User’s Review Yokohama ES 501 VS Bridgestone GR-80
ถ้าพูดถึงยาง comfort ระดับสูงกันเเล้ว มักจะมีรายชื่อ ยางสองชื่อนี้ ติดโผอยู่เสมอ เรามาดูกันว่า เเต่ละฝ่าย มีดีมีเสียอย่างไรนะครับ
เริ่มจากยางเจ้าถิ่น GR-80 อายุอานามค่อนข้างมาก เพิ่งตกรุ่นไป จนออก GR-90 มาเเทน
ข้อดีของยี่ห้อนี้ รู้ๆกันอยู่ คือความทนทาน ผมใช้ไป 50,000 โล 4ปี จนดอกยางจะถึงสะพานยางเเล้ว
ยางก็ยังไม่เเข็งชนิดที่เอาเล็บจิกเเก้มยางไม่ลง การเก็บเสียง เเละความนุ่มนวลนั้น เป็นรอง ES501 อยู่นิดหน่อย
เเก้มยางเเข็งกว่า ES501 ซึ่งทําให้เป็นรองด้านความนุ่มนวลเล็กน้อย เเต่กลับเป็นจุดเด่นของ GR-80 เมื่อเทียบกับ ES501 นั่นคือการบังคับควบคุม ในโค้ง
ES501 ด้วยความที่เเก้มยางนิ่ม (จนอาจจะย้วย) ทําให้เวลาหักพวงมาลัยในโค้ง เเก้มยางจะมีการบิดตัวค่อนข้างมาก ส่งผลให้ อาการของรถ เเละนํ้าหนักของพวงมาลัย จะไม่ตอบสนองเป็นเส้นตรง การสื่อสาร ระหว่าง คนขับ พวงมาลัย เเละรถจะน้อยลง
ยกตัวอย่างเช่น หักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวในโค้ง ด้วยความเร็วปานกลาง รถจะไม่เลี้ยวไปในทันที เเก้มยางจะเกิดการบิดตัวก่อน เเล้วตัวรถค่อยหักเลี้ยวตาม อาการย้วยในโค้งก็จะปรากฏให้รู้สึก
พวงมาลัยของรถ ที่เคยตอบสนองค่อนข้างเป็นเส้นตรง ก็จะ มีอาการดีเลย์ สื่อสารไม่ชัดเจน
ลองนึกภาพ เวลาคุณขับอยู่บนทางด่วนเลนขวา ที่ความเร็ว 120 km/hr เเล้วพบกับโค้ง คุณจะต้องประคองรถให้อยู่ในโค้ง โดยไม่ไปเสยรถเลนกลางที่ขับ 80 km/hr เเละต้องไม่ไปเบียดขอบปูนทางด่วนที่เลนขวา การควบคุมES501 จะกระตุกต่อมเสียวของคุณได้ จากfeedback ของยางที่ส่งต่อมาถึงพวงมาลัยที่คลุมเครือกว่า การควบคุมองศาของพวงมาลัยให้ตัวรถเลี้ยวเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงนั้นให้ความรู้สึกเเบบพวงมาลัยปีโป้ เยลลี่ ซึ่งในจุดนี้ GR-80 ด้วยเเก้มยางที่เเข็งกว่าทําให้ การสื่อสารในโค้ง ของยางกับพวงมาลัย เเละตัวรถ
ทําได้ชัดเชนกว่า ความรู้สึกของพวงมาลัย เป็นเส้นตรงมากกว่า ES 501 พอควร
สรุป
ถ้าคุณเป็นคน ชอบความนุ่มนวล เงียบ อย่างที่สุด ใช้รถน้อย หรือ ไม่เเคร์ค่ายางที่ต้องเปลี่ยนเร็วกว่า
ไม่สนใจความรู้สึกของตัวรถ เเละพวงมาลัยในโค้ง เพราะขับเเบบ Comfort นี่นา หรือมีคนขับให้ อั๊วนั่งเบาะหลังอยู่เเล้ว
เลือก ES 501
เเต่ถ้าคุณ ยอมรับ กับความนุ่มนวล การเก็บเสียงที่ ด้อยกว่าเล็กน้อย เเต่เเลกมาด้วย สมรรถนะในโค้งที่ดีกว่า ความรู้สึกในการบังคับควบคุมพวงมาลัย เเละตัวรถในโค้ง ชัดเจนกว่า สนใจเรื่อง ความทนถึกของยาง ประหยัดค่ายางมากกว่า ในกรณีต้องขับรถมากๆ
เลือก GR-80
ส่วน GR-90 ที่เพิ่งออกมาใหม่นั้น ผมยังไม่มีโอกาสได้ลอง เเต่อารมณ์ของยาง น่าจะมาเทรนเดียวกับ GR-80 เเต่ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เเละเเก้มยาง ก็น่าจะคงความเเข็งกว่าคู่เเข่งอยู่ ตามเทรนของBridgestone
ไว้จะมาเล่าให้ฟังในโอกาสหน้าครับ
เรื่องนี้สอนให้ผมรู้ว่า ยางชุดนึง สามารถเปรียบได้กับ โช้คอัพ ชุดนึงของรถเลยทีเดียว
” ยางเปลี่ยน อารมณ์ของรถก็เปลี่ยน”
เราสามารถเข้าใจบุคคลิคของรถคันนึงผิดไป จากยางที่ใส่อยู่ได้เลย คุณอาจจะต้อง เเยกตัวรถ ออกจากยางที่ใส่ หรือ ทําความเข้าใจ เรียนรู้ยางที่ใส่อยู่ เพื่อเข้าใจรถคันนึง อย่างที่รถคันนั้นเป็น
ตัวผม ซึ่งเป็นคนขับรถค่อนข้างเร็ว มีความสุขกับการยัดคันเร่ง เเละการเข้าโค้ง ต้องรีบขายยาง ES501
ที่เพิ่งไปเปลี่ยนมากับMazda3โดยยอมขาดทุนกว่า 10,000 บาท เพื่อเปลี่ยนเอา Adrenalin Re001 มาใส่เเทน
(ด้วยความที่ใจร้อน เเละ โดนคนขายหลอก T-T)
หมายเหตุ รถเเละยางที่ได้ทําการทดสอบ
Mercedes E-class W211 (ขอบ16”) ยางเดิมEnergy ยางใหม่ES501
Mercedes E-class W210 (ขอบ15”) GR-80
Toyota Wish (ขอบ17”) ยางเดิม Bridgestone ER-30 เปลี่ยนเป็นAdrenalin Re001 เปลี่ยนเป็น Es501
Toyota Camry ไฟท้ายยาว (ขอบ15”) GR-80
Mazda 3 (ขอบ17”) ยางเดิมBridgestone RE050 เปลี่ยนเป็น ES 501 เปลี่ยนเป็น Adrenalin Re001