ทำไมการที่เราจะได้รถแรงๆราคาไม่เกิน 2 ล้านมันยากจังเลย

Teera

คนส่วนใหญ่ เค้าไม่ได้คิดแบบนี้ครับ Demand & Supply เค้าไม่เอาใจคนส่วนน้อยครับ



ThisIsYuTh

รถแรงราคามันไม่ได้เพิ่มเพราะแค่เครื่องยนต์น่ะสิครับ ระบช่วงล่างต่างๆ มันก็ต้องอัพไปให้เพียงพอด้วยซึ่งก็กระทบราคา
2025 - Zeekr 7X (AWD)
2020 - Mazda CX-5 2.5T (KF)
2016 - Subaru XV (GP)
2013 - Mitsubishi Pajero Sport (KG)
2010 - Honda Civic (FD)
2006 - BMW 3 Series (E36)



zionzz

อยากหวังรถแรงคงต้องไปหวังกับรถไฟฟ้าแล้วล่ะครับ อีก10ปีมั้ง

นโยบายมันเทไปทางนั้นหมด ไม่มีที่ยืนให้เครื่องสันดาปแรงๆอีกแล้ว



belkw202

เคยเห็น comment ทำนองเชียร์ d max 1.9 เพราะจ่ายภาษีรายปีถูกกว่าไม่กี่พันและราคาขายถูกกว่าไม่กี่หมื่นจากตัว 3.0 ไหมครับ ผมนี่อย่างงงว่าส่วนต่างแค่นั้นแลกกับเครื่อง 3.0 นี่โคตรจะคุ้ม
แต่นี่คือตลาดครับ เขาต้องทำรถเพื่อขายคนหมู่มาก และตลาดประเทศไทยทุกวันนี้ก็เห็นแล้วว่ารถแรง/เครื่องใหญ่เราคือชนกลุ่มน้อยครับ
Tesla Model 3 Highland LR
G08 iX3 M Sport
Cx5 2.5s
Mazda 2 1.3 S
w202 c36 AMG
w212 e63 AMG
w204 c250 AMG Sport Plus
w207 e350 4matic
e90 325i



wesborland

สำหรับผม Hondaแก๊งค์ K24 170ม้า ทั้งAccord,CRVที่ผมใช้อยู่ ก็แรงจนหงานท้องแล้วครับ  ;D
ได้ลองเหยียบ fortuner 2.8 ก็รู้สึกว่าแรงจนตกใจเหมือนกัน


สรุปคือรสนิยมเราไม่เหมือนกัน ซึ่งก็สะท้อนในตลาด ว่าเอารถแรงเครื่องเทพมาลง แต่ราคากับภาษีไปไกล ยอดขายอาจจะสนุกแค่คนในกลุ่มเล่นรถ สุดท้ายก็ออกรุ่น mid power(เครื่องต่ำกว่า 2.0L , 150-200ม้า) ออกมารับตลาด แล้วก็เลิกขายตัวเทพไปใน1ปี



IS2000

เพราะคนส่วนมากในไทยไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องความแรงครับ บวกจุดขายรถก็ไม่ได้เน้นแรงอยู่แล้วเน้นดูหรูหราคุ้มราคาที่ต้องจ่าย ตอนผมอยู่อเมริการถยนต์ราคาไม่แพงคนระดับที่ชอบรถสมรรถนะสูงแต่งบจำกัดแบบคนเพิ่งจบมหาลัยก็มีตัวเลือกรถแรงๆเยอะครับเพราะเค้าสามารถซื้อได้ ยอดขายจึงเยอะมีตัวเลือกเยอะด้วย ถ้าในไทยก็เป็นกลุ่มที่เพิ่งจะซื้อรถรุ่นเล็กๆได้หรือไปเล่นมือสองครับ

ปล. นอกเรื่องนิดหน่อยแต่ในอเมริกาถึงรถระดับ 3-400 แรงม้าจะเยอะแต่กดได้จริงๆ 200 ก็ต้องปล่อยแล้ว ระแวงตลอดว่าจะโดนตำรวจจับไหม ในไทยนี่ใช้แรงม้าทางตรงคุ้มกว่าเยอะครับถึงหลายคนจะบอกว่ามีแรงม้าเยอะๆเอาไปวิ่งที่ไหน
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R



AgentMolder

ก็เป็ฯไปตาม Demand SUpply การค้าขาย ก็ต้องคำนวนต้นทุนกำไร เขาขายของไม่ใช่ขายเอามันส์

ตลาดรถบ้านเรามันเล็กนิดเดียว บางรุ่น ยางยี่ห้อขายได้หลักร้อยต่อเดือน เอาที่ขายดีๆเช่น FTN ก็หลักพันต่อเดือน คือมันเล็กมากครับ เล็กมากๆๆๆ ถ้ามองเศรษฐกิจระดับมหภาค การลงทุนขึ้นไลน์ผลิตแต่ละแบบ ยังไงก็ไม่คุ้มทุน ในไทย V6 V8 มันขายได้หลักสิบล่ะมั๊ง ใครจะขายล่ะครับ เมืองนอกก้ไม่ได้ขายได้เยอะนะครับ ถ้าคิดเป็น % ก็ยังถือว่าน้อย เพียงแต่คนเขาเยอะกว่าเรามาก ประชากรเมกา 400 ล้านคน กำลังซื้อเขาก็มากกว่าเรา รถบ้านเขาก็ถูก ซื้อง่าย ขายง่าย

ไม่ใช่อะไร ผมเองก็เบื่อเหมือนคุณเนี่ยแหล่ะ ไม่ต้องรถแรง เครื่องใหญ่หรอก รถทั่วๆไปเนี่ยแหล่ะ บ้านเราประกอบเอง CKD แท้ๆ ยังขายแพงกว่าที่ส่งออกเลย
2005 Toyota Vios 1st Gen
2012 Honda Civic FD
2018 Toyota Camry ACV70
2023 Toyota Yaris Cross
2024 Porsche 718 Cayman Style Edition
2025 MB E-Class E220d W214



delete

แย่าลืมว่ารัฐบาลตอนนี้กำลังเคาะภาษีสรรพสามิตรถยนต์กันใหม่ จัดระเบียบเรทกันใหม่ ฟอร์ดอาจจะรอตรงนี้อยู่ก็ได้เลยยังไม่เปิดตัวเปิดราคาอย่างเป็นทางการเสียที



DiKiBoyZ

ผมว่าคุณคิดมุมเดียว คือ มุมคนอยากได้ แต่ในมุมกลับกัน

ภาษี คิดตาม CC

ภาษี คิดตาม CO2

ต้นทุน เครื่องยนต์ V6 ที่แพงกว่า L4

อัตราการกินน้ำมัน

พอรวมๆ แล้ว ราคามันกระโดด เช่น Ranger V6 มาสักราคา 1.6 ล้าน งี้ มีคนซื้อกี่คนครับ ผู้ผลิตเขาก็ประเมินตลาดนี้อยู่แล้ว

แล้ว ถ้ามาใส่ Ranger Raptor จากเดิม 2.0Bi ยังล้านหกล้านเจ็ดแล้ว ถ้า Ranger Raptor V6 ไม่ปาไป 2 ล้านกว่าเหรอครับ

ต้องมองตามความเป็นจริงครับ สำหรับผม V6 มันเกินความจำเป็นมาก

คิดภาพสมัย Accord V6 ไว้เลย แบบนั้นเลย

ตลาดมันไม่ได้โต ขนาดที่จะทำให้รถกลุ่มนี้มันราคาไกล้ๆ 2 ล้าน อยู่ได้หรอกนะครับ

ถ้าอยากได้ Spec AUS ก็สั่งนำเข้า ผมว่าเขามีคนพร้อมนำเข้าให้นะครับ ถ้าพร้อมจ่าย

สุดท้าย...ถ้าเป็นผม อยากได้รถแรง แต่อยากได้ Ranger ผมจะยกเครื่องเดิมออก แล้วยกเครื่อง V8 ใส่ด้วยซ้ำ ให้มันแรงปี๊ดๆ กันไปเลย

รถกระบะ ภาษีมันคนละเกณฑ์กับรถเก๋งนะครับ

ภาษีจะเริ่มกระโดด เมื่อเครื่องขนาดเกิน 3250cc
และเรื่องการปล่อย CO2 สำหรับกระบะ 4 ประตู
<=200 เสียภาษีที่ 9-10%
>200 เสียภาษีที่ 12-13%

กระบะแบบอื่นๆ ก็ภาษีต่างกันมากสุดไม่เกิน 3%

เรื่องภาษีไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ จะมีก็เรื่องต้นทุนเครื่องยนต์นี่ล่ะครับ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าต้นทุนเท่าไหร่ เผลอๆตัว Bi Turbo ณ ตอนนี้อาจจะทุนแพงกว่า V6 ก็ได้

กระบะ 4 ประตู จดป้ายดำ ภาษีแบบเดียวกับเก๋งครับ

คิดว่า Ranger Raptor จะเป็น 2 ประตู หัวเดียว หรือ กระบะแค็ป เหรอครับ ก็ไม่ใช่

ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าเขาจะใส่ V6 ใน Ranger ธรรมดามาขายอยู่แล้วนะ ถ้า Ranger Raptor ไม่ได้ V6 ตัวอื่นก็เลิกคิดได้เลย



Newhang

ผมว่าคุณคิดมุมเดียว คือ มุมคนอยากได้ แต่ในมุมกลับกัน

ภาษี คิดตาม CC

ภาษี คิดตาม CO2

ต้นทุน เครื่องยนต์ V6 ที่แพงกว่า L4

อัตราการกินน้ำมัน

พอรวมๆ แล้ว ราคามันกระโดด เช่น Ranger V6 มาสักราคา 1.6 ล้าน งี้ มีคนซื้อกี่คนครับ ผู้ผลิตเขาก็ประเมินตลาดนี้อยู่แล้ว

แล้ว ถ้ามาใส่ Ranger Raptor จากเดิม 2.0Bi ยังล้านหกล้านเจ็ดแล้ว ถ้า Ranger Raptor V6 ไม่ปาไป 2 ล้านกว่าเหรอครับ

ต้องมองตามความเป็นจริงครับ สำหรับผม V6 มันเกินความจำเป็นมาก

คิดภาพสมัย Accord V6 ไว้เลย แบบนั้นเลย

ตลาดมันไม่ได้โต ขนาดที่จะทำให้รถกลุ่มนี้มันราคาไกล้ๆ 2 ล้าน อยู่ได้หรอกนะครับ

ถ้าอยากได้ Spec AUS ก็สั่งนำเข้า ผมว่าเขามีคนพร้อมนำเข้าให้นะครับ ถ้าพร้อมจ่าย

สุดท้าย...ถ้าเป็นผม อยากได้รถแรง แต่อยากได้ Ranger ผมจะยกเครื่องเดิมออก แล้วยกเครื่อง V8 ใส่ด้วยซ้ำ ให้มันแรงปี๊ดๆ กันไปเลย

รถกระบะ ภาษีมันคนละเกณฑ์กับรถเก๋งนะครับ

ภาษีจะเริ่มกระโดด เมื่อเครื่องขนาดเกิน 3250cc
และเรื่องการปล่อย CO2 สำหรับกระบะ 4 ประตู
<=200 เสียภาษีที่ 9-10%
>200 เสียภาษีที่ 12-13%

กระบะแบบอื่นๆ ก็ภาษีต่างกันมากสุดไม่เกิน 3%

เรื่องภาษีไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ จะมีก็เรื่องต้นทุนเครื่องยนต์นี่ล่ะครับ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าต้นทุนเท่าไหร่ เผลอๆตัว Bi Turbo ณ ตอนนี้อาจจะทุนแพงกว่า V6 ก็ได้

กระบะ 4 ประตู จดป้ายดำ ภาษีแบบเดียวกับเก๋งครับ

คิดว่า Ranger Raptor จะเป็น 2 ประตู หัวเดียว หรือ กระบะแค็ป เหรอครับ ก็ไม่ใช่

ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าเขาจะใส่ V6 ใน Ranger ธรรมดามาขายอยู่แล้วนะ ถ้า Ranger Raptor ไม่ได้ V6 ตัวอื่นก็เลิกคิดได้เลย
ภาษีรถ ไม่ใช่ภาษีประจำปีครับ



Highway Star

เคยเห็น comment ทำนองเชียร์ d max 1.9 เพราะจ่ายภาษีรายปีถูกกว่าไม่กี่พันและราคาขายถูกกว่าไม่กี่หมื่นจากตัว 3.0 ไหมครับ ผมนี่อย่างงงว่าส่วนต่างแค่นั้นแลกกับเครื่อง 3.0 นี่โคตรจะคุ้ม
แต่นี่คือตลาดครับ เขาต้องทำรถเพื่อขายคนหมู่มาก และตลาดประเทศไทยทุกวันนี้ก็เห็นแล้วว่ารถแรง/เครื่องใหญ่เราคือชนกลุ่มน้อยครับ


+1 ใช่ครับ แรงม้าแรงบิด3.0ดีกว่าเยอะอัตราสิ้นเปลืองแทบไม่หนีกัน ดีกว่าเอา1.9ไปแต่งต่อประกันศูนย์ไม่ขาดเครื่องเดินนิ่มควันไม่ดำเหนียวกว่ากันเยอะ ภาษีรายปีอาจจะต่างบ้างแต่โดยรวมก็ยังคุ้มในรุ่นที่ต่างกันไม่กี่หมื่น



siamskunk

ผมว่ามันคือกลไกตลาดแค่นั้นเอง ขายเฉพาะสิ่งที่คนส่วนใหญ่สนใจลดความเสี่ยงในธุรกิจ

ถ้าเครื่องใหญ่ขายได้ทำกำไรได้ ทำไมไม่มีใครกล้าเปิด ?
สมมติถ้าโตโยต้าเปิดก่อนด้วยกระบะเครื่อง 4.0L แล้วพอขายได้ ค่ายอื่นมีหรือจะไม่ทำขายตาม ?

ผมก็หัวอกเดียวกับ จขกท แหละครับ อยากเห็นเครื่องแรงๆ มาอยู่ในรถที่ทำตลาดไทยบ้าง