เหมาะสำหรับคนที่
1. งบน้อย แต่มั่นใจว่าก้าวหน้า ซื้อก่อนเจ็บก่อน
2. เปลี่ยนรถบ่อย
3. รถบริษัทมั้ง
การจัด freedom choice = บอลลูน เอาไปหัก คชจ บ. ได้ 36k ต่อเดือน แต่เอาจิงๆถ้าจัดนิติบุคคล financial lease หรือทำ leasing จะคุ้มกว่า ดอก efr คิดมาแล้วถูกกว่าส่วนใหญ่ แบบบอลลูนถ้าเอาไปกระจายลงตารางมันจะได้ประมาณ 6% กว่าๆ อะครับ ถ้า
gimmick balloon นี่คือ ดาวแบบปกติ 20-30% โดยเค้าจะกั้นก้อน balloon เอาไว้งวดสุดท้าย ราคาประมาณ 40-50% ของตัวรถ ซึ่งอยู่กับรถเองว่าเป็น marketable car แค่ไหนรุ่น indyๆ หน่อย เช่น 2series หรือรถนำเข้า บอลลูนก็จะน้อยเพราะเสี่ยงต่อราคาอนาคต ทีนี้หัก ต้น หัก ปลายออก ประมาณ 60% ก็จะเอายอดมาจัดอีก 48-60งวด ดอกก็จะแรงหน่อย แต่ยอดผ่อนก็จะจิ๋วหลิว เหมือนที่ ใบราคาคำนวนมาส่วนใหญ่ก็จะอยู่ประมาณ 1% ของราคารถ
ถ้าซื้อราคารวมๆเลยแพงกว่า hire purchase เยอะอยู่ครับ แต่อยู่ที่การบริหารเงินมากกว่า บางคนบอกว่าเอาเงินไปเล่น crypto หุ้นปั่น return เยอะกว่าตั้งเยอะ ดอกเบี้ยอะสิวๆ ก็มี
ส่วนตัวผมเปลี่ยนรถทุกๆ 4ปี ผมก็ใช้วิธีนี้แหละครับ พอครบสัญญาผมก็คืนรถไปจะมีส่วนต่างมา 2-3แสน ก็เติมเงินไปจัดคันใหม่ต่อครับ เหมือนเช่ารถแบบเป็นเจ้าของ เพราะถ้าเช่าเลยจะเป็นแบบ leasing ที่ทำสัญญามาเลยรวม maintenance ประกัน บลาๆๆ เดือนละ xx,xxx บาท ครบสัญญา ตีราคาซากอีกที ซึ่งอยู่ที่สภาพการใช้งาน อันนี้ส่วนใหญ่บริษัทจะใช้ครับ เพราะราคาต่อเดือน quote รวมทุกอย่างก็จะแอบสูงนิดนึง แต่กลับกันบริษัทก็จะหักได้เต็มๆ อย่างทำ camry งี้ผ่อนยังไงก็ไม่ถึง 36k หรอก นอกจากทำ leasing
ส่วนทำไมน้องเซลเชียร์จังเลย อันนี้ก็เพราะส่วนต่างดอกเบี้ยนั่นแหละครับ เหมือนฟิลให้เรากู้เงินอนาคตมาใช้ เค้าก็จะได้กำไรจากดอกเบี้ยที่ปล่อยกู้เราในรูปแบบเงินที่กันไว้ตรงบอลลูน
ทำแบบนี้เค้าก็จะได้เงินอัดฉีดเยอะขึ้น ซึ่งทำ FL, leasing ก็เงินอัดฉีดเยอะกว่า HP ปกติเหมือนกันแหละ แต่อยู่ที่เราต่อรอง บางคันที่ผมจดนิติบุคคล จะทำยอดผ่อนพอดีๆ ก็ดาวน้อยๆ ละเอาส่วนลดไป ลดดอกได้ 1-2% อยู่
คุ้มแต่ละคนไม่เหมือนกันด้วยสิ แต่คนชอบเอาเงินอนาคตมาใช้แบบผมมองว่าคุ้มครับ วันนึงเกิดล้มละลาย ก็คืนรถไป เท่ากับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่ารถ ถ้าการงานก้าวหน้าในอีก 5 ปีข้างหน้าก็จ่ายปิดๆไป ดอกเบี้ยก็ถือเป็นการซื้อเวลาให้ ชูคอขับรถยุโรปได้ แต่บางคนเค้ามองว่าส่วนต่างดอกเบี้ย 4-5แสน เฉลี่ยปีละแสนงี้มันใช่หรอที่จะต้องเสียให้รถ พวกวัตถุนิยมชัดๆ
สรุป แบบบุคคลผ่อนไหวผ่อน HP เถอะครับคุ้มกว่า ประกันปีที่ 2,3 มันไม่แพงเหมือนปีแรก แล้วก็เราเลือกประกันที่ถูกที่สุด ณ เวลานั้นได้ ปีแรก 50k ปีต่อมา 33k ปีต่อไป 26k อะไรแบบนี้ครับ แต่ถ้าคิดว่าเอาเงินสดที่ไม่ไปจมกับเงินดาวน์หรือค่างวดไปหมุนแล้วมี return มากกว่า บอลลูนก็ดีนะ ส่วนแบบนิติบุคคลก็คล้ายๆกัน ทำ FL ดีกว่า ส่วนต่างพอๆกับบอลลูนนั่นแหละ ไม่เห็นข้อดีของการทำบอลลูนเลยถ้าบริษัทมั่นคงประมาณนึง แบบยื่นสรรพากรแล้วเค้าไม่งอแงอะหักค่าซากได้อีกล้านนึง