชาร์จทั่วประเทศมันก็ยังจำกัดระยะการเดินทางพอสมควร ถ้าขับรถไปกลับ กทม. - เชียงใหม่ แล้วต้องเสียเวลาเพิ่ม 2-3 ชม เป็นผมคิดหนักเหมือนกัน ยิ่งขับเร็วยิ่งต้องชาร์จถี่ ชาร์จนานขึ้นอีก
ยังไม่คิดว่าต้องรอคิวยาวรึป่าวด้วยนะครับ

ยังไม่หัวเสียเท่าวางแผนไว้แล้ว มาถึงที่ชาร์จปิดปรับปรุง ผมเจอมาแล้วตอนไปเที่ยวพังงา มีหัวชาร์จในปั้มแถวสุราษ เดินไปดูอ้าวเห้ย เสีย แล้วงี้คนที่เค้าวางแผนมาดีๆตามในแอพ เจอแบบนี้ไปทำไงหว่า
นั่นสิครับ เสียเวลานี่เอาคืนมาไม่ได้ครับ

2แสนโลประหยัดไป 3แสนบาท
โดยใช้รถราคาฐาน 1 ล้านอย่าง civic และ ora good cat

เมื่อถึงปีที่ 7  ราคามือ 2 ของ civic จะอยู่ที่ประมาณ 3แสน
หากคนใช้รถไฟฟ้ามีวินัยในการหยอดกระปุก ทุกๆเดือนหยอดให้ได้ซัก 4-5 พันที่ต้องเติมน้ำมัน ก็จะได้ประมาณ 4แสน(หากหักค่าไฟที่ต้องชาร์จ ก็จะได้พอๆกับ civic)​ ในระยะเวลา 7 ปี ถ้าขายเป็นซากได้ซัก 1 แสน ก็สามารถดาวน์รถคันใหม่ได้สบายๆ

ผมว่าเริ่มเข้าเค้าแล้วล่ะ จะใช้แล้วทิ้งก็ไม่น่ากลัวแล้ว

ถ้าออก good cat หรือ mg ev อีก 7 ปีข้างหน้า คงมีรถไฟฟ้าดีๆมาให้ใช้อีกเยอะ
ผมกลัวว่ามันจะพังจนไม่น่าใช้ก่อนที่จะถึง5ปีนะครับ

จริงพี่... เรื่องนี้ยังต้องรอการพิสูจน์   อีกเยอะ

เรื่องรถน้ำมันเราคุ้นกันแล้ว ใช้กันมานาน จนรู้ว่าอะไรจะอยู่ได้ประมาณไหน ซ่อมได้มั้ย ประมาณเท่าไหร่
แต่กับ EV เรายังรู้จักกับมันน้อยมากในเชิงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน  แต่ถ้าให้เทียบว่ามัน
คือเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่ง  ซึ่งบุคลิกของเจ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปทุกคนคงพอรู้  คือบทมันจะไป
ก็ไปเลยนะ อย่างเมนบอร์ดพัง การ์ดพัง ชิปพัง  ต่างจากพวกที่เป็น mechanics ที่มันจะเริ่มจาก
การสึกหรอ หลวมคลอน ส่งสัญญาณบอกเราก่อนน่ะครับ 

นี่ยังไม่นับพวก software ระบบ OS ต่าง ๆ ที่ต้องพิสูจน์ความเสถียรอีก กว่าจะเข้าที่เข้าทางคงใช้เวลา
ในการพัฒนา เรียนรู้ และแก้ไขกันพอควรครับ
ใช่ครับ และยิ่งการ์ดบอร์ดชิปเหล่านี้อยู่ในราคาอะไหล่รถยนต์ที่ต้องเบิกศูนย์มันไม่ถูกเหมือนไปบ้านหม้อหรือไปร้านอุปกรณ์ไอทีเพื่อซื้อเมนบอร์ดด้วยครับ อากาศเมืองไทยร้อนชื้นด้วยยิ่งทำให้อุแกรณ์เหล่านี้อายุสั้นกว่าเมืองหนาวอากาศแห้งนะครับ. ใครว่ารถไฟฟ้าทนทานไม่พังง่าย คนนั้นมองตื้นไปครับ

ทราบว่ามีแบตเตอรี่แบบไหนที่สามารถ Recycle แล้วกลับมาใช้ใหม่นั้น มีหรือไม่ครับ

ที่รู้แน่ๆ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV นั้นจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 20% ภายใน 10 ปีข้างหน้าครับ

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
Re: คิดค่าไฟที่ต้องใช้ใน EV vs. ค่าน้ำมัน ICE เล่นๆครับ
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2021, 22:58:46 »
ORA Good Cat ค่าใช้จ่ายในภาพรวมทั้งหมด ถูกที่สุด

ถ้าใช้งานถึง 10 ปี ค่าไฟจากการชาร์จทั้งหมด ประมาณ 75,000-80,000 บาทครับ

ถูกกว่าค่าเติมน้ำมันของรถ Eco Cars ที่ใช้งานไปแล้ว 10 ปี ถึง 2 เท่า

ต่อให้ค่าบำรุงรักษา รถยนต์ไฟฟ้า Good Cat ถูกกว่ารถยนต์ Eco Cars
แต่ราคารถยนต์ไฟฟ้า Ora Good Cat แพงกว่ารถยนต์ Eco Cars อยู่ดี
สรุปคือ ยังไงก็ลงเอยไปที่รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ดี เพราะไม่ปล่อยมลพิษเลย เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม สามารถชาร์จไฟที่บ้านได้ การบำรุงรักษาง่าย ไม่จุกจิกเหมือนรถ Eco Cars
ใครว่าไม่ปล่อยมลพิษกันครับ แต่มลพิษตอนวิ่งไปอยู่กับท่อโรงไฟฟ้าและการจัดการกับแบตเตอรี่ที่ไม่รู้ว่าจัรีไซเคิลได้ทั้งหมดมั้ย. กับขั้นตอนกาขุดเหมืองลิเที่ยมที่ทำลายธรรมชาติแและจ้างแรงงานมาถูกๆ อยากรักษ์โลกก็ต้องไปจักรยานและขนส่งสาธารณะครับ

อย่าลืมคิดค่าเสียเวลา รอชาร์จ เป็นชั่วโมงๆด้วยนะคับ ICE 5 นาทีต่อรอบ ส่วนEV ต่อให้ชาร์จแบบ DC ก็ต้องมี 30 นาที up บางทีอาจจะคุ้ม บางทีอาจจะไม่

อันนี้เห็นด้วยนะครับว่าสำคัญมากๆ

สมมุติว่าทุก 500 km ต้องเสียเวลารอชาร์จ 1 ชม. ถึงสองแสนโลมันเสียเวลาชีวิตเราไปตั้ง 400 ชม. เลย

ต่อให้มีจุดชาร์จทั่วประเทศมันก็ยังจำกัดระยะการเดินทางพอสมควร ถ้าขับรถไปกลับ กทม. - เชียงใหม่ แล้วต้องเสียเวลาเพิ่ม 2-3 ชม เป็นผมคิดหนักเหมือนกัน ยิ่งขับเร็วยิ่งต้องชาร์จถี่ ชาร์จนานขึ้นอีก
ยังไม่คิดว่าต้องรอคิวยาวรึป่าวด้วยนะครับ

ยังไม่หัวเสียเท่าวางแผนไว้แล้ว มาถึงที่ชาร์จปิดปรับปรุง ผมเจอมาแล้วตอนไปเที่ยวพังงา มีหัวชาร์จในปั้มแถวสุราษ เดินไปดูอ้าวเห้ย เสีย แล้วงี้คนที่เค้าวางแผนมาดีๆตามในแอพ เจอแบบนี้ไปทำไงหว่า
นั่นสิครับ เสียเวลานี่เอาคืนมาไม่ได้ครับ

2แสนโลประหยัดไป 3แสนบาท
โดยใช้รถราคาฐาน 1 ล้านอย่าง civic และ ora good cat

เมื่อถึงปีที่ 7  ราคามือ 2 ของ civic จะอยู่ที่ประมาณ 3แสน
หากคนใช้รถไฟฟ้ามีวินัยในการหยอดกระปุก ทุกๆเดือนหยอดให้ได้ซัก 4-5 พันที่ต้องเติมน้ำมัน ก็จะได้ประมาณ 4แสน(หากหักค่าไฟที่ต้องชาร์จ ก็จะได้พอๆกับ civic)​ ในระยะเวลา 7 ปี ถ้าขายเป็นซากได้ซัก 1 แสน ก็สามารถดาวน์รถคันใหม่ได้สบายๆ

ผมว่าเริ่มเข้าเค้าแล้วล่ะ จะใช้แล้วทิ้งก็ไม่น่ากลัวแล้ว

ถ้าออก good cat หรือ mg ev อีก 7 ปีข้างหน้า คงมีรถไฟฟ้าดีๆมาให้ใช้อีกเยอะ
ผมกลัวว่ามันจะพังจนไม่น่าใช้ก่อนที่จะถึง5ปีนะครับ

จริงพี่... เรื่องนี้ยังต้องรอการพิสูจน์   อีกเยอะ

เรื่องรถน้ำมันเราคุ้นกันแล้ว ใช้กันมานาน จนรู้ว่าอะไรจะอยู่ได้ประมาณไหน ซ่อมได้มั้ย ประมาณเท่าไหร่
แต่กับ EV เรายังรู้จักกับมันน้อยมากในเชิงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน  แต่ถ้าให้เทียบว่ามัน
คือเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่ง  ซึ่งบุคลิกของเจ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปทุกคนคงพอรู้  คือบทมันจะไป
ก็ไปเลยนะ อย่างเมนบอร์ดพัง การ์ดพัง ชิปพัง  ต่างจากพวกที่เป็น mechanics ที่มันจะเริ่มจาก
การสึกหรอ หลวมคลอน ส่งสัญญาณบอกเราก่อนน่ะครับ 

นี่ยังไม่นับพวก software ระบบ OS ต่าง ๆ ที่ต้องพิสูจน์ความเสถียรอีก กว่าจะเข้าที่เข้าทางคงใช้เวลา
ในการพัฒนา เรียนรู้ และแก้ไขกันพอควรครับ
ใช่ครับ และยิ่งการ์ดบอร์ดชิปเหล่านี้อยู่ในราคาอะไหล่รถยนต์ที่ต้องเบิกศูนย์มันไม่ถูกเหมือนไปบ้านหม้อหรือไปร้านอุปกรณ์ไอทีเพื่อซื้อเมนบอร์ดด้วยครับ อากาศเมืองไทยร้อนชื้นด้วยยิ่งทำให้อุแกรณ์เหล่านี้อายุสั้นกว่าเมืองหนาวอากาศแห้งนะครับ. ใครว่ารถไฟฟ้าทนทานไม่พังง่าย คนนั้นมองตื้นไปครับ

ทราบว่ามีแบตเตอรี่แบบไหนที่สามารถ Recycle แล้วกลับมาใช้ใหม่นั้น มีหรือไม่ครับ

ที่รู้แน่ๆ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV นั้นจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 20% ภายใน 10 ปีข้างหน้าครับ
มีที่รับทำลายและรีไซเคิลแต่รีไซเคิลได้กี่เปอร์เซนต์ของชิ้นส่วนขอบแบตก็ไม่รู้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 23, 2021, 23:26:54 โดย deertesla »

ออฟไลน์ LapisLazuli

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 285
    • อีเมล์
Re: คิดค่าไฟที่ต้องใช้ใน EV vs. ค่าน้ำมัน ICE เล่นๆครับ
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2021, 00:05:49 »
ORA Good Cat ค่าใช้จ่ายในภาพรวมทั้งหมด ถูกที่สุด

ถ้าใช้งานถึง 10 ปี ค่าไฟจากการชาร์จทั้งหมด ประมาณ 75,000-80,000 บาทครับ

ถูกกว่าค่าเติมน้ำมันของรถ Eco Cars ที่ใช้งานไปแล้ว 10 ปี ถึง 2 เท่า

ต่อให้ค่าบำรุงรักษา รถยนต์ไฟฟ้า Good Cat ถูกกว่ารถยนต์ Eco Cars
แต่ราคารถยนต์ไฟฟ้า Ora Good Cat แพงกว่ารถยนต์ Eco Cars อยู่ดี
สรุปคือ ยังไงก็ลงเอยไปที่รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ดี เพราะไม่ปล่อยมลพิษเลย เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม สามารถชาร์จไฟที่บ้านได้ การบำรุงรักษาง่าย ไม่จุกจิกเหมือนรถ Eco Cars
ใครว่าไม่ปล่อยมลพิษกันครับ แต่มลพิษตอนวิ่งไปอยู่กับท่อโรงไฟฟ้าและการจัดการกับแบตเตอรี่ที่ไม่รู้ว่าจัรีไซเคิลได้ทั้งหมดมั้ย. กับขั้นตอนกาขุดเหมืองลิเที่ยมที่ทำลายธรรมชาติแและจ้างแรงงานมาถูกๆ อยากรักษ์โลกก็ต้องไปจักรยานและขนส่งสาธารณะครับ

อย่าลืมคิดค่าเสียเวลา รอชาร์จ เป็นชั่วโมงๆด้วยนะคับ ICE 5 นาทีต่อรอบ ส่วนEV ต่อให้ชาร์จแบบ DC ก็ต้องมี 30 นาที up บางทีอาจจะคุ้ม บางทีอาจจะไม่

อันนี้เห็นด้วยนะครับว่าสำคัญมากๆ

สมมุติว่าทุก 500 km ต้องเสียเวลารอชาร์จ 1 ชม. ถึงสองแสนโลมันเสียเวลาชีวิตเราไปตั้ง 400 ชม. เลย

ต่อให้มีจุดชาร์จทั่วประเทศมันก็ยังจำกัดระยะการเดินทางพอสมควร ถ้าขับรถไปกลับ กทม. - เชียงใหม่ แล้วต้องเสียเวลาเพิ่ม 2-3 ชม เป็นผมคิดหนักเหมือนกัน ยิ่งขับเร็วยิ่งต้องชาร์จถี่ ชาร์จนานขึ้นอีก
ยังไม่คิดว่าต้องรอคิวยาวรึป่าวด้วยนะครับ

ยังไม่หัวเสียเท่าวางแผนไว้แล้ว มาถึงที่ชาร์จปิดปรับปรุง ผมเจอมาแล้วตอนไปเที่ยวพังงา มีหัวชาร์จในปั้มแถวสุราษ เดินไปดูอ้าวเห้ย เสีย แล้วงี้คนที่เค้าวางแผนมาดีๆตามในแอพ เจอแบบนี้ไปทำไงหว่า
นั่นสิครับ เสียเวลานี่เอาคืนมาไม่ได้ครับ

2แสนโลประหยัดไป 3แสนบาท
โดยใช้รถราคาฐาน 1 ล้านอย่าง civic และ ora good cat

เมื่อถึงปีที่ 7  ราคามือ 2 ของ civic จะอยู่ที่ประมาณ 3แสน
หากคนใช้รถไฟฟ้ามีวินัยในการหยอดกระปุก ทุกๆเดือนหยอดให้ได้ซัก 4-5 พันที่ต้องเติมน้ำมัน ก็จะได้ประมาณ 4แสน(หากหักค่าไฟที่ต้องชาร์จ ก็จะได้พอๆกับ civic)​ ในระยะเวลา 7 ปี ถ้าขายเป็นซากได้ซัก 1 แสน ก็สามารถดาวน์รถคันใหม่ได้สบายๆ

ผมว่าเริ่มเข้าเค้าแล้วล่ะ จะใช้แล้วทิ้งก็ไม่น่ากลัวแล้ว

ถ้าออก good cat หรือ mg ev อีก 7 ปีข้างหน้า คงมีรถไฟฟ้าดีๆมาให้ใช้อีกเยอะ
ผมกลัวว่ามันจะพังจนไม่น่าใช้ก่อนที่จะถึง5ปีนะครับ

จริงพี่... เรื่องนี้ยังต้องรอการพิสูจน์   อีกเยอะ

เรื่องรถน้ำมันเราคุ้นกันแล้ว ใช้กันมานาน จนรู้ว่าอะไรจะอยู่ได้ประมาณไหน ซ่อมได้มั้ย ประมาณเท่าไหร่
แต่กับ EV เรายังรู้จักกับมันน้อยมากในเชิงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน  แต่ถ้าให้เทียบว่ามัน
คือเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่ง  ซึ่งบุคลิกของเจ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปทุกคนคงพอรู้  คือบทมันจะไป
ก็ไปเลยนะ อย่างเมนบอร์ดพัง การ์ดพัง ชิปพัง  ต่างจากพวกที่เป็น mechanics ที่มันจะเริ่มจาก
การสึกหรอ หลวมคลอน ส่งสัญญาณบอกเราก่อนน่ะครับ 

นี่ยังไม่นับพวก software ระบบ OS ต่าง ๆ ที่ต้องพิสูจน์ความเสถียรอีก กว่าจะเข้าที่เข้าทางคงใช้เวลา
ในการพัฒนา เรียนรู้ และแก้ไขกันพอควรครับ
ใช่ครับ และยิ่งการ์ดบอร์ดชิปเหล่านี้อยู่ในราคาอะไหล่รถยนต์ที่ต้องเบิกศูนย์มันไม่ถูกเหมือนไปบ้านหม้อหรือไปร้านอุปกรณ์ไอทีเพื่อซื้อเมนบอร์ดด้วยครับ อากาศเมืองไทยร้อนชื้นด้วยยิ่งทำให้อุแกรณ์เหล่านี้อายุสั้นกว่าเมืองหนาวอากาศแห้งนะครับ. ใครว่ารถไฟฟ้าทนทานไม่พังง่าย คนนั้นมองตื้นไปครับ

ทราบว่ามีแบตเตอรี่แบบไหนที่สามารถ Recycle แล้วกลับมาใช้ใหม่นั้น มีหรือไม่ครับ

ที่รู้แน่ๆ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV นั้นจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 20% ภายใน 10 ปีข้างหน้าครับ
มีที่รับทำลายและรีไซเคิลแต่รีไซเคิลได้กี่เปอร์เซนต์ของชิ้นส่วนขอบแบตก็ไม่รู้นะครับ

เรื่อง Carbon Footprint เขาคำนวณกันมาเยอะเเล้วครับ ไปหาดูได้ครับ
อันนี้คลิป สรุปสั้นๆ ถ้าขี้เกียจไปหา paper อ่าน (แต่คลิปนี้เขาเอา Tesla มาคำนวณ ซึ่งมันเป็นรถ Luxury มันใช้ทรัพยากรในการผลิตสูงมากอยู่เเล้ว ถ้าเอารถ EV บ้านๆ B-Segment ก็พอ ตัวเลขจะออกมาดีกว่านี้อีก) :

ยังไง EV มี Carbon Footprint ก็น้อยกว่ามากๆๆ เเล้วอีกอย่าง ไปฝากไอเสียไปไว้ที่ โรงไฟฟ้ายังไงก็ดีกว่า…
1.) โรงไฟฟ้า Thermal Efficiency สูงมากๆๆๆๆๆๆๆๆ สูงกว่าสุดๆ (ไม่ต้อง Combined Cycle, แค่ Gas Turbine เปล่าๆ ก็สูงกว่ารถยนต์เครื่อง ICE 2-3 เท่าเเล้ว) ไม่รวมปัจจัยอื่นๆเช่น ไม่มีเผาน้ำมันทิ้งเล่นๆทิ้งตอน idle รถติด หรือตอนลากรอบเครื่องยนต์ในการใช้งานปกติ
2.) การควบคุมมลพิษ strict กว่ามาก , โดนกฎหมายคุมเคร่งกว่ามาก, และถูกควบคุมโดย Operator รฟฟ. (ไม่เหมือนชาวบ้าน เดี๋ยวก็ถอด Cat, เดี๋ยวก็อุด EGR, เดี๋ยวก็ควันดำ, เดี๋ยวก็ kick down, เดี๋ยวก็ลากรอบ โดยไม่จำเป็น)
3.) เมื่อมี technology ใหม่ๆ เช่น Molten Salt Nuclear, Solar, Wind, Hydro, Fuel Cell หรือเป็นเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่ตอนนี้เรายังไม่ค้นพบ, etc. ก็จะได้เปลี่ยนที่โรงไฟฟ้าเลย ง่ายๆ ไม่ใช่ต้องมาเปลี่ยนให้รถทุกคัน, ให้รถทุกคันเป็น EV หมด เเล้วไปพัฒนาโรงไฟฟ้าเเทน

***ไม่ได้เชียร์ให้ซื้อรถ EV นะครับ, ผมรู้ว่ายังไง infrastructure ประเทศก็ยังไม่พร้อม, แท่นชาร์จไม่พอเเน่ๆกับประชากรทั้งประเทศ, กำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ MW ก็ยังไม่พอ, ไม่สะดวกใช้เเน่ๆ, เเล้วปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ EV ตอนนี้ คือ น้ำหนัก (Energy Density ของไอ Li-ion นี่เเหละ) รถบรรทุกขนส่งจะหนักขนาดไหน…. รถกระบะจะหนักขนาดไหน…. รถบัสจะหนักขนาดไหน… ตอนนี้ ไม่พร้อมมากๆๆๆๆๆๆ แต่อนาคต ยังไงก็ต้อง EV (ไปฝากความหวังกับโรงไฟฟ้า กับพวก scientist + engineer หานวัตกรรมใหม่ๆ ดีกว่ามาฝากความหวังไว้กับประชากรทุกคนบนโลก ที่ใช้รถ)

***กระทู้นี้ผมเเค่คำนวณเล่นๆเฉยๆ ไม่ได้คิดจะซื้อ หรือเเนะนำให้คนอื่นซื้อ

เหตุผลเรื่อง “Carbon Footprint ของ EV มันก็ไม่ต่างกับ ICE หรอกนะ” <== อันนี้เหตุผลใช้ไม่ได้
แต่เหตุผลอื่นๆ ใช้ได้ 55
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 24, 2021, 00:23:22 โดย LapisLazuli »

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
Re: คิดค่าไฟที่ต้องใช้ใน EV vs. ค่าน้ำมัน ICE เล่นๆครับ
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2021, 01:49:08 »
ORA Good Cat ค่าใช้จ่ายในภาพรวมทั้งหมด ถูกที่สุด

ถ้าใช้งานถึง 10 ปี ค่าไฟจากการชาร์จทั้งหมด ประมาณ 75,000-80,000 บาทครับ

ถูกกว่าค่าเติมน้ำมันของรถ Eco Cars ที่ใช้งานไปแล้ว 10 ปี ถึง 2 เท่า

ต่อให้ค่าบำรุงรักษา รถยนต์ไฟฟ้า Good Cat ถูกกว่ารถยนต์ Eco Cars
แต่ราคารถยนต์ไฟฟ้า Ora Good Cat แพงกว่ารถยนต์ Eco Cars อยู่ดี
สรุปคือ ยังไงก็ลงเอยไปที่รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ดี เพราะไม่ปล่อยมลพิษเลย เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม สามารถชาร์จไฟที่บ้านได้ การบำรุงรักษาง่าย ไม่จุกจิกเหมือนรถ Eco Cars
ใครว่าไม่ปล่อยมลพิษกันครับ แต่มลพิษตอนวิ่งไปอยู่กับท่อโรงไฟฟ้าและการจัดการกับแบตเตอรี่ที่ไม่รู้ว่าจัรีไซเคิลได้ทั้งหมดมั้ย. กับขั้นตอนกาขุดเหมืองลิเที่ยมที่ทำลายธรรมชาติแและจ้างแรงงานมาถูกๆ อยากรักษ์โลกก็ต้องไปจักรยานและขนส่งสาธารณะครับ

อย่าลืมคิดค่าเสียเวลา รอชาร์จ เป็นชั่วโมงๆด้วยนะคับ ICE 5 นาทีต่อรอบ ส่วนEV ต่อให้ชาร์จแบบ DC ก็ต้องมี 30 นาที up บางทีอาจจะคุ้ม บางทีอาจจะไม่

อันนี้เห็นด้วยนะครับว่าสำคัญมากๆ

สมมุติว่าทุก 500 km ต้องเสียเวลารอชาร์จ 1 ชม. ถึงสองแสนโลมันเสียเวลาชีวิตเราไปตั้ง 400 ชม. เลย

ต่อให้มีจุดชาร์จทั่วประเทศมันก็ยังจำกัดระยะการเดินทางพอสมควร ถ้าขับรถไปกลับ กทม. - เชียงใหม่ แล้วต้องเสียเวลาเพิ่ม 2-3 ชม เป็นผมคิดหนักเหมือนกัน ยิ่งขับเร็วยิ่งต้องชาร์จถี่ ชาร์จนานขึ้นอีก
ยังไม่คิดว่าต้องรอคิวยาวรึป่าวด้วยนะครับ

ยังไม่หัวเสียเท่าวางแผนไว้แล้ว มาถึงที่ชาร์จปิดปรับปรุง ผมเจอมาแล้วตอนไปเที่ยวพังงา มีหัวชาร์จในปั้มแถวสุราษ เดินไปดูอ้าวเห้ย เสีย แล้วงี้คนที่เค้าวางแผนมาดีๆตามในแอพ เจอแบบนี้ไปทำไงหว่า
นั่นสิครับ เสียเวลานี่เอาคืนมาไม่ได้ครับ

2แสนโลประหยัดไป 3แสนบาท
โดยใช้รถราคาฐาน 1 ล้านอย่าง civic และ ora good cat

เมื่อถึงปีที่ 7  ราคามือ 2 ของ civic จะอยู่ที่ประมาณ 3แสน
หากคนใช้รถไฟฟ้ามีวินัยในการหยอดกระปุก ทุกๆเดือนหยอดให้ได้ซัก 4-5 พันที่ต้องเติมน้ำมัน ก็จะได้ประมาณ 4แสน(หากหักค่าไฟที่ต้องชาร์จ ก็จะได้พอๆกับ civic)​ ในระยะเวลา 7 ปี ถ้าขายเป็นซากได้ซัก 1 แสน ก็สามารถดาวน์รถคันใหม่ได้สบายๆ

ผมว่าเริ่มเข้าเค้าแล้วล่ะ จะใช้แล้วทิ้งก็ไม่น่ากลัวแล้ว

ถ้าออก good cat หรือ mg ev อีก 7 ปีข้างหน้า คงมีรถไฟฟ้าดีๆมาให้ใช้อีกเยอะ
ผมกลัวว่ามันจะพังจนไม่น่าใช้ก่อนที่จะถึง5ปีนะครับ

จริงพี่... เรื่องนี้ยังต้องรอการพิสูจน์   อีกเยอะ

เรื่องรถน้ำมันเราคุ้นกันแล้ว ใช้กันมานาน จนรู้ว่าอะไรจะอยู่ได้ประมาณไหน ซ่อมได้มั้ย ประมาณเท่าไหร่
แต่กับ EV เรายังรู้จักกับมันน้อยมากในเชิงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน  แต่ถ้าให้เทียบว่ามัน
คือเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่ง  ซึ่งบุคลิกของเจ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปทุกคนคงพอรู้  คือบทมันจะไป
ก็ไปเลยนะ อย่างเมนบอร์ดพัง การ์ดพัง ชิปพัง  ต่างจากพวกที่เป็น mechanics ที่มันจะเริ่มจาก
การสึกหรอ หลวมคลอน ส่งสัญญาณบอกเราก่อนน่ะครับ 

นี่ยังไม่นับพวก software ระบบ OS ต่าง ๆ ที่ต้องพิสูจน์ความเสถียรอีก กว่าจะเข้าที่เข้าทางคงใช้เวลา
ในการพัฒนา เรียนรู้ และแก้ไขกันพอควรครับ
ใช่ครับ และยิ่งการ์ดบอร์ดชิปเหล่านี้อยู่ในราคาอะไหล่รถยนต์ที่ต้องเบิกศูนย์มันไม่ถูกเหมือนไปบ้านหม้อหรือไปร้านอุปกรณ์ไอทีเพื่อซื้อเมนบอร์ดด้วยครับ อากาศเมืองไทยร้อนชื้นด้วยยิ่งทำให้อุแกรณ์เหล่านี้อายุสั้นกว่าเมืองหนาวอากาศแห้งนะครับ. ใครว่ารถไฟฟ้าทนทานไม่พังง่าย คนนั้นมองตื้นไปครับ

ทราบว่ามีแบตเตอรี่แบบไหนที่สามารถ Recycle แล้วกลับมาใช้ใหม่นั้น มีหรือไม่ครับ

ที่รู้แน่ๆ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV นั้นจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 20% ภายใน 10 ปีข้างหน้าครับ
มีที่รับทำลายและรีไซเคิลแต่รีไซเคิลได้กี่เปอร์เซนต์ของชิ้นส่วนขอบแบตก็ไม่รู้นะครับ

เรื่อง Carbon Footprint เขาคำนวณกันมาเยอะเเล้วครับ ไปหาดูได้ครับ
อันนี้คลิป สรุปสั้นๆ ถ้าขี้เกียจไปหา paper อ่าน (แต่คลิปนี้เขาเอา Tesla มาคำนวณ ซึ่งมันเป็นรถ Luxury มันใช้ทรัพยากรในการผลิตสูงมากอยู่เเล้ว ถ้าเอารถ EV บ้านๆ B-Segment ก็พอ ตัวเลขจะออกมาดีกว่านี้อีก) :

ยังไง EV มี Carbon Footprint ก็น้อยกว่ามากๆๆ เเล้วอีกอย่าง ไปฝากไอเสียไปไว้ที่ โรงไฟฟ้ายังไงก็ดีกว่า…
1.) โรงไฟฟ้า Thermal Efficiency สูงมากๆๆๆๆๆๆๆๆ สูงกว่าสุดๆ (ไม่ต้อง Combined Cycle, แค่ Gas Turbine เปล่าๆ ก็สูงกว่ารถยนต์เครื่อง ICE 2-3 เท่าเเล้ว) ไม่รวมปัจจัยอื่นๆเช่น ไม่มีเผาน้ำมันทิ้งเล่นๆทิ้งตอน idle รถติด หรือตอนลากรอบเครื่องยนต์ในการใช้งานปกติ
2.) การควบคุมมลพิษ strict กว่ามาก , โดนกฎหมายคุมเคร่งกว่ามาก, และถูกควบคุมโดย Operator รฟฟ. (ไม่เหมือนชาวบ้าน เดี๋ยวก็ถอด Cat, เดี๋ยวก็อุด EGR, เดี๋ยวก็ควันดำ, เดี๋ยวก็ kick down, เดี๋ยวก็ลากรอบ โดยไม่จำเป็น)
3.) เมื่อมี technology ใหม่ๆ เช่น Molten Salt Nuclear, Solar, Wind, Hydro, Fuel Cell หรือเป็นเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่ตอนนี้เรายังไม่ค้นพบ, etc. ก็จะได้เปลี่ยนที่โรงไฟฟ้าเลย ง่ายๆ ไม่ใช่ต้องมาเปลี่ยนให้รถทุกคัน, ให้รถทุกคันเป็น EV หมด เเล้วไปพัฒนาโรงไฟฟ้าเเทน

***ไม่ได้เชียร์ให้ซื้อรถ EV นะครับ, ผมรู้ว่ายังไง infrastructure ประเทศก็ยังไม่พร้อม, แท่นชาร์จไม่พอเเน่ๆกับประชากรทั้งประเทศ, กำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ MW ก็ยังไม่พอ, ไม่สะดวกใช้เเน่ๆ, เเล้วปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ EV ตอนนี้ คือ น้ำหนัก (Energy Density ของไอ Li-ion นี่เเหละ) รถบรรทุกขนส่งจะหนักขนาดไหน…. รถกระบะจะหนักขนาดไหน…. รถบัสจะหนักขนาดไหน… ตอนนี้ ไม่พร้อมมากๆๆๆๆๆๆ แต่อนาคต ยังไงก็ต้อง EV (ไปฝากความหวังกับโรงไฟฟ้า กับพวก scientist + engineer หานวัตกรรมใหม่ๆ ดีกว่ามาฝากความหวังไว้กับประชากรทุกคนบนโลก ที่ใช้รถ)

***กระทู้นี้ผมเเค่คำนวณเล่นๆเฉยๆ ไม่ได้คิดจะซื้อ หรือเเนะนำให้คนอื่นซื้อ

เหตุผลเรื่อง “Carbon Footprint ของ EV มันก็ไม่ต่างกับ ICE หรอกนะ” <== อันนี้เหตุผลใช้ไม่ได้
แต่เหตุผลอื่นๆ ใช้ได้ 55
ขาดการพูดถึงเรื่องที่แบตเตอรี่ว่ารีไซเคิลไดด้มั้ยนะครับ  ถ้ามันยังเป็นพิษรีไซเคิลอะไรไม่ได้มันแย่กว่าน้ำมันครับ  อีกอย่างการขุดหาแร่ธาติลิเที่ยมก็ไม่ได้เอ่ยถึงเช่นกัน ทำไปทำมารถไฟฟ้าอาจจะเป็นพิษมากกว่าครับ

ออฟไลน์ ThisIsYuTh

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 283
Re: คิดค่าไฟที่ต้องใช้ใน EV vs. ค่าน้ำมัน ICE เล่นๆครับ
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2021, 15:52:18 »

เรื่อง Carbon Footprint เขาคำนวณกันมาเยอะเเล้วครับ ไปหาดูได้ครับ
อันนี้คลิป สรุปสั้นๆ ถ้าขี้เกียจไปหา paper อ่าน (แต่คลิปนี้เขาเอา Tesla มาคำนวณ ซึ่งมันเป็นรถ Luxury มันใช้ทรัพยากรในการผลิตสูงมากอยู่เเล้ว ถ้าเอารถ EV บ้านๆ B-Segment ก็พอ ตัวเลขจะออกมาดีกว่านี้อีก) :

ยังไง EV มี Carbon Footprint ก็น้อยกว่ามากๆๆ เเล้วอีกอย่าง ไปฝากไอเสียไปไว้ที่ โรงไฟฟ้ายังไงก็ดีกว่า…
1.) โรงไฟฟ้า Thermal Efficiency สูงมากๆๆๆๆๆๆๆๆ สูงกว่าสุดๆ (ไม่ต้อง Combined Cycle, แค่ Gas Turbine เปล่าๆ ก็สูงกว่ารถยนต์เครื่อง ICE 2-3 เท่าเเล้ว) ไม่รวมปัจจัยอื่นๆเช่น ไม่มีเผาน้ำมันทิ้งเล่นๆทิ้งตอน idle รถติด หรือตอนลากรอบเครื่องยนต์ในการใช้งานปกติ
2.) การควบคุมมลพิษ strict กว่ามาก , โดนกฎหมายคุมเคร่งกว่ามาก, และถูกควบคุมโดย Operator รฟฟ. (ไม่เหมือนชาวบ้าน เดี๋ยวก็ถอด Cat, เดี๋ยวก็อุด EGR, เดี๋ยวก็ควันดำ, เดี๋ยวก็ kick down, เดี๋ยวก็ลากรอบ โดยไม่จำเป็น)
3.) เมื่อมี technology ใหม่ๆ เช่น Molten Salt Nuclear, Solar, Wind, Hydro, Fuel Cell หรือเป็นเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่ตอนนี้เรายังไม่ค้นพบ, etc. ก็จะได้เปลี่ยนที่โรงไฟฟ้าเลย ง่ายๆ ไม่ใช่ต้องมาเปลี่ยนให้รถทุกคัน, ให้รถทุกคันเป็น EV หมด เเล้วไปพัฒนาโรงไฟฟ้าเเทน

***ไม่ได้เชียร์ให้ซื้อรถ EV นะครับ, ผมรู้ว่ายังไง infrastructure ประเทศก็ยังไม่พร้อม, แท่นชาร์จไม่พอเเน่ๆกับประชากรทั้งประเทศ, กำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ MW ก็ยังไม่พอ, ไม่สะดวกใช้เเน่ๆ, เเล้วปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ EV ตอนนี้ คือ น้ำหนัก (Energy Density ของไอ Li-ion นี่เเหละ) รถบรรทุกขนส่งจะหนักขนาดไหน…. รถกระบะจะหนักขนาดไหน…. รถบัสจะหนักขนาดไหน… ตอนนี้ ไม่พร้อมมากๆๆๆๆๆๆ แต่อนาคต ยังไงก็ต้อง EV (ไปฝากความหวังกับโรงไฟฟ้า กับพวก scientist + engineer หานวัตกรรมใหม่ๆ ดีกว่ามาฝากความหวังไว้กับประชากรทุกคนบนโลก ที่ใช้รถ)

***กระทู้นี้ผมเเค่คำนวณเล่นๆเฉยๆ ไม่ได้คิดจะซื้อ หรือเเนะนำให้คนอื่นซื้อ

เหตุผลเรื่อง “Carbon Footprint ของ EV มันก็ไม่ต่างกับ ICE หรอกนะ” <== อันนี้เหตุผลใช้ไม่ได้
แต่เหตุผลอื่นๆ ใช้ได้ 55

ผมมองอีกแบบเลยนะว่า Tesla น่ะ ผลิตโดยมาตรฐานที่สูงเช่น ในสหรัฐอเมริกา หรือเยอรมัน ซึ่งน่าจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของรอ EV ส่วนใหญ่

อีกประเด็นคือความสะอาดของไฟฟ้าในประเทศที่ใช้งานก็ส่งผลเหมือนกัน ขนาดของอเมริกาในแต่ละรัฐยังต่างกันเลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 24, 2021, 15:56:11 โดย ThisIsYuTh »
2020 - Mazda CX-5 2.5T (KF)
2016 - Subaru XV (GP)
2013 - Mitsubishi Pajero Sport (KG)
2010 - Honda Civic (FD)
2006 - BMW 3 Series (E36)

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,839
Re: คิดค่าไฟที่ต้องใช้ใน EV vs. ค่าน้ำมัน ICE เล่นๆครับ
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2021, 16:00:34 »
ถ้าตราบใดที่ยังใช้ แบตเตอรี่ลิเธียม

มันก็คือกานแปรสิ่งสกปรกอย่างหนึ่งไปสู่อีกอย่าง

ถ้าบอกว่า pm2.5 ที่เกิดในบ้านเรา ผลพวงมาจากการขุดแร่ลิเธี่ยมล่ะ???

ไว้รอมนุษยชาติ​ได้พลังงานที่ไม่ต้องทำลาย หรือเพิ่มมลพิษให้แก่โลกก่อนแล้วค่อยเคลมก็ได้หรือเปล่า


ออฟไลน์ LapisLazuli

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 285
    • อีเมล์
Re: คิดค่าไฟที่ต้องใช้ใน EV vs. ค่าน้ำมัน ICE เล่นๆครับ
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2021, 19:34:36 »
ถ้าตราบใดที่ยังใช้ แบตเตอรี่ลิเธียม

มันก็คือกานแปรสิ่งสกปรกอย่างหนึ่งไปสู่อีกอย่าง

ถ้าบอกว่า pm2.5 ที่เกิดในบ้านเรา ผลพวงมาจากการขุดแร่ลิเธี่ยมล่ะ???

ไว้รอมนุษยชาติ​ได้พลังงานที่ไม่ต้องทำลาย หรือเพิ่มมลพิษให้แก่โลกก่อนแล้วค่อยเคลมก็ได้หรือเปล่า

เมื่อมนุษย์ได้เทคโนโลยีแบตเตอรี่เก็บพลังงานที่สะอาดจริง ไม่มีมลพิษ และมี Energy Density ที่สูงๆ ไม่ห่วยเหมือน Li-ion Battery => ยังไง, EV ก็มีประโยชน์กว่า เพราะ มันเปลี่ยนได้เลย ใช้งานต่อได้ หรือเซ็ตช่วงล่างใหม่เฉยๆก็พอ

จุดประสงค์หลักๆ จริงๆ เลยครับ คือ การ “ฝากความหวังไว้กับ scientist, engineer, รัฐบาล, และเจ้าของโรงไฟฟ้า *** ไม่ใช่มาฝากความหวังไว้กับคนธรรมดาๆที่ใช้รถทั้งโลก ที่เราควบคุมคนทั้งโลกไม่ได้ หรือคุมได้ยากกว่า”

แต่ที่ผมเดากับอนาคตของเทคโนโลยีพลังงานนะครับ เรียงเป็น timeline:

1.) เราจะเปลี่ยนมาใช้ Li-ion EV กัน ค่อยๆเปลี่ยนทีละนิด
2.) เราจะใช้พลังงานจากโรงไฟฟ้า Combined Cycle, Nuclear เป็นหลัก
3.) เราจะเพิ่มอัตรส่วน Alternative Energy เช่น Solar, Wind, Hydro, Geo, etc.
4.) เราจะใช้ Molten Salt Nuclear ได้อย่างมั่นใจ
5.) เราจะค้นพบ Technology พลังงานใหม่ๆ สะอาดๆ ได้ MW เยอะ โดนไม่กินพื้นที่เยอะ เหมือนในหนัง sci-fi แล้วใช้มันใน “โรงไฟฟ้า”
6.) เราจะค้นพบ Battery หรือ Energy Storage รูปแบบอื่นๆ ที่สะอาด และมี Energy Density สูง และเราจะใช้มันใน EV ในอนาคต

ถ้าเรามองอนาคตไกลๆๆๆๆๆ 200-300 ปีจริงๆ จะเห็นว่า …. ยังไง ICE ก็ไม่ work ต้องมาเปลี่ยนเป็น EV และไปพัฒนา tech อื่นๆต่อไป ไม่ใช่มามองเเค่ “Carbon Footpint ของ EV มันก็ไม่ต่างกับของ ICE หรอกนะ มีเรื่อง Li-ion Battery ด้วยนะ”

นอกจาก…. จะไม่ใช่รูปแบบของไฟฟ้าเลย ซึ่งอันนี้ก็เรื่องใหญ่ละ โรงไฟฟ้าทุกโรงงานเข้าเลย มนุษย์ชาติก็งานเข้า เปลี่ยนยัน MCB บ้าน ยันหม้อแปลงหน้าบ้าน ยัน substation ต่างๆครับ 55
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 24, 2021, 19:40:12 โดย LapisLazuli »

ออฟไลน์ V221

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,810
Re: คิดค่าไฟที่ต้องใช้ใน EV vs. ค่าน้ำมัน ICE เล่นๆครับ
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: ตุลาคม 25, 2021, 22:57:08 »
น้ำมันไม่ได้เป็นมลพิษแค่ที่ใช้รถเท่านั้น มลพิษมีตั้งแต่ขุดขึ้นมาก็ทำให้สารพิษออกมาด้วย โรงกลั่นก็มลพิษเยอะแยะแถมเวลากลั่น ไม่ได้กลั่นแต่เบนซินออกมาอย่างเดียว ต้องได้น้ำมันเตามาด้วย น้ำมันเตานี่สกปรกมากเลยล่ะขอบอก หนำซ้ำเวลาขนส่งก็ต้องเอารถบรรทุกขนไปตามสถานีอีก ถ้ารวมๆกัน มันเยอะครับสำหรับมลพิษที่เกิดขึ้น
BMW 750E M SPORT